ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด
ตอนที่ 25 มัทสึเอะ แดนซามูไร

นั่งรถไฟออกจากสถานี Hiroshima ไปทางตะวันตกของเกาะฮอนชู พอเห็นความมืด ป้าชักใจไม่ดี เพราะนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากถึงปลายทาง คืนนี้งานหนักอีกแล้วเพราะเป็นวันเสาร์ และเราก็ยังไม่ได้ที่นอน ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเมืองท่องเที่ยวหรือไม่ มีข้อมูลแต่ว่า มันเป็นเมืองทางตะวันตก มีศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุนอยู่บนเขา เป็นที่ที่ผู้หญิงชอบไปขอพร นอกนั้นไม่มีข้อมูลอะไรเลย

รางรถชิงกันเซ็นสายตะวันตกสูงกว่าระดับถนน ไม่น่าจะเกินเมตรเพราะเห็นคูน้ำข้างทาง ตึกรามบ้านช่องยังคงไม่มีสถาปัตยกรรมที่แสดงให้เห็นศิลปะ เมื่อออกจากตัวเมือง จึงเริ่มเห็นบ้านเรือนที่มีหลังคามุงกระเบื้องเป็นรูปทรงเรขาคณิต มีแม่น้ำขนานกับรางรถไฟ ริมแม่น้ำเป็นภูเขา อีกด้านหนึ่งเป็นชุมชนตามเชิงเขา เป็นทางรถไฟสายที่น่าชมอีกสายหนึ่ง

แต่หลังจาก 18.30 น. คงจะไม่เห็นอะไรไปมากกว่านี้ เพราะความมืดปกคลุมไปทั่ว มองเห็นภูเขาจากระยะไกล เมื่อเข้าสู่ชุมชนก็มองไม่เห็นแม่น้ำและภูเขา แต่เห็นว่ามีทางรถยนต์ขนานไปกับทางรถไฟ ที่คดเคี้ยวลัดเลาะไปตามเชิงเขากับริมน้ำ
ที่นั่ง รถชิงกันเซ็นและรถด่วน นั่งสบายไม่ต้องใช้อะไรรองหลังกับคอ คงเป็นเพราะรูปร่างของคนญี่ปุ่นส่วนใหญเล็ก เขาจึงออกแบบที่นั่งให้พอดีกับสรีระของคนในประเทศ

เวลา 20.45 น. ถึง Matsue ในขณะที่เดินหาโรงแรม เจอกลุ่มเด็กม.ต้นกำลังจะขี่จักรยานไปเที่ยวกันจึงขอความช่วยเหลือ แต่กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจก็ต้องใช้หลายวิธีการ ทั้งภาษามือ ภาษาเขียน เมื่อพวกเขาเข้าใจแล้ว ก็เริ่มกดถามอากู๋ จนได้ชื่อโรงแรม 25 พวกเขาเดินไปส่งและชี้ให้เราดู

เราเดินตรงไป ไม่เห็นมีเคาน์เตอร์ จึงเดินขึ้นบันไดไปถึงชั้น 5 เดินลงมาถามห้องข้างล่างที่เป็นร้านขายหนังสือ เขาชี้ไปฝั่งตรงข้ามที่มีชื่อเดียวกัน ขึ้นไปชั้น 2 พนง.ต้อนรับแทบจะไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย ต้องใช้หลายวิธี ในที่สุดก็ได้ห้องคืนละ 3,750x2 มีอาหารเช้าให้หลังที่เช็คอิน ได้กุญแจ 2 ห้อง งง

เดินกลับไปที่ตึกเดิม เพิ่งเห็นว่ามีลิฟต์ ขึ้นไปชั้น 4 เจอป้าย 40-43 เอากุญแจดอกไหนไขก็ไม่ได้ ลองแล้วลองอีก ในที่สุดก็รู้ว่ามันไม่ได้ล็อค พอเปิดเข้าไปเจอห้องที่ติดกัน 41 กับ 42 เปิดดูเป็นห้องเตียงเดี่ยวให้นอนคนละห้อง หาห้องอาบน้ำไม่เจออีก ตอนดึกได้ยินเสียงสาวๆ จึงออกไปถามพวกเธอจึงรู้ว่า ต้องข้ามไปอาบน้ำตรงที่เช็คอิน

เธออาสาจะไปส่งตามประสาคนญี่ปุ่น แต่เราอาบน้ำอย่างย่อและซักผ้าที่อ่างล้างหน้า ตอนที่คนอื่นยังไม่มาเรียบร้อยแล้ว จึงไม่เดือดร้อน ดีที่อากาศเย็นไม่มีเหงื่อ

