หลังผลการจับฉลากแบ่งสายรอบ 12 ทีมสุดท้ายคัดบอลโลกโซนเอเชียออกมาเมื่อวานก็มีการแสดงความคิดเห็นกันกว้างขวางตามปกตินั่นล่ะนะครับ
จริงๆ ตั้งแต่ก่อนการจับฉลากออกมาพวกเราก็คงจะเห็นกันอยู่แล้วว่าไม่ว่าด้วยอันดับโลกหรือผลงานตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราเป็นรอง "ทุกทีม" พูดได้ว่าเราอ่อนที่สุด ไม่ว่าในแง่ของประสบการณ์หรือผลงาน
ผลงานทีมชาติดีขึ้นมากในช่วงปีหลังๆ หลักๆ คือผลงานในระดับอาเซี่ยน ไม่ว่าซูซูกิคัพหรือซีเกมส์ แต่หากยังจำกันได้ เราเองไม่ได้เคี้ยวทีมเพื่อนบ้านระดับอาเซี่ยนได้ง่ายๆ มีบางเกมที่ต้องลุ้นกันแทบแย่
ในรอบคัดเลือก มี อิรัก ทีมเดียวก็ว่าได้ที่เป็นบทสอบ "ระดับทวีป" ของจริง นอกนั้น ถ้าจะพูดกันถึงการขึ้นเป็นทีมระดับต้นๆ ของทวีปหรือขนาดไปฟุตบอลโลก เราต้องชนะทีมอย่าง เวียดนาม และ ไต้หวัน ได้อย่างไม่ยากเย็น แทบจะพูดได้ว่าต้องส่งสำรองแล้วชนะได้ก็ว่าได้
แต่ในรอบ 12 ทีมสุดท้ายนี้ "ทุกทีม" คือบททดสอบที่ไม่เพียงแต่ไม่ได้ด้อยกว่า อิรัก แล้วยังแข็งแกร่งกว่าอีกต่างหาก!
เลสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังสร้างปาฏิหาริย์ที่อังกฤษโดยมีเจ้าของเป็นคนไทย เป็นกำลังใจอย่างดีให้คนไทยและทีมชาติว่า ในโลกแห่งฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้
ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดบนความว่างเปล่า ไม่มีความสำเร็จอะไรเกิดขึ้นจากฝุ่นลมอากาศธาตุ
ผมชอบความอ่อนน้อมถ่อนตนมากกว่าความเย่อหยิ่งทะนงตน ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี เมื่อมีในระดับ "ที่เหมาะสม"
หากเราอ่อนน้อม คิดว่าเรานั้นอ่อนด้อยสุดในกลุ่ม เราจะได้ก้มหน้าทำงานหนัก เพื่อจะได้หวังสร้างปาฏิหาริย์ที่ยิ่งกว่าหิมะตกในเมืองไทย ให้เกิดขึ้นได้
ไม่อยากให้มีคำว่า แล้วไง เราไม่เป็นรองใคร ต้องกลัวใครที่ไหน หรือ ทีมเราเล็กยังไง เราเล่น 10 เหรอ มี 10 มือ 10 เท้าเหมือนกัน ฯลฯ
ตรรกะแบบนั้น ผมก็คงเป็นนักบอลทีมชาติได้ จำนวนมือเท้า ขนาดรูปร่างผมก็ไม่ต่าง
ถ้า "อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้" มันได้มาโดยไม่ต้องมีความพยายามและเสริมสร้าง เราคงไม่เห็นว่ามีแค่ไม่กี่ทีมที่ยิ่งใหญ่ตลอดประวัติศาสตร์ฟุตบอลเป็นร้อยๆ ปี เราคงไม่เห็นบางสโมสรทั้งในและต่างประเทศแสดง "ระดับ" และ "ความแตกต่าง" ของมาตรฐานความสามารถเอาไว้ให้เราเห็น
