Blu C อยากจะบอกว่า การดูดวง การบูชาเทพไม่ใช่เรื่องงมงาย รวมถึงเรื่องอื่นๆที่อยากจะบอกกับทุกๆท่าน

กระทู้นี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

สวัสดีครับ ผมเป็นหมอดูไพ่สายพลังที่หลายๆท่านคงรู้จักกันดี แต่ช่วงนี้ไม่ได้มาตั้งกระทู้ดูดวงให้กับใครเท่าไหร่(มีติดตามเข้ามาห้องพรหมชาติอยู่เรื่อยๆ) เพราะว่าติดงาน ช่วงนี้งานเยอะ เหนื่อยครับ เห็นช่วงหลังๆในห้องนี้มีหมอดูหลายๆท่านเลยที่มาตั้งกระทู้ดูดวงฟรีกันเยอะ รวมถึงมีอีกหลายกระทู้ที่มักจะบอกว่า การดูดวงงมงายบ้าง ไม่ดีบ้าง มีเพจต่อต้านสิ่งงมงายมาพูดบ้าง วันนี้ก็เลยอยากจะออกมาพูดสักหน่อย(จริงๆไม่อยากจะพูดเรื่องนี้สักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะว่าถ้าพูดไปก็กลัวกระทบกับหมอดูท่านอื่นๆ ใครไม่พอผมก็ขออภัยด้วยนะครับ)

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบในศาสตร์ของไพ่ต่างๆ รวมถึงแพนดูลัม ช่วงแรกที่ผมเล่นไพ่ ผมมักจะใช้มันในเรื่องของพยากรณ์ แต่แล้วผมค้นพบว่ามันไม่ใช่แนวทางของผม เลยหยุดเล่นไปยาว และช่วงที่หยุดยาวนี้ผมได้ศึกษาวิทยาศาสตร์ทางจิตอย่าง NLP หนังสือเข็มทิศชีวิต พลังจักรวาล ลมปราณ จักระ รวมถึงอาจารย์ที่ประสบความสำเร็จทางโลกแล้วนำไพ่มาช่วยคนตามแนวทางที่เค้าเจอโดยไม่เน้นการพยากรณ์ จากนั้นจึงได้หันกลับมาเล่นไพ่ใหม่จากประสบการณ์ทางโลกและทางธรรมที่ผมได้เจอ ได้ฝ่าฟันมา ค้นพบว่า การเล่นไพ่นั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ไพ่จะรับใช้ตามพลังความคิด ความเชื่อ และความศรัทธาจากเจ้าของ โดยเจ้าของเป็นคนยังไง ไพ่จะรับใช้ตามนั้น

