สวัสดีค่า เราสมัครสมาชิกเพราะคิดว่าจะมาแชร์ประสบการณ์การได้เลี้ยงสัตว์แบบบังเอิญสุดๆ
จขกท.ชื่อ ‘ฟิล์ม’ แต่ขอแทนตัวว่าเราละกัน เพราะเราแทนชื่อตัวเองไม่เป็น ฮ่าฮ่า
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เคยตั้งเล่าอะไรแบบนี้เลย เราเล่ายืดไปหรือไม่เข้าใจตรงไหนคอมเมนต์ถามได้เลยนะคะ
แต่เราตั้งใจว่าจะเล่าละเอียดเลย จะเบื่อตัวหนังสือกันรึเปล่าอ่ะ
CR.Surakeaw photo (พี่สาวเราถ่ายให้ค่ะ)
จริงๆจะเป็นการพูดถึงประสบการณ์การเลี้ยงสัตว์ที่คาดไม่ถึงในชีวิตเลย นั่นก็คือกระรอกนั่นเองค่ะ
เด็กน้อยตัวนี้ชื่อ ‘มีตัง’ เป็นกระรอกเพศเมีย อายุตอนนี้ก็พึ่งสองขวบไปหมาดๆเลยค่ะ
*ต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะคะว่าบางช่วงจะบรรยายอย่างเดียวไม่มีรูป เพราะเคยเอารูปลง NB เครื่องเก่าแล้วมันเจ๊ง เลยหายไปเกือบหมด เหลือเท่าที่เรามีไว้ใน Ipad เท่านั้น (ส่วนมากจะเป็นคลิปเด็ดๆของมีตังที่เสียดายสุดๆเลย T^T)
และบางช่วงอาจจะมีช่วงดราม่าบ้าง ถือว่าเป็นความผิดของเราเองลองผิเดลองถูกเลี้ยงเค้ามาแล้ว อย่าว่ากันนะ T^T
แต่ว่าก็ถือว่าโชคดีที่ผ่านมาได้
เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า...
จุดเริ่มต้น
เมื่อวานที่ 9 เมษายน 2557 ตอนที่เรานั่งเล่นโน๊ตบุ้ค(เก่า) อยู่ในห้อง เราก็ได้ยินเสียงดังค่ะ
เป็นเสียงหวีดแหลมเล็กมาก เราก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็นเหมือนเสียงอะไร แต่ที่แน่ๆเป็นเสียงหวีด
แบบวี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด! ดังเป็นระรอกค่ะ ตอนแรกเราว่าตัวเองหูฝาดนะ แต่ด้วยความที่บ้านเป็นบ้านไม้ เสียงอะไรจะลอดเข้ามาในห้องง่าย เราเลยตัดสินใจออกจากห้องไปดู
เป็นด้านนอกที่เป็นเตียงของพ่อกับแม่ค่ะ เราก็เห็นแมวของเราตัวหนึ่ง(บ้านมีแมวหลายตัว) มันนั่งอยู่
เราก็ไม่สนใจเพราะตอนนั้นไม่เห็น มันเอาตัวบัง ก็เลยจะเดินเข้าห้องแต่ยังไม่ทันได้กลับเข้าไปคราวนี้เสียงชัดแจ๋วเลยค่ะ
วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! เราเลยรีบเข้าไปดูก็เห็นว่าแมวกำลังเล่นหนูบ้านอยู่กลางเตียง
เราก็เลยกรี๊ด เรารู้สึกว่าไม่ชอบหนูบ้านไง ยายกับน้องของยายก็เลยลงมาดู และทุกคนลงความเห็นว่ามันคือหนูบ้าน
ยายเห็นหลานกลัวก็เลยเอาใส่ถุงพลาสติกชั้นที่หนึ่งมัดปาก แล้วซ้อนชั้นที่สองอีก! ทั้งที่หนูตัวนั้นยังไม่ตาย
แต่ตอนยืนดูเนี่ย ยายของเราท่านบอกว่า หนูบ้านอะไรทำไมตัวใหญ่จัง เพราะมันไม่ลืมตาค่ะเลยดูตัวใหญ่ ตัวประมาณนิ้วโป้ง หางยาว แล้วก็มีฟันคู่หน้า
แต่ดูยังไงมันก็หนูบ้านอ่ะ ยายก็เลยเอาไปแขวนไว้ใกล้ๆถังขยะ (ถุงพลาสติกซ้อนพลาสติกนั่นแหละ)
หลังจากนั้นก็แยกย้ายค่ะ เรากลับเข้าบ้านมาแล้วรู้สึกกระวนกระวาย คือมันก็กลัวแต่ก็สงสาร เพราะเราก็เห็นๆอยู่ว่ามันยังไม่ตาย
แต่ก่อนหน้านั้นน้องของยายท่านบอกว่าทิ้งไว้แถวนี้ยังไงมันก็โดนแมวคาบกลับมาเล่นจนตายอยู่ดี
เราไม่รู้จะทำยังไงค่ะเข้าบ้านมาได้ 5 นาที ก็จะโทรหาพ่อแต่เงินในโทรศัพท์หมด =_= เลยรีบเดินวิ่งออกไปจากบ้าน
แต่พึ่งปิดประตูบ้านก็เป็นจังหวะเดียวกันกับน้าบี(นามสมมติ) ที่เป็นแฟนน้าเราแล้วเค้าเลี้ยงนก กลับเข้าบ้านมาพอดี
เราเลยรีบบอกเลยค่ะ
เรา : น้าบีๆ เมื่อกี้แมวคาบตัวอะไรไม่รู้มา หนูกับยายว่ามันเป็นหนู แต่ตัวมันใหญ่กว่านั้นอ่ะ
น้าบี : ไหนๆ เอาไปไว้ไหนแล้วล่ะ
เรา : นี่ๆ ถุงนี้เลย มันยังไม่ตาย หนูสงสารมัน
แล้วน้าบีก็คว้าถุงมาเปิดออก นางยังหายใจอยู่ค่ะ!
