เรื่องนี้บางทีเราก็อยากเก็บไว้คนเดียว แต่สุดท้ายเราคิดว่าเรามาแชร์ดีกว่าเพราะ ไม่อยากให้มีใครซ้ำรอยเหมือนเราอีก
ณ ตอนนั้น เราอยู่ ม.6 มันก็ต้องมีสอบอะไรแบบเอเวรี่ติงจิงกาเบล อ่ะ ไม่ว่าจะ Gat Pat O-net แอดมิชชั่น และก็ที่จะเล่าคือช่วงสอบ กสพท.
เรื่องราวมันอาจจะต่อกับกระทู้แรกที่บอกว่า เราเป็นคนชอบเก็บ เพราะเราก็เก็บใบ สมัคร กสพท. ครั้งนั้นไว้เหมือนกัน
เดี๋ยวเรารูปมาแปะน้าาาาาาา (ขอเล่าไปก่อนละกันนนนน)
และเราก็จำได้ด้วยว่า ไปสอบที่ ทวีธาภิเศก 2 ไปคนเดียวเลยเพราะเพื่อนไม่ได้เลือกสนามสอบนี้ ไปถึงก็ก่อนเวลา ชั่วโมงนึงนะ แต่เดินเข้าไปปุ๊ป โอ้วววแม่เจ้าาาาาาา คนเต็มโรงเรียนเลยจ้าาาาา ละเราจะไปอยู่ไหน นั่งเป็นเดอะแก๊งค์กันเลย เราก็ทำใจดีสู้เสือ ค่อยๆเดินมอง เดินไปเดินมา ละก็ ...... แว๊ปปป มีแสงว๊าปปป ด้วยก็ได้แล้วแต่จะคิดเลยค่ะ

แต่มันมีโต๊ะเดียว โต๊ะเดียวในโรงอาหารเท่านั้นเลยค่ะ ที่มีคนนั่งแค่คนเดียว เราก็เลยค่อยๆเดินเข้าไป ที่โต๊ะนั้น ละก็ถามว่า "มีคนนั่งมั้ยคะ" .... วินาทีที่ เด็กผู้ชายใส่ชุดนักเรียนที่กำลังขมักเขม้นกับการอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมา....เราก็สตั้นไป 3 วิ...แล้วเขาก็ทำหน้า งงๆ อ่อ เอ้อ ไม่มีครับ คือ หน้า งงๆ มึนๆมากอ่ะ เหมือนถูกเราปลุก สุดท้ายเราก็ได้ที่นั่ง แล้วไงต่อหรอ ทุกคนก็คงจะผ่านสนามสอบมาหลายที่ และทุกที่ก่อนเข้าห้องสอบอ่ะ เสียงจะแบบ ดังมากกกกก เหมือนนกแตกรัง มีการติวสอบอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราเป็นคนนึงอ่ะที่อ่านตรงนั้นไม่ได้อยู่แล้ว คือไม่โอเคอย่างแรงอ่ะค่ะ ทำไงล่ะ ชวนคนข้างๆที่หน้ามึนๆเนี่ยแหระคุยด้วยเลย เพราะเราก็เห็นเขาเปิดๆไปๆมาๆไม่ได้อ่านหรอก (จิตสัมผัสด้วยนะจะบอกให้5555)
