“ไม่มีอะไรแน่นอน” ผมนึกถึงคำนี้เสมอในยามที่ท้อแท้ สิ้นหวัง หรือต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่เป็นอย่างใจต้องการ เพราะจังหวะชีวิตของคนนั้น ไม่มีอะไรที่จะคาดเดาได้เหมือนกับละครน้ำเน่าที่ตอนจบจะต้องสุขสมหวังอยู่เสมอ ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่เที่ยงตรงที่สุดในทุกช่วงจังหวะของชีวิต เช่นเดียวกันกับวิถีของกีฬาฟุตบอล ที่ความไม่แน่นอนพร้อมจะเกิดขึ้นในทุกนาที
ถ้าหากเปรียบเทียบสโมสรฟุตบอลเป็นชีวิตของคนแล้ว สโมสรเซาแธมป์ตัน (Southampton) ก็คงต้องพบเจอกับความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ทั้งการตกชั้นลงไปเล่นในลีกระดับล่างอยู่หลายครั้ง ประสบปัญหาด้านการเงิน หรือการที่ต้องสูญเสียนักเตะฝีมือดีเป็นประจำ บทความชิ้นนี้จะนำคุณไปสัมผัสกับเรื่องราวของสโมสรเก่าแก่อายุ 130 ปีแห่งนี้ ว่ามีวิธีการอย่างไรในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในลีกฟุตบอลอังกฤษ ลีกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลีกชั้นนำของโลกในปัจจุบัน
จุดเริ่มต้น : ยอดทีมจากแดนใต้
สโมสรเซาแธมป์ตันก่อตั้งในปีค.ศ. 1885 จากสมาชิกในโบสถ์เซนท์ แมรี่ (St. Mary’s Church Young Men’s association) จนเป็นที่มาของฉายา “ทีมนักบุญ” เริ่มเล่นในลีกทางตอนใต้ของอังกฤษ (Southern League) ในปีค.ศ. 1894 ประสบความสำเร็จจนสามารถคว้าแชมป์ลีกตอนใต้ได้ 3 สมัยซ้อนในฤดูกาล 1896-97,1897-98,1898-99 ความสำเร็จดังกล่าวทำให้สโมสรสามารถสร้างสนามแข่งแห่งแรกที่ชื่อว่า The Dell ในปีค.ศ. 1898
เซาแธมป์ตันได้เข้าชิงฟุตบอลถ้วยเอฟ เอ คัพ (FA CUP) ถึงสองครั้ง แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เริ่มจากปี 1900 แพ้ทีมบูรี่ (Bury) 0-4 ส่วนในปี 1902 แพ้ทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (Sheffield United) 1-2 ก่อนจะมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จในปี 1976 ด้วยการเฉือนชนะทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 และกลายเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งแรกและครั้งเดียวจนถึงปัจจุบันของทีมนักบุญ (ได้เข้าชิงอีกครั้งในปี 2003 แต่พ่ายแพ้ให้กับอาร์เซนอล 0-1)
เซาแธมป์ตันกับแชมป์เอฟ เอ คัพ ในปี 1976
ตกชั้น ความผิดหวังที่เกิดขึ้นซ้ำซาก
เซาแธมป์ตันเป็นสโมสรที่ตกชั้นอยู่บ่อยครั้ง เริ่มจากการตกชั้นลงไปสู่ดิวิชั่น 3 ในปี 1953 และต้องใช้เวลาถึง 13 ปี ถึงจะกลับขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 (ลีกสูงสุดในยุคนั้น) อีกครั้งในปี 1966 แต่ในโลกของฟุตบอลไม่เคยมีอะไรที่แน่นอน ทีมนักบุญตกชั้นอีกครั้งในปี 1974 และกลับขึ้นมาได้ในปี 1978 และอยู่บนลีกสูงสุดเป็นเวลา 27 ปี ก่อนที่จะตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในปี 2005 และกลับขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกครั้งล่าสุดในฤดูกาล 2012-13
ยอดทีมแห่งการปั้นดาวรุ่ง สู่รากฐานที่แข็งแรง