น้าบี : มันไม่ใช่หนู แต่มันเป็นกระรอก!
นี่แหละค่ะจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้เจอกับมีตัง ^^
เราเคยบอกว่าเอาไปคืนบนต้นมะขามที่คิดว่ามันตกลงมาดีไหม แต่ยายบอกว่าเราจับมันไปแล้วกลิ่นเราก็ติดตัวมันไป
ถ้าแม่มันมาเจอถ้าไม่ใช่กลิ่นมัน ยังไงมันก็โดนกัดตายอยู่ดี
เราขอพ่อกับแม่ตกลงว่าขอเลี้ยง(ตอนนั้นเราเลี้ยงทั้งหมา แมว หนูแฮมเตอร์อยู่) ท่านก็โอเคค่ะ แต่ท่านก็กลัวว่าจะไม่รอด เพราะยังไม่ลืมตา
แล้วก็ไม่เคยเลี้ยงมาก่อน แต่เราก็ขอลองดู อย่างน้อยเราเคยเลี้ยงแฮมเตอร์มาก่อนปีหนึ่งแล้ว สัตว์ฟันแทะเหมือนกันคงไม่ลำบาก(คิดผิดแบบสุดๆ)

มีเรื่องให้แปลกใจอีกเรื่องคือตัวของมีตังไม่มีรอยเขี้ยวหรือรายเล็บข่วนจากแมวเลยค่ะ
ตอนเราเจอตอนแรกก็แมวมันจะเอาเท้าสะกิดนางก็จะแหกปากเสียงดัง แค่นั้นเอง
แต่ตรงหน้าท้องเหนืออวัยเพศมีรอยเขียวช้ำสีม่วงเหมือนเวลาคนไปกระแทกอะไรมาแล้วผิวช้ำจนเขียวนั่นแหละค่ะ
เราไม่รู้จะรักษายังไงเพราะมันช้ำข้างในไงไม่มีบาดแผลภายนอก เลยปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นผ่านไปหนึ่งอาทิตย์รอยช้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอยเลย
การให้อาหาร(ในตอนเด็ก)
เริ่มแรกเราศึกษาจากอินเตอร์เน็ทก่อนเลย ตอนนั้นที่พอจำได้คือ “ห้ามกินนมวัวเด็ดขาด”
(อันนี้พอทราบมาบ้างเพราะตอนเริ่มเลี้ยงแฮมเตอร์เค้าบอกว่าสัตว์ทุกชนิดจริงๆย่อยนมวัวไม่ได้)
ที่ปลอดภัยและใกล้เคียงนมของแม่กระรอกที่สุดคือ “นมแพะ” ความคิดตอนนั้นคือ...จะไปหามาจากไหนวะ =_=
อันดับต่อไปถ้าหานมแพะไม่ได้คือ นมแมว พอจะแทนกันได้อย่
และถ้าหาข้างบนไม่ได้เลยจริงๆ อันนี้ขอไว้เป็นอันดับสุดท้ายคือ “นมถั่วเหลือง” เราคิดตอนนั้นได้เลยคือ อันนี้แหละใช่ที่สุด หาง่ายด้วย โดยที่ไม่ได้คิดว่ามันมีน้ำตาลอะไรเลยนะ
คิดแต่ว่าก็มันคือนมถั่วเหลือง -0-
สรุปพอซื้อมาแล้วนางไม่กินเลย แบบหันหน้าหนีอ่ะ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง นางจะร้องเป็นระยะๆคงจะหิว
เราก็หยอดไวตามิลค์รอไปจนเย็นที่พ่อกลับมาให้พาไปร้านสัตวแพทย์อันดับดับ 1 คือใกล้ที่สุดแล้ว
แต่คำพูดหมอวันนั้นเราจำได้ดีจนวันนี้ แล้วก็จะไม่เหยียบไปที่นั่นอีกเลย!
เรา : คือหนูมาหาซื้อนมแพะน่ะค่ะ มีขายมั้ยคะ
หมอ1 : เราจะเอาไปทำอะไรหรอ
เรา : จะเอาไปให้กระรอกกินค่ะ หรือนมแมวก็ได้นะคะมีขายมั้ย
หมอ1 : (นิ่งไปครู่หนึ่ง) ไม่มีขายหรอก แต่ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องให้นมแพะเลย ให้นมที่ขายในเซเว่นก็ได้
เรา : (อึ้งหนักกว่าหมออีก) เห็นเค้าบอกว่าสัตว์ตัวเล็กๆนี่กินนมวัวไม่ได้ไม่ใช่หรอคะ
หมอ1 : กินได้ ให้ไปเลย ให้ไปเถอะ มันกินได้
คือตัวเราไม่รู้ทำไมถึงไม่เชื่อหมอนะ ทั้งที่เค้าบอกว่าให้ได้ แต่เราคิดว่ามันไม่ใช่ เพราะหนูโอ่ง(แฮมเตอร์) เรายังไม่กล้าให้กินเลย เรากลัวท้องอืดตาย
เราเลยขอให้พ่อพาไปร้านที่สอง
เรา : หมอคะ คือแมวคาบลูกกระรอกมา แต่หนูไปอ่านมาว่าให้นมแมวหรือนมแพะได้ ที่นี่ขายมั้ยคะ
หมอ 2 : อืม...มันลืมตารึยัง
เรา : ยังไม่ลืมค่ะ
หมอ : แล้วมีขนขึ้นรึยัง หรือตัวยังแดงๆ
เรา : ขนขึ้นแล้วค่ะ
หมอ 2 : งั้นก็โอเค มีโอกาสรอดขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง คือนมแมวที่หมอมีขาย มันเป็นแบบเปิดแล้วอยู่ได้แค่ 3 วัน กระรอกตัวเล็กๆกินไม่ทันแน่ๆ
งั้นเอานมแพะแบบซองไปชงแล้วกัน ลองก่อนซองหนึ่งก็ได้ หมอว่าเค้าไม่น่าจะแพ้นะ หรือถ้าแพ้คือเกิดอาการท้องอืด
เราจะลำบากนะเพราะไม่สามารถหาอะไรดีได้เท่านมแพะแล้วนอกจากจะเป็นจากเต้าแม่เค้า
คุณหมอถึงแม้จะไม่ได้จบเฉพาะทางสัตว์พิเศษแต่ให้คำแนะนำดีมากค่ะ แถมให้หลอดไซริง 1 mm. ที่ใส่ไส้ไก่ให้ดูดได้ง่ายๆ
**เราแอบถามมาด้วยแหละว่าตกลงมันดินนมวัวได้มั้ย หมอ2 บอกว่าไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งสัตว์เล็กยิ่งห้ามเลย อาจจะมีบางตัวที่ไม่แพ้ก็จริง
แต่ถ้าพลาดแพ้ขึ้นเราเราเองแหละที่จะเสียใจ**

เครดิตรูปจาก Google นะคะ กลับบ้านมากลัวมากว่าจะไม่กิน แต่ที่ไหนได้ ดูดแรงซะดึงไซริงแทบไม่ทัน!
ตอนสองเดือนแรก เค้าจะกินทีละน้อยๆแต่บ่อยค่ะ เราจะตั้งนาฬิกาปลุกทุก 2 ชม.มาป้อนให้ดูด
แต่พอเริ่มเข้าช่วงเดือนที่ 3 จะกินเช้า กลางวันเย็นและก่อนนอนค่ะ ชงสดทุกครั้งไม่มีเวฟไมโครเวฟค่ะ

เครดิตในรูป ขออนุญาตเจ้าของรูปด้วยนะคะ ขอนำรูปมาเพื่อให้เห็นว่าตรงปลายไซลิงที่เป็นไส้ไก่ให้ดูดได้ง่ายขึ้นเป็นยังไงนะคะ

ผ่านไป 5 วัน ลืมตาข้างเดียวอีกข้างหนึ่งลืมเต็มที่วันที่ 7 พอดีค่ะ

ท่านอนจะค่อนข้างประหลาดและไม่ค่อยเป็นกุลสตรีเท่าไหร่นะคะ ฮ่าฮ่า

อาจจะเพราะลืมตาก็เห็นหน้าเราเลย ก็เลยติดเรามากๆค่ะ ขยับให้ไปนอนในกรง
ถ้าไม่ปิดประตูกรงเอาไว้จะปีนขึ้นมานอนอยู่บนตัวไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน และแน่นอนว่าชอบที่แปลกๆด้วย
เรื่องการกกไฟ
จากที่เราไปศึกษามา (อากู๋ที่เดิมนั่นแหละ) เค้าบอกว่ากระรอกเด็กจะต้องการอบอุ่นเป็นอย่างมาก
ถึงขนาดว่าถ้าซื้อมาหรือมันไม่ได้อยู่กับแม่ จะต้องกกหลอดไฟให้ความอบอุ่นเลยทีเดียว!
