สวัสดีชาวห้องบลูฯค่ะ
คิดอยู่พักนึงว่าจะมาเขียนลงในนี้ดีมั๊ย หลังจากที่บันทึกการเดินทางใน Facebook มามากต่อมากแล้ว เพื่อนๆเชียร์ตอนนี้มากที่สุด ก็เลยเอามาลองลงในนี้ดูเผื่อว่าจะมีใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้ แล้วส่งต่อเรื่องราวไปถึงคนในเรื่อง
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่ากระทู้แรกแต่ทำไมตอน 6 นะคะ ^^
นี่คือบันทึกที่เขียนไว้ค่ะ
----------------------------------------------------------------------------
Taiwan Trip 2016 (Part 6 : Viva La Vida)
ได้เรื่องเลย
หลังจาก happy กับนมไข่มุกไปแหม่บๆ ก็ว่าแล้วว่าทำไมมันเหมือนยังมีกลิ่นชา แล้วก็ดันกินจนหมด
ผลคือนอนไม่ได้เลยค่ะ ว้าวุ่นเวิ่นเว้อ แล้วใครในห้องไปปิดแอร์ก็ไม่รู้ หายใจไม่ออกซ้ำไปอีก ซักพักออกอาการปวดท้อง พยายามนอนไปอีกให้ถึงเช้า ก็ยังจะตื่นออกไปเดินต่อนะ คิดในแง่ดีว่าเดี๋ยวมันก็หายได้เองมั๊ง ค่อยๆเดินค่อยๆไป
นั่ง MRT สายสีแดงไปสถานี หยวนซาน (Yuanshan) ถึงสถานีได้ ไม่ไหวแล้วว่ะ ปวดหนักกว่าเดิมอีก จะรอดมั๊ยเนี่ย ส่งข้อความไปหาพี่จูนเภสัชกรประจำตัว ให้เลือกยาที่หอบมาให้ตรงกับอาการ เวลานี้ 10 โมงเริ่มที่ Buscopan แก้ปวดท้อง
กระดึ๊บต่อไปไหว้พระที่วัดขงจื๊อแห่งไทเป Taipei Confucius Temple ไม่ไกลจากสถานี แต่เดินนานมาก
วัดนี้ไม่เหมือนวัดอื่นคือไม่ได้สร้างเพื่อบูชาเทพเจ้า แต่เป็นขงจื๊อ นักปราชญ์ที่อุทิศตนให้กับการศึกษา ดังนั้นวัดนี้จึงมีชื่อเสียงในการขอพรให้สอบผ่าน
ในวัดเงียบสงบมาก Visitor Center ให้ข้อมูลดีงาม มีแผนที่ให้เดินตามเป็นภาษาอังกฤษด้วย มีโรงหนัง 4D ขนาดย่อมๆเอาไว้ฉายประวัติและการบูรณะวัด ใกล้จนทหารเอาปืนมาจิ้มตากันเลยทีเดียว
สังเกตุเห็นว่ามีคนพาเด็กเล็กๆมาไหว้ เข้าใจว่าน่าจะขอพรให้เรียนหนังสือเก่งๆ ถึงฉันจะไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ก็ขอพรให้สอบผ่านกับบทเรียนชีวิตไปเรื่อยๆก็แล้วกัน
ข้ามถนนมาอีกฝั่งก็เป็นอีกวัด ชื่อวัดเป่าอัน Baoan Temple วัดนี้ดังเรื่องขอพรสุขภาพ แหม่… พอดี กำลังสะบักสะบอมเลย
วัดนี้สถาปัตยกรรมสวยมาก องค์พระประทานคือเทพเป่าเซิงต้าตี้ ซึ่งเป็นเทพแห่งสุขภาพ ซื้อชุดไหว้ด้วยภาษามือ เริ่มคล่องแล้ว แต่มางงเอาตรงไหว้จากไหนไปไหนอีกแล้ว มีธูป 7 ดอกแต่เห็นมี 4 กระถางตรงหน้า
และแล้ว เราก็เล็งคนให้ถามได้แล้ว เธอเหมือนแว๊บจากที่ทำงานมาไหว้พระนะ ดูจากการแต่งตัว เธออธิบายว่าเริ่มจากไหนไปไหนบ้าง ฉันขอบคุณแล้วก็คิดว่าเธอจะเดินไปไหว้ของเธอ สรุปว่าเธอรอฉันด้วย ให้เดินตามไปไหว้ด้วยกันเลย จุดที่ 5 กับ 6 ต้องขึ้นไปไหว้ข้างบน โชคดีที่เดินตามเธอไป ไม่งั้นจะไม่รู้ว่ามีลิฟท์ซ่อนอยู่ข้างหลัง ให้เดินขึ้นบันไดอาจแย่ได้
