15 เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ Se7en (1995)

เรียบเรียงจาก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ นะจ๊ะ

Se7en หนังของผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์ ว่าด้วยนักสืบใกล้เกษียณกับนักสืบหนุ่มต้องมาทำงานเข้าคู่กันเพื่อจับฆาตกรต่อเนื่อง ที่ฆ่าคนตามบาปทั้ง 7 ประการของพระคัมภีร์ด้วยวิธีการโหดเหี้ยมและเลือดเย็น หนังได้รับคำวิจารณ์ดีเยี่ยมในฐานะที่เป็นหนังทริลเลอร์สืบสวนที่กระชากเอาความเป็นมนุษย์มาตีแผ่บนหน้าจอได้อย่างสมจริงสมจังมากที่สุดเรื่องหนึ่ง รวมทั้งบทบาทการแสดงอันยอดเยี่ยมของมอร์แกน ฟรีแมน, แบรด พิทท์และเควิน สเปซีย์

และเวลาที่ผ่านมาร่วม 20 ปี ไม่ว่าคนจะจดจำมันในฐานะภาพยนตร์น้ำดี, ทีมนักแสดงสุดแกร่ง, แฟนผลงานของผู้กำกับ หรือจะเพราะแค่ตอนจบมันแสนจะฟัคอัพ เบื้องลึกเบื้องหลังของหนังเรื่องนี้ย่อมน่าสนใจแน่นอนอยู่แล้ว



1. แอนดริว เควิน วอลเคอร์ มือเขียนบทของเรื่องนี้ได้ไอเดียของเรื่องมาจากการอาศัยอยู่ในมหานครนิวยอร์ค ซึ่งเต็มไปด้วยเงื่อนไขที่บีบคั้นและทารุณผู้อยู่อาศัยอย่างหนัก วอลเคอร์ถึงกับออกปากว่าระหว่างที่อยู่กินในนิวยอร์คนั้น ถ้าเดินไปที่ถนนจะพบหนึ่งในบาปทั้ง 7 โดยไม่ต้องอาศัยความพยายามเลยแม้แต่น้อย ความบาปที่ว่าเด้งเข้าตามาเอง




2. ทีมงานเสนอจะยื่นบทให้เดนเซล วอชิงตัน นำแสดงในบทของนักสืบมิลล์ส แต่เดวิด ฟินเชอร์-ผู้กำกับบอกว่าถ้าให้เดนเซลเล่น หนังก็จะดูระห่ำสัสๆ เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นหนังแอ็คชั่นของตำรวจสุดแกร่งหรอกเว้ย-และแน่นอนว่าลงเอยด้วยการที่ให้แบรด พิตต์ มารับบทนี้ในที่สุด




3. หลังจากมอร์แกน ฟรีแมนและแบรด พิตต์รับเล่นหนังเรื่องนี้แล้ว ความยากก็ตกมาอยู่ที่ใครจะรับบทจอห์น โด ผู้ร้ายตัวเอ้ของเรื่อง ทุกคนลงความเห็นว่าอยากได้ตัวเควิน สเปซีย์มาเล่นแต่สตูดิโอไม่เห็นด้วยอันเนื่องมาจากค่าตัว และฟินเชอร์ก็พร้อมที่จะหาตัวเลือกใหม่แล้ว แต่อยู่ๆ แบรด พิตต์ก็ออกมายืนกรานว่าบทนี้ควรจะเป็นสเปซีย์เล่นเท่านั้นสิวะ แน่นอนว่าสตูดิโอยอมรับฟังในที่สุด




4. ตัวละครมิลล์สที่แบรด พิตต์รับบทนั้น เดิมทีทีมงานร่างภาพไว้ว่าจะต้องเป็นหนุ่มฮิปๆ นอกกระแสสักหน่อย แต่แบรดปฏิเสธไอเดียนี้อย่างไม่ไยดี และตัวละครของแบรดนิยมสวมเนคไทเป็นรูปกีฬาเสมอ ซึ่งแบรดคิดว่ามันทำให้ตัวละครดู "ไร้เดียงสา" ดีไม่น้อย




5. การถ่ายทำฉากพบศพของคน "ตะกละ" นั้น ทั้งฉากถูกห่อไว้ด้วยพลาสติกเพื่อให้แมลงสาบวิ่งเล่นอยู่แค่ข้างใน ไม่ออกมาเพ่นพ่านที่สตูดิโอ แถมยังมีคนดูแลแมลงสาบไม่ให้ออกมาวิ่งเล่นนอกบทอีกด้วย (...)




