คือ เรื่องของเรื่องเริ่มมาจาก บ. เป็นเพื่อนของแฟนเรา คือตอนนั้น บ.และเพื่อน ๆ อีก 2 คน มีปัญหาคือไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง เพราะพึ่งมีปัญหากับเพื่อนร่วมห้อง แฟนเราเลยให้มาพักที่หอเรา ( บ. เป็นทอม ) เพราะหอเรามันแบ่งเป็น 2 ห้องคือ ห้องรับแขกกับห้องนอน มีประตูกั้นเรียบร้อย
เราก็ใจดีให้มาอยู่ และเราไม่คิดค่าเช่า ไม่หาร ไม่อะไรทั้งนั้น เพราะเห็นเป็นเพื่อนแฟน มีอะไรก็ช่วย ๆ กัน (พึ่งมารู้ทีหลังว่า บ. เป็นเพื่อน ของเพื่อนแฟนอีกที และพึ่งมาสนิทกับแฟนตอนช่วงเริ่มเรียน ปี 2 สรุป พึ่งรู้จักกันได้ 3 เดือน )
ตอนอยู่ที่ห้อง เรากับแฟนก็ประมาณว่าใจกว้างงงงงงงงง ใจใหญญญญญญญญญญ่ คือเวลาหิว ก็ลงไปซื้อของกิน กับข้าวมาให้ (ให้ทุกคน) เวลาจะกินเหล้า กินเบียร์ เรากับแฟนนี่ออกจ้า ออกหมด เพราะตอนนั้นทุกคนเดือดร้อนเรื่องเงิน เปิดห้องใหม่กันทุกคน เราก็ไม่พรือ ถือว่าช่วย ๆ เพื่อน เพราะเป็นคนกันเอง บ. พาแฟนมาเล่นที่ห้อง เราก็ไม่ว่าอะไร ( ก้งงนิด ๆ ว่าตกลง ห้องเรากลายเป็นอะไ ใครเป็นเจ้าของห้องคิดจะพาใครมาก็พามาเลย บอกตอนมาถึงหน้าหอแล้วงี้ก็มี แต่ไม่เป้นไร ของไม่หาย เพราะของมีค่าใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้า ล็อคกุญแจเรียบร้อย )
และมีอยู่ช่วงนึงที่ บ. ต้องไปเข้าค่าย รด. นางไม่มีตังไว้ใช้ แฟนเราก็ให้ยืม นางบอกสิ้นเดือนคืน ( ตอนนั้นเป็นช่วงหลังเมษา ปีที่แล้ว2558 ) และตอนที่นางไปออกค่าย พี่แฟนเราเค้ามาที่ห้องเรา มาเอากระเป๋ากลับบ้านต่างจังหวัด แล้วบังเอิญ กระเป๋าของพี่แฟนกับของ บ. เป็นกระเป๋าลาก ลักษณะคล้าย ๆ กัน และเราให้กระเป๋าพี่แฟนไปผิดใบ ตอน บ. กลับมาเราถึงรู้ว่าใบที่ให้พี่แฟนไปเป็นของ บ. เราก็บอกไปว่า เดี๋ยวพี่แฟนก็กลับมาตอนสิ้นเดือน คือไปแค่ 4 วัน แล้วจะเอามาคืนให้
และมีอยู่ครั้งนึง ที่แฟนเราใส่เสื้อ บ. ไปเที่ยวผับ กับ บ. และเพื่อน ๆ นั่นแหล่ะ เราไม่ได้ไปด้วยเพราะขี้เกียจไป พอดีรุ่งเช้ามีสอบ แฟนเราไม่รู้ไปนั่งทับ นั่งพิงอะไร เสื้อเลยเลอะสีที่หัวไหล่นิดหน่อย แค่นิดหน่อยจริง ๆ แต่ตอนนั้น แฟนบอกขอโทษ บ. ก็บอกไม่เป็นไร เราก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรติดค้างกัน
