จะง้อแฟน(เก่า)ที่คบกันมาจะ 5 ปี อย่างไรดี (มีรายละเอียดข้างในครับ)

ยาวหน่อยนะครับ

ผมเป็นคนนิสัยจู้จี้จุกจิก แต่ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ หลังๆชอบพูดตรงเกินไป พูดไม่ดีกับเธอ(ไม่หยาบนะ)
ส่วนเธอไม่ค่อยจู้จี้จุกจิกเหมือนผม ออกแนว working woman ทำงานเก่ง เรื่องงานบ้านไม่ค่อยเก่ง แต่ทำอาหารเก่งมาก

เอาตั้งแต่เริ่มต้นเลยนะครับ ผมแก่กว่าเขา 5 ปี (ตอนนี้ผม 29 เธอ 24)

ต่อไปนี้ผมจะใช้ชื่อแฟนเก่าผมว่า ”น้อง ก” กับ “เธอ” นะครับ
คือน้อง ก เนี่ย เป็นรุ่นพี่ที่เอกของผม (เธอปี 2 ผมปี 1) ตอนแรกผมไม่ชอบเธอด้วยซ้ำ เป็นใครว่ะ มายื่นด่าอยู่ได้ (กิจกรรมรับน้อง) แต่ลึกๆผมก็แอบชอบเธอนะ เพราะเธอน่ารัก แต่ช่วงนั้นเธอน่ารักแบบหน้าไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ แล้วเพื่อนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับผมก็เป็นน้องหรัสของ น้อง ก ผมก็คุยกับมันว่าพี่รหัสน่ารักดี แต่อย่าไปบอกเขานะ แต่มันก็ไปบอกจนได้ และแล้วน้อง ก ก็แอดเฟสบุ๊คมาหาผม และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้จักกันครับ

ช่วงที่คบกันแรกๆก็รักกันดีตามประสาข้าวใหม่ปลามัน ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกัน ผมและเธอรักกันมาก ผมยอมเขาทุกอย่าง ผมหอมแก้มเขาทุกวันเลย เพราะแก้มเขานุ่มและผิวหน้าเนียนมากโดยไม่ต้องทาแป้งอะไรทั้งนั้น(นอกเรื่องไปนิด) จนสุดท้ายผมก็ย้ายมาอยู่หอด้วยกันกับเธอ ระหว่างเรียนเราก็ได้มีโอกาสทำงานตามโอกาสและเทศกาลต่างๆด้วยกันบ่อยพอสมควร

คบกันไปได้ระยะหนึ่ง ผมก็ชวนน้อง ก ไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน(ผมบวชปฏิบัติธรรมมาแล้ว 2 ครั้ง) พอถึงวันนั้น ผมก็แวะเก็บเสื้อผ้าที่บ้านและจะได้แนะนำให้คนในครอบครัวได้รู้จักเธอด้วย วันนั้นเธอก็พาเพื่อนไปด้วยพอไปถึงบ้าน ผมก็แนะนำให้แม่รู้จัก แล้วเขาทั้ง 3 คนก็นั่งคุยกัน ผมก็ไปเก็บของ แต่แม่ผมไม่ได้คุยกับแฟนผมสักเท่าไหร่(แม่เป็นคนหัวโบราณ ไม่ค่อยสนับสนุนให้อยู่ก่อนแต่ง) แม่ผมก็คุยกับเพื่อนเขาเกือบตลอดเวลาที่นั่งคุยกัน โดยแทบไม่สนใจน้อง ก เลย คงจะพอเดาความรู้สึกของน้อง ก ได้นะครับว่าจะรู้สึกอย่างไร

หลังจากนั้นผมก็พยายามคะยั้นคะยอให้เธอไปบ้านผมอยู่ตลอดเพื่อให้เธอกับคนทางบ้านสนิทกันมากขึ้น แต่ยิ่งพาไป น้อง ก ก็เหมือนจะยิ่งอึดอัดเพราะหลายๆครั้งครอบครัวผมเหมือนจะเยอะกับเราทุกเรื่องมากเกินไป และช่วงเดียวกัน ผมก็มีโอกาสได้ไปส่งเธอกลับบ้านที่อยู่อีกจังหวัดบ่อยครั้ง เจอแม่เธอทุกครั้ง(แยกกันกับพ่อ) แต่แม่เธอไม่เหมือนแม่ผมนะ คือลูกรักใครก็รักคนนั้น แม่เขาก็คงจะโอเคกับผมอยู่

