"คนที่ต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แม้ตัวตาย ยังประเสริฐกว่าพวกกระจอกที่ไม่คิดจะสู้เพื่อใคร” พุทธอิสระเขียนขึ้นต้นในเฟสของตัวเองเมื่อวานนี้ คมซะขนาดนี้เล่นเอาแฟนคลับประเภทฮาร์ดคอร์กรี๊ดสนั่น และบรรดาเหล่าแฟนคลับที่อ้างตัวว่าเป็นพุทธศาสนิกชนไม่มีใครเฉลี่ยวใจแม้สักนิดว่า พุทธะอิสระศาสดาของพวกเขาเอา “ไตรสรณคมณ์” พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไปไว้เสียทีไหน?? .....เพราะมัวเมาและจดจ่อแต่เรื่อง “การเมือง”ไปวันๆ นั่นแหละ แทนที่จะใส่ใจเอาพระธรรมคำสั่งสอนและแนวทางการปฏิบัติของพระพุทธองค์ กลับสั่งสอนให้ชาวบ้านหลงไหลมัวเมาในสิ่งสมมุติ ลักษณะการเทศน์ การพูดจา แม้แต่พฤติกรรมจึงไม่ต่างอะไรเลยกับนักการเมืองขึ้นทุกวันๆ!!
ฟังดีๆ นะพุทธอิสระ....เธอจะไปตายha ตายโหงที่ไหน? เพื่ออะไร? และเพื่อใคร? มันเป็นสิทธิของเธออย่างเต็มที่ แต่พระพุทธศาสนาไม่เคยสอนเรื่องตายเพื่อ/แทนคนอื่น ...แนวคิดอย่างนี้ไม่มีในพระพุทธศาสนา เห็นเธอพูดอย่างนี้แล้ว...ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าเธอเป็นพุทธจริงหรือเปล่า?? พระพุทธองค์ทรงสอนมาตลอดว่า “อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ” ไม่ใช่หรือ? เถอะ..! ถึงแม้ว่าเธอจะยอมตายแทนสามสถาบันที่เธอพูดถึง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการตายของเธอจะทำให้สิ่งเหล่านั้นอยู่ยั้งยืนยงตลอดไปเสียเมื่อไหร่? และเธอจงตระหนักให้ถ้วนถี่ว่าทั้งสามสิ่งที่เธอยกอ้างมานั้นล้วนต่างก็เป็นสิ่งสมมุติ สิ่งสมมุติที่มี “ไตรลักษณ์” เป็นคุณสมบัติ มีเกิดขึ้น แปรปรวน และสลายไปในที่สุด เช่นนี้แล้วเธอจะไปยึดมั่นถือมั่นอะไรให้มากมายถึงเพียงนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสเสมอๆ ว่าชีวิตมนุษย์นี้สั้นนัก การเร่งความเพียรปฏิบัติธรรมเพื่อต่อสุ้และกำจัดกิเลส ตัณหาแห่งตนนั่นแหละเป็นการต่อสู้อันประเสริฐสุด ไม่ใช่การทุ่มเท(ถึงขั้นยอมตาย)ให้กับสิ่งสมมุติที่เธอเอ่ยถึง....มันไม่ใช่สิ่งประเสริฐที่เธอพยายามจะบอกหากแต่เป็นความเขลาอันมีอวิชชาเป็นรากเง้าของเธอ
เธอจงจำไว้นะพุทธอิสระ....ศรัตรูของนักบวชคือ “กิเลสและตัณหา” และสองตัวนี้แหละที่เธอต้องต่อสู้ และต่อสู้เพื่อตัวเธอเองไม่ใช่เพื่อใครอื่น เธออย่าได้เที่ยวไปบอกใครต่อใครอีกเลยว่า การต่อสู้อื่นใดที่นอกจากการต่อสู้กับ “กิเลสและตัณหา” แม้ตัวจะตายนั้นประเสริฐ ไม่มีการต่อสู้อื่นใดเลยจะประเสริฐเท่ากับการต่อสู้กับกิเลสและตัณหาเลย ก่อนการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญานของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงต่อสู้กับกิเลสและตัณจนเกือบสิ้นชีวิตถึงได้นำพระธรรมมาสั่งสอนเราๆ ท่านๆ....แล้วการต่อสู้อันใดล่ะที่เธอเห็นว่าประเสริฐสุด??