วันอาทิตย์ 13 มีนาคม 2559 ข้ามถนนไปที่เคาน์เตอร์เช็คอิน อาหารเช้าที่โรงแรม 25 อาหารดีทีเดียว มีแตงดอง 2 รส ผัดผักจากดิน น้ำ อากาศ ภูเขา มีรากบัว พริกหวาน หอมหัวใหญ่ และอย่างอื่น ไส้กรอกหมู ไข่ต้มสุก ไข่ดิบ ข้าวสวย ข้าวปั้น บะหมี่ มีสาหร่ายอบแถบเล็กๆ แบบที่ขายตามห้างบ้านเราให้ด้วย

เรานั่งรถบัสจากชานชาลาที่ 2 ไปปราสาทมัทสึเอะ Mstsue Castle Matsu Cho= มัตสึโจ๋ะ เป็นหนึ่งในปราสาทยุคดั้งเดิมที่ยังเหลืออยู่ ค่ารถไป กลับคนละ 170 เยนต่อเที่ยว (170x4=680) ขาไปคนขับใจดีจอดให้ลงตอนติดไฟแดง เดินตรงไปได้เลย ปราสาทมัตสึเอะสร้างในปี 1535 เป็นหนึ่งในปราสาทยุคแรกเริ่มที่ยังเหลืออยู่ เป็นสมบัติแห่งชาติมี 5 ชั้น ชั้นบนสุดมีระเบียงชมวิว 360 องศา สร้างด้วยไม้ดามด้วยเหล็ก มีคูน้ำนอกกำแพงหินสไตล์ Gobo-zumi style stone wall ที่มีป้อมไม้รอบด้าน

ปราสาททุกแห่งในญี่ปุ่นตั้งอยู่บนที่สูง มีกำแพงหินและคูน้ำล้อมรอบ ปราสาทมัตสึเอะก็เช่นเดียวกัน ลานหน้าทางเข้ามีอนุสาวรีย์ซามูไร แสดงให้เห็นว่า เมืองนี้เป็นเมืองบรรพบุรุษซามูไร ความมีวินัยของคนญี่ปุ่นน่าจะมาจากพวกซามูไร หรือ เปล่านะ....แต่ผู้คนตัวไม่โต เราเดินสวนทางกับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ดูสะอาดสะอ้าน แต่งกายมิดชิดเพราะหนาว อายุไม่น่าจะเกิน 20 พวกเขาไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ไม่ว่าจะถามอย่างไรก็สื่อสารไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีทีท่าเกะกะระราน

