จากความเดิมตอนที่แล้ว
http://pantip.com/topic/35038850 [CR]ก้าวเข้าสู่ถนนสายดอกไม้ ในโลกซิงเกิ้ลเกทเวย์ [ซากุระ @อู่ฮั่น]
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทางเป็นวันที่เรากังวลที่สุดเรื่องการเดินทางหาพิกัดที่พักที่จองมาในเมืองลั่วหยาง เพราะลั่วหยางเป็นเมืองที่ไม่ได้รับการบรรจุให้เป็นเมืองที่ทัวร์ไทยทั้งหลายไปนอนค้างคืนกัน รีวิวส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างเก่า ดูที่พักในรีวิวแล้วก็ยังไม่ถูกใจ เลยหาเองเลย ปัญหาคือต้องขึ้นรถเมล์สายไหนไปกัน?
ชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป แม้ว่าเช้านี้ฝนจะตกพรำ ๆ สาวไทยอย่างพี่ก็ต้องกางร่มแบกเป้ออกจากที่พักเพื่อต่อรถใต้ดิน ไป Wuhan Railway Station อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รถไฟจีนยังคงตรงต่อเวลาเสมอ

นั่งรถไฟความเร็วสูง 3 ชั่วโมงกว่า ๆ

ทางเดินในรถไฟกว้าง ที่นั่งใหญ่ดี

บนรถไฟมีห้องสุขา อ่างล้างมือ ที่กดน้ำร้อน ถ่ายรูปจากห้องสุขาบนรถไฟจากในหนังสือมาให้ดูค่ะ

เพื่อนร่วมทาง ดูการ์ตูนเสียงดังลั่นเลย นั่งดูตรงนี้ เผื่อไปถึงคนที่นั่งแถวหลังด้วย

ความเร็วสูงจริง ๆ

ดูวิวข้างทางเพลิน ๆ ยังไม่หายตื่นเต้นดี ก็ถึงเมืองลั่วหยางแล้ว
<<<ลั่วหยาง>>>
ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะหาอะไรกินที่สถานีรถไฟ แต่ออกมาจากชานชลาไม่กี่ก้าวก็เจอลานจอดรถเมล์แล้วเสียนี่ เป็นไงเป็นกันหารถเมล์ไปที่พักเลยหล่ะกัน

เห็นในป้ายรถเมล์มีชื่อถนนที่ที่พักเราตั้งอยู่ด้วย คิดในใจ รอดแล้ว ๆ คอนเฟิร์มอีกทีด้วยการถามอาหมวยแถวนั้นว่าใช่ที่เดียวกันไหม อาหมวยบอกใช่ พี่ก็ขึ้นไปเลยสาย 33

