ขออนุญาตแสดงความเห็นในเรื่องการทำดี ทำบุญทำทาน ในปัจจุบันนะครับ
ผมคนนึงเห็นว่า ในปัจจุบันจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปจากอดีต มีความเร่งรีบมากขึ้นแต่ปราณีตน้อยลง เป็นเหตุให้รูปแบบการทำดีนั้นเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาล ซึ่งในที่นี้ขอใช้เรื่องการทำบุญทำทานเป็นตัวอย่างครับ
สมัยก่อนรุ่นคุณปู่คุณย่า เวลาครอบครัวเราจะทำบุญทำทานกัน เราจะใช้เวลาว่างในวันหยุดเพื่อจะขับรถกันไปยังวัดในจังหวัดต่างๆ จะวัดในตัวเมืองก็ดี หรือวัดตามชนบทก็ดี เพื่อไปถวายอาหาร ยารักษาโรค เครื่องสังฆภัณฑ์ อาจมีปัจจัยเล็กน้อย และปิดท้ายด้วยการสนทนาธรรมกับท่านเจ้าอาวาส หลวงลุง หลวงพี่ ตามสมควรแก่เวลาก่อนจะลากลับ ซึ่งเวลาไปกันทีก็ขนกันไปเป็นหมู่คณะตามแบบคนในสมัยก่อนที่เครือญาตินั้นมีมาก
การได้ไปอย่างนั้นตั้งแต่เด็ก ทำให้ในปัจจุบันนี้ตัวผมก็ยังปฏิบัติเช่นนั้นกับครอบครัว ตามอย่างที่เคยทำมา เมื่อผมมองสิ่งที่เห็นในปัจจุบัน ก็ยังเห็นหลายๆครอบครัวที่ทำเช่นนี้อยู่ ยังได้เจอบรรดาเพื่อนพุทธศาสนิกชนที่พาครอบครัวเดินทางไปยังวัดต่างๆที่อยู่ห่างไกล เห็นแล้วก็นับถือในเจตนาที่จะสร้างบุญสร้างกุศลของเขาเหล่านั้น
แต่สิ่งที่เห็นเพิ่มเข้ามาในปัจจุบันก็คือ การแสวงหาบุญด้วยความไม่รู้ การแข่งบุญด้วยความโลภ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่วัดสถานที่ที่เคยเป็นที่ปฎิบัติ ของพระที่น่าเลื่อมใส กลายเป็น
"ศูนย์แสดงความศรัทธา"ของทางโลกมากกว่า "สถานที่แสดงถึงปัญญา"ทางธรรม
เรามีรูปปั้น รูปหล่อ พระพุทธเจ้าและเกจิอาจารย์ที่คนสร้างต่างป่าวร้องว่า สูงที่สุดในโลก ใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน
เรามีวิหาร โบสถ์ หลังใหญ่ที่ปูด้วยหินและกระเบื้องสวยงามมีราคา ประดับประดาด้วยวัตถุจำลองจากสิ่งมีค่า
เรามีขบวนสมมุติสงฆ์ที่มากที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อมาธุดงค์ บิณฑบาต จากญาติโยมที่หวังบุญเพราะอาจเข้าใจผิดว่าพระมากคือบุญมาก
เราคงลืมไปแล้วว่าพุทธองค์ท่านสอนเรื่องธรรมเพื่อความหลุดพ้น
ท่านไม่ได้บอกว่า พระพุทธรูปต้องใหญ่ วิหารต้องสวย สมมุติสงฆ์ต้องมาก เป็นทางที่จะทำให้พ้นทุกข์
กลับมาที่การทำบุญทำทานสักนิด หากว่าเราเหล่าพุทธศาสนิก มีเจตนาประสงค์จะทำเพื่อช่วยเหลือทำนุบำรุงพุทธศาสนาจริงๆ ผมอยากให้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนและออกแรงลงมือทำด้วยตัวเองให้มากขึ้นอีกหน่อย การทำโดยไม่ผ่านคนกลางหรือองค์กรต่างๆได้นั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ควรหาความรู้ไว้ เช่น หากต้องการช่วยพระทาง3จังหวัดภาคใต้ ท่านสามารถส่งปัจจัยหรือสิ่งจำเป็นไปได้โดยตรง อาจจะไม่ถึงกับต้องไปส่งมอบเอง
ผมไม่ได้มีอคติใดๆต่อ"คนกลาง"ที่ดี ทั้งยังขออนุโมทนา ที่ท่านเหล่านี้มีใจช่วยอย่างแท้จริง แต่ต้องมองกันที่ความจริงว่า เรามี"คนกลาง"ที่ทั้งดีที่ไม่แสวงหากำไรหรือผลประโยชน์และที่ไม่ดีที่หากำไร ชื่อเสียงหรือนำปัจจัย/วัตถุทานไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องทำทานผ่านคนไม่ดีที่เราอาจไม่ทราบนี้ หากไม่เหนือบ่ากว่าแรง ผมขอชักชวนให้เพื่อนๆทำโดยตรงกับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือครับ
จริงอยู่ที่การทำบุญนั้น ส่วนนึงถูกสอนกันมาว่า ทำไปแล้วก็อย่าไปสนใจว่าเขาจะเป็นคนไม่ดี ให้ดูที่ใจเรา
แต่จริงๆแล้ว หากท่านใส่ใจสักนิด คิดใคร่ครวญพิจารณาตามหลักคำสอนของพุทธองค์ ท่านจะเห็นว่า การ"ใช้ปัญญานำหน้าศรัทธา" แม้เป็นการทำบุญจักยังประโยชน์ให้เกิดแก่ผู้รับและผู้ทำมากกว่าครับ
ขอให้เจริญในธรรม
