ขอความช่วยเหลือค่ะ เรียนจบนิติ จุฬาแต่ชีวิตตกอับทำไงดี?

กระทู้คำถาม
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 38
มันอาจเกิดจากความท้อแท้อะไรหลายๆอย่าง หรืออาจเกิดจากการที่คุณ มองแต่คนรอบข้างที่ประสบความสำเร็จ หรือไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพ โดยค่อยๆบั่นทอนกำลังใจตัวเองเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว จนมันพีคถึงระเบิดออกมา

ใจเย็นๆและตั้งสติค่ะ สิ่งที่คุณเรียนมา มีคุณค่ามากๆ ใช้ประโยชน์ต่อยอดได้อีกเยอะ สายนิติฯ ไม่จำเป็นต้องมุ่งแต่เป็น ศาล อัยการ ทนายความเท่านั้นนะคะ มีอีกหลายสายงานอีกมากเลยที่ต้องการคนจบนิติศาสตร์ ใจเย็นๆลองหาไปเรื่อยๆค่ะ ค้นหาความชอบว่า ถนัดแบบไหน และคิดว่าทำได้ดีในลักษณะงานแบบใด....เราเห็นหลายคนมากค่ะที่จบมาแล้วไม่ได้ทำงานตรงสายที่จบมา แต่เขาเหล่านั้นก็เอาความรู้ที่เรียนมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้...อย่างน้อยๆเลย จบนิติฯมา ก็สามารถให้คำปรึกษาคนรอบข้างในเรื่องกฎหมายได้ในระดับหนึ่งละค่ะ

เราก็เรียนนิติเหมือนกัน แต่เป็นม.เอกชน ก็ยังมีกลุ่มคนที่คิดว่าเอนท์ไม่ติดเลยเข้าเรียนเอกชน จบมากระท่อนกระแท่นไม่มีงานดีๆทำ เราก็ไม่สนใจคำพูดของคนเหล่านั้นนะ เพราะโลกของพวกเค้านั้นแคบเกินไปที่เราจะต้องมาเสียเวลาอธิบาย....สิ่งที่เราให้ความสำคัญคือ ไปสู่ความสำเร็จที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ค่ะ เสียงของคนรอบข้างเปลี่ยนให้มันเป็นพลังบวกเพื่อผลักดันเรา ไม่ใช่กดขี่เรา....เพราะท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างคือ ชีวิตของเราจริงๆ ไม่มีใครมายุ่มย่าม หรือมีผลกระทบอะไรกับตัวเราได้ขนาดนั้นค่ะ.....

ลองใช้สติให้เกิดความสงบในใจ และลองใส่ความพยายามลงไปอีกนะคะ เดี๋ยวโอกาสดีๆทั้งหลายก็เข้ามาหาเอง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
คุณเป็นใครครับ ผมจบนิติ จุฬาเหมือนกันครับ มีรู้สึกเฟลและท้อในตัวเองเหมือนกันครับ ผมโทษตัวเองมาตลอดที่มาเลือกเรียนนิติ เพราะผมไม่ชอบ  ผมดันไปเชื่อกระแสคนรอบข้าง ชีวิต4ปีในคณะไม่เคยมีความสุขที่แท้จริง จบมาก็ยังเคว้ง เกลียดตัวเอง เกลียดตัวเอง ผมพูดเป็นแต่คำนี้ ทัศนคติผมไม่ค่อยดีครับผมรู้ แต่มันก็เสียดายจริงๆ เหมือนเรากำลังเดินทางแต่เราก้าวผิดไปก้าวเดียว

ผมกำลังจะมีตั๋วทนาย แต่ก็ไม่เคยคิดอยากจะทำอาชีพทนายเลย และตอนนี้ผมกำลังจะไปลงเรียนอบรมมัคคุเทศก์ จะเริ่มเรียนในเดือนหน้า ซึ่งผมโชคดีตรงที่มีคนรู้จักทำอาชีพไกด์อยู่ และเขาจะแนะนำงานให้หลังจากที่ผมเรียนจบและได้บัตรไกด์ ซึ่งจะทำให้ผมได้เงินเดือน 3-5หมื่น  