เจ้าประคุณเอ้ย แค่ 1 หยวนนี่พี่นั่งรถเมล์ได้เป็นชั่วโมงเลย แบบรถไม่ติดด้วย เค้าพาวนลัดเลาะเมืองกว่าจะพามาถึงจุดหมายที่พี่ต้องการ พี่ตื่นตาตื่นใจมากที่เห็นเกาะกลางถนนสายต่าง ๆ ในเมืองมีดอกโบตั๋นแข่งกันอวดโฉมโชว์ เอาจริง ถ้าไม่หิว ไม่มีสัมภาระมาเยอะนี่ จะกระโดดลงไปเดินเล่นก่อนแล้ว พีคที่สุดคือก่อนป้ายที่พี่จะลงหนึ่งป้าย มันมีสวนที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ มองไปเห็นดอกโบตั๋นบานเต็มสวนเลย ตอนแรกก็ไม่รู้ชื่อสวน มารู้ทีหลังว่าคือ
The Museum of Imperial Carriages of the Emperor of Zhou Dynasty รอบ ๆ อนุสาวรีย์นี้ (ขอเรียกอนุสาวรีย์นะ เพราะไม่ได้เข้าไปดูในตัวพิพิธภัณฑ์เลย เห็นแต่ม้า 6 ตัว) กับอีกฝั่งนึงของถนนจะมีดอกโบตั๋นเพียบ ออ...คนก็เยอะด้วยเช่นกัน
แต่หารู้ไม่ว่า หลังจากที่พี่ก็ลงถูกป้ายอย่างที่ตั้งใจ เดินหาที่พักประกอบกับแผนที่ในมือนี่คนละเรื่องกันเลย ด้วยสัญชาตญาณคิดว่าไม่ใช่แน่ ๆ แล้ว เลยถามคนแถวนั้นกับคนที่เดินผ่านไปอีกที จนได้ความว่าต้องนั่งรถเมล์ไปอีกด้านของถนน ไกลอยู่จ้า ให้ขึ้นรถเมล์สาย 9 ต่อไป ก็ลงถูกป้ายที่เค้าบอกนะ แต่จากแผนที่ในมือบวกกับสัญชาตญาณมันบอกว่าเลยที่พักมาป้ายนึง ซึ่งก็ถือเป็นความบังเอิญที่ดีอีกครั้งนึง ทำให้รู้ว่าเลยที่พักเราไปหนึ่งป้าย มีตลาดของกินเยอะแยะเลย ไว้ตอนเย็นมาเดินดีกว่า
หน้าที่พักมองไปก็จะเห็นวงเวียนนี้เลย
ถึงโรงแรมแล้ว ด้านล่างก็ดูดีทีเดียว

รอเช็คอินอยู่นานสองนาน ไม่เข้าใจว่าโรงแรมที่จีน ทำไมเช็คอินชาวต่างชาตินานมาก ๆ บางที่ถึงขั้นพี่ต้องเข้าช่วยกรอกข้อมูลเช็คอินในคอมพิวเตอร์ยังมีมาแล้ว

ไปดูในห้องดีกว่า สภาพพอใช้นะ ไม่ได้สะอาดมาก ถ้าเทียบกับโรงแรมอื่น ในทริปนี้ ซึ่งราคาพอ ๆ กัน ที่นี่ให้คะแนนต่ำสุดเลย แต่ข้อดีคือ ทำเลดีมาก เดินไปถนนคนเดินตอนกลางคืนก็ได้ มีรถเมล์ตรงไปสวนโบตั๋น และมีรถเมล์ตรงจากสถานีรถไฟความเร็วสูงมาสุดสายที่นี่อีกด้วย