เอาละสิ! หลอดไปอ่ะหาง่ายเพราะพ่อเราก็เป็นช่างพอต่อไฟได้อยู่ แต่เรากลัวว่ามันจะร้อนไป
เรื่องนี้เราเลยไม่ได้สนใจหามากกให้เปลี่ยนเป็นหาผ้ามาให้นางเอาไว้ซุกโดยเฉพาะ
เพราะมีตังนอนกับเราค่ะ ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้จะต้องนอนด้วยกัน
ตอนช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนแรก นางจะออกจากผ้าของตัวเองแล้วมานอนตรงซอกคอเรา >///<
ตอนแรกเราก็ยัดนางกลับไปไว้ที่ผ้าของนางที่อยู่ตรงข้างหมอน แต่นางไม่ยอมค่ะ ปิดไฟนี่จะมาแล้ว
เราเลยปล่อยเลยตามเลยให้นอนไป ถึงแม้จะกลัวนอนทับนางก็เถอะ แต่ก็ดีที่ไม่เคยมีเหตุการณ์นั้นนะ
เรื่องการเจ็บป่วยและการรักษาในแบบฉบับของเรา(สำคัญมาก)
แน่นอนว่ามีตังก็ผ่านวินาทีเฉียดตายรอบที่สองมาเช่นกัน ซึ่งจากรอบแรกก็คือจากถุงพลสาติกมัดสองชั้นนั่นแหละ
เรื่องนี้ขอให้เพื่อนๆที่เลี้ยงสัตว์แปลกๆ(หรือหมาแมว)ได้ศึกษาและสังเกตสัตว์เลี้ยงของตัวเองด้วยนะคะว่าเค้าแพ้หรือไม่แพ้อะไร
อะไรกินได้กินไม่ได้ อย่างเคสของมีตังนี่ “แพ้ซีลีแลค”
คราวนี้อากู๋ทำพิษและเป็นความผิดของเราด้วยที่อยากลองของ =_= คือเราก็หาไปเรื่อยๆค่ะว่าตอนนี้นางขนจะเริ่มยาวขึ้น
แล้วจะกินอะไรได้อีกบ้างมั้ยนอกจากนมแพะ
ตอนแรกอ่านมาว่าเจอกล้วย ลองแล้ว แต่นางไม่พิสมัย ไม่ยอมกินเลย -0-
จนมาถูกใจอีกอย่างหนึ่งที่เห็นหลายคนบอกนอกจากนมแพะกินแล้วไม่แพ้นั่นก็คือซีรีแลคค่ะ
เราหยิบเงินออกมาไปซื้อทันใดในวันที่ 20/04/57 กลับมาจัดแจงทำให้เหลวที่สุดลองก่อนเลย
สรุปว่านางชอบ เลียกินจนหมด 1 หลอด(นั่นคือโคต้าทุก 2 ชม.ของนาง) ก็หลับไป
กระรอกเด็กไม่มีอะไรมาก กินแล้วก็นอนจริงๆ
เราก็เล่นเกมส์ไปให้นางนอนในกรงโดยไม่ได้ปิดประตูกร แต่ก็แปลกใจที่ไม่ปีนขึ้นมาหา เวลาผ่านไปว่าครึ่ง ชม.
น้องเริ่มกระตุกค่ะ แบบเหมือนตอนที่แมวละเมอน่ะค่ะ จะขาสั่นเป็นช่วงๆ เราก็เห็นว่าปกติ
เพราะเคยถามหมอ2มาเค้าบอกว่าเป็นปกติ เวลานอนสัตว์เล็กจะแบบกระตุกบ้าง
แต่เราสังเกตได้ว่ากระตุกบ่อยมาก แล้วที่แน่ๆคือท้องของนางกลมดิ๊กเลยค่ะ
เราคิดอย่างแรกเลยคือท้องอืดแน่ๆ นางแทบไม่ลืมตาเลยค่ะ อย่างในรูปนี่นอนอย่างเดียว
เราหาวิธีรักษาจากในเน็ตไม่มีเลย เราเลยคิดเอาเองล้วนๆ =_=
(ไม่สามารถไปหาหมอได้เพราะเคยสอบถามมาหมอ 2 มาแล้ว หมอบอกหากป่วยขึ้นมาจริงๆเค้ารักษาไม่ได้เพราะไม่ใช้สัตวแพทย์เฉพาะทางสัตว์พิเศษ)
**มีต่อในคอมเมนต์แรกนะคะ พอดีเนื้อหาไม่พอ ^^"
เล่าประสบการณ์ เฮ้ย! ที่แมวคาบมามันไม่ใช่หนูแต่มันคือกระรอก!