ถ้าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้แค่เพราะมันเป็นฟุตบอลลูกกลมๆ เราคงไม่มาชื่นชม เมสซี่, โรนัลโด้ หรือสโมสร บาเซโลน่า, เรอัลมาดริด ฯลฯ อย่างทุกวันนี้
พวกเค้าทำงานหนักและทำมาอย่างต่อเนื่องมานับสิบๆ ปีกว่าจะมีวันนี้ได้
ให้นักเตะไทยที่เก่งที่สุด อาจดีไม่พอกระทั่งจะเป็นตัวสำรองของ ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, หรือเกาหลีใต้
ทั้งทักษะ ความสามารถ ตัวจริงตัวสำรอง มาตรฐานฟุตบอล ของไทย อ่อนด้อยที่สุดใน 12 ทีม
เจ็บปวดไหม... รับได้ไหม... ไม่ได้ก็ต้องได้ กลืนความเจ็บปวดเจ็บใจลงไปซะ แล้วก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำงาน แล้วก็ทำงาน
นัดอุ่นเครื่องกับตัวสำรองเกาหลีใต้ เป็นอย่างไร จำรูปเกมได้ไหม ทำใจไว้ เพราะเราจะได้ดูเกมแบบนั้นหรือแย่ยิ่งกว่านั้นค่อนข้างแน่นอนในรอบสุดท้ายนี้
เกมจะเริ่มในเดือน ก.ย. ซิโก้มีเวลาราวๆ 3-4 เดือนเพื่อสร้างเทพนิยายที่แฟนบอลไทยทั้งประเทศใฝ่ฝัน
การเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย พูดขำๆ ได้ว่าเป็น 1 ใน 12 ทีมที่ดีที่สุดในเอเชียหลังยุคตกต่ำในช่วงเวลาไม่กี่ปี แค่นี้ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ควรภูมิใจได้แล้ว
จากนี้ ทุกนัดคือกำไร ทำผลงานให้ดีที่สุด นอกจากรอบ 12 ทีมนี้ ทีมชาติยังมีรายการแข่งขันให้วัดผลงานความคืบหน้าอีกมาก ไม่ว่าจะระดับทวีปหรือระดับอาเซี่ยน
...ไว้เอาประสบการณ์ 10 นัดมหาหินในรอบนี้ มาแสดงให้ดูในรายการอื่นๆ ก็ยังไม่สาย...
บอลไทย หึกเหิมได้แต่พอดี เลสเตอร์เป็นตัวอย่างของปาฏิหาริย์ - แต่อย่าหน้ามืดหลงระเริง
จริงๆ ตั้งแต่ก่อนการจับฉลากออกมาพวกเราก็คงจะเห็นกันอยู่แล้วว่าไม่ว่าด้วยอันดับโลกหรือผลงานตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราเป็นรอง "ทุกทีม" พูดได้ว่าเราอ่อนที่สุด ไม่ว่าในแง่ของประสบการณ์หรือผลงาน
ผลงานทีมชาติดีขึ้นมากในช่วงปีหลังๆ หลักๆ คือผลงานในระดับอาเซี่ยน ไม่ว่าซูซูกิคัพหรือซีเกมส์ แต่หากยังจำกันได้ เราเองไม่ได้เคี้ยวทีมเพื่อนบ้านระดับอาเซี่ยนได้ง่ายๆ มีบางเกมที่ต้องลุ้นกันแทบแย่
ในรอบคัดเลือก มี อิรัก ทีมเดียวก็ว่าได้ที่เป็นบทสอบ "ระดับทวีป" ของจริง นอกนั้น ถ้าจะพูดกันถึงการขึ้นเป็นทีมระดับต้นๆ ของทวีปหรือขนาดไปฟุตบอลโลก เราต้องชนะทีมอย่าง เวียดนาม และ ไต้หวัน ได้อย่างไม่ยากเย็น แทบจะพูดได้ว่าต้องส่งสำรองแล้วชนะได้ก็ว่าได้
แต่ในรอบ 12 ทีมสุดท้ายนี้ "ทุกทีม" คือบททดสอบที่ไม่เพียงแต่ไม่ได้ด้อยกว่า อิรัก แล้วยังแข็งแกร่งกว่าอีกต่างหาก!
เลสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังสร้างปาฏิหาริย์ที่อังกฤษโดยมีเจ้าของเป็นคนไทย เป็นกำลังใจอย่างดีให้คนไทยและทีมชาติว่า ในโลกแห่งฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้
ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดบนความว่างเปล่า ไม่มีความสำเร็จอะไรเกิดขึ้นจากฝุ่นลมอากาศธาตุ
ผมชอบความอ่อนน้อมถ่อนตนมากกว่าความเย่อหยิ่งทะนงตน ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี เมื่อมีในระดับ "ที่เหมาะสม"
หากเราอ่อนน้อม คิดว่าเรานั้นอ่อนด้อยสุดในกลุ่ม เราจะได้ก้มหน้าทำงานหนัก เพื่อจะได้หวังสร้างปาฏิหาริย์ที่ยิ่งกว่าหิมะตกในเมืองไทย ให้เกิดขึ้นได้
ไม่อยากให้มีคำว่า แล้วไง เราไม่เป็นรองใคร ต้องกลัวใครที่ไหน หรือ ทีมเราเล็กยังไง เราเล่น 10 เหรอ มี 10 มือ 10 เท้าเหมือนกัน ฯลฯ
ตรรกะแบบนั้น ผมก็คงเป็นนักบอลทีมชาติได้ จำนวนมือเท้า ขนาดรูปร่างผมก็ไม่ต่าง
ถ้า "อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้" มันได้มาโดยไม่ต้องมีความพยายามและเสริมสร้าง เราคงไม่เห็นว่ามีแค่ไม่กี่ทีมที่ยิ่งใหญ่ตลอดประวัติศาสตร์ฟุตบอลเป็นร้อยๆ ปี เราคงไม่เห็นบางสโมสรทั้งในและต่างประเทศแสดง "ระดับ" และ "ความแตกต่าง" ของมาตรฐานความสามารถเอาไว้ให้เราเห็น
ถ้าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้แค่เพราะมันเป็นฟุตบอลลูกกลมๆ เราคงไม่มาชื่นชม เมสซี่, โรนัลโด้ หรือสโมสร บาเซโลน่า, เรอัลมาดริด ฯลฯ อย่างทุกวันนี้
พวกเค้าทำงานหนักและทำมาอย่างต่อเนื่องมานับสิบๆ ปีกว่าจะมีวันนี้ได้
ให้นักเตะไทยที่เก่งที่สุด อาจดีไม่พอกระทั่งจะเป็นตัวสำรองของ ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, หรือเกาหลีใต้
ทั้งทักษะ ความสามารถ ตัวจริงตัวสำรอง มาตรฐานฟุตบอล ของไทย อ่อนด้อยที่สุดใน 12 ทีม
เจ็บปวดไหม... รับได้ไหม... ไม่ได้ก็ต้องได้ กลืนความเจ็บปวดเจ็บใจลงไปซะ แล้วก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำงาน แล้วก็ทำงาน
นัดอุ่นเครื่องกับตัวสำรองเกาหลีใต้ เป็นอย่างไร จำรูปเกมได้ไหม ทำใจไว้ เพราะเราจะได้ดูเกมแบบนั้นหรือแย่ยิ่งกว่านั้นค่อนข้างแน่นอนในรอบสุดท้ายนี้
เกมจะเริ่มในเดือน ก.ย. ซิโก้มีเวลาราวๆ 3-4 เดือนเพื่อสร้างเทพนิยายที่แฟนบอลไทยทั้งประเทศใฝ่ฝัน
การเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย พูดขำๆ ได้ว่าเป็น 1 ใน 12 ทีมที่ดีที่สุดในเอเชียหลังยุคตกต่ำในช่วงเวลาไม่กี่ปี แค่นี้ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ควรภูมิใจได้แล้ว
จากนี้ ทุกนัดคือกำไร ทำผลงานให้ดีที่สุด นอกจากรอบ 12 ทีมนี้ ทีมชาติยังมีรายการแข่งขันให้วัดผลงานความคืบหน้าอีกมาก ไม่ว่าจะระดับทวีปหรือระดับอาเซี่ยน
...ไว้เอาประสบการณ์ 10 นัดมหาหินในรอบนี้ มาแสดงให้ดูในรายการอื่นๆ ก็ยังไม่สาย...