เบื้องต้นคือเราอ่ะเป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล๊นนน พอได้คุยๆก็คุยกันปกตินะ เราดูเสื้อเขา เอ้ย อยู่ ร.ร.นี้หรอ ก็บอกเพื่อนเราก็อยู่นะ ถามว่ารู้จักคนชื่อนี้มั้ย เขาก็บอกอ่อ รู้จักๆ แต่เรียนคนละห้อง แต่เอาตรงๆเจอกันครั้งแรก ก็คุยได้ไม่มากนะเอาจิงๆ ละบทสนทนาก็เงียบไป แต่ ไม่รู้อ่ะทำไมตอนนั้นเรารู้สึกแบบ รู้สึกดีกับเขาเฉย บอกเลยว่าเขาไม่ใช่คนหล่ออะไรมากนะคะ ที่เราสัมผัสได้ถึงความน่ารักซ่อนอยู่

เรายิ่งแพ้คนน่ารักด้วยไง อุ๊ต๊ะ อย่าหาว่างี้งั้นเลย เราก็ไม่ค่อยได้รู้สึกดีกับใครแบบนี้ แต่นี่คือคนแรกที่เรารู้สึกอ่ะ (เราเป็นเด็กเรียนนะจ๊ะแถวหน้าตลอดดด เพราะแถวหลังก็โดนแย่งไปแล้วไม่มีไรมาก

) แต่ในโรงเรียนคนก็มองเราเป็นเด็กเรียนจิงๆแหระเกรดก็ดีมาตลอด เรียบร้อย รุ่นพี่ชอบมาจีบ แต่เราก้ไม่สนใจเลยแต่ก็ยินดีที่จะให้คบเป็นเพื่อนพี่น้องมาโดนตลอดคือไม่หยิ่งไง แต่ถ้าคนสนิทจะรู้จักเราดีว่าเราก็แสบไม่ใช่ย่อยหรอก ห้าวๆ บ้าๆบอๆ มาต่อๆๆ เอ้อ เราใช้ชื่อย่อคนนี้ว่า T แล้วกันนะ นั่งสักพักพอใกล้จะถึงเวลาสอบเขาก็บอก ฝากกระเป๋าหน่อยเขาจะไปห้องน้ำ เราก็ อ่อ ได้ๆ เลย คือตอนนั้นเราก็อยากรู้ไงว่าเค้าชื่อจริงชื่ออะไร นี่ก็ไม่รู้จะอยากรู้ทำไมนะ เลยแอบหยิบ สมุดโรงเรียนมาดู อ่านแบบวนไป 2 รอบ จำได้เลยค่ะ ชื่อ2 พยางค์ นามสกุล 5 พยางค์ 55555555 แล้วก็รีบเก็บใส่เป๋าเขาไป ทำไม่รู้ไม่ชี้ (เรื่องนี้ T ก็ยังไม่รู้เลยนะ ถ้ามาอ่านอย่าว่าเรานะที่แอบหยิบสมุดเธอมาดูโดยไม่ได้ขอ ก็ไม่กล้าขอหนิ ><) รู้แค่นี้ก็สบายใจละ ละสุดท้ายก็ยังมีถามกันก่อนจะแยกเข้าห้องสอบว่า มาสอบอยากเข้าอะไร เราอ่ะอยากเข้า ทันตะ ไม่ก็ เภสัช ส่วน T อะ อยากเรียนเทคนิคการแพทย์ เราก็อ่อ ดีๆ ละต่างคนก็ต่างก็แยกย้ายไปรอที่หน้าห้องสอบ
คือเรื่องข้างบนมันยังไม่พีคหรอกค่ะ เพราะ เรากับ T อ่ะ ก็หายจากชีวิตกันก็แค่นั้นเอง เพราะเรียนก็คนละที่ ไม่ได้ขออะไรติดต่อกันไว้ เพราะสมัยนั้นใช้ MSN เลยหนะ แล้วใครจะไปกล้าขอ รู้แค่ชื่อก็พอละ แต่เท่าที่เรารู้คือ เราชอบเขามากๆ ไม่อยากจะบอกว่า เคยตั้งชื่อตัวเองให้คล้องกับชื่อเขาด้วย (อันนี้ T ก็ไม่รู้นะและไม่เคยมีใครรู้ด้วย >///< ยังแอบมาคิดว่าตอนั้นความรู้สึกแบบนั้นเรารู้สึกได้ไง)