จขกท.ชื่อ ‘ฟิล์ม’ แต่ขอแทนตัวว่าเราละกัน เพราะเราแทนชื่อตัวเองไม่เป็น ฮ่าฮ่า
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เคยตั้งเล่าอะไรแบบนี้เลย เราเล่ายืดไปหรือไม่เข้าใจตรงไหนคอมเมนต์ถามได้เลยนะคะ
แต่เราตั้งใจว่าจะเล่าละเอียดเลย จะเบื่อตัวหนังสือกันรึเปล่าอ่ะ
เด็กน้อยตัวนี้ชื่อ ‘มีตัง’ เป็นกระรอกเพศเมีย อายุตอนนี้ก็พึ่งสองขวบไปหมาดๆเลยค่ะ
*ต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะคะว่าบางช่วงจะบรรยายอย่างเดียวไม่มีรูป เพราะเคยเอารูปลง NB เครื่องเก่าแล้วมันเจ๊ง เลยหายไปเกือบหมด เหลือเท่าที่เรามีไว้ใน Ipad เท่านั้น (ส่วนมากจะเป็นคลิปเด็ดๆของมีตังที่เสียดายสุดๆเลย T^T)
และบางช่วงอาจจะมีช่วงดราม่าบ้าง ถือว่าเป็นความผิดของเราเองลองผิเดลองถูกเลี้ยงเค้ามาแล้ว อย่าว่ากันนะ T^T
แต่ว่าก็ถือว่าโชคดีที่ผ่านมาได้
เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า...
จุดเริ่มต้น
เมื่อวานที่ 9 เมษายน 2557 ตอนที่เรานั่งเล่นโน๊ตบุ้ค(เก่า) อยู่ในห้อง เราก็ได้ยินเสียงดังค่ะ
เป็นเสียงหวีดแหลมเล็กมาก เราก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็นเหมือนเสียงอะไร แต่ที่แน่ๆเป็นเสียงหวีด
แบบวี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด! ดังเป็นระรอกค่ะ ตอนแรกเราว่าตัวเองหูฝาดนะ แต่ด้วยความที่บ้านเป็นบ้านไม้ เสียงอะไรจะลอดเข้ามาในห้องง่าย เราเลยตัดสินใจออกจากห้องไปดู
เป็นด้านนอกที่เป็นเตียงของพ่อกับแม่ค่ะ เราก็เห็นแมวของเราตัวหนึ่ง(บ้านมีแมวหลายตัว) มันนั่งอยู่
เราก็ไม่สนใจเพราะตอนนั้นไม่เห็น มันเอาตัวบัง ก็เลยจะเดินเข้าห้องแต่ยังไม่ทันได้กลับเข้าไปคราวนี้เสียงชัดแจ๋วเลยค่ะ
วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! เราเลยรีบเข้าไปดูก็เห็นว่าแมวกำลังเล่นหนูบ้านอยู่กลางเตียง
เราก็เลยกรี๊ด เรารู้สึกว่าไม่ชอบหนูบ้านไง ยายกับน้องของยายก็เลยลงมาดู และทุกคนลงความเห็นว่ามันคือหนูบ้าน
ยายเห็นหลานกลัวก็เลยเอาใส่ถุงพลาสติกชั้นที่หนึ่งมัดปาก แล้วซ้อนชั้นที่สองอีก! ทั้งที่หนูตัวนั้นยังไม่ตาย
แต่ตอนยืนดูเนี่ย ยายของเราท่านบอกว่า หนูบ้านอะไรทำไมตัวใหญ่จัง เพราะมันไม่ลืมตาค่ะเลยดูตัวใหญ่ ตัวประมาณนิ้วโป้ง หางยาว แล้วก็มีฟันคู่หน้า
แต่ดูยังไงมันก็หนูบ้านอ่ะ ยายก็เลยเอาไปแขวนไว้ใกล้ๆถังขยะ (ถุงพลาสติกซ้อนพลาสติกนั่นแหละ)
หลังจากนั้นก็แยกย้ายค่ะ เรากลับเข้าบ้านมาแล้วรู้สึกกระวนกระวาย คือมันก็กลัวแต่ก็สงสาร เพราะเราก็เห็นๆอยู่ว่ามันยังไม่ตาย
แต่ก่อนหน้านั้นน้องของยายท่านบอกว่าทิ้งไว้แถวนี้ยังไงมันก็โดนแมวคาบกลับมาเล่นจนตายอยู่ดี
เราไม่รู้จะทำยังไงค่ะเข้าบ้านมาได้ 5 นาที ก็จะโทรหาพ่อแต่เงินในโทรศัพท์หมด =_= เลยรีบเดินวิ่งออกไปจากบ้าน
แต่พึ่งปิดประตูบ้านก็เป็นจังหวะเดียวกันกับน้าบี(นามสมมติ) ที่เป็นแฟนน้าเราแล้วเค้าเลี้ยงนก กลับเข้าบ้านมาพอดี
เราเลยรีบบอกเลยค่ะ
เรา : น้าบีๆ เมื่อกี้แมวคาบตัวอะไรไม่รู้มา หนูกับยายว่ามันเป็นหนู แต่ตัวมันใหญ่กว่านั้นอ่ะ
น้าบี : ไหนๆ เอาไปไว้ไหนแล้วล่ะ
เรา : นี่ๆ ถุงนี้เลย มันยังไม่ตาย หนูสงสารมัน
แล้วน้าบีก็คว้าถุงมาเปิดออก นางยังหายใจอยู่ค่ะ!