ไหว้ครบ 7 จุดเธอยังใจดีบอกว่าให้ไปวัดขงจี๊อสิสวยนะ ฉันบอกว่าไปมาแล้ว เธอก็บ๊ายบายจากไป
เดินออกมาหน้าวัดมีเสียงผู้ชายพูดภาษาไทย “เจอกันอีกแล้วนะครับ” พอหันไป อ้าวว ผู้ชายคนที่นั่งรถบัสลงมาจาก Alishan ด้วยกันนี่นา คนที่เห็นฉันเมารถหมดสภาพคนนั้นนั่นเอง ฉันถามว่ามาคนเดียวเหรอ เค้าก็ถามฉันว่ามาคนเดียวเหรอ พร้อมกันซะงั้น และแล้วก็เลยยิ้มให้กันแล้วชวนกันไปด้วยกันซะเลย
หลายคนอาจจะจิ้นไปถึงจึดนั้นแล้ว แต่เอาจริงๆคือจบตั้งแต่ ต่างคนต่างตอบว่ามาคนเดียวแล้วล่ะ แล้วก็ต่างคนต่างไป ก็ฉันไหว้เสร็จแล้ว แต่เค้าเพิ่งมา จะมารอกันก็แปลกๆอยู่มั๊ย
กระดึ๊บกลับมาขึ้น MRT สภาพย่ำแย่ คิดว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว มันเหมือนจะอ้วกตลอดเวลา พี่จูนบอกให้กลับไปกิน Norflex เพราะสงสัยว่าจะติดเชื้อในกระเพาะอาหารซะแล้ว แล้วก็นอนพัก
ก็เลยหาอาหารเที่ยงกินยาแล้วก็กลับมานอนที่ห้อง หวังว่ามันจะดีขึ้น
นอนไปชั่วโมงนึง มีเสียง intercom ประกาศเข้ามาให้ห้อง แต่เป็นภาษาจีน ฟังไม่ออกไม่รู้ว่าอะไร แต่ระแวงว่าเป็นการเตือนอะไรรึเปล่า เสียงคนข้างนอกก็ดูล้งเล้ง ก็เลยดีดตัวล้างหน้าล้างตา ออกไปใหม่ เหลืออีก 2 ที่ที่อยากไปวันนี้ ถ้าสังขารเอื้ออำนวย
ยังคงเป็น MRT สายสีแดงอยู่เหมือนเดิม นั่งไปอีกสองป้ายลงสถานี เจียง ไค เช็ค C.S.K. Memory Hall ออกทางออกที่ 5 ก็จะเจอกับความอลังการของซุ้มประตูทางเข้าได้เลย อนุสรณ์สถาน เจียง ไค เช็ค นับเป็นที่แรกๆที่นักท่องเที่ยวนึกถึงเวลามาไต้หวัน พอๆกับตึกไทเป 101
อนุสรณ์สถานเป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยม (เลข 8 เป็นเลขมงคลจริงๆ) หลังคาสีน้ำเงิน ต้องปีนบันได้ขึ้นไปตั้ง 89 ชั้น เอาวะ ก็ค่อยๆคลานไป เดี๋ยวก็ถึง
นอกจากรูปปั้นสำริดขนาดมหึมา ในอิริยาบทนั่งและยิ้มของประธาณาธิบดี เจียง ไค เช็ค ที่ทุกคนให้ความสนใจแล้ว ยังมีอีกอย่างที่แย่งซีนไปหมดทุกสิ่งคือ ทหารยามที่ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นอยู่สองข้าง ถ้าไม่กระพริบตา แล้วก็ไหล่ที่ขยับน้อยๆให้รู้ว่าหายใจ ก็จะคิดว่าหุ่นแน่นอน
ทุกต้นชั่วโมงจะมีการผลัดเปลี่ยนเวร แนะนำให้มาก่อนเวลานิดหน่อย จะได้มุมดีๆไว้ถ่ายรูปหรือไม่ก็ VDO
ฮึกเหิม พร้อมเพรียง ดูเข้มแข็งมากๆ แล้วก็หน้าตาดีมากด้วย (เกี่ยวนะ) ต้องคัดมาแล้วแน่ๆ โดนถ่ายรูปวันนึงเป็นร้อยๆอย่างนั้น
ระหว่างทางลง อ้าววววว เจอตาคนนั้นอีกแล้ว ไทเป มันเล็กขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