ทีมนักบุญขึ้นชื่อในเรื่องการปั้นนักเตะเยาวชนฝีเท้าดีขึ้นมาประดับวงการฟุตบอลอาชีพอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นพ่อมดลูกหนัง แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ (matthew le tissier ) นักเตะที่จงรักภักดีกับทีมมายาวนานจนแฟนบอลยกย่องให้เขาเป็น “พระเจ้า” หรือจะเป็นอลัน เชียเรอร์ (Alan Shearer) ศูนย์หน้าฝีมือดี ชาวนิวคาสเซิลที่เริ่มต้นอาชีพนักเตะที่เซาแธมป์ตัน ก่อนที่จะย้ายไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับทีมกุหลาบไฟ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และนักเตะฝีเท้าดีอีกมากมายที่เติบโตมาจากศูนย์ฝึกฟุตบอลของเซาแธมป์ตัน เช่น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน (Alex Oxlade-Chamberlain) ทีโอ วัลคอตต์ (Theo Walcott) (ขายให้อาร์เซนอล) แกเร็ต เบล (Gareth Bale) (ขายให้สเปอร์) ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทีมขนาดเล็กที่นักเตะเก่งๆมักจะถูกซื้อตัวจากทีมไปอย่างรวดเร็ว
แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาล 2013-2014 ที่นักเตะดาวรุ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างสวยหรูจนทำให้นักเตะหลักในทีมถูกกว้านซื้อไปทั้งหมด 5 คน ได้แก่ ริกกี้ แลมเบิร์ต อดัม ลัลลานา และเดยาน ลอฟเรน (ขายให้ลิเวอร์พูล) ลุก ชอว์ (ขายให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) และ คาลัม แชมเบอร์ส (ขายให้อาร์เซนอล) ซึ่ง 3 ใน 5 คนนั้นเป็นนักเตะที่เติบโตมาจากศูนย์ฝึกเยาวชนของทีม
แม้ว่านักเตะดาวรุ่งจะถูกกว้านซื้อจากทีมใหญ่ แต่ทีมนักบุญก็ยังยืนหยัดในการสร้างรากฐานที่แข็งแรง
ในปี 2014 เซาแธมป์ตันลงทุนสร้างสนามฝึกซ้อมแห่งใหม่ด้วยเงินลงทุน 30 ล้านยูโร ด้วยความเชื่อมั่นของ Les Reed กรรมการบริหารของสโมสรที่ว่าการสร้างสนามฝึกซ้อมและการปั้นนักเตะเยาวชนจะเป็นรากฐานที่แข็งแรงมากกว่าการซื้อนักเตะดาวดังราคาแพง ดังนั้น สนามฝึกซ้อมแห่งใหม่จึงเต็มไปด้วยสิ่งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายให้แก่นักเตะ โดยทีมนักบุญมุ่งหวังที่จะสร้างระบบการฝึกซ้อมที่ดี เพื่อสร้างนักเตะดาวรุ่งคุณภาพขึ้นมาประดับสโมสร
สนามฝึกซ้อมแห่งใหม่ของเซาแธมป์ตัน
ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญในวงการฟุตบอล ความผิดหวังจากการตกชั้นที่ซ้ำซากไม่อาจทำให้เซาแธมป์ตันล้มหายตายจากไปจากโลกฟุตบอล และสโมสรเซาแธมป์ตันก็แสดงให้เราเห็นแล้วว่า การสร้างรากฐานที่แข็งแรงด้วยการปั้นนักเตะเยาวชนขึ้นมาทดแทนการหวังพึ่งแต่นักเตะดาวดังจะสามารถยืนหยัดบนโลกของฟุตบอลได้อย่างแข็งแกร่ง
---------------
ดูข้อมูลอ้างอิงที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ
https://rhythmandball.wordpress.com/2015/07/06/southampton/
ถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจ บทความเกี่ยวกับกีฬาบาสเก็ตบอลและฟุตบอล ในมุมมองทางสังคม วัฒนธรรม ฯลฯ สามารถติดตามได้ที่เพจ
https://www.facebook.com/rhythmball/ ได้เลยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^^