ไม่อยากจะคิดถ้าทริปนี้มาเที่ยวกับเพื่อน ๆ หึ หึ

วิวเพื่อนบ้าน ดูสิ กระจกยังมัวเลย
ออกไปเดินหาของกินดีกว่า เจอวิวคลองสวย ๆ
มีคนมานั่งร้องเพลง แล้วเขียนอะไรก็ไม่รู้ น่าจะขอรับเงินบริจาคเพื่อทำอะไรสักอย่าง คนมุงเต็มเลย
สะพานลอยที่นี่มีบันไดเลื่อนด้วยนะ
ถึงแล้ว ร้านของกินเพียบเลย
โรตี หลากหลายแบบ ขายทีละครึ่งโล...อยากถามว่า ขายน้อยกว่านี้ไม่ได้หรือไง
ของปิ้งย่างเสียบไม้ มีหลายร้านมาก ทั้งทาซอส สาดผงสารพัด กว่าจะเสร็จพิธีให้กินได้
งานศิลปะก็มี จริง ๆ มีหลายอย่างมาก แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เพราะถือของกินเต็มสองมือ
หาของกินรองท้องเรียบร้อยแล้วก็พาตัวเองมาที่สวนโบตั๋นที่หลงมาเมื่อกี้
สิ่งแรกที่ทำตอนเห็นดอกโบตั๋นครั้งแรกคือ พุ่งเข้าไปดมแล้วจ้า ตื่นเต้นมาก ๆ
กลิ่นก็หอมอ่อน ๆ แต่พอเข้าไปดมใกล้ ๆ ทีละดอกไม่เห็นได้กลิ่นเลย
[CR] [CR]ก้าวเข้าสู่ถนนสายดอกไม้ ในโลกซิงเกิ้ลเกทเวย์ [โบตั๋น @ลั่วหยาง]
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทางเป็นวันที่เรากังวลที่สุดเรื่องการเดินทางหาพิกัดที่พักที่จองมาในเมืองลั่วหยาง เพราะลั่วหยางเป็นเมืองที่ไม่ได้รับการบรรจุให้เป็นเมืองที่ทัวร์ไทยทั้งหลายไปนอนค้างคืนกัน รีวิวส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างเก่า ดูที่พักในรีวิวแล้วก็ยังไม่ถูกใจ เลยหาเองเลย ปัญหาคือต้องขึ้นรถเมล์สายไหนไปกัน?
ชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป แม้ว่าเช้านี้ฝนจะตกพรำ ๆ สาวไทยอย่างพี่ก็ต้องกางร่มแบกเป้ออกจากที่พักเพื่อต่อรถใต้ดิน ไป Wuhan Railway Station อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รถไฟจีนยังคงตรงต่อเวลาเสมอ
นั่งรถไฟความเร็วสูง 3 ชั่วโมงกว่า ๆ
ทางเดินในรถไฟกว้าง ที่นั่งใหญ่ดี
บนรถไฟมีห้องสุขา อ่างล้างมือ ที่กดน้ำร้อน ถ่ายรูปจากห้องสุขาบนรถไฟจากในหนังสือมาให้ดูค่ะ
เพื่อนร่วมทาง ดูการ์ตูนเสียงดังลั่นเลย นั่งดูตรงนี้ เผื่อไปถึงคนที่นั่งแถวหลังด้วย
ความเร็วสูงจริง ๆ
ดูวิวข้างทางเพลิน ๆ ยังไม่หายตื่นเต้นดี ก็ถึงเมืองลั่วหยางแล้ว
<<<ลั่วหยาง>>>
ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะหาอะไรกินที่สถานีรถไฟ แต่ออกมาจากชานชลาไม่กี่ก้าวก็เจอลานจอดรถเมล์แล้วเสียนี่ เป็นไงเป็นกันหารถเมล์ไปที่พักเลยหล่ะกัน
เห็นในป้ายรถเมล์มีชื่อถนนที่ที่พักเราตั้งอยู่ด้วย คิดในใจ รอดแล้ว ๆ คอนเฟิร์มอีกทีด้วยการถามอาหมวยแถวนั้นว่าใช่ที่เดียวกันไหม อาหมวยบอกใช่ พี่ก็ขึ้นไปเลยสาย 33