ฉันบอกว่าทหารเพิ่งเปลี่ยนเวรยามเสร็จ ถ้าจะรอก็ต้องอีกชั่วโมง เค้าบอกว่าไม่รอหรอก จะไปขึ้นเขาช้าง ถ่ายรูปตึกไทเป 101 คราวนี้บ๊ายบายกันจริงๆแล้ว
จริงๆอยากไปเขาช้างเหมือนกัน เพราะวันแรกดันขึ้นทางผิด แต่สภาพนี้คงตายอยู่ตีนเขาแน่
นั่ง MRT สายสีแดงเจ้าเก่า ไปลงสถานี Taipei 101/ World Trade Center ทางออกที่ ก็ถึงทางเข้าเลย แหงนคอมองขึ้นไปเลย ไทเป วันโอวัน อยู่ตรงนั้นเลย สูงลิบ
ตอนแรกตั้งใจว่าจะหามุมถ่ายเซลฟี่กับตึก แต่เอาจริงๆ เดินก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว กลับเห๊อะ
พี่จูนบอกว่าให้กินอาหารอ่อนหรือน้ำเกลือแร่ ความมันส์คือการสื่อสารเพื่อจะซื้อผงเกลือแร่นี่แหละ ต้องถึงกับให้เพื่อนที่ทำงานคนจีน ช่วยเป็นล่ามให้เลย กว่าจะได้มานี่แบ่บ เห้อออออ
เอาล่ะ เชื่อมั่นว่า กินยาไปหลายขนานขนาดนี้ พรุ่งนี้จะหาย
เข้มแข็งไว้
สู้ๆ
April 12, 2016
Taipei,Taiwan
Title: Viva La Vida
Artist: Coldplay
https://www.youtube.com/watch?v=dvgZkm1xWPE
----------------------------------------------------------------------------
กลับมาถึงไทยเมื่อวาน เพิ่งได้เอารูปออกจากกล้อง แล้วก็เป็นความบังเอิญอีกแล้ว ที่มีเงาๆ ของคนนั้นอยู่ในรูปด้วยตั้งรูปนึง
เป็นหนึ่งความประทับใจดีๆกับการเดินทางที่ไทเป
[CR] Taiwan Trip 2016 (Part 6 : Viva La Vida)
คิดอยู่พักนึงว่าจะมาเขียนลงในนี้ดีมั๊ย หลังจากที่บันทึกการเดินทางใน Facebook มามากต่อมากแล้ว เพื่อนๆเชียร์ตอนนี้มากที่สุด ก็เลยเอามาลองลงในนี้ดูเผื่อว่าจะมีใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้ แล้วส่งต่อเรื่องราวไปถึงคนในเรื่อง
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่ากระทู้แรกแต่ทำไมตอน 6 นะคะ ^^
นี่คือบันทึกที่เขียนไว้ค่ะ
----------------------------------------------------------------------------
Taiwan Trip 2016 (Part 6 : Viva La Vida)
ได้เรื่องเลย
หลังจาก happy กับนมไข่มุกไปแหม่บๆ ก็ว่าแล้วว่าทำไมมันเหมือนยังมีกลิ่นชา แล้วก็ดันกินจนหมด
ผลคือนอนไม่ได้เลยค่ะ ว้าวุ่นเวิ่นเว้อ แล้วใครในห้องไปปิดแอร์ก็ไม่รู้ หายใจไม่ออกซ้ำไปอีก ซักพักออกอาการปวดท้อง พยายามนอนไปอีกให้ถึงเช้า ก็ยังจะตื่นออกไปเดินต่อนะ คิดในแง่ดีว่าเดี๋ยวมันก็หายได้เองมั๊ง ค่อยๆเดินค่อยๆไป
นั่ง MRT สายสีแดงไปสถานี หยวนซาน (Yuanshan) ถึงสถานีได้ ไม่ไหวแล้วว่ะ ปวดหนักกว่าเดิมอีก จะรอดมั๊ยเนี่ย ส่งข้อความไปหาพี่จูนเภสัชกรประจำตัว ให้เลือกยาที่หอบมาให้ตรงกับอาการ เวลานี้ 10 โมงเริ่มที่ Buscopan แก้ปวดท้อง
กระดึ๊บต่อไปไหว้พระที่วัดขงจื๊อแห่งไทเป Taipei Confucius Temple ไม่ไกลจากสถานี แต่เดินนานมาก
