สวัสดีครับทุกคน
ก่อนอื่นผมขอชี้แจงกับนักอ่าน pantip ผู้น่ารักซึ่งแวะเวียนเข้ามาในกะทู้นี้ว่า เจตนาในการตั้งกะทู้ครั้งนี้ ผมต้องการให้เป็นมากกว่าการ review สถานที่ท่องเที่ยว ผมจึงใส่เรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ความรักที่ไปไม่ถึงจุดหมายของผมลงไปด้วย มันอาจทำให้ความสดใสในเชียงคานของคนที่กำลังมีความรักลดลงไปบ้าง แต่มันก็อาจเป็นอีกแรงบันดาลใจให้คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในความรักเช่นผม ได้ลองแบกเป้ออกเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง เพื่อให้สภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้ช่วยรักษาใจเราให้ทุเลาจากความเศร้าลงบ้าง แม้จะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันกลับให้ความทรงจำและประสบการณ์ดีๆ กับเราไปตลอดชีวิตครับ เอาเป็นว่า ถ้าอ่านแล้วไม่ถูกใจ หรือมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ
1. เดินทางสู่เชียงคาน
ผมเป็นชายรักชาย (เกย์) คนหนึ่ง ปัจจุบันทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ตอนนี้อายุก็เดินเข้าใกล้เลขสามเข้าไปทุกที ผมค่อนข้างเป็นคนติดดินกินข้าวข้างทาง โดยสารรถเมล์ หน้าตาไม่โดดเด่น แต่งตัวบ้านๆ ทำงาน office เป็นมนุษย์เงินเดือนน้อยๆ คนหนึ่ง และสิ่งที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ คือ อาหาร การท่องเที่ยว และเพลงลูกทุ่ง การตัดสินใจลุยเดี่ยวไปเชียงคานของผมครั้งนี้ เกิดขึ้นจากเหตุผลหลัก คือ
1. ใช้วันลาพักร้อนของที่ทำงานเก่าให้หมด เพื่อไปหาที่พักร่าง ก่อนกลับมาเริ่มชีวิตมนุษย์เงินเดือนกับงานใหม่ที่รอผมอยู่
2. อยากไปให้ไกลจากความวุ่นวายของเมืองหลวง อาจกาศร้อน รถติด คนพลุกพล่าน แม้แค่วันสองวันก็ยังดี
3. อยากไปให้สิ่งต่างๆ ช่วยบำบัดใจของผมให้ดีขึ้น
ซึ่งจากการค้นหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ผมก็พบว่าเชียงคานนี่แหละ น่าจะตอบสนองความต้องการของผมได้มากที่สุด ประสบการณ์เดินทางคนเดียวมาหลายครั้ง ทำให้ผมตัดขาดจากความกลัว เหลือแต่ความกระหายในการเดินทาง และพบเจอกับรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ๆ ที่ผมยังไม่เคยสัมผัส เมื่อไม่มีความกลัว กายพร้อม ใจพร้อม ทุนพร้อม ผมจึงตัดสินใจจองที่พัก ซื้อตั๋วรถทัวร์ และยัดเสื้อผ้าลงเป้ออกเดินทางในคืนวันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน มุ่งหน้าสู่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ ผมเลือกใช้บริการรถทัวร์ของบริษัทขนส่ง 999 (บขส.) กรุงเทพฯ-เลย-เชียงคาน ถ้าเป็น VIP ราคาประมาณหกร้อยกว่าบาท ภายในรถมีทั้งที่นั่งเดี่ยวและคู่ กว้างขวาง สามารถเอนและยืดขาได้สบาย เหมาะกับคนขายาวๆ แบบผม แอร์เย็นฉ่ำ ผ้าห่มก็อุ่นใช้ได้ครับ ระหว่างทางรถจอดให้ลงทานข้าวและยืดเส้นยืดสายได้ประมาณ 20 นาที สามารถนำคูปองที่ติดมากับตั๋วไปแลกอาหารทานหรือแลกซื้อขนมได้เลยครับ