กาลเวลาทุกอย่างก็ทำให้ทุกอย่างผ่านไป~~~~~~~~~~~
อย่างน้อยก็รู้ว่ามีคนนึงที่ไม่เคยรู้จักมากก่อน แต่เรารู้สึกดีไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้น มาในช่วงชีวิตครั้งหนึ่งก็ดีใจแล้ว
แต่ ... มันไม่ใช่ แค่นั้นซิคะ
เวลาผ่านไปจนเราเข้ามหาลัยเรียบร้อย เราก็ใช้ชีวิต ปี1 อย่างปกติ เดินกับเพื่อนอยู่ในมหาลัย หรือเดินคนเดียวก็จำไม่ได้
ก็เดินไปเรื่อยๆ แต่เห้ย เราก็มองหน้าเขา เขาก็มองหน้าเรา เดินเข้ามาใกล้กันจนระยะที่ชัดเจน เขาคือ T สตั้น 3 วิอีกแล้วเจ้าค่ะ

ต่างคนต่าง เห้ยย!!! เอ้า แล้วก็พร้อมใจถามว่า เรียนไรอ่ะ คือ ตอนที่เจอที่ กสพท. ต่างคนต่างอยากจะเรียนในสายที่ไม่อยู่ในมหาลัยนี้ไง เพราะมหาลัยที่เรียน เน้น วิศวะกับเทคโนโลยี แล้วตอนนั้นเราก็ไม่ได้พูดถึงว่าอยากจะเข้าที่นี่ด้วย แต่แบบ คือแอร๊ยยยย เข้าใจฟิลมั้ยอ่ะว่ามัน งงๆ ว่าช่วงเวลาที่หายไป เราก็ยังมีคิดถึงเขาแต่ก็ได้แค่คิดถึงนั่นแหระ แล้วอยู่ดีดีมาเจอกันในมหาลัยเฉย พรหมลิขิต ชัดๆ ++!
เราเจอกับ T ในช่วง ปี1 3 ครั้ง แล้วครั้งที่ 3 เจอกัน ใต้ขอหญิง สุดท้าย T ถามว่า เรามี Email อะไรไหม เราก็บอกมีๆ เขาบอกเดี๋ยวจดให้หน่อย สักพักเขาก็เดินมาพร้อม กับ กระดาษและปากกา คือ รู้สึกมีความคลาสสิคซ่อนอยู่ (หรือความแก่ก็ว่าได้)


ที่จำละเอียดได้ขนาดนี้เพราะว่า เราจดไว้ใน Diary ด้วยหละ (แต่ไม่กล้าถ่ายให้ดูนะเขิลลลลลลลลลล) แล้วนี่แหระก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น คืนนั้นเขาก็แอด Email เรา แล้วเราก็ได้คุยกันใน MSN แต่ก็คุยไม่นานนะเพราะถ้าคนในยุคนั้นก็พอจะรู้ว่า เราก็กลับมาถึงบ้านก่อน ถึงจะมา ออนM ได้ คือ ไม่ได้คุยกันตลอดเวลาเหมือนสมัยนี้อะ น๊านนนนนานนนก็คุยกันที แล้วสุดท้าย ไม่รู้ว่าไปแอดเฟสบุคกันได้ไง สุดท้ายเราก็มาคุยกันใน เฟสบุค จนถึงทุกวันนี้ ..... ยังค่ะๆๆๆ ยังไม่จบแค่นี้ดิ