วัดนี้ไม่เหมือนวัดอื่นคือไม่ได้สร้างเพื่อบูชาเทพเจ้า แต่เป็นขงจื๊อ นักปราชญ์ที่อุทิศตนให้กับการศึกษา ดังนั้นวัดนี้จึงมีชื่อเสียงในการขอพรให้สอบผ่าน
ในวัดเงียบสงบมาก Visitor Center ให้ข้อมูลดีงาม มีแผนที่ให้เดินตามเป็นภาษาอังกฤษด้วย มีโรงหนัง 4D ขนาดย่อมๆเอาไว้ฉายประวัติและการบูรณะวัด ใกล้จนทหารเอาปืนมาจิ้มตากันเลยทีเดียว
สังเกตุเห็นว่ามีคนพาเด็กเล็กๆมาไหว้ เข้าใจว่าน่าจะขอพรให้เรียนหนังสือเก่งๆ ถึงฉันจะไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ก็ขอพรให้สอบผ่านกับบทเรียนชีวิตไปเรื่อยๆก็แล้วกัน
ข้ามถนนมาอีกฝั่งก็เป็นอีกวัด ชื่อวัดเป่าอัน Baoan Temple วัดนี้ดังเรื่องขอพรสุขภาพ แหม่… พอดี กำลังสะบักสะบอมเลย
วัดนี้สถาปัตยกรรมสวยมาก องค์พระประทานคือเทพเป่าเซิงต้าตี้ ซึ่งเป็นเทพแห่งสุขภาพ ซื้อชุดไหว้ด้วยภาษามือ เริ่มคล่องแล้ว แต่มางงเอาตรงไหว้จากไหนไปไหนอีกแล้ว มีธูป 7 ดอกแต่เห็นมี 4 กระถางตรงหน้า
และแล้ว เราก็เล็งคนให้ถามได้แล้ว เธอเหมือนแว๊บจากที่ทำงานมาไหว้พระนะ ดูจากการแต่งตัว เธออธิบายว่าเริ่มจากไหนไปไหนบ้าง ฉันขอบคุณแล้วก็คิดว่าเธอจะเดินไปไหว้ของเธอ สรุปว่าเธอรอฉันด้วย ให้เดินตามไปไหว้ด้วยกันเลย จุดที่ 5 กับ 6 ต้องขึ้นไปไหว้ข้างบน โชคดีที่เดินตามเธอไป ไม่งั้นจะไม่รู้ว่ามีลิฟท์ซ่อนอยู่ข้างหลัง ให้เดินขึ้นบันไดอาจแย่ได้
ไหว้ครบ 7 จุดเธอยังใจดีบอกว่าให้ไปวัดขงจี๊อสิสวยนะ ฉันบอกว่าไปมาแล้ว เธอก็บ๊ายบายจากไป
เดินออกมาหน้าวัดมีเสียงผู้ชายพูดภาษาไทย “เจอกันอีกแล้วนะครับ” พอหันไป อ้าวว ผู้ชายคนที่นั่งรถบัสลงมาจาก Alishan ด้วยกันนี่นา คนที่เห็นฉันเมารถหมดสภาพคนนั้นนั่นเอง ฉันถามว่ามาคนเดียวเหรอ เค้าก็ถามฉันว่ามาคนเดียวเหรอ พร้อมกันซะงั้น และแล้วก็เลยยิ้มให้กันแล้วชวนกันไปด้วยกันซะเลย
หลายคนอาจจะจิ้นไปถึงจึดนั้นแล้ว แต่เอาจริงๆคือจบตั้งแต่ ต่างคนต่างตอบว่ามาคนเดียวแล้วล่ะ แล้วก็ต่างคนต่างไป ก็ฉันไหว้เสร็จแล้ว แต่เค้าเพิ่งมา จะมารอกันก็แปลกๆอยู่มั๊ย
กระดึ๊บกลับมาขึ้น MRT สภาพย่ำแย่ คิดว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว มันเหมือนจะอ้วกตลอดเวลา พี่จูนบอกให้กลับไปกิน Norflex เพราะสงสัยว่าจะติดเชื้อในกระเพาะอาหารซะแล้ว แล้วก็นอนพัก
ก็เลยหาอาหารเที่ยงกินยาแล้วก็กลับมานอนที่ห้อง หวังว่ามันจะดีขึ้น
นอนไปชั่วโมงนึง มีเสียง intercom ประกาศเข้ามาให้ห้อง แต่เป็นภาษาจีน ฟังไม่ออกไม่รู้ว่าอะไร แต่ระแวงว่าเป็นการเตือนอะไรรึเปล่า เสียงคนข้างนอกก็ดูล้งเล้ง ก็เลยดีดตัวล้างหน้าล้างตา ออกไปใหม่ เหลืออีก 2 ที่ที่อยากไปวันนี้ ถ้าสังขารเอื้ออำนวย