ส่วนเพื่อนร่วมทางของผมใน trip นี้ เป็นหนังสือพระราชนิพนธ์แปลในสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ 2 เล่ม เป็นนวนิยายจีน ชื่อเรื่องตามภาพครับ (มันเศร้าดีจังเหนอะ) ผมเพิ่งได้มาจากงานสัปดาห์หนังสือหมาดๆ
หมายเหตุ : ภาพถ่ายในทริปนี้ ผมถ่ายด้วยกล้องมือถือและกล้อง digital ธรรมดาๆ และผมก็ไม่ได้ช่ำชองในการถ่ายภาพ ภาพเลยออกมาไม่ชัดและไม่สวยงามสะดุดตา ต้องขออภัยด้วยครับ
รถทัวร์ใช้เวลาแล่นจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มาถึงจังหวัดเลยประมาณ 7-8 ชั่วโมง ผมตื่นมาก็เห็นพระอาทิตย์กำลังขึ้น เลยใช้มือถือแชะภาพไป 1 ครั้ง ได้ภาพเบลอๆ เหมือนหน้าคนถ่ายตอนนั้นมาครับ
จากตัวเมืองเลย รถทัวร์แล่นไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงเศษก็ถึงเชียงคาน มีคุณลุง 3 ล้อมารอรับผู้โดยสาร ซึ่งจากจุดจอดรถ บขส. ใกล้ตลอดสดเทศบาลเชียงคาน มาที่พักที่ซอยศรีเชียงคาน 19 คุณลุงคิดค่าบริการ 20 บาท พร้อมนามบัตรเผื่อผมจะใช้บริการให้ลุงพาเที่ยวครับ
ผมจองที่พักไว้ที่ Chiang Khan River View เป็น Guest House ตั้งอยู่ปากซอยศรีเชียงคาน 19 ลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ดัดแปลงเป็นห้องพัก มีอยู่หลายห้องครับ ทั้งห้องพัดลมและห้องแอร์ จะเลือกที่มีห้องน้ำในตัวหรือห้องน้ำรวมได้ตามสะดวก (ตอนที่ผมไปพัก คุณอาที่เป็นเจ้าของบ้านบอกว่ากำลังปรับปรุงเป็นห้องน้ำในตัว เพราะแขกจะชอบมากกว่า) หน้าบ้านติดถนนคนเดิน ส่วนด้านหลังติดริมแม่น้ำโขง มีระเบียงและม้านั่งให้นั่งทอดอารมณ์ชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงและเมืองสานะคาม สปป.ลาว ได้ทุกยามตามความพอใจ แถมยังมีจักรยานฟรีให้ปั่นเที่ยวได้ตามอัธยาศัย และที่ผมประทับใจมากที่สุด คือ คุณอาเจ้าของบ้านเป็นกันเองมากๆ ครับ แนะนำที่เที่ยว ที่กิน ที่พักผ่อนให้ดีมากๆ ท่านจะเรียกแทนตัวเองว่า แม่ และเรียกผมว่า ลูก ตลอด ที่นี่ไม่มีบริการอาหารเช้านะครับ แต่จะมีเครื่องดื่มจำพวกชา กาแฟ โอวัลตินให้บริการ (ตัวเอง) ราคาห้องพักอยู่ที่ประมาณ 400 - 1,000 บาทต่อคืน ผมเลือกพักห้องแอร์ ห้องน้ำในตัว เห็นวิวแม่น้ำโขง ราคาคืนละ 900 บาท ช่วงที่ผมเข้าพักเป็นวันธรรมดา แขกเลยไม่เยอะ (น่าจะมีผมห้องเดียว) ทำให้ยิ่งรู้สึกสงบและเป็นส่วนตัวมากๆ เรียกว่าประทับใจและคุ้มค่าแก่การเดินทางมาหลายร้อยกิโลเมตร
ติดตามต่อใน comment นะครับ