น้าบี : มันไม่ใช่หนู แต่มันเป็นกระรอก!
นี่แหละค่ะจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้เจอกับมีตัง ^^
เราเคยบอกว่าเอาไปคืนบนต้นมะขามที่คิดว่ามันตกลงมาดีไหม แต่ยายบอกว่าเราจับมันไปแล้วกลิ่นเราก็ติดตัวมันไป
ถ้าแม่มันมาเจอถ้าไม่ใช่กลิ่นมัน ยังไงมันก็โดนกัดตายอยู่ดี
เราขอพ่อกับแม่ตกลงว่าขอเลี้ยง(ตอนนั้นเราเลี้ยงทั้งหมา แมว หนูแฮมเตอร์อยู่) ท่านก็โอเคค่ะ แต่ท่านก็กลัวว่าจะไม่รอด เพราะยังไม่ลืมตา
แล้วก็ไม่เคยเลี้ยงมาก่อน แต่เราก็ขอลองดู อย่างน้อยเราเคยเลี้ยงแฮมเตอร์มาก่อนปีหนึ่งแล้ว สัตว์ฟันแทะเหมือนกันคงไม่ลำบาก(คิดผิดแบบสุดๆ)
มีเรื่องให้แปลกใจอีกเรื่องคือตัวของมีตังไม่มีรอยเขี้ยวหรือรายเล็บข่วนจากแมวเลยค่ะ
ตอนเราเจอตอนแรกก็แมวมันจะเอาเท้าสะกิดนางก็จะแหกปากเสียงดัง แค่นั้นเอง
แต่ตรงหน้าท้องเหนืออวัยเพศมีรอยเขียวช้ำสีม่วงเหมือนเวลาคนไปกระแทกอะไรมาแล้วผิวช้ำจนเขียวนั่นแหละค่ะ
เราไม่รู้จะรักษายังไงเพราะมันช้ำข้างในไงไม่มีบาดแผลภายนอก เลยปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นผ่านไปหนึ่งอาทิตย์รอยช้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอยเลย
การให้อาหาร(ในตอนเด็ก)
เริ่มแรกเราศึกษาจากอินเตอร์เน็ทก่อนเลย ตอนนั้นที่พอจำได้คือ “ห้ามกินนมวัวเด็ดขาด”
(อันนี้พอทราบมาบ้างเพราะตอนเริ่มเลี้ยงแฮมเตอร์เค้าบอกว่าสัตว์ทุกชนิดจริงๆย่อยนมวัวไม่ได้)
ที่ปลอดภัยและใกล้เคียงนมของแม่กระรอกที่สุดคือ “นมแพะ” ความคิดตอนนั้นคือ...จะไปหามาจากไหนวะ =_=
อันดับต่อไปถ้าหานมแพะไม่ได้คือ นมแมว พอจะแทนกันได้อย่
และถ้าหาข้างบนไม่ได้เลยจริงๆ อันนี้ขอไว้เป็นอันดับสุดท้ายคือ “นมถั่วเหลือง” เราคิดตอนนั้นได้เลยคือ อันนี้แหละใช่ที่สุด หาง่ายด้วย โดยที่ไม่ได้คิดว่ามันมีน้ำตาลอะไรเลยนะ
คิดแต่ว่าก็มันคือนมถั่วเหลือง -0-
สรุปพอซื้อมาแล้วนางไม่กินเลย แบบหันหน้าหนีอ่ะ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง นางจะร้องเป็นระยะๆคงจะหิว
เราก็หยอดไวตามิลค์รอไปจนเย็นที่พ่อกลับมาให้พาไปร้านสัตวแพทย์อันดับดับ 1 คือใกล้ที่สุดแล้ว
แต่คำพูดหมอวันนั้นเราจำได้ดีจนวันนี้ แล้วก็จะไม่เหยียบไปที่นั่นอีกเลย!