มันมีความพีคกว่านี้ ทุกคนถ้าอ่านมาก็จะสัมผัสได้ว่าเรารู้สึกกับเขาไปแล้วไง แล้วไงต่อละ จะคุยกันยังไง ก็คุยเป็นเพื่อนไปซิคะ เราให้กำลังใจกันมาตลอด เวลาใครเครียดเราก็จะมาทักกัน ส่วนใหญ่ คุยกันแบบให้กำลังใจคือ เขาก็เป็นคนเรียบร้อยจริงๆนะคะ เป็นเด็กบ้าน เลิกเรียนละก็กลับ ไม่เที่ยว อะไรเลย เอ่อออออ ลืมบอก ขนาดว่าเราเรียน มหาลัยเดียวกันละนะ ทุกคนก็คงคิดว่าเราคงได้เจอกันบ่อย.......เปล่าเลยยยยยยยยย เขาเรียน คนละวิทยาเขตกับเรา (ต้องมาที่วิทยาเขตเราแล้วนั่งรถตู้ไปเรียน ขากลับก็นั่งรถตู้กลับมาลงแล้วเขาก็กลับบ้าน) แต่ก็ไม่เคยนัดเจอกันเลย อารมณ์เหมือนมหาลัยแค่เรียนก็เหนื่อยแล้วอ่ะ เจอกันยากอีก เราก็ไม่ได้คิดไรมากมายนะ มีคยกันในแชทนะว่า เจอกัน บังเอิญทุกทีเลยอ่ะ แบบ เอ้ย เอ้อ อ้าววว เรียนไร ละก็บาย ก็แค่นี้จริงๆค่ะ ตลอด 4 ปีในมหาลัย ไม่เคยนัดเจอ ไม่เคยนัดเที่ยวว ไม่เคยอะไรสักอย่างมีแค่ คุยให้กำลังใจกันในแชท เราว่า พอเรารู้สึกแย่ๆ เราก็ทักเขาไป เขาก็ให้กำลังเรา เป็นที่ปรึกษาที่ดีกับเรามากๆอ่ะ เพราะเขาก็ใจเย็นนะระดับหนึ่งเลยอ่ะ เวลาเราเครียดก็โวยวายให้เขาฟัง เวลาเขาเครียดเขาก็ทักเรามา เราก็ต้องเป็นที่ปรึกษาเขาบ้าง คือความรู้สึกเราทั้งคู่ มันอารมณ์เป็นเพื่อนสนิทที่อยู่ห่างๆกันก็คอยให้กำลังใจและคำปรึกษา เนี่ยแหระ เราก็เลยยิ่งมีความรู้สึกดีดีกับเขามากขึ้น เคยให้ของเขาในวันพิเศษบ้างนะ เขาก็ทำหน้า งงๆอึนๆตามฟอร์มเดิม T ชอบบอกว่าคุยกับเราทีไรแล้วมีความสุขทุกที แค่นี้เราก็ดีใจแล้วอ่ะ
แต่ ช้าาาาา แต่ เรื่องราวก้ยังไม่ได้พีคถึงพีคที่สุดอ่ะค่ะ มี อีก 2 พีค แต่เริ่มเหนื่อยละ พิมพ์มาได้เกินครึ่งทางและ แต่ เดี๋ยวมาต่อน้าาาาาาาา ใครรอติดตาม อีกไม่นานแน่นอน รับรองว่า มีจิกหมอนและหักมุมสุดอีกค่ะ

รักแรกพบกับความบังเอิญ ที่ติดกับคำว่าเพื่อน ตลอดระยะเวลา 5 ปี
ณ ตอนนั้น เราอยู่ ม.6 มันก็ต้องมีสอบอะไรแบบเอเวรี่ติงจิงกาเบล อ่ะ ไม่ว่าจะ Gat Pat O-net แอดมิชชั่น และก็ที่จะเล่าคือช่วงสอบ กสพท.