เจ้าประคุณเอ้ย แค่ 1 หยวนนี่พี่นั่งรถเมล์ได้เป็นชั่วโมงเลย แบบรถไม่ติดด้วย เค้าพาวนลัดเลาะเมืองกว่าจะพามาถึงจุดหมายที่พี่ต้องการ พี่ตื่นตาตื่นใจมากที่เห็นเกาะกลางถนนสายต่าง ๆ ในเมืองมีดอกโบตั๋นแข่งกันอวดโฉมโชว์ เอาจริง ถ้าไม่หิว ไม่มีสัมภาระมาเยอะนี่ จะกระโดดลงไปเดินเล่นก่อนแล้ว พีคที่สุดคือก่อนป้ายที่พี่จะลงหนึ่งป้าย มันมีสวนที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ มองไปเห็นดอกโบตั๋นบานเต็มสวนเลย ตอนแรกก็ไม่รู้ชื่อสวน มารู้ทีหลังว่าคือ The Museum of Imperial Carriages of the Emperor of Zhou Dynasty รอบ ๆ อนุสาวรีย์นี้ (ขอเรียกอนุสาวรีย์นะ เพราะไม่ได้เข้าไปดูในตัวพิพิธภัณฑ์เลย เห็นแต่ม้า 6 ตัว) กับอีกฝั่งนึงของถนนจะมีดอกโบตั๋นเพียบ ออ...คนก็เยอะด้วยเช่นกัน
แต่หารู้ไม่ว่า หลังจากที่พี่ก็ลงถูกป้ายอย่างที่ตั้งใจ เดินหาที่พักประกอบกับแผนที่ในมือนี่คนละเรื่องกันเลย ด้วยสัญชาตญาณคิดว่าไม่ใช่แน่ ๆ แล้ว เลยถามคนแถวนั้นกับคนที่เดินผ่านไปอีกที จนได้ความว่าต้องนั่งรถเมล์ไปอีกด้านของถนน ไกลอยู่จ้า ให้ขึ้นรถเมล์สาย 9 ต่อไป ก็ลงถูกป้ายที่เค้าบอกนะ แต่จากแผนที่ในมือบวกกับสัญชาตญาณมันบอกว่าเลยที่พักมาป้ายนึง ซึ่งก็ถือเป็นความบังเอิญที่ดีอีกครั้งนึง ทำให้รู้ว่าเลยที่พักเราไปหนึ่งป้าย มีตลาดของกินเยอะแยะเลย ไว้ตอนเย็นมาเดินดีกว่า
หน้าที่พักมองไปก็จะเห็นวงเวียนนี้เลย
ถึงโรงแรมแล้ว ด้านล่างก็ดูดีทีเดียว
รอเช็คอินอยู่นานสองนาน ไม่เข้าใจว่าโรงแรมที่จีน ทำไมเช็คอินชาวต่างชาตินานมาก ๆ บางที่ถึงขั้นพี่ต้องเข้าช่วยกรอกข้อมูลเช็คอินในคอมพิวเตอร์ยังมีมาแล้ว
ไปดูในห้องดีกว่า สภาพพอใช้นะ ไม่ได้สะอาดมาก ถ้าเทียบกับโรงแรมอื่น ในทริปนี้ ซึ่งราคาพอ ๆ กัน ที่นี่ให้คะแนนต่ำสุดเลย แต่ข้อดีคือ ทำเลดีมาก เดินไปถนนคนเดินตอนกลางคืนก็ได้ มีรถเมล์ตรงไปสวนโบตั๋น และมีรถเมล์ตรงจากสถานีรถไฟความเร็วสูงมาสุดสายที่นี่อีกด้วย
ไม่อยากจะคิดถ้าทริปนี้มาเที่ยวกับเพื่อน ๆ หึ หึ
วิวเพื่อนบ้าน ดูสิ กระจกยังมัวเลย
ออกไปเดินหาของกินดีกว่า เจอวิวคลองสวย ๆ
มีคนมานั่งร้องเพลง แล้วเขียนอะไรก็ไม่รู้ น่าจะขอรับเงินบริจาคเพื่อทำอะไรสักอย่าง คนมุงเต็มเลย
สะพานลอยที่นี่มีบันไดเลื่อนด้วยนะ
ถึงแล้ว ร้านของกินเพียบเลย
โรตี หลากหลายแบบ ขายทีละครึ่งโล...อยากถามว่า ขายน้อยกว่านี้ไม่ได้หรือไง
ของปิ้งย่างเสียบไม้ มีหลายร้านมาก ทั้งทาซอส สาดผงสารพัด กว่าจะเสร็จพิธีให้กินได้
งานศิลปะก็มี จริง ๆ มีหลายอย่างมาก แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เพราะถือของกินเต็มสองมือ
หาของกินรองท้องเรียบร้อยแล้วก็พาตัวเองมาที่สวนโบตั๋นที่หลงมาเมื่อกี้
สิ่งแรกที่ทำตอนเห็นดอกโบตั๋นครั้งแรกคือ พุ่งเข้าไปดมแล้วจ้า ตื่นเต้นมาก ๆ
กลิ่นก็หอมอ่อน ๆ แต่พอเข้าไปดมใกล้ ๆ ทีละดอกไม่เห็นได้กลิ่นเลย