ผมวางแผนไว้ว่าถ้าเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง ผมก็จะหนีไปตายเอาดาบหน้าที่ ตปท ครับ

ผมก็แค่เข้ามาแชร์ครับ ผมไม่รู้ว่าคุณชอบกฎหมายรึเปล่า แต่ถ้าไม่ชอบ คุณต้องเริ่มเบนเข็มได้แล้วครับ ไปทำอะไรก็ได้ ไม่งั้นก็จะมีแต่ความรู้สึกเคว้งต่อไปเรื่อยๆครับ เพราะผมลองหลอกตัวเองมาแล้ว อะไรที่มันไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่อยู่ดี
อย่าไปอายมันครับ ตอนแรกผมก็กลัวที่บ้านจะอายคนข้างบ้านเอามานินทา กลัวเขาจะหาว่าจบนิติจุฬาแต่กลับต้องมาทำงานบริการ แต่คิดไปคิดมา ก็รู้ได้ว่าชีวิตนี้เป็นของเราครับ อนาคตของเราเรากำหนด ถ้ามัวแต่อายไม่เริ่มทำอะไรก็มีแต่ชีวิตเรานี่แหละครับที่จะไม่ไปไหนสักที คนข้างบ้านมันก็ไม่ได้มาช่วยอะไรเรา ทำเพื่อตัวเองครับ

ผม ฬ 52
ความคิดเห็นที่ 16
พี่รุ่น49นะ

ในเฟซพี่ มีคนแชร์ แล้วคิดว่าอาจเป็นคนอื่นนอกคณะ มาป่วน

แต่จากสายตาพี่ที่เห็นมาหลายรุ่น น้องไม่ใช่คนแรกที่ประสบแบบนี้
ตอนแรกคิดว่า จะเขียนประวัติของ ฬ ที่แต่เดิมห้วยห่วย ต่อมาประสบความสำเร็จ แต่มันอาจจะกดดันน้องมากไป

เลยเอาแค่ อยากจะมาให้กำลังใจน้อง ก็พอ
จากที่อ่านแล้วเนี่ย พี่ว่า ปัญหาน้องไม่ใช่สอบไม่ผ่าน หรือไม่มีคนรับ แต่เป็นปัญหาของทรรศนคติน้องต่อการใช้ชีวิต

คือคนเรานะ ถ้าทรรศนะคติไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จจริงๆ

ถ้าทรรศนคติดีนะ ทำอะไรก็ฉลุย

แล้วเรามาดูกันต่อว่า ทรรศนคติ เนี่ย มันสร้างกันยังไง
คือต้องเข้าใจสังคม ฬ ก่อน ว่า จากเปลือกที่น้องเห็นว่า คนนั้นก็ดี คนนั้นก็เก่ง คนนั้นก็สวย คนนั้นก็รวย ความเป็นจริง มันมีมนุษย์ ฬ อีกจำพวก พวกที่เป็นคนธรรมดาๆในคณะ แบบธรรมดาจนไม่มีใครจำได้ แต่สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน คือ ยิ้มซุ่มครับ คือทุกคนพยายามสร้างฝันในสิ่งที่เค้าอยากจะเป็น อาจไม่ต้องหวือหวา โชว์ในเฟซ แต่พยายามอย่างมากในทุกๆวัน (คนพวกนี้เผลอๆจะเยอะกว่าคนพวกแรก)

คือถ้าเรามัวแต่เอาตัวเองไปเทียบกับคนพวกแรก ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ชีวิตคือการวิ่งมาราทอน ไม่ใช่วิ่ง100ม. (ไม่ใช่ว่า สอบได้เน สอบได้ผู้ช่วย แช้วชีวิต มันจจะจบ ฝันหวานแบบที่คนส่วนใหญ่ในคณะคิด)