สำหรับผมแล้ว ผมเป็นคนที่เชื่อว่ากรรมไม่ได้กำหนด จักรวาลไม่ได้กำหนดเรา มีแต่เราต่างหากที่จะควบคุมและกำหนดมันว่าจะไปในทิศทางไหน ผมเชื่อว่าสิ่งสะท้อนภายใจ เป็นตัวกำหนดต่อโลกภายนอกที่เรามอง ไพ่จึงรับใช้และศรัทธาผมในด้านนี้ รวมถึงการดูดวงของผมจะเน้นสภาวะจิตใจเป็นหลัก(รวมถึงจากที่ผมได้เจอมาและปฏิบัติมามากมาย) ไม่ได้เน้นดูดวงในหลักพยากรณ์มากนัก สาเหตุเพราะในอดีตผมประสบกับอุปสรรคปัญหามากมาย เจ็บป่วยบ่อย ไปดูดวงมาหลายที่ สะเดาะเคราะห์ ทำบุญ ปล่อยปลา ก็แก้ไม่หาย(เป็นหนักกว่าเดิม) สุดท้ายได้มาเจอกับอาจารย์ที่เก่งวิชาจักรวาล ได้ฝึกลมปราณ ศึกษาวิทยาศาสตร์ทางจิต ทำให้เลิกเชื่อว่ากรรมกำหนด เลิกปฏิบัติธรรมแบบนั่งสมาธิภาวนาพุทโธ เพราะมันใช้ไม่ได้ผลสำหรับผม การฝึกแบบนี้เป็นการกดอารมณ์ตัวเอง เมื่อไปถึงจุดหนึ่งที่มันไม่ไหว มันจะระเบิดออกมา รวมถึงเป็นพลังงานไม่ดี ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะอาการข้อเท้าอักเสบข้างซ้ายของผมที่ชอบปวดอยู่บ่อยๆ แล้วหันมาฝึกสมาธิแบบเคลื่อนไหวมากขึ้นแทนนั่งสมาธิภาวนา ฝึกลมปราณ ทำให้อาการป่วยต่างๆดีขึ้น ภาวะอารมณ์ดีขึ้น ควมคุมอารมณ์ได้ดี มีสติรู้ตัวตลอดเวลา ย้ำคิดย้ำทำน้อยลง ผมเห็นว่าสิ่งเหล่านี้มันดีสำหรับผม ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งดวงแบบเมื่อก่อน ทำให้ผมอยากกลับมาเป็นหมอดูอีกครั้ง แต่เป็นหมอดูในรูปแบบของการปฏิวัติกรรมและนำความรู้ที่ผมมีมาใช้ในการช่วยคนมอบสิ่งดีๆให้คนอื่นๆต่อไป และที่ผมไม่อยากดูดวงเน้นพยากรณ์(อยากให้คนที่เคยมาดูฟรีกับผมได้เข้าใจหน่อย) เพราะการพยากรณ์เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ เราไม่สามารถใช้ความคิดหรืออารมณ์ในระดับเดียวกันแก้ปัญหาได้ รวมถึงหมอดูแข่งแม่นในนี้และในประเทศไทยนี้มีเยอะแยะมากมายเลย รวมถึงผมมองว่าหมอดูพยากรณ์ไม่ใช่ผู้ช่วยเหลือคน แต่เป็นผู้พิพากษามากกว่า(ขอโทษด้วยนะครับที่อาจจะใช้คำตรงๆไปหน่อย) เพราะฉะนั้นผมอยากเป็นหมอดูที่มีสไตล์การดูดวงเป็นของตนเอง อยากเป็นตัวของตัวเองมากกว่า อยากเป็นคนที่ชี้แนวทางในมุมมองกว้างๆให้คนๆนั้นได้เห็นว่าเพราะอะไร ถึงไม่ดี และสุดท้ายแล้วตัวคุณที่เป็นคนกำหนดดวง ไม่ใช่ใคร ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆคนก็ทำได้ ถ้าคุณมีพรสวรรค์หรือความสามารถเฉพาะของคุณ คุณก็สามารถที่จะถ่ายทอดเรื่องราวดีๆบนไพ่ให้คนอื่นได้ฟังและเป็นแนวทางกับคนนั้นได้

ถามว่าเวลาผมทุกข์ ผมอยากรู้อนาคตไหม อยากจะรู้ว่ามันจะผ่านไปเมื่อไหร่ ผมตอบได้เลยว่าผมอยากรู้ แต่พอรู้ไปก็ยิ่งทำให้สงสัย ยิ่งอยากรู้ ยิ่งเครียดเข้าไปอีก พอยิ่งเครียดก็กลายเป็นยิ่งไล่ล่าตามหาหมอดูมากขึ้นกว่าเก่าอีก ยิ่งทุกข์อีก แถมเสียเงินเสียทองโดยใช่เหตุ สุดท้ายแล้วพยายามตั้งสติให้มากๆ สู้กับมันไปเลยดีกว่า(สู้อย่างมีสติ) พอสู้กับมันได้ มีสติได้ ระลึกได้ มันจะค่อยๆดับไปเอง ส่วนคนที่ว่าดวงไม่ดี ทุกข์ มันไม่ใช่ดวงหรอกครับ แต่มันมาจากความคิด ความเชื่อ รวมถึงการเลี้ยงดูและสิ่งที่คุณพบเจอมา ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความทุกข์ได้ทั้งนั้น(อย่าเอาเรื่องอดีตชาติมาปนนะครับ อันนี้ผมไม่รู้หรอกว่าผมเคยเกิดเป็นใครมาบ้าง) ก็ต้องมาไล่ดูเลยว่า ถ้ามันแก้ไขที่ความคิด พฤติกรรมเบื้องต้นแล้วแต่มันไม่ดี ก็ต้องลงลึกไปที่ความเชื่อ สิ่งที่เป็นปมปัญหาฝังใจคุณตั้งแต่เด็กแล้วส่งผลมายังตอนโตเลยว่าเพราะอะไร แล้วไปปรับเปลี่ยนในมุมมองใหม่ที่ดีกว่านี้ ยังไงก็ขอให้ทุกๆคนมีสติ รู้ทันอารมณ์ตัวเองตลอดเวลาจะดีที่สุดครับ

เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพฮินดู เทพจีน ที่ใครหลายๆคนว่างมงาย หรือให้บูชาแต่พระรัตนตรัยอย่างเดียว แล้วไล่ดูถูกคนที่บูชาองค์เทพเหล่านี้(คงคิดว่าตัวเองเก่ง ไม่มีใครเก่งกว่าตนเองแล้วเที่ยวไล่ด่า ไล่ดูถูกคนที่เห็นต่างกับคุณ) ผมจะบอกว่าผมก็บูชาเทพเหมือนกัน เทพท่านเปรียบเสมือนพ่อแม่ของผม ถึงผมจะไม่ชอบขอท่าน แต่ท่านให้และมอบสิ่งดีๆให้ผมมาตลอด การที่เราศรัทธาต่อเทพองค์นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แสดงว่าคุณเคยมีบุญสัมพันธ์หรือเคยเป็นบริวารของท่านแล้วให้คำมั่นสัญญากับท่านว่า จะสร้างบารมีช่วยคน ท่านก็ลงมาหรือดลบันดาลให้คนๆนั้นฝันเห็นท่านบ้าง หรือดลบันดาลให้คนๆนั้นไปแล้วเจอเทวสถาน แล้วอยากเข้าไปไหว้บ้าง ฯลฯ แล้วคนๆนั้นก็เกิดความศรัทธาและรู้สึกถึงความรัก ความอบอุ่นและเมตตาต่อท่าน เทพท่านจะไม่เลือกว่าคุณนับถือศาสนาอะไร ถ้าคุณมีบุญสัมพันธ์กับท่านแล้วถึงวาระ ท่านจะลงมาเอง(จากประสบการณ์ผมเอง ช่วงนึงที่ผมย้ายไปทำงานที่นึง แล้วผมต้องใช้โรงพยาบาลของคริสต์เป็นทางผ่าน ต้องเดินเข้าไปข้างใน ผมมองรูปปั้นพระแม่มารีย์อยู่ทุกวัน ประจำ แล้วสิ่งที่ผมได้สัมพัสถึงพลังงานของท่านเลยคือ ท่านมองผมด้วยความเมตตา รัก และเอ็นดูอย่างมาก เหมือนแม่ผมทุกอย่างเลย(หลายคนอาจจะบอกว่าไร้สาระ งมงาย ก็เหมือนกับคุณไม่เชื่อว่าจักรวาลมีจริง ไม่เชื่อว่าเอกภพมีจริง รวมถึงไม่เชื่อว่ามีสิ่งดีๆบนโลกใบนี้มากมายนับไม่ถ้วน ถ้าคุณไม่เชื่อ จักรวาลและเอกภพ รวมถึงโลกใบนี้ไม่สามารถที่จะส่งสิ่งดีๆมาให้คุณได้)) พระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้ห้ามเรื่องนี้ และท่านก็เชื่อในเรื่องนี้ด้วย(ไปดูตามฝาผนังตามวัดต่างๆได้เลย) ถ้าคุณคิดว่าบูชาเทพแล้วดี ก็บูชาต่อไปเถอะครับ แต่ถ้าไม่เชื่อ ก็อย่าไปเที่ยวว่าหรือดูคนอื่นเลย มันไม่ดีต่อตัวคุณและคนอื่นๆที่เขาบูชาและศรัทธากันนะครับ ศรัทธาได้แต่ก็ต้องตั้งมั่นในปัญญาไว้ด้วย อย่าให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีมากหรือน้อยเกินไป(เหมือนพลังงานหยิน-หยาง)

ขอจบเพียงเท่านี้ครับ ยังไงขอให้ทุกๆคนโชคดีนะครับ

มีหลายคนหลังไมค์มาถามผมเรื่องดูดวง ผมยังไม่รับดูดวงนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่