เซาแธมป์ตัน (Southampton FC) นักบุญผู้ยืนหยัดบนพรีเมียร์ลีก
“ไม่มีอะไรแน่นอน” ผมนึกถึงคำนี้เสมอในยามที่ท้อแท้ สิ้นหวัง หรือต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่เป็นอย่างใจต้องการ เพราะจังหวะชีวิตของคนนั้น ไม่มีอะไรที่จะคาดเดาได้เหมือนกับละครน้ำเน่าที่ตอนจบจะต้องสุขสมหวังอยู่เสมอ ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่เที่ยงตรงที่สุดในทุกช่วงจังหวะของชีวิต เช่นเดียวกันกับวิถีของกีฬาฟุตบอล ที่ความไม่แน่นอนพร้อมจะเกิดขึ้นในทุกนาที
ถ้าหากเปรียบเทียบสโมสรฟุตบอลเป็นชีวิตของคนแล้ว สโมสรเซาแธมป์ตัน (Southampton) ก็คงต้องพบเจอกับความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ทั้งการตกชั้นลงไปเล่นในลีกระดับล่างอยู่หลายครั้ง ประสบปัญหาด้านการเงิน หรือการที่ต้องสูญเสียนักเตะฝีมือดีเป็นประจำ บทความชิ้นนี้จะนำคุณไปสัมผัสกับเรื่องราวของสโมสรเก่าแก่อายุ 130 ปีแห่งนี้ ว่ามีวิธีการอย่างไรในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในลีกฟุตบอลอังกฤษ ลีกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลีกชั้นนำของโลกในปัจจุบัน
จุดเริ่มต้น : ยอดทีมจากแดนใต้
สโมสรเซาแธมป์ตันก่อตั้งในปีค.ศ. 1885 จากสมาชิกในโบสถ์เซนท์ แมรี่ (St. Mary’s Church Young Men’s association) จนเป็นที่มาของฉายา “ทีมนักบุญ” เริ่มเล่นในลีกทางตอนใต้ของอังกฤษ (Southern League) ในปีค.ศ. 1894 ประสบความสำเร็จจนสามารถคว้าแชมป์ลีกตอนใต้ได้ 3 สมัยซ้อนในฤดูกาล 1896-97,1897-98,1898-99 ความสำเร็จดังกล่าวทำให้สโมสรสามารถสร้างสนามแข่งแห่งแรกที่ชื่อว่า The Dell ในปีค.ศ. 1898
เซาแธมป์ตันได้เข้าชิงฟุตบอลถ้วยเอฟ เอ คัพ (FA CUP) ถึงสองครั้ง แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เริ่มจากปี 1900 แพ้ทีมบูรี่ (Bury) 0-4 ส่วนในปี 1902 แพ้ทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (Sheffield United) 1-2 ก่อนจะมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จในปี 1976 ด้วยการเฉือนชนะทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 และกลายเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งแรกและครั้งเดียวจนถึงปัจจุบันของทีมนักบุญ (ได้เข้าชิงอีกครั้งในปี 2003 แต่พ่ายแพ้ให้กับอาร์เซนอล 0-1)
เซาแธมป์ตันกับแชมป์เอฟ เอ คัพ ในปี 1976
ตกชั้น ความผิดหวังที่เกิดขึ้นซ้ำซาก
เซาแธมป์ตันเป็นสโมสรที่ตกชั้นอยู่บ่อยครั้ง เริ่มจากการตกชั้นลงไปสู่ดิวิชั่น 3 ในปี 1953 และต้องใช้เวลาถึง 13 ปี ถึงจะกลับขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 (ลีกสูงสุดในยุคนั้น) อีกครั้งในปี 1966 แต่ในโลกของฟุตบอลไม่เคยมีอะไรที่แน่นอน ทีมนักบุญตกชั้นอีกครั้งในปี 1974 และกลับขึ้นมาได้ในปี 1978 และอยู่บนลีกสูงสุดเป็นเวลา 27 ปี ก่อนที่จะตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในปี 2005 และกลับขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกครั้งล่าสุดในฤดูกาล 2012-13
ยอดทีมแห่งการปั้นดาวรุ่ง สู่รากฐานที่แข็งแรง