เรา : คือหนูมาหาซื้อนมแพะน่ะค่ะ มีขายมั้ยคะ
หมอ1 : เราจะเอาไปทำอะไรหรอ
เรา : จะเอาไปให้กระรอกกินค่ะ หรือนมแมวก็ได้นะคะมีขายมั้ย
หมอ1 : (นิ่งไปครู่หนึ่ง) ไม่มีขายหรอก แต่ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องให้นมแพะเลย ให้นมที่ขายในเซเว่นก็ได้
เรา : (อึ้งหนักกว่าหมออีก) เห็นเค้าบอกว่าสัตว์ตัวเล็กๆนี่กินนมวัวไม่ได้ไม่ใช่หรอคะ
หมอ1 : กินได้ ให้ไปเลย ให้ไปเถอะ มันกินได้
คือตัวเราไม่รู้ทำไมถึงไม่เชื่อหมอนะ ทั้งที่เค้าบอกว่าให้ได้ แต่เราคิดว่ามันไม่ใช่ เพราะหนูโอ่ง(แฮมเตอร์) เรายังไม่กล้าให้กินเลย เรากลัวท้องอืดตาย
เราเลยขอให้พ่อพาไปร้านที่สอง
เรา : หมอคะ คือแมวคาบลูกกระรอกมา แต่หนูไปอ่านมาว่าให้นมแมวหรือนมแพะได้ ที่นี่ขายมั้ยคะ
หมอ 2 : อืม...มันลืมตารึยัง
เรา : ยังไม่ลืมค่ะ
หมอ : แล้วมีขนขึ้นรึยัง หรือตัวยังแดงๆ
เรา : ขนขึ้นแล้วค่ะ
หมอ 2 : งั้นก็โอเค มีโอกาสรอดขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง คือนมแมวที่หมอมีขาย มันเป็นแบบเปิดแล้วอยู่ได้แค่ 3 วัน กระรอกตัวเล็กๆกินไม่ทันแน่ๆ
งั้นเอานมแพะแบบซองไปชงแล้วกัน ลองก่อนซองหนึ่งก็ได้ หมอว่าเค้าไม่น่าจะแพ้นะ หรือถ้าแพ้คือเกิดอาการท้องอืด
เราจะลำบากนะเพราะไม่สามารถหาอะไรดีได้เท่านมแพะแล้วนอกจากจะเป็นจากเต้าแม่เค้า
คุณหมอถึงแม้จะไม่ได้จบเฉพาะทางสัตว์พิเศษแต่ให้คำแนะนำดีมากค่ะ แถมให้หลอดไซริง 1 mm. ที่ใส่ไส้ไก่ให้ดูดได้ง่ายๆ
**เราแอบถามมาด้วยแหละว่าตกลงมันดินนมวัวได้มั้ย หมอ2 บอกว่าไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งสัตว์เล็กยิ่งห้ามเลย อาจจะมีบางตัวที่ไม่แพ้ก็จริง
แต่ถ้าพลาดแพ้ขึ้นเราเราเองแหละที่จะเสียใจ**
เครดิตรูปจาก Google นะคะ กลับบ้านมากลัวมากว่าจะไม่กิน แต่ที่ไหนได้ ดูดแรงซะดึงไซริงแทบไม่ทัน!
ตอนสองเดือนแรก เค้าจะกินทีละน้อยๆแต่บ่อยค่ะ เราจะตั้งนาฬิกาปลุกทุก 2 ชม.มาป้อนให้ดูด
แต่พอเริ่มเข้าช่วงเดือนที่ 3 จะกินเช้า กลางวันเย็นและก่อนนอนค่ะ ชงสดทุกครั้งไม่มีเวฟไมโครเวฟค่ะ
เครดิตในรูป ขออนุญาตเจ้าของรูปด้วยนะคะ ขอนำรูปมาเพื่อให้เห็นว่าตรงปลายไซลิงที่เป็นไส้ไก่ให้ดูดได้ง่ายขึ้นเป็นยังไงนะคะ
ผ่านไป 5 วัน ลืมตาข้างเดียวอีกข้างหนึ่งลืมเต็มที่วันที่ 7 พอดีค่ะ
ท่านอนจะค่อนข้างประหลาดและไม่ค่อยเป็นกุลสตรีเท่าไหร่นะคะ ฮ่าฮ่า
อาจจะเพราะลืมตาก็เห็นหน้าเราเลย ก็เลยติดเรามากๆค่ะ ขยับให้ไปนอนในกรง
ถ้าไม่ปิดประตูกรงเอาไว้จะปีนขึ้นมานอนอยู่บนตัวไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน และแน่นอนว่าชอบที่แปลกๆด้วย
เรื่องการกกไฟ
จากที่เราไปศึกษามา (อากู๋ที่เดิมนั่นแหละ) เค้าบอกว่ากระรอกเด็กจะต้องการอบอุ่นเป็นอย่างมาก
ถึงขนาดว่าถ้าซื้อมาหรือมันไม่ได้อยู่กับแม่ จะต้องกกหลอดไฟให้ความอบอุ่นเลยทีเดียว!