หากมีโอกาสได้ทำดี ทำบุญ ให้ทำเอง ทำตรง อย่าฝาก อย่าไหว้วานใคร
ผมคนนึงเห็นว่า ในปัจจุบันจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปจากอดีต มีความเร่งรีบมากขึ้นแต่ปราณีตน้อยลง เป็นเหตุให้รูปแบบการทำดีนั้นเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาล ซึ่งในที่นี้ขอใช้เรื่องการทำบุญทำทานเป็นตัวอย่างครับ
สมัยก่อนรุ่นคุณปู่คุณย่า เวลาครอบครัวเราจะทำบุญทำทานกัน เราจะใช้เวลาว่างในวันหยุดเพื่อจะขับรถกันไปยังวัดในจังหวัดต่างๆ จะวัดในตัวเมืองก็ดี หรือวัดตามชนบทก็ดี เพื่อไปถวายอาหาร ยารักษาโรค เครื่องสังฆภัณฑ์ อาจมีปัจจัยเล็กน้อย และปิดท้ายด้วยการสนทนาธรรมกับท่านเจ้าอาวาส หลวงลุง หลวงพี่ ตามสมควรแก่เวลาก่อนจะลากลับ ซึ่งเวลาไปกันทีก็ขนกันไปเป็นหมู่คณะตามแบบคนในสมัยก่อนที่เครือญาตินั้นมีมาก
การได้ไปอย่างนั้นตั้งแต่เด็ก ทำให้ในปัจจุบันนี้ตัวผมก็ยังปฏิบัติเช่นนั้นกับครอบครัว ตามอย่างที่เคยทำมา เมื่อผมมองสิ่งที่เห็นในปัจจุบัน ก็ยังเห็นหลายๆครอบครัวที่ทำเช่นนี้อยู่ ยังได้เจอบรรดาเพื่อนพุทธศาสนิกชนที่พาครอบครัวเดินทางไปยังวัดต่างๆที่อยู่ห่างไกล เห็นแล้วก็นับถือในเจตนาที่จะสร้างบุญสร้างกุศลของเขาเหล่านั้น
แต่สิ่งที่เห็นเพิ่มเข้ามาในปัจจุบันก็คือ การแสวงหาบุญด้วยความไม่รู้ การแข่งบุญด้วยความโลภ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่วัดสถานที่ที่เคยเป็นที่ปฎิบัติ ของพระที่น่าเลื่อมใส กลายเป็น
"ศูนย์แสดงความศรัทธา"ของทางโลกมากกว่า "สถานที่แสดงถึงปัญญา"ทางธรรม
เรามีรูปปั้น รูปหล่อ พระพุทธเจ้าและเกจิอาจารย์ที่คนสร้างต่างป่าวร้องว่า สูงที่สุดในโลก ใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน
เรามีวิหาร โบสถ์ หลังใหญ่ที่ปูด้วยหินและกระเบื้องสวยงามมีราคา ประดับประดาด้วยวัตถุจำลองจากสิ่งมีค่า
เรามีขบวนสมมุติสงฆ์ที่มากที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อมาธุดงค์ บิณฑบาต จากญาติโยมที่หวังบุญเพราะอาจเข้าใจผิดว่าพระมากคือบุญมาก
เราคงลืมไปแล้วว่าพุทธองค์ท่านสอนเรื่องธรรมเพื่อความหลุดพ้น
ท่านไม่ได้บอกว่า พระพุทธรูปต้องใหญ่ วิหารต้องสวย สมมุติสงฆ์ต้องมาก เป็นทางที่จะทำให้พ้นทุกข์
กลับมาที่การทำบุญทำทานสักนิด หากว่าเราเหล่าพุทธศาสนิก มีเจตนาประสงค์จะทำเพื่อช่วยเหลือทำนุบำรุงพุทธศาสนาจริงๆ ผมอยากให้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนและออกแรงลงมือทำด้วยตัวเองให้มากขึ้นอีกหน่อย การทำโดยไม่ผ่านคนกลางหรือองค์กรต่างๆได้นั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ควรหาความรู้ไว้ เช่น หากต้องการช่วยพระทาง3จังหวัดภาคใต้ ท่านสามารถส่งปัจจัยหรือสิ่งจำเป็นไปได้โดยตรง อาจจะไม่ถึงกับต้องไปส่งมอบเอง
ผมไม่ได้มีอคติใดๆต่อ"คนกลาง"ที่ดี ทั้งยังขออนุโมทนา ที่ท่านเหล่านี้มีใจช่วยอย่างแท้จริง แต่ต้องมองกันที่ความจริงว่า เรามี"คนกลาง"ที่ทั้งดีที่ไม่แสวงหากำไรหรือผลประโยชน์และที่ไม่ดีที่หากำไร ชื่อเสียงหรือนำปัจจัย/วัตถุทานไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องทำทานผ่านคนไม่ดีที่เราอาจไม่ทราบนี้ หากไม่เหนือบ่ากว่าแรง ผมขอชักชวนให้เพื่อนๆทำโดยตรงกับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือครับ
จริงอยู่ที่การทำบุญนั้น ส่วนนึงถูกสอนกันมาว่า ทำไปแล้วก็อย่าไปสนใจว่าเขาจะเป็นคนไม่ดี ให้ดูที่ใจเรา
แต่จริงๆแล้ว หากท่านใส่ใจสักนิด คิดใคร่ครวญพิจารณาตามหลักคำสอนของพุทธองค์ ท่านจะเห็นว่า การ"ใช้ปัญญานำหน้าศรัทธา" แม้เป็นการทำบุญจักยังประโยชน์ให้เกิดแก่ผู้รับและผู้ทำมากกว่าครับ
ขอให้เจริญในธรรม