JJNY : ‘สดศรี’ เตือน 5 เสือ กกต.รุ่นน้อง ดูความเหมาะสมก่อนบินไปดูงานตปท.

กระทู้คำถาม
สดศรี”อดีต กกต.ออกโรงเตือน 5 เสือรุ่นน้อง ดูความเหมาะสมก่อนบินไปดูงานตปท.ยกเคสสมัยตนก็เคยมีบทเรียนมาก่อนแล้ว จี้แจงให้ชัดการกระทำแบบใดไม่ผิดกม.ประชามติ เผยกองทุนพัฒนาการเมืองรับงบแผ่นดิน200ล.ต่อปีเข้าพตส.ปีละ10ล.ที่ผ่านมาแบ่งงบกลางฯจ่ายเงินเดือนพนง.ให้กกต.ทัวร์นอกปีละ5ล้าน

เมื่อวันที่ 19 เมษายน นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่มีหนังสือร้องเรียนการไปดูงานต่างประเทศของกกต. ว่า กกต.ต้องให้เหตุผลให้สังคมเข้าใจว่าทำไมจึงเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศในช่วงนี้ แม้จะมีการชี้แจงว่าการไปต่างประเทศไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณากฎหมายหรือกระบวนการทำประชามติ แต่ก็ถือว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ อาจต้องมีการจัดประชุมกันบ่อยครั้ง ควรเลื่อนการเดินทางไปสักระยะ หรืออาจเป็นช่วงหลังการทำประชามติไปแล้ว เพราะการไปต่างประเทศถือเป็นเพียงกิจกรรมพิเศษของหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) ของสำนักงานกกต. คนที่คอยดูแลนักศึกษาในหลักสูตรก็ไม่จำเป็นต้องเป็นกรรมการกกต. สามารถให้เจ้าหน้าที่ระดับผู้อำนวยการหรือกรรมการประจำหลักสูตรที่มาจากหน่วยงานอื่น รวมทั้งอนุกรรมการที่สามารถทำหน้าที่ดูแลได้อยู่แล้ว อีกทั้งขณะนี้มีประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การทำประชามติที่แกว่งอยู่ ไม่ชัดเจนว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ แม้จะยังเป็นช่วงที่รอกฎหมายมีผลบังคับใช้ แต่การทำหน้าที่ชี้แจงเป็นสิ่งสำคัญที่กกต.ต้องดำเนินการ ก่อนที่ความขัดแย้งจะไปถึงศาล

ขณะนี้กกต.ต้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ประชาชน มีหลายการกระทำที่สุ่มเสี่ยงจะผิดกฎหมาย หากกกต.ไม่ให้คำแนะนำ เช่น การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ใส่เสื้อรณรงค์รับไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่าสรุปแล้วสามารถทำได้หรือไม่ กกต.ต้องวินิจฉัยชี้ขาดให้เกิดความชัดเจนก่อน อย่างไรก็ตาม แม้การไปดูงานต่างประเทศจะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย แต่ก็อยู่ที่ความเหมาะสมของช่วงเวลา สมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่งก็ยังเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าว บทเรียนก็มีมาแล้ว ยิ่งตอนนี้กกต.ถูกเพ่งเล็งอย่างมากในฐานะเป็นเจ้าภาพจัดประชามติจึงให้อยากให้ใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบ”อดีตกกต. กล่าว

นางสดศรี กล่าวถึงการบริหารงานกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองของสำนักงานกกต. ว่า กองทุนฯนี้เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนงานพรรคการเมืองงบประมาณที่ใช้จ่ายในกองทุนฯเป็นงบประมานของแผ่นดินที่รัฐบาลจัดสรรให้ประมาณปีละ 200 ล้านบาท ซึ่งกกต.ก็จัดสรรงบให้แต่ละพรรคตามจำนวนส.ส. หากพรรคใดมีส.ส.มากก็จะได้งบสนับสนุนมาก พรรคละ 30 ล้านบาท ส่วนพรรคเล็กที่ไม่มีส.ส.ก็จะได้งบประมาณในส่วนของค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ค่าเช่าอาคารสถานที่สาขาของพรรค ซึ่งไม่เกิน 100,000 บาทและต้องรายงานค่าใช้จ่ายให้กับกกต. ทุกปีและจะมีการตรวจสอบว่าบัญชีค่าใช้จ่ายถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ อีกทั้ง ที่ผ่านมากกต.ก็ได้มีการกันงบประมาณเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองไว้ เป็นการให้ความรู้แก่พรรคการเมืองประมาณปีละไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่ใช้จ่ายในพตส. ที่มากจากนักการเมือง พรรคการเมืองต่างๆข้าราชการและเอกชน กิจกรรมต่างๆของหลักสูตรเป็นการดูงานการเลือกตั้งตามจังหวัดต่างๆ การดูงานเลือกตั้งต่างประเทศ ที่ผ่านมากกต.จัดงบให้นักศึกษาพตส.คนละ 20,000 บาทต่อคนในการใช้จ่ายดูงานต่างประเทศงบที่เกินจากนั้นนักศึกษาจะเป็นผู้ออกเองทั้งหมด