เอาละสิ! หลอดไปอ่ะหาง่ายเพราะพ่อเราก็เป็นช่างพอต่อไฟได้อยู่ แต่เรากลัวว่ามันจะร้อนไป
เรื่องนี้เราเลยไม่ได้สนใจหามากกให้เปลี่ยนเป็นหาผ้ามาให้นางเอาไว้ซุกโดยเฉพาะ
เพราะมีตังนอนกับเราค่ะ ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้จะต้องนอนด้วยกัน
ตอนช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนแรก นางจะออกจากผ้าของตัวเองแล้วมานอนตรงซอกคอเรา >///<
ตอนแรกเราก็ยัดนางกลับไปไว้ที่ผ้าของนางที่อยู่ตรงข้างหมอน แต่นางไม่ยอมค่ะ ปิดไฟนี่จะมาแล้ว
เราเลยปล่อยเลยตามเลยให้นอนไป ถึงแม้จะกลัวนอนทับนางก็เถอะ แต่ก็ดีที่ไม่เคยมีเหตุการณ์นั้นนะ
เรื่องการเจ็บป่วยและการรักษาในแบบฉบับของเรา(สำคัญมาก)
แน่นอนว่ามีตังก็ผ่านวินาทีเฉียดตายรอบที่สองมาเช่นกัน ซึ่งจากรอบแรกก็คือจากถุงพลสาติกมัดสองชั้นนั่นแหละ
เรื่องนี้ขอให้เพื่อนๆที่เลี้ยงสัตว์แปลกๆ(หรือหมาแมว)ได้ศึกษาและสังเกตสัตว์เลี้ยงของตัวเองด้วยนะคะว่าเค้าแพ้หรือไม่แพ้อะไร
อะไรกินได้กินไม่ได้ อย่างเคสของมีตังนี่ “แพ้ซีลีแลค”
คราวนี้อากู๋ทำพิษและเป็นความผิดของเราด้วยที่อยากลองของ =_= คือเราก็หาไปเรื่อยๆค่ะว่าตอนนี้นางขนจะเริ่มยาวขึ้น
แล้วจะกินอะไรได้อีกบ้างมั้ยนอกจากนมแพะ
ตอนแรกอ่านมาว่าเจอกล้วย ลองแล้ว แต่นางไม่พิสมัย ไม่ยอมกินเลย -0-
จนมาถูกใจอีกอย่างหนึ่งที่เห็นหลายคนบอกนอกจากนมแพะกินแล้วไม่แพ้นั่นก็คือซีรีแลคค่ะ
เราหยิบเงินออกมาไปซื้อทันใดในวันที่ 20/04/57 กลับมาจัดแจงทำให้เหลวที่สุดลองก่อนเลย
สรุปว่านางชอบ เลียกินจนหมด 1 หลอด(นั่นคือโคต้าทุก 2 ชม.ของนาง) ก็หลับไป
กระรอกเด็กไม่มีอะไรมาก กินแล้วก็นอนจริงๆ
เราก็เล่นเกมส์ไปให้นางนอนในกรงโดยไม่ได้ปิดประตูกร แต่ก็แปลกใจที่ไม่ปีนขึ้นมาหา เวลาผ่านไปว่าครึ่ง ชม.
น้องเริ่มกระตุกค่ะ แบบเหมือนตอนที่แมวละเมอน่ะค่ะ จะขาสั่นเป็นช่วงๆ เราก็เห็นว่าปกติ
เพราะเคยถามหมอ2มาเค้าบอกว่าเป็นปกติ เวลานอนสัตว์เล็กจะแบบกระตุกบ้าง
แต่เราสังเกตได้ว่ากระตุกบ่อยมาก แล้วที่แน่ๆคือท้องของนางกลมดิ๊กเลยค่ะ
เราคิดอย่างแรกเลยคือท้องอืดแน่ๆ นางแทบไม่ลืมตาเลยค่ะ อย่างในรูปนี่นอนอย่างเดียว
เราหาวิธีรักษาจากในเน็ตไม่มีเลย เราเลยคิดเอาเองล้วนๆ =_=
(ไม่สามารถไปหาหมอได้เพราะเคยสอบถามมาหมอ 2 มาแล้ว หมอบอกหากป่วยขึ้นมาจริงๆเค้ารักษาไม่ได้เพราะไม่ใช้สัตวแพทย์เฉพาะทางสัตว์พิเศษ)
**มีต่อในคอมเมนต์แรกนะคะ พอดีเนื้อหาไม่พอ ^^"