แต่ถ้าน้องไม่เอาตัวไปเทียบกับคนอื่น พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ (อาจจะคือการสอบ หรือการทำงาน อะไรก็ว่าไป)

แรงกดดันจากการเปรียบเทียบจากสังคมมันจะหายไป ชีวิตน้องจะสบาย ทำอะไรก็มีความสุข (ใครอยากจะเท่ยบก็ปล่อยเค้าเทียบไป)

พอเปลี่ยนทรรศนคติ ชีวิตก็เปลี่ยน
(เอ๊ะเหมือนโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยี่ห้อหนึ่ง)


พึ่งรู้ว่า เขียนทัศนคติผิดมาตั้งแต่ต้น แก้กันเองนะ พิมยาวละ สู้ๆน้อง. มีไรอินบ้อกซ์มาได้)
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่มีใบอนุญาตว่าความ , ไม่จบเนติบัณฑิต , เรียน ป.โท ไม่มีที่ไหนรับ , หางานทำไม่ได้
.
๑.ไปสอบใบอนุญาตว่าความสิครับ
๒.เนติฯเรียนไปสอบไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จบ เนติฯไม่จำกัดปีที่เรียนนะครับ ผ่านหมด ๔ สาขา ก็จบรับพระราชทานใบประกาศฯ
๓.ป.โท หลายๆมหาวิทยาลัยไม่มีการจำกัดเกรด แค่ผ่านคุณสมบัติก็ได้เรียน
๔.หางานทำไม่ได้ คือ หางานที่สมใจตัวเองไม่ได้ใช่ไหมครับ
.
.
สรุป คือ คุณยังพยายามไม่มากพอ
ความคิดเห็นที่ 20
ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าคุณจะเรียนจบอะไรมาก็ไม่สำคัญ

เราจบรัฐศาสตร์การทูต ลองงานเยอะมาก ลองผิดลองถูกมาเยอะมาก ทำงานครูสอนภาษา ชิปปิ้ง ล่าม นักแปล ลูกค้าสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อและปล่อยกู้ของธนาคาร วิจัยตลาด เซลล์ การตลาด ไอที จนมาเจอตัวเองว่าชอบทำธุรกิจเอง เพราะเก่งเรื่องภาษา และการเข้าหาผู้คน และสนใจในเรื่องเงินกับการลงทุน

คุณลองหาสิ่งที่คุณถนัดในตัวคุณเอง ที่คุณทำได้ดีอยู่ และคุณสามารถนำเอาสิ่งนี้มาช่วยคนอื่นได้ พัฒนาให้ดี ลงคอร์สเรียนนั่นนี่ ลองทำงานหลายๆ อย่าง ออกจาก Comfort Zone และข้อจำกัดที่ตัวเองขีดให้ตัวเอง ออกไปทำสิ่งที่ไม่เคยทำและไม่ชอบทำ ไม่เวิร์คก็ลองใหม่ แล้วคุณจะค้นพบว่าคุณมีสิ่งที่ทำได้และทำได้ดีเยอะมาก

เรียนอะไรมาก็ไม่สำคัญเท่ากับลงมือหาประสบการณ์ด้วยตัวเอง แล้วไม่ต้องรอให้คนอื่นมาให้โอกาสกับเรา ตัวเรานี่แหละค่ะที่ต้องสร้างโอกาสและขณะเดียวกันออกไปฉกฉวยโอกาสด้วยตัวเอง

จงตื่น จงกล้า และจงลงมือทำ .

และไม่ต้องโทษว่าเรียนนั่นนี่มาแล้วชีวิตพัง ไม่มีใคร/อะไรทำชีวิตคุณพังได้ นอกจากคุณยังไม่พยายามมากพอ .
ความคิดเห็นที่ 2
เนื้อหากระทู้แปลก ๆ นะ ตั้งเอามันมั้ย หรือต้องการเรตติ้ง

ถ้าจริง ก็ไม่แปลกที่ตกงาน แค่ทัศนคติ เกี่ยวกับตัวเอง ก็แย่แล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่