และแล้วก็ถึงเวลาที่ บ. และเพื่อน ๆ ย้ายออกจากห้องไปอยู่หอของตัวเอง ( หอแฟนที่พึ่งขึ้นมาเปิดอยู่ใหม่ พอดีแฟน บ. พึ่งขึ้นมาจาก ตจว.มาเรียนใน กทม. ซึ่งคนนี้ บ. คบมาได้ ปีกว่า และเป็นคนละคนกับที่พามาเล่นห้องเรา ซึ่งเราไม่ยุ่งเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของ บ. ให้ไปจัดการเองเลยค่ะ ถ้าความแตก ) ระยะเวลาที่อยู่ห้องเรา ก็เกือบ ๆ 2 เดือน ค่ากิน ค่าห้อง ฯลฯ เรากับแฟนจะเป็นคนออกเองเป็นส่วนใหญ่ ค่าใช้จ่ายช่วงนั้นรวมกันก็เกือบ ๆ 3xxxx - 4xxxx บาท ซึ่งถือว่าเย๊อะมาก สำหรับเด็กมหาลัย ที่ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย อย่างเราและแฟน ( พ่อแม่เรากับแฟนก็ส่งให้นะ แต่ส่วนใหญ่เราจะไม่โทรขอ ถ้าไม่เดือดร้อนจริง ๆ และช่วงนั้น ยังดีที่ไม่โทรไปรบกวนขอพ่อกับแม่ เพราะพอมีตังเก็บจากที่ทำงานพิเศษช่วงปิดเทอมกันอยู่บ้าง )
##### เข้าประเด็น #####
มีช่วงนึ่งที่เราเดือดร้อนมาก ๆ และถึงเเม้ตังแค่จำนาน 500 มันอาจดูไม่เย๊อะ แต่ถ้าเป็นช่วงที่ช๊อตมาก ๆ ไม่มีติดตัวเลย มันเป็นอะไรที่เย๊อะมากกกก #ใช่ค่ะเราทักไปทวง บ. ตอนแรกก็คุยดีค่ะ คืนวันไหน ที่ไหนยังไง แต่พอถึงวันนัดคืน บ. ก็บอกไม่มีบ้าง โทรสับหายบ้าง จ่ายค่าซ่อมโน๊ตบุ๊คบ้าง เราก็เข้าใจ ไม่เป็นไร แต่พอมีช่วงที่เดือดร้อนจริง ๆ ก็ทักไปทวง ก็ไม่ได้ถี่นะคะ แค่ 7 วันทวงครั้งและมีอยู่ครั้งนึงจำได้ว่าทักไปทวงแต่เจอ บ. ตอกกลับมาว่า
จะยิกทวงอะไรนักหนา + เรื่องกระเป๋าที่เราเข้าใจผิดให้พี่แฟนไปผิดใบ และเรื่องเสื้อ ที่เราไม่ได้เป็นคนใส่ และไม่รู้เรื่องอะไร แต่โดนด่า ซึ่งตอนนั้น แชทมาไม่เท่าไหร่ โทรมาด่าเลยค่ะ แต่พอดีตอนนั้นยุ่ตลาด หน้ารามตรงหน้าสนามราชมังคลา ( เด็กราม เรียก ตลาด กกท. ) คนเย๊อะมากกกก จะให้ด่ากลับตอนนั้นก็อายคน จะให้มายืนด่าตอบ หน้าคนเย๊อะแยะ มันก็ไม่เหมาะ โอเคร เราใจเย็น ไม่ตอบโต้ ไม่มีไม่เป็นไร มีเมื่อไหร่ค่อยคืน
จนเวลาผ่านไป ได้เกือบ ปี เราทักไปทวงอีก เพราะต้องลงทะเบียนเรียน แต่ตังไม่พอ เลยทักไปทวง นางก้เลือน เลื่อนตลอด เหมือนอ้างโน่น อ้างนี่ จนเราให้เวลานางเกือบเดือนบอกว่า ถ้าวันที่ ...