การดูงานต่างประเทศของนักศึกษาพตส. กกต.จะเดินทางไปด้วยแต่ค่าใช้จ่ายของ กกต.นั้นมาจากงบประมาณกลางที่รัฐบาลจัดสรรให้ใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นรวมถึงการจ่ายเงินค่าตอบแทนพนักงานไม่สามารถใช้งบของหลักสูตรพตส.ได้ซึ่งที่ผ่านมากกต.จะกันงบกลางไว้ประมาณ 5 ล้านบาทก็ไม่แน่ใจว่ากกต.ชุดนี้ปรับเพิ่มงบการดูงานต่างประเทศหรือไม่” อดีตกกต.กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองนี้เป็นเป็นกองทุนฯที่ให้การสนับสนุนพรรคการเมืองโดยรัฐเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 บทเฉพาะกาล มาตรา 328 ประกอบพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา56 ได้กำหนดให้มีกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองในสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายในการสนับสนุนพรรคการเมืองการพัฒนาพรรการเมือง การสนับสนุนทางการเมือง หรือประโยชน์อย่างอื่นแก่พรรคการเมือง และให้อำนาจกกต. เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานของกองทุน โดยกกต.กำหนดกรอบการใช้จ่ายของกองทุนฯ อาทิเพื่อสนับสนุนกิจการพรรคการเมืองตามแผนงานไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 แต่ไม่เกินร้อยละ 80 ของวงเงินรายจ่ายในแต่ละปีใช้เป็นทุนพัฒนาพรรคการเมืองของสำนักงานกกต. เป็นทุนการศึกษาวิจัยพัฒนาพรรคการเมือง สนับสนุนค่าไปรษณียากรค่าสาธารณูปโภค และด้านอื่นๆ แก่พรรคการเมือง การบริหารกองทุน เป็นต้อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของกองทุนฯ นั้นมาจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ประมาน 200 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ พรรคการเมืองที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรเงินสนับสนุนจากกองทุนต้องเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับการจดแจ้งการจัดตั้งจากนายทะเบียนพรรคการเมือง และได้ดำเนินการให้มีสมาชิกพรรคการเมืองอย่างน้อย 5,000 คนและสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อย 4 สาขาด้วยซึ่งเงินงบประมาณที่จัดสรรจะไม่เท่ากันตามจำนวนสมาชิกแต่ละพรรคที่มีอยู่หากเป็นพรรคใหญ่ก็จะได้เงินสนับสนุนมากกว่าพรรคเล็ก อย่างไรก็ตามพรรคการเมืองที่ได้รับเงินสนับสนุนต้องใช้จ่ายเงินสนับสนุนให้เป็นไปตามโครงการและแผนงานและจะต้องจัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินให้ถูกต้องตามความเป็นจริงและยื่นต่อกกต. ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป

สำหรับคณะกรรมการกองทุนฯ​ ชุดนี้ มีทั้งหมด 10 คน ประกอบด้วย1.นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกองทุนฯ 2.นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์กกต.ด้านพรรคการเมือง 3.นายกมล บันไดเพรช ผู้แทนจากพรรคเพื่อไทย 4.น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ พรรคประชาธิปัตย์ 5.นายสยมภู เกียรติสยมภูกิจสังคม 6.นายวรัชญ์ เพรชร่วง ผอ.กองกับกำและพัฒนาระบบ ผู้แทนกระทรวงการคลัง 7.นายธรรมศักดิ์ สัมพันติกูล รองผอ.สำนักงบประมาณ 8.นายนเรศ สุตจริตวงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 9.นายประวิง คชาชีวะ กรรมผู้ทรงคุณวุฒิ และ 10.นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการกกต. ในฐานะรักษาการเลขาธิการกกต. ดำรงตำแหน่ง กรรมการและ เลขานุการกองทุนฯ

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการกระแสวิพากษ์วิจารณ์การไปดูงานต่างประเทศของกกต. แต่ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการแต่อย่างใด โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ได้เดินทางไปประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ 18-26 เมษายน นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.เดินทางไปสหรัฐอเมริกา วันที่ 19-29 เมษายน ส่วนนายบุญส่ง น้อยโสภณ จะเดินทางไปสกอตแลนด์วันที่ 30 เมษายน -8 พฤษภาคมนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ผมมองว่า
กกต.ชุดนี้  มาด้วยเป้าหมายทางการเมือง
มีการสมรู้ร่วมคิดคัดสรรตัวบุคคลเข้ามา
จึงรู้ตัวดีว่ามีแบคดี  มีเส้น   จึงทำอะไรไม่กลัวใคร  ไม่สนใคร  ไม่เกรงใคร
ไม่หวั่นเรื่องคำครหา   รู้ว่าไม่มีทางโดนเล่นงานหรือโดนปลด
มุ่งทำงานให้เข้าเป้าตามที่สั่งเท่านั้น

ไม่มี กกต.ชุดไหน  ที่จะมีผลงานเท่า กกต.ชุดนี้ครับ
คือตั้งแต่เข้ามา  ถึงวันนี้สองปีกว่า
มีแต่ผลงานอัปยศทั้งนั้น
ถีบขาคู่
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  การเมือง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่