ยังคงเป็น MRT สายสีแดงอยู่เหมือนเดิม นั่งไปอีกสองป้ายลงสถานี เจียง ไค เช็ค C.S.K. Memory Hall ออกทางออกที่ 5 ก็จะเจอกับความอลังการของซุ้มประตูทางเข้าได้เลย อนุสรณ์สถาน เจียง ไค เช็ค นับเป็นที่แรกๆที่นักท่องเที่ยวนึกถึงเวลามาไต้หวัน พอๆกับตึกไทเป 101
อนุสรณ์สถานเป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยม (เลข 8 เป็นเลขมงคลจริงๆ) หลังคาสีน้ำเงิน ต้องปีนบันได้ขึ้นไปตั้ง 89 ชั้น เอาวะ ก็ค่อยๆคลานไป เดี๋ยวก็ถึง
นอกจากรูปปั้นสำริดขนาดมหึมา ในอิริยาบทนั่งและยิ้มของประธาณาธิบดี เจียง ไค เช็ค ที่ทุกคนให้ความสนใจแล้ว ยังมีอีกอย่างที่แย่งซีนไปหมดทุกสิ่งคือ ทหารยามที่ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นอยู่สองข้าง ถ้าไม่กระพริบตา แล้วก็ไหล่ที่ขยับน้อยๆให้รู้ว่าหายใจ ก็จะคิดว่าหุ่นแน่นอน
ทุกต้นชั่วโมงจะมีการผลัดเปลี่ยนเวร แนะนำให้มาก่อนเวลานิดหน่อย จะได้มุมดีๆไว้ถ่ายรูปหรือไม่ก็ VDO
ฮึกเหิม พร้อมเพรียง ดูเข้มแข็งมากๆ แล้วก็หน้าตาดีมากด้วย (เกี่ยวนะ) ต้องคัดมาแล้วแน่ๆ โดนถ่ายรูปวันนึงเป็นร้อยๆอย่างนั้น
ระหว่างทางลง อ้าววววว เจอตาคนนั้นอีกแล้ว ไทเป มันเล็กขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
ฉันบอกว่าทหารเพิ่งเปลี่ยนเวรยามเสร็จ ถ้าจะรอก็ต้องอีกชั่วโมง เค้าบอกว่าไม่รอหรอก จะไปขึ้นเขาช้าง ถ่ายรูปตึกไทเป 101 คราวนี้บ๊ายบายกันจริงๆแล้ว
จริงๆอยากไปเขาช้างเหมือนกัน เพราะวันแรกดันขึ้นทางผิด แต่สภาพนี้คงตายอยู่ตีนเขาแน่
นั่ง MRT สายสีแดงเจ้าเก่า ไปลงสถานี Taipei 101/ World Trade Center ทางออกที่ ก็ถึงทางเข้าเลย แหงนคอมองขึ้นไปเลย ไทเป วันโอวัน อยู่ตรงนั้นเลย สูงลิบ
ตอนแรกตั้งใจว่าจะหามุมถ่ายเซลฟี่กับตึก แต่เอาจริงๆ เดินก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว กลับเห๊อะ
พี่จูนบอกว่าให้กินอาหารอ่อนหรือน้ำเกลือแร่ ความมันส์คือการสื่อสารเพื่อจะซื้อผงเกลือแร่นี่แหละ ต้องถึงกับให้เพื่อนที่ทำงานคนจีน ช่วยเป็นล่ามให้เลย กว่าจะได้มานี่แบ่บ เห้อออออ
เอาล่ะ เชื่อมั่นว่า กินยาไปหลายขนานขนาดนี้ พรุ่งนี้จะหาย
เข้มแข็งไว้
สู้ๆ
April 12, 2016
Taipei,Taiwan
Title: Viva La Vida
Artist: Coldplay
https://www.youtube.com/watch?v=dvgZkm1xWPE
----------------------------------------------------------------------------
กลับมาถึงไทยเมื่อวาน เพิ่งได้เอารูปออกจากกล้อง แล้วก็เป็นความบังเอิญอีกแล้ว ที่มีเงาๆ ของคนนั้นอยู่ในรูปด้วยตั้งรูปนึง
เป็นหนึ่งความประทับใจดีๆกับการเดินทางที่ไทเป
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น