ระหว่างเรียนเราก็ได้มีโอกาสที่จะทำงานตามเทศกาลและโอกาสต่างๆด้วยกันบ่อยครั้ง ด้วยความเป็นคนหน้าตาน่ารักก็เลยทำให้มีคนมาจีบตอนทำงานตลอด ผมก็หึงหวงเป็นธรรมดา ก็มีแอบเอาโทรศัพท์เธอมาเปิดดูบ้างอะไรบ้าง บางครั้งเธอก็รำคาณหาว่าผมหวงไร้สาระ  พอจบเรื่องเราก็รักกันเหมือนเดิม

มาถึงปัญหาใหญ่ครั้งแรก ช่วงนั้นผมเริ่มบ่นเรื่องที่เธอชอบใช้เงินฟุ่มเฟย ผมบ่นจนเธอทนไม่ไหว และช่วงนั้นเธอได้ทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก็มีฝรั่งรูปหล่อขอไลน์เธอจากเพื่อนที่เธอทำงานด้วย เธอก็บอกเลิกผมทั้งๆที่ยังอยู่ด้วยกัน ผมก็พยายามแอบเอาโทรศัพท์เธอมาดูแต่เธอตั้งรหัสไว้ ตอนนั้นผมเสียใจมาก ร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นหน้าเธอ(ผมไม่ร้องไห้ตั้งแต่ 10 ขวบ ตอนนั้น 24) ผมจึงตัดสินใจสมัครไปเรียนแลกเปลี่ยนที่จีน 1 เทอมในเทอมหน้า  มีวันหนึ่งเรากอดกันร้องไห้ ที่จริงเธอก็น่าจะยังรักผมนั่นแหละ หลังจากวันนั้นผมก็ตัดสินใจไปหาฝรั่งคนนั้นที่โรงเรียน(ผมสืบเอง) และโชคดีที่ผมพูดอังกฤษได้ ฝรั่งคนนั้นก็บอกขอโทษ หลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็กลับมารักกันเหมือนเดิม

และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องไปจีน ผมรู้สึกเสียใจมากที่จากเธอมา พออยู่จีนได้สัก 2 เดือน ก็รู้จักกับสาวจีนคนหนึ่ง น่ารักแบบอาหมวยเลย เราไปไหนด้วยกันบ่อยมาก แต่ไปในฐานะเพื่อนนะ เพราะผมบอกเขาว่าผมมีแฟนแล้ว แต่ผมและเพื่อนๆที่ไปด้วยกันก็รู้ว่าผมชอบสาวจีนคนนี้ (ช่วงเดียวกันพ่อเธอก็ถูกจับคดียาเสพติด 2 ปี สุดท้ายหลุดคดีเพราะไม่มีหลักฐาน) และ 1 ชั่วโมงก่อนบินกลับไทย ผมก็โทรคุยกับสาวจีนและบอกเขาว่า I love you เขาก็ตอบกลับมาว่า I love you too

พอกลับมาเมืองไทย ผมก็บอกแฟนผมว่าเทอมหน้าจะขอทุนไปเรียน ป โท ที่จีน โดยชวนเธอไปด้วย ซึ่งตอนนั้นเธอได้งานทำที่สนามบินในจังหวัดที่เราอยู่ ผ่านมาได้สักพักผมก็ไปปฏิบัติธรรม 10 วัน ตอนนั้นน้อง ก ก็ระแคะระคายเรื่องผมกับสาวจีนมาบ้างละ มีอยู่วันหนึ่ง เธอโทรไปหาผมที่วัด และร้องห่มร้องไห้เสียใจต่างๆนานาเพราะเธอสืบรู้มาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมก็ตอบอั้มอึ้งไปเพราะตอนนั้นใจอยู่กับสาวจีนไปแล้ว จนเธอขู่จะฆ่าตัวตายผมเลยยอมคุยและปลอบใจเธอไป ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมเขาถึงรักผมขนาดนั้น หรือตอนนั้นเขาโดดเดี่ยวมาก หรือผมเป็นคนไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการพนัน ไม่ฆ่าสัตว์ พูดง่ายๆคือผมจะตั้งใจรักษาศีล 5 มาก แต่เธอก็เคยบอกนะ ว่าฉันคงจะหาคนดีๆอย่างเธอได้ยาก

ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ซึ่งผมก็ยังแอบติดต่อกับสาวจีนอยู่เป็นระยะๆ และแล้วก็เกิดเรื่องน่าช็อค คือสาวจีนคนนั้นมาฝึกงานที่ไทย แต่มันไกลจากบ้านผมแค่ 3 กิโลเท่านั้น! และก่อนหน้านี้เธอจับได้ว่ายังคุยกับสาวจีนอยู่และเธอก็รู้เรื่องการมาครั้งนี้ด้วย แต่ครั้งนี้ผมได้เจอกับสาวจีนแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นนะ ผมมีโอกาสพาเขามาที่บ้านเจอครอบครัวผม 1 ครั้ง ตอนท้ายน้อง ก ก็จับได้โดยการที่เธอคุยกับสาวจีนผ่านเฟสบุ๊ค ว่าผมเป็นคนทักสาวจีนไปก่อนตลอด เขาไม่ได้เป็นคนทักมาก่อนอย่างที่ผมเคยบอกเธอไป สุดท้ายผมก็บอกกับครอบครัวผมว่า “สาวจีนเป็นเพียงคนที่ชอบ แต่น้อง ก คือคนที่ผมรัก” พอผ่านเหตุการณ์นี้ไป เราก็กลับมารักกันเหมือนเดิม

และแล้ว คนที่ได้ทุนไปจีนก้คือ น้อง ก แต่ผมไม่ได้ เธอไปเรียน ป โท หลักสูตร 4 ปี .... เหมือนเดิมครับ มีคนมาชอบเขา ผมก็แอด wechat ไปหาคนนั้น นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเริ่มรำคาณที่ผมชอบแอดไประรานคนเขาไปทั่ว ทั้งๆที่เธอไม่ได้คิดไรด้วย แต่เราก็ยังรักกันเหมือนเดิม จนสุดท้ายเธอเรียนได้แค่เทอมเดียวก็กลับมาไทย เพราะคงคิดถึงผมและไม่แน่ใจด้วยว่าปีหน้าผมจะขอทุนได้ไหมและที่สำคัญเธอกลับมาหาพ่อที่ถูกขังด้วย

เธอกลับมาคราวนี้ผมก็เรียนจบพอดี เธอก็ได้งานใหม่แต่อยู่คนละอำเภอกับที่ผมทำงาน ผมก็ไปหาเธอตลอดในวันหยุด และมีอยู่วันหนึ่งเราทะเลาะกันเรื่องอะไรสักอย่างนี่แหละ ผมก็บอกกับเธอว่าผมอยากบวชไม่มีกำหนด เธอก็ร้องไห้รับไม่ได้ จนสุดท้ายก็ตกลงกันว่าผมจะบวช 1 พรรษา (2558) ระหว่างผมบวช เธอก็ได้งานที่สนามบินแห่งหนึ่งใน กทม เธอก็โทรมาบอกผมให้มาสมัครครูที่ กทม พอสึกผมก็ได้งานนั้นและก็ได้เจอกับเธอบ่อยขึ้น แต่หลังจากสึกมาผมรู้สึกว่าสนใจเธอน้อยลง แต่ในใจก็ยังรักและมีแต่เธอทั้งหัวใจนะ ก็มีไปดูหนังอะไรกันบ้างตามวันหยุดต่างๆ แต่ก็ไม่บ่อย เพราะผมเป็นคนประหยัดออกแนวค่อนข้างจะเกินไป

นี่คือจุดพลิกชีวิตของเธอนะครับ ณ ตอนนี้ เธอสอบนายสิบตำรวจติด เธอก็ได้ไปเรียนตำรวจที่ต่างจังหวัดทางอิสาน พอถึงวันหยุด ก็จะมาหาผมที่ กทม บ้างหรือไม่ก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัดบ้าง แต่ตอนที่เธอมาหาผม สิ่งที่ทำเวลาอยู่ห้องด้วยกันคือ ผมนั่งเล่นคอม ส่วนเธอก็นอนเล่นโทรศัพท์ไป คุยกันน้อยมาก แทนที่ผมจะใช้เวลาที่เธออุตส่าห์มาหาอยู่กับเธอ ประกอบกับช่วงก่อนผมบวชผมบ่นเขาเยอะมาก พอสึกแล้วเห็นอะไรก็ไม่ค่อยบ่นจนกลายเป็นปล่อยวางเลยไม่ค่อยคุยกัน

มาถึงจุดพีค! คือมีวันหนึ่งแม่เธอโทรมา บอกว่า “ถ้าเธอฝึกตำรวจเสร็จก็ให้แต่งงานกันได้แล้ว เพราะคบกันมาหลายปีละ ถ้ายังไม่แต่ง ก็ให้ห่างๆกันไปก่อน” ด้วยที่ตอนนั้นผมลังเลใจอยู่ว่าจะกลับไปบวชหรือมีครอบครัว ผมเลยตอบแม่เขาไปว่า “เอางั้นก็ได้ครับ” นับแต่นั้นมาความรักของเธอก็ดิ่งลง แต่ผมก็ยังรักเขาเหมือนเดิม โดยไม่ได้คิดเลยว่าเธออาจจะเจอใครที่ฝึกตำรวจด้วยกันก็เป็นได้