ผ ม เ อ า หั ว ใ จ ไ ป ฝ า ก ไ ว้ ที่ เ ชี ย ง ค า น (Y)
ก่อนอื่นผมขอชี้แจงกับนักอ่าน pantip ผู้น่ารักซึ่งแวะเวียนเข้ามาในกะทู้นี้ว่า เจตนาในการตั้งกะทู้ครั้งนี้ ผมต้องการให้เป็นมากกว่าการ review สถานที่ท่องเที่ยว ผมจึงใส่เรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ความรักที่ไปไม่ถึงจุดหมายของผมลงไปด้วย มันอาจทำให้ความสดใสในเชียงคานของคนที่กำลังมีความรักลดลงไปบ้าง แต่มันก็อาจเป็นอีกแรงบันดาลใจให้คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในความรักเช่นผม ได้ลองแบกเป้ออกเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง เพื่อให้สภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้ช่วยรักษาใจเราให้ทุเลาจากความเศร้าลงบ้าง แม้จะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันกลับให้ความทรงจำและประสบการณ์ดีๆ กับเราไปตลอดชีวิตครับ เอาเป็นว่า ถ้าอ่านแล้วไม่ถูกใจ หรือมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ
1. เดินทางสู่เชียงคาน
ผมเป็นชายรักชาย (เกย์) คนหนึ่ง ปัจจุบันทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ตอนนี้อายุก็เดินเข้าใกล้เลขสามเข้าไปทุกที ผมค่อนข้างเป็นคนติดดินกินข้าวข้างทาง โดยสารรถเมล์ หน้าตาไม่โดดเด่น แต่งตัวบ้านๆ ทำงาน office เป็นมนุษย์เงินเดือนน้อยๆ คนหนึ่ง และสิ่งที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ คือ อาหาร การท่องเที่ยว และเพลงลูกทุ่ง การตัดสินใจลุยเดี่ยวไปเชียงคานของผมครั้งนี้ เกิดขึ้นจากเหตุผลหลัก คือ
1. ใช้วันลาพักร้อนของที่ทำงานเก่าให้หมด เพื่อไปหาที่พักร่าง ก่อนกลับมาเริ่มชีวิตมนุษย์เงินเดือนกับงานใหม่ที่รอผมอยู่
2. อยากไปให้ไกลจากความวุ่นวายของเมืองหลวง อาจกาศร้อน รถติด คนพลุกพล่าน แม้แค่วันสองวันก็ยังดี
3. อยากไปให้สิ่งต่างๆ ช่วยบำบัดใจของผมให้ดีขึ้น
ซึ่งจากการค้นหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ผมก็พบว่าเชียงคานนี่แหละ น่าจะตอบสนองความต้องการของผมได้มากที่สุด ประสบการณ์เดินทางคนเดียวมาหลายครั้ง ทำให้ผมตัดขาดจากความกลัว เหลือแต่ความกระหายในการเดินทาง และพบเจอกับรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ๆ ที่ผมยังไม่เคยสัมผัส เมื่อไม่มีความกลัว กายพร้อม ใจพร้อม ทุนพร้อม ผมจึงตัดสินใจจองที่พัก ซื้อตั๋วรถทัวร์ และยัดเสื้อผ้าลงเป้ออกเดินทางในคืนวันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน มุ่งหน้าสู่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ ผมเลือกใช้บริการรถทัวร์ของบริษัทขนส่ง 999 (บขส.) กรุงเทพฯ-เลย-เชียงคาน ถ้าเป็น VIP ราคาประมาณหกร้อยกว่าบาท ภายในรถมีทั้งที่นั่งเดี่ยวและคู่ กว้างขวาง สามารถเอนและยืดขาได้สบาย เหมาะกับคนขายาวๆ แบบผม แอร์เย็นฉ่ำ ผ้าห่มก็อุ่นใช้ได้ครับ ระหว่างทางรถจอดให้ลงทานข้าวและยืดเส้นยืดสายได้ประมาณ 20 นาที สามารถนำคูปองที่ติดมากับตั๋วไปแลกอาหารทานหรือแลกซื้อขนมได้เลยครับ