รถบัสวิ่งวน ขากลับต้องไปขึ้นตรงป้ายที่ต้องเลี้ยวขวาจากตอนขาไป เดินไปประมาณ 300 เมตร
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 26 Matsue แดนซามูไร Samurai, Japan
ตอนที่ 25 มัทสึเอะ แดนซามูไร
นั่งรถไฟออกจากสถานี Hiroshima ไปทางตะวันตกของเกาะฮอนชู พอเห็นความมืด ป้าชักใจไม่ดี เพราะนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากถึงปลายทาง คืนนี้งานหนักอีกแล้วเพราะเป็นวันเสาร์ และเราก็ยังไม่ได้ที่นอน ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเมืองท่องเที่ยวหรือไม่ มีข้อมูลแต่ว่า มันเป็นเมืองทางตะวันตก มีศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุนอยู่บนเขา เป็นที่ที่ผู้หญิงชอบไปขอพร นอกนั้นไม่มีข้อมูลอะไรเลย
รางรถชิงกันเซ็นสายตะวันตกสูงกว่าระดับถนน ไม่น่าจะเกินเมตรเพราะเห็นคูน้ำข้างทาง ตึกรามบ้านช่องยังคงไม่มีสถาปัตยกรรมที่แสดงให้เห็นศิลปะ เมื่อออกจากตัวเมือง จึงเริ่มเห็นบ้านเรือนที่มีหลังคามุงกระเบื้องเป็นรูปทรงเรขาคณิต มีแม่น้ำขนานกับรางรถไฟ ริมแม่น้ำเป็นภูเขา อีกด้านหนึ่งเป็นชุมชนตามเชิงเขา เป็นทางรถไฟสายที่น่าชมอีกสายหนึ่ง
แต่หลังจาก 18.30 น. คงจะไม่เห็นอะไรไปมากกว่านี้ เพราะความมืดปกคลุมไปทั่ว มองเห็นภูเขาจากระยะไกล เมื่อเข้าสู่ชุมชนก็มองไม่เห็นแม่น้ำและภูเขา แต่เห็นว่ามีทางรถยนต์ขนานไปกับทางรถไฟ ที่คดเคี้ยวลัดเลาะไปตามเชิงเขากับริมน้ำ
ที่นั่ง รถชิงกันเซ็นและรถด่วน นั่งสบายไม่ต้องใช้อะไรรองหลังกับคอ คงเป็นเพราะรูปร่างของคนญี่ปุ่นส่วนใหญเล็ก เขาจึงออกแบบที่นั่งให้พอดีกับสรีระของคนในประเทศ
เวลา 20.45 น. ถึง Matsue ในขณะที่เดินหาโรงแรม เจอกลุ่มเด็กม.ต้นกำลังจะขี่จักรยานไปเที่ยวกันจึงขอความช่วยเหลือ แต่กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจก็ต้องใช้หลายวิธีการ ทั้งภาษามือ ภาษาเขียน เมื่อพวกเขาเข้าใจแล้ว ก็เริ่มกดถามอากู๋ จนได้ชื่อโรงแรม 25 พวกเขาเดินไปส่งและชี้ให้เราดู
เราเดินตรงไป ไม่เห็นมีเคาน์เตอร์ จึงเดินขึ้นบันไดไปถึงชั้น 5 เดินลงมาถามห้องข้างล่างที่เป็นร้านขายหนังสือ เขาชี้ไปฝั่งตรงข้ามที่มีชื่อเดียวกัน ขึ้นไปชั้น 2 พนง.ต้อนรับแทบจะไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย ต้องใช้หลายวิธี ในที่สุดก็ได้ห้องคืนละ 3,750x2 มีอาหารเช้าให้หลังที่เช็คอิน ได้กุญแจ 2 ห้อง งง
เดินกลับไปที่ตึกเดิม เพิ่งเห็นว่ามีลิฟต์ ขึ้นไปชั้น 4 เจอป้าย 40-43 เอากุญแจดอกไหนไขก็ไม่ได้ ลองแล้วลองอีก ในที่สุดก็รู้ว่ามันไม่ได้ล็อค พอเปิดเข้าไปเจอห้องที่ติดกัน 41 กับ 42 เปิดดูเป็นห้องเตียงเดี่ยวให้นอนคนละห้อง หาห้องอาบน้ำไม่เจออีก ตอนดึกได้ยินเสียงสาวๆ จึงออกไปถามพวกเธอจึงรู้ว่า ต้องข้ามไปอาบน้ำตรงที่เช็คอิน
เธออาสาจะไปส่งตามประสาคนญี่ปุ่น แต่เราอาบน้ำอย่างย่อและซักผ้าที่อ่างล้างหน้า ตอนที่คนอื่นยังไม่มาเรียบร้อยแล้ว จึงไม่เดือดร้อน ดีที่อากาศเย็นไม่มีเหงื่อ
วันอาทิตย์ 13 มีนาคม 2559 ข้ามถนนไปที่เคาน์เตอร์เช็คอิน อาหารเช้าที่โรงแรม 25 อาหารดีทีเดียว มีแตงดอง 2 รส ผัดผักจากดิน น้ำ อากาศ ภูเขา มีรากบัว พริกหวาน หอมหัวใหญ่ และอย่างอื่น ไส้กรอกหมู ไข่ต้มสุก ไข่ดิบ ข้าวสวย ข้าวปั้น บะหมี่ มีสาหร่ายอบแถบเล็กๆ แบบที่ขายตามห้างบ้านเราให้ด้วย
เรานั่งรถบัสจากชานชาลาที่ 2 ไปปราสาทมัทสึเอะ Mstsue Castle Matsu Cho= มัตสึโจ๋ะ เป็นหนึ่งในปราสาทยุคดั้งเดิมที่ยังเหลืออยู่ ค่ารถไป กลับคนละ 170 เยนต่อเที่ยว (170x4=680) ขาไปคนขับใจดีจอดให้ลงตอนติดไฟแดง เดินตรงไปได้เลย ปราสาทมัตสึเอะสร้างในปี 1535 เป็นหนึ่งในปราสาทยุคแรกเริ่มที่ยังเหลืออยู่ เป็นสมบัติแห่งชาติมี 5 ชั้น ชั้นบนสุดมีระเบียงชมวิว 360 องศา สร้างด้วยไม้ดามด้วยเหล็ก มีคูน้ำนอกกำแพงหินสไตล์ Gobo-zumi style stone wall ที่มีป้อมไม้รอบด้าน
ปราสาททุกแห่งในญี่ปุ่นตั้งอยู่บนที่สูง มีกำแพงหินและคูน้ำล้อมรอบ ปราสาทมัตสึเอะก็เช่นเดียวกัน ลานหน้าทางเข้ามีอนุสาวรีย์ซามูไร แสดงให้เห็นว่า เมืองนี้เป็นเมืองบรรพบุรุษซามูไร ความมีวินัยของคนญี่ปุ่นน่าจะมาจากพวกซามูไร หรือ เปล่านะ....แต่ผู้คนตัวไม่โต เราเดินสวนทางกับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ดูสะอาดสะอ้าน แต่งกายมิดชิดเพราะหนาว อายุไม่น่าจะเกิน 20 พวกเขาไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ไม่ว่าจะถามอย่างไรก็สื่อสารไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีทีท่าเกะกะระราน
รถบัสวิ่งวน ขากลับต้องไปขึ้นตรงป้ายที่ต้องเลี้ยวขวาจากตอนขาไป เดินไปประมาณ 300 เมตร
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น