6. ฉากที่อพาร์ตเม้นท์ของมิลล์สสะเทือนด้วยรถไฟนั้น ถ่ายทำโดยติดตั้งเครื่องยนต์โฟล์กสวาเกนเข้าไปในฉาก และมือเขียนบท วอลเคอร์บอกว่าชีวิตจริงที่เขาอยู่ในนิวยอร์คก่อนหน้านี้นั้นทรหดยิ่งกว่ามิลล์สเสียอีก (ถึงขั้นบอกว่าจริงๆ ห้องของมิลล์สควรสั่นกว่านี้อีกนะ)




7. ขณะถ่ายทำฉากไล่ล่าคนร้าย แบรด พิตต์หกล้มและฟาดเข้ากับกระจกรถเต็มแรง ขณะที่แบรดคว้าเอาเศษกระจกจากหน้าต่างรถเพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั้น กระจกก็บาดเส้นเอ็นที่มือเขา รวมถึงนิ้วอีกสามนิ้ว-ซึ่งอันที่จริง บทของมิลล์สในฉากนี้ต้องได้รับบาดเจ็บอยู่แล้วเพียงแต่ไม่ใช่ที่มือ-ลงเอยด้วยการที่แบรด พิตต์ พันผ้าพันแผลที่มือเข้าฉากต่อไปจนได้




8. ระหว่างที่มิลล์สและซัมเมอร์เซ็ทอ่านแฟ้มคดีของ FBI แบรด พิตต์ ออกเสียงคำว่า "มาร์กี เดอ ซาด" ผิดไปเป็นวาด้วยการออกเสียงว่า "เช-เด" แทน (อะไรของแก๊) และทำเอามอร์แกน ฟรีแมนที่เข้าฉากด้วยขำไม่หยุด และแม้ป๋าฟินเชอร์จะชอบฉากนี้มากๆ แต่ก็ลังเลว่าควรจะตัดออกดีหรือไม่เพราะอยากให้คนดูเข้าใจอย่างถูกต้องว่าชื่อมาร์กี เดอ ซาดควรออกเสียงว่าอย่างไร แต่แบรด พิตต์ก็ออกมาแย้ง (อีกครั้ง) ว่าเก็บไว้เหอะน่า เพราะเขาคิดว่าฉากนี้แสดงให้เห็นชัดเจนดีว่าความรู้ทั้งหมดทั้งมวลของมิลล์สนั้น ล้วนแล้วแต่มาจากวัฒนธรรมป๊อปทั้งสิ้น





9. แบรด พิตต์ มาเสียใจทีหลังที่เขาไม่ยอมถอดเสื้อในฉากที่มิลล์สกับซัมเมอร์เซ็ทโกนขนหน้าอกเพื่อติดสายไฟเข้ากับหน้าอกด้วยเทป แบรดปฏิเสธจะถอดเสื้อทั้งตัวเพราะไม่อยากให้คนดูมาเพ่งความสนใจที่ร่างกายเขามากเกินไป แต่ภายหลังเขาบ่นเสียดายเพราะเขาคิดว่าฉากนั้นเป็นฉากที่ดีที่แสดงให้เห็นว่ามิลล์สและซัมเมอร์เซ็ทเปิดใจต่อกันหมดเปลือกแล้วจริงๆ