เรื่องราวมันอาจจะต่อกับกระทู้แรกที่บอกว่า เราเป็นคนชอบเก็บ เพราะเราก็เก็บใบ สมัคร กสพท. ครั้งนั้นไว้เหมือนกัน
เดี๋ยวเรารูปมาแปะน้าาาาาาา (ขอเล่าไปก่อนละกันนนนน)
และเราก็จำได้ด้วยว่า ไปสอบที่ ทวีธาภิเศก 2 ไปคนเดียวเลยเพราะเพื่อนไม่ได้เลือกสนามสอบนี้ ไปถึงก็ก่อนเวลา ชั่วโมงนึงนะ แต่เดินเข้าไปปุ๊ป โอ้วววแม่เจ้าาาาาาา คนเต็มโรงเรียนเลยจ้าาาาา ละเราจะไปอยู่ไหน นั่งเป็นเดอะแก๊งค์กันเลย เราก็ทำใจดีสู้เสือ ค่อยๆเดินมอง เดินไปเดินมา ละก็ ...... แว๊ปปป มีแสงว๊าปปป ด้วยก็ได้แล้วแต่จะคิดเลยค่ะ
เบื้องต้นคือเราอ่ะเป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล๊นนน พอได้คุยๆก็คุยกันปกตินะ เราดูเสื้อเขา เอ้ย อยู่ ร.ร.นี้หรอ ก็บอกเพื่อนเราก็อยู่นะ ถามว่ารู้จักคนชื่อนี้มั้ย เขาก็บอกอ่อ รู้จักๆ แต่เรียนคนละห้อง แต่เอาตรงๆเจอกันครั้งแรก ก็คุยได้ไม่มากนะเอาจิงๆ ละบทสนทนาก็เงียบไป แต่ ไม่รู้อ่ะทำไมตอนนั้นเรารู้สึกแบบ รู้สึกดีกับเขาเฉย บอกเลยว่าเขาไม่ใช่คนหล่ออะไรมากนะคะ ที่เราสัมผัสได้ถึงความน่ารักซ่อนอยู่
คือเรื่องข้างบนมันยังไม่พีคหรอกค่ะ เพราะ เรากับ T อ่ะ ก็หายจากชีวิตกันก็แค่นั้นเอง เพราะเรียนก็คนละที่ ไม่ได้ขออะไรติดต่อกันไว้ เพราะสมัยนั้นใช้ MSN เลยหนะ แล้วใครจะไปกล้าขอ รู้แค่ชื่อก็พอละ แต่เท่าที่เรารู้คือ เราชอบเขามากๆ ไม่อยากจะบอกว่า เคยตั้งชื่อตัวเองให้คล้องกับชื่อเขาด้วย (อันนี้ T ก็ไม่รู้นะและไม่เคยมีใครรู้ด้วย >///< ยังแอบมาคิดว่าตอนั้นความรู้สึกแบบนั้นเรารู้สึกได้ไง)
กาลเวลาทุกอย่างก็ทำให้ทุกอย่างผ่านไป~~~~~~~~~~~
อย่างน้อยก็รู้ว่ามีคนนึงที่ไม่เคยรู้จักมากก่อน แต่เรารู้สึกดีไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้น มาในช่วงชีวิตครั้งหนึ่งก็ดีใจแล้ว
แต่ ... มันไม่ใช่ แค่นั้นซิคะ
เวลาผ่านไปจนเราเข้ามหาลัยเรียบร้อย เราก็ใช้ชีวิต ปี1 อย่างปกติ เดินกับเพื่อนอยู่ในมหาลัย หรือเดินคนเดียวก็จำไม่ได้
ก็เดินไปเรื่อยๆ แต่เห้ย เราก็มองหน้าเขา เขาก็มองหน้าเรา เดินเข้ามาใกล้กันจนระยะที่ชัดเจน เขาคือ T สตั้น 3 วิอีกแล้วเจ้าค่ะ
ต่างคนต่าง เห้ยย!!! เอ้า แล้วก็พร้อมใจถามว่า เรียนไรอ่ะ คือ ตอนที่เจอที่ กสพท. ต่างคนต่างอยากจะเรียนในสายที่ไม่อยู่ในมหาลัยนี้ไง เพราะมหาลัยที่เรียน เน้น วิศวะกับเทคโนโลยี แล้วตอนนั้นเราก็ไม่ได้พูดถึงว่าอยากจะเข้าที่นี่ด้วย แต่แบบ คือแอร๊ยยยย เข้าใจฟิลมั้ยอ่ะว่ามัน งงๆ ว่าช่วงเวลาที่หายไป เราก็ยังมีคิดถึงเขาแต่ก็ได้แค่คิดถึงนั่นแหระ แล้วอยู่ดีดีมาเจอกันในมหาลัยเฉย พรหมลิขิต ชัดๆ ++!