ยังไม่คืนของอนุญาต โพสทวงทางเฟชและแท็กชื่อนะ คือแค่ขู่นิด ๆ ไม่คิดทำจริงเพราะผิด พ.ร.บ. คอมฯ และนางก็พูดเเบบเหมือนประชดอะค่ะ ใจจริงเราก็อยากยกหนี้ให้นะคะ เพราะตังแค่ ไม่กี่ร้อย แต่มันมาสะกิดใจตรงที่นางบอกว่า
อยากรู้เหมือนกันว่าเราจะเดือดร้อนอะไรนักหนา บ้านบ้านจะตาย หยั่งกับลูกคุณหนู เจอประโยคนี้คือ.....อารมณ์คือ ปรี๊ดมากกกกกกกกกก คือบ้านมีตังก็จริง แต่ไม่ใช่ให้ใช้สุรุ่ยสุร่าย ไม่ได้เลี้ยงแบบผู้ดีตีนแดงขนาดนั้น ( คืออยากู้เหมือนกันว่าถ้าเราอยู่ใช้ชีวิตแบบลูกคุณหนูจริง จะทำงานพิเศษเพื่ออะไร ตังหมด ขอพ่อแม่ก็จบ ) เราปรี๊ดมาก เลยไม่ยง ไม่ยก ไม่เห็นใจอะไรแล้ว เลยเดินหน้าทวงลูกเดียวค่ะ (ในใจก็คิดว่า นี่เอาแค่เงินต้น ไม่เอาดอก ถ้าคิดดอกด้วยนิ่คือ คงโดนนางตอกหน้าว่า หน้าเงิน ไอ้เราก็เป็นพวก แฟร์ ๆ ไม่หน้าด้านเอา )
#สรุป วันคืน นางคืนเลยกำหนดมา 1 วันก็ทักมาบอกนะคะ ว่าจะคืนวันถัดไป พอดี โน่น นี่ นั่น และสุดท้ายก็ได้คืนค่ะ ตอนนางทักแชทมาบอกว่าโอนมาแล้ว เราให้ถ่ายสลิปมาให้ดู ก็โอเคค่ะ โอนจริง หลังจากที่ได้ตังคืน ถามว่าติดต่ออยุ่มั้ย ไม่ค่ะ !! คิดว่าถือว่าเรื่องนี้ ใช้ซื้อใจกันไปเลย วัดใจกันไปเลย เจ็บค่ะ เกิดมาพึ่งเคยเจอ เป็นเจ้าหนี้ แต่ต้องเกรงใจลูกหนี้ ยิ่งเป็นเพื่อนกันยิ่งพูดยาก ยิ่งพอเรายอม อ่อนข้อให้ ยิ่งโดนเอาเปรียบ หลังจากนั้นก้เจอกันที่ มอ บ้าง เราเจอเรายิ้มให้นะ แต่นางเมินใส่ค่ะ หลังจากนั้นเราเลยไม่สนใจเลยค่ะ ถือว่าตัด ๆ ไปเลย หมดเวรหมดกรรม
คือ เรื่องนี้ สรุป เราโง่เกินไป เชื่อใจคนอื่นเกินไป ดีเกินไป ใช่มั้ยเนี่ย หรือเราเห็นแก่เงิน หน้าเงินเกินไป กับเงินแค่ไม่กี่ร้อย หรือมีใครเคยเจอหนักกว่านี้ เจอมาประมาณนี้บ้างคะ
ระบายย !! เสียเพื่อนเพราะเรื่องยืมเงิน #ยังเรียกว่าเพื่อนได้อีกมั้ย
เราก็ใจดีให้มาอยู่ และเราไม่คิดค่าเช่า ไม่หาร ไม่อะไรทั้งนั้น เพราะเห็นเป็นเพื่อนแฟน มีอะไรก็ช่วย ๆ กัน (พึ่งมารู้ทีหลังว่า บ. เป็นเพื่อน ของเพื่อนแฟนอีกที และพึ่งมาสนิทกับแฟนตอนช่วงเริ่มเรียน ปี 2 สรุป พึ่งรู้จักกันได้ 3 เดือน )
ตอนอยู่ที่ห้อง เรากับแฟนก็ประมาณว่าใจกว้างงงงงงงงง ใจใหญญญญญญญญญญ่ คือเวลาหิว ก็ลงไปซื้อของกิน กับข้าวมาให้ (ให้ทุกคน) เวลาจะกินเหล้า กินเบียร์ เรากับแฟนนี่ออกจ้า ออกหมด เพราะตอนนั้นทุกคนเดือดร้อนเรื่องเงิน เปิดห้องใหม่กันทุกคน เราก็ไม่พรือ ถือว่าช่วย ๆ เพื่อน เพราะเป็นคนกันเอง บ. พาแฟนมาเล่นที่ห้อง เราก็ไม่ว่าอะไร ( ก้งงนิด ๆ ว่าตกลง ห้องเรากลายเป็นอะไ ใครเป็นเจ้าของห้องคิดจะพาใครมาก็พามาเลย บอกตอนมาถึงหน้าหอแล้วงี้ก็มี แต่ไม่เป้นไร ของไม่หาย เพราะของมีค่าใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้า ล็อคกุญแจเรียบร้อย )