ต่อมาไม่นาน มีวันหนึ่งผมโทรไปถามเขาเรื่องอะไรสักอย่างนี่แหละ แล้วผมไม่พอใจก็เลยวางหูใส่ (ช่วงหลังทำอย่างนี้บ่อยครั้ง) และวันเดียวกันเธอก็ไลน์มาบอกว่า “เราเป็นพี่น้องกันเถอะ” ด้วยความที่ผมคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เลยตอบเขาไปว่า “ได้” แต่คืนนั้นผมก็ขับรถไปหาเขาที่บ้านที่ต่างจังหวัดนะ(ตาม gps ไป) พูดอย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ผมกลับ กทม อย่างเดียว ทั้งๆที่ตอนนั้นก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว ผมก็ขับกลับมาแบบงงๆมึนๆ ถึง กทม เกือบ ตี 2

ตอนนี้ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้ว แต่ตอนที่เธอบอกเลิก เธอบอกว่าผมคือคนที่เธอไว้ใจมากที่สุด ผมกินไม่ค่อยจะได้ นอนหลับยากมาก ผมพยายามง้อหลายวิธีมาก แอดเฟสบุ๊คเพื่อนเธอที่ฝึกตำรวจด้วยกัน จนตอนนี้เธอก็บล็อคเฟสผมไปละ ช่วงหลังนี่ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่าน โทรไปก็ไม่รับ ส่ง sms ได้อย่างเดียว แล้วทุกอย่างที่ผมกำลังเจอในตอนนี้เนี่ย มันเหมือนกับที่ผมทำกับเขาตอนที่ผมอยู่ที่จีนต่อเนื่องมาถึงตอนที่ผมกลับมาไทยเกือบทุกอย่างเลย คือเธออยู่ในที่ที่ผมเข้าไม่ถึง ไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรกัน ผมบอกเธอว่าจะฆ่าตัวตาย(เหมือนตอนนั้นที่เธอบอก) สุดท้ายเธอบอกไม่ให้โทรไปถ้ามีไรจะติดต่อมาเอง ที่สำคัญผมคะยั้นคะยอจนตอนนี้เธอบอกผมว่าคุยกับคนที่มาฝึกด้วยกัน ผมนี่รับไปเต็มๆ!!!
.....................................................................................เวรกรรม.....................................................................................


ผมก็ได้ปรึกษาเพื่อนผู้หญิงที่ทำงานด้วยกันคนหนึ่ง เขามีประสปการณ์คล้ายกับน้อง ก ในตอนนี้มาก คือเขาคบกันมา 4 ปีเหมือนกันแล้วเลิกตอนที่ฝ่ายหญิงกำลังมีชีวิตใหม่ ตอนนั้นเขาบอกว่า ให้ตายยังไงก็ไม่กลับไปคืนดี เพราะตอนนั้นชีวิตเขากำลังดี จบใหม่ มีการงานที่ดี สวย โสด คนมาจีบเยอะ อยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามันกับสิ่งใหม่ๆในชีวิต คงมีอนาคตที่ดีกว่านี้โดยที่ไม่มีแฟนคนที่เพิ่งเลิกกันไป และตอนนั้นก็คุยกับอีกคนซึ่งดีกว่าแฟนเก่าทุกอย่าง แต่แฟนเก่าเขาก็ไม่ได้ทิ้งไปไหน คอยช่วยเหลือตลอดตอนเขาลำบาก(เงิน) แฟนเก่าเขาก็พยายามอยู่อย่างนี้ประมาณ 1 ปี จนสุดท้ายเขาก็กลับมาคบกันใหม่ พอฟังเรื่องเขาแล้วผมมีกำลังใจขึ้นมาก

ใครมีความคิดเห็นข้อเสนอแนะวิธีทำ ว่าต้องอดทนอะไรอย่างไรแค่ไหนบอกผมหน่อยนะครับ ตอนนี้เรื่องบวชไม่มีในหัวล่ะ ถึงแต่งงานมีลูกก็ปฏิบัติธรรมได้ ที่ต้องการตอนนี้คืออยากได้เธอคืนมา ขอบคุณมากนะครับ ผมรักเธอมาก

ปล. ตอนนี้เธอไม่บล็อคเฟสบุ๊คผมละ แต่ยังบล็อคไม่ให้แอดไป

ปล2. ฉันขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไม่ดีกับเธอนะ สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไปจนเธอไม่ต้องการ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่