พุทธอิสระ...พฤติกรรมของเธอตอนนี้นอกจากจะไม่ต่อสู้กับกิเลสและตัณหาแล้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังผูกมิตรกับกิเลสและตัณหาอย่างแนบแน่นไปทุกวันๆ ด้วยซ้ำ เธอปล่อยให้ “อคติ” เข้าไปเป็นเรือนใจของเธอจนหมดสิ้น เจ้า “อคติ” ตัวนี้มันทำลายสถานะของเธอจนไม่หลงเหลือความเป็นพระให้เห็น ตอนนี้เธอเห็นกิเลสและตัณหาเป็นมิตร(แทนที่จะต่อสู้) และเธอเห็นเพื่อนมนุษย์บางกลุ่มเป็นศรัตรู(แทนที่จะผูกมิตร)
ฉันไม่ได้กำลังซ้ำเติมอะไรเธอหรอกนะพุทธอิสระ......เห็นคนที่มีคุณสมบัติ “ต้องห้าม” คือห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานอย่างเธอยังจมดิ่งอยู่ในอวิชชาอยู่อย่างนี้ ฉันก็แค่สะกิดเตือนในฐานะที่ผ่านการบวชเรียนมาเหมือนกัน เผื่อมันจะช่วยทุเลา “วิบากกรรม” ที่เธอจะต้องรับมันในวันข้างหน้าได้...แค่นั้นเอง
….ถึงพุทธอิสระ ว่าด้วย “ไตรสรณคมน์”....by วัชรานนท์
ฟังดีๆ นะพุทธอิสระ....เธอจะไปตายha ตายโหงที่ไหน? เพื่ออะไร? และเพื่อใคร? มันเป็นสิทธิของเธออย่างเต็มที่ แต่พระพุทธศาสนาไม่เคยสอนเรื่องตายเพื่อ/แทนคนอื่น ...แนวคิดอย่างนี้ไม่มีในพระพุทธศาสนา เห็นเธอพูดอย่างนี้แล้ว...ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าเธอเป็นพุทธจริงหรือเปล่า?? พระพุทธองค์ทรงสอนมาตลอดว่า “อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ” ไม่ใช่หรือ? เถอะ..! ถึงแม้ว่าเธอจะยอมตายแทนสามสถาบันที่เธอพูดถึง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการตายของเธอจะทำให้สิ่งเหล่านั้นอยู่ยั้งยืนยงตลอดไปเสียเมื่อไหร่? และเธอจงตระหนักให้ถ้วนถี่ว่าทั้งสามสิ่งที่เธอยกอ้างมานั้นล้วนต่างก็เป็นสิ่งสมมุติ สิ่งสมมุติที่มี “ไตรลักษณ์” เป็นคุณสมบัติ มีเกิดขึ้น แปรปรวน และสลายไปในที่สุด เช่นนี้แล้วเธอจะไปยึดมั่นถือมั่นอะไรให้มากมายถึงเพียงนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสเสมอๆ ว่าชีวิตมนุษย์นี้สั้นนัก การเร่งความเพียรปฏิบัติธรรมเพื่อต่อสุ้และกำจัดกิเลส ตัณหาแห่งตนนั่นแหละเป็นการต่อสู้อันประเสริฐสุด ไม่ใช่การทุ่มเท(ถึงขั้นยอมตาย)ให้กับสิ่งสมมุติที่เธอเอ่ยถึง....มันไม่ใช่สิ่งประเสริฐที่เธอพยายามจะบอกหากแต่เป็นความเขลาอันมีอวิชชาเป็นรากเง้าของเธอ
เธอจงจำไว้นะพุทธอิสระ....ศรัตรูของนักบวชคือ “กิเลสและตัณหา” และสองตัวนี้แหละที่เธอต้องต่อสู้ และต่อสู้เพื่อตัวเธอเองไม่ใช่เพื่อใครอื่น เธออย่าได้เที่ยวไปบอกใครต่อใครอีกเลยว่า การต่อสู้อื่นใดที่นอกจากการต่อสู้กับ “กิเลสและตัณหา” แม้ตัวจะตายนั้นประเสริฐ ไม่มีการต่อสู้อื่นใดเลยจะประเสริฐเท่ากับการต่อสู้กับกิเลสและตัณหาเลย ก่อนการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญานของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงต่อสู้กับกิเลสและตัณจนเกือบสิ้นชีวิตถึงได้นำพระธรรมมาสั่งสอนเราๆ ท่านๆ....แล้วการต่อสู้อันใดล่ะที่เธอเห็นว่าประเสริฐสุด??
พุทธอิสระ...พฤติกรรมของเธอตอนนี้นอกจากจะไม่ต่อสู้กับกิเลสและตัณหาแล้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังผูกมิตรกับกิเลสและตัณหาอย่างแนบแน่นไปทุกวันๆ ด้วยซ้ำ เธอปล่อยให้ “อคติ” เข้าไปเป็นเรือนใจของเธอจนหมดสิ้น เจ้า “อคติ” ตัวนี้มันทำลายสถานะของเธอจนไม่หลงเหลือความเป็นพระให้เห็น ตอนนี้เธอเห็นกิเลสและตัณหาเป็นมิตร(แทนที่จะต่อสู้) และเธอเห็นเพื่อนมนุษย์บางกลุ่มเป็นศรัตรู(แทนที่จะผูกมิตร)
ฉันไม่ได้กำลังซ้ำเติมอะไรเธอหรอกนะพุทธอิสระ......เห็นคนที่มีคุณสมบัติ “ต้องห้าม” คือห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานอย่างเธอยังจมดิ่งอยู่ในอวิชชาอยู่อย่างนี้ ฉันก็แค่สะกิดเตือนในฐานะที่ผ่านการบวชเรียนมาเหมือนกัน เผื่อมันจะช่วยทุเลา “วิบากกรรม” ที่เธอจะต้องรับมันในวันข้างหน้าได้...แค่นั้นเอง