และมีอยู่ช่วงนึงที่ บ. ต้องไปเข้าค่าย รด. นางไม่มีตังไว้ใช้ แฟนเราก็ให้ยืม นางบอกสิ้นเดือนคืน ( ตอนนั้นเป็นช่วงหลังเมษา ปีที่แล้ว2558 ) และตอนที่นางไปออกค่าย พี่แฟนเราเค้ามาที่ห้องเรา มาเอากระเป๋ากลับบ้านต่างจังหวัด แล้วบังเอิญ กระเป๋าของพี่แฟนกับของ บ. เป็นกระเป๋าลาก ลักษณะคล้าย ๆ กัน และเราให้กระเป๋าพี่แฟนไปผิดใบ ตอน บ. กลับมาเราถึงรู้ว่าใบที่ให้พี่แฟนไปเป็นของ บ. เราก็บอกไปว่า เดี๋ยวพี่แฟนก็กลับมาตอนสิ้นเดือน คือไปแค่ 4 วัน แล้วจะเอามาคืนให้
และมีอยู่ครั้งนึง ที่แฟนเราใส่เสื้อ บ. ไปเที่ยวผับ กับ บ. และเพื่อน ๆ นั่นแหล่ะ เราไม่ได้ไปด้วยเพราะขี้เกียจไป พอดีรุ่งเช้ามีสอบ แฟนเราไม่รู้ไปนั่งทับ นั่งพิงอะไร เสื้อเลยเลอะสีที่หัวไหล่นิดหน่อย แค่นิดหน่อยจริง ๆ แต่ตอนนั้น แฟนบอกขอโทษ บ. ก็บอกไม่เป็นไร เราก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรติดค้างกัน
และแล้วก็ถึงเวลาที่ บ. และเพื่อน ๆ ย้ายออกจากห้องไปอยู่หอของตัวเอง ( หอแฟนที่พึ่งขึ้นมาเปิดอยู่ใหม่ พอดีแฟน บ. พึ่งขึ้นมาจาก ตจว.มาเรียนใน กทม. ซึ่งคนนี้ บ. คบมาได้ ปีกว่า และเป็นคนละคนกับที่พามาเล่นห้องเรา ซึ่งเราไม่ยุ่งเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของ บ. ให้ไปจัดการเองเลยค่ะ ถ้าความแตก ) ระยะเวลาที่อยู่ห้องเรา ก็เกือบ ๆ 2 เดือน ค่ากิน ค่าห้อง ฯลฯ เรากับแฟนจะเป็นคนออกเองเป็นส่วนใหญ่ ค่าใช้จ่ายช่วงนั้นรวมกันก็เกือบ ๆ 3xxxx - 4xxxx บาท ซึ่งถือว่าเย๊อะมาก สำหรับเด็กมหาลัย ที่ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย อย่างเราและแฟน ( พ่อแม่เรากับแฟนก็ส่งให้นะ แต่ส่วนใหญ่เราจะไม่โทรขอ ถ้าไม่เดือดร้อนจริง ๆ และช่วงนั้น ยังดีที่ไม่โทรไปรบกวนขอพ่อกับแม่ เพราะพอมีตังเก็บจากที่ทำงานพิเศษช่วงปิดเทอมกันอยู่บ้าง )
##### เข้าประเด็น #####
มีช่วงนึ่งที่เราเดือดร้อนมาก ๆ และถึงเเม้ตังแค่จำนาน 500 มันอาจดูไม่เย๊อะ แต่ถ้าเป็นช่วงที่ช๊อตมาก ๆ ไม่มีติดตัวเลย มันเป็นอะไรที่เย๊อะมากกกก #ใช่ค่ะเราทักไปทวง บ. ตอนแรกก็คุยดีค่ะ คืนวันไหน ที่ไหนยังไง แต่พอถึงวันนัดคืน บ. ก็บอกไม่มีบ้าง โทรสับหายบ้าง จ่ายค่าซ่อมโน๊ตบุ๊คบ้าง เราก็เข้าใจ ไม่เป็นไร แต่พอมีช่วงที่เดือดร้อนจริง ๆ ก็ทักไปทวง ก็ไม่ได้ถี่นะคะ แค่ 7 วันทวงครั้งและมีอยู่ครั้งนึงจำได้ว่าทักไปทวงแต่เจอ บ. ตอกกลับมาว่า จะยิกทวงอะไรนักหนา + เรื่องกระเป๋าที่เราเข้าใจผิดให้พี่แฟนไปผิดใบ และเรื่องเสื้อ ที่เราไม่ได้เป็นคนใส่ และไม่รู้เรื่องอะไร แต่โดนด่า ซึ่งตอนนั้น แชทมาไม่เท่าไหร่ โทรมาด่าเลยค่ะ แต่พอดีตอนนั้นยุ่ตลาด หน้ารามตรงหน้าสนามราชมังคลา ( เด็กราม เรียก ตลาด กกท. ) คนเย๊อะมากกกก จะให้ด่ากลับตอนนั้นก็อายคน จะให้มายืนด่าตอบ หน้าคนเย๊อะแยะ มันก็ไม่เหมาะ โอเคร เราใจเย็น ไม่ตอบโต้ ไม่มีไม่เป็นไร มีเมื่อไหร่ค่อยคืน
จนเวลาผ่านไป ได้เกือบ ปี เราทักไปทวงอีก เพราะต้องลงทะเบียนเรียน แต่ตังไม่พอ เลยทักไปทวง นางก้เลือน เลื่อนตลอด เหมือนอ้างโน่น อ้างนี่ จนเราให้เวลานางเกือบเดือนบอกว่า ถ้าวันที่ ... ยังไม่คืนของอนุญาต โพสทวงทางเฟชและแท็กชื่อนะ คือแค่ขู่นิด ๆ ไม่คิดทำจริงเพราะผิด พ.ร.บ. คอมฯ และนางก็พูดเเบบเหมือนประชดอะค่ะ ใจจริงเราก็อยากยกหนี้ให้นะคะ เพราะตังแค่ ไม่กี่ร้อย แต่มันมาสะกิดใจตรงที่นางบอกว่า อยากรู้เหมือนกันว่าเราจะเดือดร้อนอะไรนักหนา บ้านบ้านจะตาย หยั่งกับลูกคุณหนู เจอประโยคนี้คือ.....อารมณ์คือ ปรี๊ดมากกกกกกกกกก คือบ้านมีตังก็จริง แต่ไม่ใช่ให้ใช้สุรุ่ยสุร่าย ไม่ได้เลี้ยงแบบผู้ดีตีนแดงขนาดนั้น ( คืออยากู้เหมือนกันว่าถ้าเราอยู่ใช้ชีวิตแบบลูกคุณหนูจริง จะทำงานพิเศษเพื่ออะไร ตังหมด ขอพ่อแม่ก็จบ ) เราปรี๊ดมาก เลยไม่ยง ไม่ยก ไม่เห็นใจอะไรแล้ว เลยเดินหน้าทวงลูกเดียวค่ะ (ในใจก็คิดว่า นี่เอาแค่เงินต้น ไม่เอาดอก ถ้าคิดดอกด้วยนิ่คือ คงโดนนางตอกหน้าว่า หน้าเงิน ไอ้เราก็เป็นพวก แฟร์ ๆ ไม่หน้าด้านเอา )
#สรุป วันคืน นางคืนเลยกำหนดมา 1 วันก็ทักมาบอกนะคะ ว่าจะคืนวันถัดไป พอดี โน่น นี่ นั่น และสุดท้ายก็ได้คืนค่ะ ตอนนางทักแชทมาบอกว่าโอนมาแล้ว เราให้ถ่ายสลิปมาให้ดู ก็โอเคค่ะ โอนจริง หลังจากที่ได้ตังคืน ถามว่าติดต่ออยุ่มั้ย ไม่ค่ะ !! คิดว่าถือว่าเรื่องนี้ ใช้ซื้อใจกันไปเลย วัดใจกันไปเลย เจ็บค่ะ เกิดมาพึ่งเคยเจอ เป็นเจ้าหนี้ แต่ต้องเกรงใจลูกหนี้ ยิ่งเป็นเพื่อนกันยิ่งพูดยาก ยิ่งพอเรายอม อ่อนข้อให้ ยิ่งโดนเอาเปรียบ หลังจากนั้นก้เจอกันที่ มอ บ้าง เราเจอเรายิ้มให้นะ แต่นางเมินใส่ค่ะ หลังจากนั้นเราเลยไม่สนใจเลยค่ะ ถือว่าตัด ๆ ไปเลย หมดเวรหมดกรรม
คือ เรื่องนี้ สรุป เราโง่เกินไป เชื่อใจคนอื่นเกินไป ดีเกินไป ใช่มั้ยเนี่ย หรือเราเห็นแก่เงิน หน้าเงินเกินไป กับเงินแค่ไม่กี่ร้อย หรือมีใครเคยเจอหนักกว่านี้ เจอมาประมาณนี้บ้างคะ