ส่วนเพื่อนร่วมทางของผมใน trip นี้ เป็นหนังสือพระราชนิพนธ์แปลในสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ 2 เล่ม เป็นนวนิยายจีน ชื่อเรื่องตามภาพครับ (มันเศร้าดีจังเหนอะ) ผมเพิ่งได้มาจากงานสัปดาห์หนังสือหมาดๆ
หมายเหตุ : ภาพถ่ายในทริปนี้ ผมถ่ายด้วยกล้องมือถือและกล้อง digital ธรรมดาๆ และผมก็ไม่ได้ช่ำชองในการถ่ายภาพ ภาพเลยออกมาไม่ชัดและไม่สวยงามสะดุดตา ต้องขออภัยด้วยครับ
รถทัวร์ใช้เวลาแล่นจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มาถึงจังหวัดเลยประมาณ 7-8 ชั่วโมง ผมตื่นมาก็เห็นพระอาทิตย์กำลังขึ้น เลยใช้มือถือแชะภาพไป 1 ครั้ง ได้ภาพเบลอๆ เหมือนหน้าคนถ่ายตอนนั้นมาครับ
จากตัวเมืองเลย รถทัวร์แล่นไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงเศษก็ถึงเชียงคาน มีคุณลุง 3 ล้อมารอรับผู้โดยสาร ซึ่งจากจุดจอดรถ บขส. ใกล้ตลอดสดเทศบาลเชียงคาน มาที่พักที่ซอยศรีเชียงคาน 19 คุณลุงคิดค่าบริการ 20 บาท พร้อมนามบัตรเผื่อผมจะใช้บริการให้ลุงพาเที่ยวครับ
ผมจองที่พักไว้ที่ Chiang Khan River View เป็น Guest House ตั้งอยู่ปากซอยศรีเชียงคาน 19 ลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ดัดแปลงเป็นห้องพัก มีอยู่หลายห้องครับ ทั้งห้องพัดลมและห้องแอร์ จะเลือกที่มีห้องน้ำในตัวหรือห้องน้ำรวมได้ตามสะดวก (ตอนที่ผมไปพัก คุณอาที่เป็นเจ้าของบ้านบอกว่ากำลังปรับปรุงเป็นห้องน้ำในตัว เพราะแขกจะชอบมากกว่า) หน้าบ้านติดถนนคนเดิน ส่วนด้านหลังติดริมแม่น้ำโขง มีระเบียงและม้านั่งให้นั่งทอดอารมณ์ชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงและเมืองสานะคาม สปป.ลาว ได้ทุกยามตามความพอใจ แถมยังมีจักรยานฟรีให้ปั่นเที่ยวได้ตามอัธยาศัย และที่ผมประทับใจมากที่สุด คือ คุณอาเจ้าของบ้านเป็นกันเองมากๆ ครับ แนะนำที่เที่ยว ที่กิน ที่พักผ่อนให้ดีมากๆ ท่านจะเรียกแทนตัวเองว่า แม่ และเรียกผมว่า ลูก ตลอด ที่นี่ไม่มีบริการอาหารเช้านะครับ แต่จะมีเครื่องดื่มจำพวกชา กาแฟ โอวัลตินให้บริการ (ตัวเอง) ราคาห้องพักอยู่ที่ประมาณ 400 - 1,000 บาทต่อคืน ผมเลือกพักห้องแอร์ ห้องน้ำในตัว เห็นวิวแม่น้ำโขง ราคาคืนละ 900 บาท ช่วงที่ผมเข้าพักเป็นวันธรรมดา แขกเลยไม่เยอะ (น่าจะมีผมห้องเดียว) ทำให้ยิ่งรู้สึกสงบและเป็นส่วนตัวมากๆ เรียกว่าประทับใจและคุ้มค่าแก่การเดินทางมาหลายร้อยกิโลเมตร
ติดตามต่อใน comment นะครับ