คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
การพูดเรื่องเหตุผลกับคนที่
ไม่มี(ไม่เข้าใจ)เหตุผลว่า เป็นการเสียแรงเปล่า และมักจะใช้พูดเสียดสีหรือยั่วล้อคนที่เอาแต่พูดโดยไม่สนใจคนฟัง
----------------------------------
มองเป็นการอุปมาอุปมัย ก็คงใช่ เพราะ นั่นคือความคิดของคนที่ดีดพินว่า คน (วัว-ควาย)ไม่สนใจฟัง
แต่ หากมองอย่างให้ความเป็นธรรมกับ สัตว์ ..... คือ มันไม่เข้าใจว่านั่นคือเสียงเพลง
เพราะ มันไม่รู้จักเสียงเพลง ไม่เข้าใจว่า เป็นเสียงเพลง
คงเปรียบได้กับ คนที่รู้จักแต่สิ่งที่ตัวเองเข้าใจ ถึงแม้จิ้งหรีด จะกรีดร้องเสียงอันไพเราะ (เรียกหาคู่) คนก็เข้าใจแค่ว่ามันไพเราะ แต่ไม่เข้าใจว่ามันกำลังร้องหาคู่..........................
ปล....จิ้งหรีด มันจะมองคนแล้วคิดว่า สีซอให้วัวฟังไหมเนี่ย........55555555
แก้ไขเพิ่มเติม...........คห นี้สอนให้รู้ว่า ต้องมองเหรียญให้ครบทุกด้านเพื่อทำความเข้าใจ.......
ไม่มี(ไม่เข้าใจ)เหตุผลว่า เป็นการเสียแรงเปล่า และมักจะใช้พูดเสียดสีหรือยั่วล้อคนที่เอาแต่พูดโดยไม่สนใจคนฟัง
----------------------------------
มองเป็นการอุปมาอุปมัย ก็คงใช่ เพราะ นั่นคือความคิดของคนที่ดีดพินว่า คน (วัว-ควาย)ไม่สนใจฟัง
แต่ หากมองอย่างให้ความเป็นธรรมกับ สัตว์ ..... คือ มันไม่เข้าใจว่านั่นคือเสียงเพลง
เพราะ มันไม่รู้จักเสียงเพลง ไม่เข้าใจว่า เป็นเสียงเพลง
คงเปรียบได้กับ คนที่รู้จักแต่สิ่งที่ตัวเองเข้าใจ ถึงแม้จิ้งหรีด จะกรีดร้องเสียงอันไพเราะ (เรียกหาคู่) คนก็เข้าใจแค่ว่ามันไพเราะ แต่ไม่เข้าใจว่ามันกำลังร้องหาคู่..........................
ปล....จิ้งหรีด มันจะมองคนแล้วคิดว่า สีซอให้วัวฟังไหมเนี่ย........55555555
แก้ไขเพิ่มเติม...........คห นี้สอนให้รู้ว่า ต้องมองเหรียญให้ครบทุกด้านเพื่อทำความเข้าใจ.......
แสดงความคิดเห็น
สุภาษิตจีน : สีซอให้น้องวัวฟัง [对牛弹琴]
ใน สมัยโบราณ มีนักดนตรีชื่อดังคนหนึ่งชื่อ กงหมิงอี๋ เขาแต่งเพลงได้ เล่นดนตรีก็เป็น
เขาเล่นพิณ 7 สายได้ไพเราะน่าฟัง ทำให้มีผู้คนมากมายชอบที่จะฟังเขาเล่น โดยทุกคนต่างก็
เคารพนับถือในตัวเขามาก แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว กงหมิงอี๋ก็เคยก่อเรื่องตลกๆอยู่บ้างเหมือนกัน
กงหมิงอี๋ไม่เพียงเล่นพิญอยู่แต่ในบ้าน วันไหนอากาศดีๆเขาก็ชอบหอบหิ้วพิณออกไปเล่นที่
นอกเมือง วันหนึ่ง เมื่อเขาออกไปถึงนอกเมืองปะกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิโชยมาอ่อนๆ กิ่งหลิว
ที่ลู่ลงก็โบกไปส่ายมาอยู่ไหวๆ วัวตัวหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเล็มหญ้าอยู่ จู่ๆเขาก็นึกสนุกขึ้นมา
จึงหยิบพิณขึ้นมาวางและบรรเลงเพลงให้วัวตัวนั้นฟัง แต่วัวตัวนั้นกลับเฉยเมยและกินหญ้าของมัน
ต่อไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
กงหมิงอี๋คิดอยู่ในใจว่า เพลงบทนี้อาจจะสูงส่งเกินไป ลองเปลี่ยน ไปเล่นเพลงพื้นๆธรรมดาๆ
น่าจะดีกว่า แต่วัวแก่ตัวนั้นก็ยังไม่แสดงปฏิกิริยาตอบรับใดๆทั้งสิ้น มันยังคงกินหญ้าอย่างสบายอารมณ์ต่อไปดังเดิม
กงหมิงอี๋แสดงความสามารถที่มีอยู่ในตัวทั้งหมดบรรเลงพิณที่เขาเล่นได้ไพเราะ ที่สุด บางครั้ง
วัวแก่ตัวนั้นก็ส่ายหางไปมาเพื่อไล่แมลงที่มาตอม จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินหญ้าของมันต่ออย่างเงียบๆ
สุดท้าย วัวแก่ตัวนั้นก็เดินจากไปอย่างช้าๆเพื่อเปลี่ยนไปกินหญ้าตรงบริเวณอื่น
กงหมิงอี๋รู้สึกผิดหวังมากที่เขาอุตส่าห์ดีดพิณอยู่เป็นเวลานาน แต่จนแล้วจนรอดวัวแก่ตัวนั้นก็ไม่รู้สึก
สะทกสะท้านอะไรเลย ในที่สุด เขาก็ได้แต่ทอดถอนใจและหอบหิ้วพิณกลับบ้านไป
*** สำนวน ‘สีซอให้น้องวัวฟัง’ หรืออีกชื่อว่า ‘ดีดพิณให้วัวฟัง’ อุปมาถึง การพูดเรื่องเหตุผลกับคนที่
ไม่มี(ไม่เข้าใจ)เหตุผลว่า เป็นการเสียแรงเปล่า และมักจะใช้พูดเสียดสีหรือยั่วล้อคนที่เอาแต่พูดโดยไม่สนใจคนฟัง
อ้างอิงคำแปลจาก: http://www.thaigoodview.com/node/70304
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้