ทีมนักบุญขึ้นชื่อในเรื่องการปั้นนักเตะเยาวชนฝีเท้าดีขึ้นมาประดับวงการฟุตบอลอาชีพอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นพ่อมดลูกหนัง แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ (matthew le tissier ) นักเตะที่จงรักภักดีกับทีมมายาวนานจนแฟนบอลยกย่องให้เขาเป็น “พระเจ้า” หรือจะเป็นอลัน เชียเรอร์ (Alan Shearer) ศูนย์หน้าฝีมือดี ชาวนิวคาสเซิลที่เริ่มต้นอาชีพนักเตะที่เซาแธมป์ตัน ก่อนที่จะย้ายไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับทีมกุหลาบไฟ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และนักเตะฝีเท้าดีอีกมากมายที่เติบโตมาจากศูนย์ฝึกฟุตบอลของเซาแธมป์ตัน เช่น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน (Alex Oxlade-Chamberlain) ทีโอ วัลคอตต์ (Theo Walcott) (ขายให้อาร์เซนอล) แกเร็ต เบล (Gareth Bale) (ขายให้สเปอร์) ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทีมขนาดเล็กที่นักเตะเก่งๆมักจะถูกซื้อตัวจากทีมไปอย่างรวดเร็ว
แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาล 2013-2014 ที่นักเตะดาวรุ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างสวยหรูจนทำให้นักเตะหลักในทีมถูกกว้านซื้อไปทั้งหมด 5 คน ได้แก่ ริกกี้ แลมเบิร์ต อดัม ลัลลานา และเดยาน ลอฟเรน (ขายให้ลิเวอร์พูล) ลุก ชอว์ (ขายให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) และ คาลัม แชมเบอร์ส (ขายให้อาร์เซนอล) ซึ่ง 3 ใน 5 คนนั้นเป็นนักเตะที่เติบโตมาจากศูนย์ฝึกเยาวชนของทีม
แม้ว่านักเตะดาวรุ่งจะถูกกว้านซื้อจากทีมใหญ่ แต่ทีมนักบุญก็ยังยืนหยัดในการสร้างรากฐานที่แข็งแรง
ในปี 2014 เซาแธมป์ตันลงทุนสร้างสนามฝึกซ้อมแห่งใหม่ด้วยเงินลงทุน 30 ล้านยูโร ด้วยความเชื่อมั่นของ Les Reed กรรมการบริหารของสโมสรที่ว่าการสร้างสนามฝึกซ้อมและการปั้นนักเตะเยาวชนจะเป็นรากฐานที่แข็งแรงมากกว่าการซื้อนักเตะดาวดังราคาแพง ดังนั้น สนามฝึกซ้อมแห่งใหม่จึงเต็มไปด้วยสิ่งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายให้แก่นักเตะ โดยทีมนักบุญมุ่งหวังที่จะสร้างระบบการฝึกซ้อมที่ดี เพื่อสร้างนักเตะดาวรุ่งคุณภาพขึ้นมาประดับสโมสร
สนามฝึกซ้อมแห่งใหม่ของเซาแธมป์ตัน
ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญในวงการฟุตบอล ความผิดหวังจากการตกชั้นที่ซ้ำซากไม่อาจทำให้เซาแธมป์ตันล้มหายตายจากไปจากโลกฟุตบอล และสโมสรเซาแธมป์ตันก็แสดงให้เราเห็นแล้วว่า การสร้างรากฐานที่แข็งแรงด้วยการปั้นนักเตะเยาวชนขึ้นมาทดแทนการหวังพึ่งแต่นักเตะดาวดังจะสามารถยืนหยัดบนโลกของฟุตบอลได้อย่างแข็งแกร่ง
---------------
ดูข้อมูลอ้างอิงที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ https://rhythmandball.wordpress.com/2015/07/06/southampton/
ถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจ บทความเกี่ยวกับกีฬาบาสเก็ตบอลและฟุตบอล ในมุมมองทางสังคม วัฒนธรรม ฯลฯ สามารถติดตามได้ที่เพจ https://www.facebook.com/rhythmball/ ได้เลยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^^