เราเจอกับ T ในช่วง ปี1 3 ครั้ง แล้วครั้งที่ 3 เจอกัน ใต้ขอหญิง สุดท้าย T ถามว่า เรามี Email อะไรไหม เราก็บอกมีๆ เขาบอกเดี๋ยวจดให้หน่อย สักพักเขาก็เดินมาพร้อม กับ กระดาษและปากกา คือ รู้สึกมีความคลาสสิคซ่อนอยู่ (หรือความแก่ก็ว่าได้)
มันมีความพีคกว่านี้ ทุกคนถ้าอ่านมาก็จะสัมผัสได้ว่าเรารู้สึกกับเขาไปแล้วไง แล้วไงต่อละ จะคุยกันยังไง ก็คุยเป็นเพื่อนไปซิคะ เราให้กำลังใจกันมาตลอด เวลาใครเครียดเราก็จะมาทักกัน ส่วนใหญ่ คุยกันแบบให้กำลังใจคือ เขาก็เป็นคนเรียบร้อยจริงๆนะคะ เป็นเด็กบ้าน เลิกเรียนละก็กลับ ไม่เที่ยว อะไรเลย เอ่อออออ ลืมบอก ขนาดว่าเราเรียน มหาลัยเดียวกันละนะ ทุกคนก็คงคิดว่าเราคงได้เจอกันบ่อย.......เปล่าเลยยยยยยยยย เขาเรียน คนละวิทยาเขตกับเรา (ต้องมาที่วิทยาเขตเราแล้วนั่งรถตู้ไปเรียน ขากลับก็นั่งรถตู้กลับมาลงแล้วเขาก็กลับบ้าน) แต่ก็ไม่เคยนัดเจอกันเลย อารมณ์เหมือนมหาลัยแค่เรียนก็เหนื่อยแล้วอ่ะ เจอกันยากอีก เราก็ไม่ได้คิดไรมากมายนะ มีคยกันในแชทนะว่า เจอกัน บังเอิญทุกทีเลยอ่ะ แบบ เอ้ย เอ้อ อ้าววว เรียนไร ละก็บาย ก็แค่นี้จริงๆค่ะ ตลอด 4 ปีในมหาลัย ไม่เคยนัดเจอ ไม่เคยนัดเที่ยวว ไม่เคยอะไรสักอย่างมีแค่ คุยให้กำลังใจกันในแชท เราว่า พอเรารู้สึกแย่ๆ เราก็ทักเขาไป เขาก็ให้กำลังเรา เป็นที่ปรึกษาที่ดีกับเรามากๆอ่ะ เพราะเขาก็ใจเย็นนะระดับหนึ่งเลยอ่ะ เวลาเราเครียดก็โวยวายให้เขาฟัง เวลาเขาเครียดเขาก็ทักเรามา เราก็ต้องเป็นที่ปรึกษาเขาบ้าง คือความรู้สึกเราทั้งคู่ มันอารมณ์เป็นเพื่อนสนิทที่อยู่ห่างๆกันก็คอยให้กำลังใจและคำปรึกษา เนี่ยแหระ เราก็เลยยิ่งมีความรู้สึกดีดีกับเขามากขึ้น เคยให้ของเขาในวันพิเศษบ้างนะ เขาก็ทำหน้า งงๆอึนๆตามฟอร์มเดิม T ชอบบอกว่าคุยกับเราทีไรแล้วมีความสุขทุกที แค่นี้เราก็ดีใจแล้วอ่ะ
แต่ ช้าาาาา แต่ เรื่องราวก้ยังไม่ได้พีคถึงพีคที่สุดอ่ะค่ะ มี อีก 2 พีค แต่เริ่มเหนื่อยละ พิมพ์มาได้เกินครึ่งทางและ แต่ เดี๋ยวมาต่อน้าาาาาาาา ใครรอติดตาม อีกไม่นานแน่นอน รับรองว่า มีจิกหมอนและหักมุมสุดอีกค่ะ