10. เพื่อจะทำให้กลายเป็นนิวยอร์คจริงๆ นักแสดงที่เข้าฉากต้องตะโกนเข้าหากัน, แผดเสียงใส่คนอื่นหรือทำเสียงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเสียงต่างๆ เหล่านี้จะอยู่เป็นเสียงประกอบในเรื่องเมื่อหนังตัดต่อออกมาเสร็จหมดแล้ว




11. ฝนตกลงมาตั้งแต่วันแรกที่แบรด พิตต์เข้าฉาก และทีมงานเป็นกังวลมากเรื่องการถ่ายฉากต่อๆ ไปเพราะกลัวดูไม่ต่อเนื่อง พวกเขาเลยต้องเร่งถ่ายแบรด พิตต์ ไว้ให้มากที่สุดเพราะพระเอกหนุ่มมีคิวถ่าย Twelve Monkeys (1995) ต่ออีก




12. กวินเน็ธ พัลโทรว์ คือตัวเลือกแรกของป๋าฟินเชอร์ในการจะให้มารับบทเป็นภรรยาของมิลล์ส แต่อนิจจาที่พัลโทรว์ไม่สน (-_-) ฟินเชอร์เลยไปเลียบๆ เคียงๆ แฟนหนุ่มของเธอในขณะนั้น-ซึ่งก็คือแบรด พิตต์ ให้ช่วยพูดกับเธอหน่อย ผลก็อย่างที่เห็น ยิ้ม




13. พอสตูดิโอรู้ตอนจบของเรื่องก็รู้สึกว่ามันรุนแรงและเศร้ามากไป โปรดิวเซอร์เลยให้หนังจบลงอีกอย่างที่มีความสุขกว่ามากๆ แต่เมื่อป๋าฟินเชอร์, มอร์แกน ฟรีแมนและแบรด พิตต์ รู้เข้าว่าต้องเปลี่ยนตอนจบ ก็ปฏิเสธทันทีและยื่นข้อเสนอว่า ถ้าจะเปลี่ยนตอนจบ พวกกูก็จะถอนตัวออกจากหนังเรื่องนี้แน่ๆ โปรดิวเซอร์และสตูดิโอก็เลยต้องยอม




14. นักแสดงหนุ่ม ลีแลนด์ ออร์เซอร์-รับบทเป็นชายหนุ่มที่ถูกบังคับให้ฆ่าโสเภณี-ถ่างตาตื่นอยู่ทั้งคืนเพื่อทำความเข้าใจความซับซ้อนและยุ่งเหยิงของตัวละคร ก่อนจะพบว่าวันรุ่งขึ้นไม่มีถ่ายคิวของเขา ออร์เซอร์ผู้มุ่งมั่นเลยถ่างตาอยู่อีกคืน กระทั่งวันถ่ายจริง เขาหายใจเข้าออกด้วยความถี่ผิดปกติก่อนกล้องจะเดิน ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากและส่งผลให้ตัวละครมีอาการหอบจนมือเท้าเกร็งอย่างสมจริงสุดขีด




15. ทีมงานจ้างตำรวจจริงมาตรวจดูความสมจริงของนักแสดง และมอร์แกน ฟรีแมนถูกติงว่า ไม่มีตำรวจคนไหนถือปืนด้วยวางนิ้วบนไกปืนหรอกครับ ตั้งแต่นั้นมา มอร์แกนก็เปลี่ยนวิธีการถือปืนไปเลย




16. เควิน สเปซีย์-ทันทีที่รู้ว่าต้องรับบทเป็นจอห์น โด ก็ปฏิเสธที่จะให้ชื่อของเขาปรากฏอยู่บนเครดิตตอนต้นเรื่องของหนังเพื่อสร้างความประหลาดใจให้คนดู และถามผู้กำกับฟินเชอร์ว่า จะว่ายังไงถ้าเขาจะไปโกนหัว ป๋าฟินเชอร์บอก ถ้าคุณโกน ผมก็โกน ดังนั้นผู้กำกับและนักแสดงทั้งสองเลยถ่ายทำเรื่องนี้ไปแบบหัวโล่งๆ ทั้งคู่เลย





ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันนะคะ
Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่