ศึกชิงฮันต๋ง (๓) ๑๓ เม.ย.๕๙

กระทู้สนทนา
คุ้ยสามก๊ก

ชุด ศึกชิงฮันต๋ง

“เล่าเซี่ยงชุน”

ตอนที่ ๓ เล่าปี่ตีฮันต๋ง

  เล่าปี่แจ้งตามหนังสือของ ฮองตง แล้วก็มีความยินดี หวดเจ้งจึงบอกว่า

  “ ครั้ง โจโฉ ยกมาตีเมืองฮันต๋งนั้น ก็คิดจะมาตีเอาเมืองเสฉวน บัดนี้ โจโฉ ให้ แฮหัวเอี๋ยน กับ เตียวคับ อยู่รักษาเมืองฮันต๋ง ตัว โจโฉ ยกกลับไปนั้น เหมือนหนึ่งมิใช่ความคิด โจโฉ แล้ว เตียวคับ ก็แตกยับเยิน ทั้งเสียเสบียง ณ เขา เทียนตองสัน ครั้งนี้เห็นได้ทีอยู่แล้ว ขอให้ยกกองทัพหลวงไปตีเอาเมืองฮันต๋งไว้ให้ได้  แล้วแม้จะยกไปกำจัดศัตรูราชสมบัติเสีย ก็เห็นจะได้โดยง่าย ถ้ามิฉะนั้นก็ให้แต่งผู้รักษาเมืองฮันต๋งไว้เป็นเมืองหน้าด่าน ท่านจงยกกลับมารักษาเมือง เสฉวนไว้ ให้เป็นที่มั่นคง ก็จะมีความสุขสืบไป “

  เล่าปี่กับขงเบ้ง ได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงได้มีหนังสือออกไปกำชับนายด่านเมืองเสฉวน แลหัวเมืองขึ้นทั้งปวง ให้รักษาด่านไว้ให้มั่นคง แล้วให้ จูล่ง คุมทหารเป็นทัพหน้า เล่าปี่กับขงเบ้งนั้นคุมทหารสิบหมื่นเป็นกองหลวง ยกพลมาถึงด่านแฮบังก๋วน ก็ให้หาตัว  ฮองตง กับ เงียมหงัน มาปูนบำเหน็จเป็นอันมาก แล้วว่า

  “ ทหารทั้งปวงดูหมิ่นว่าท่านเป็นคนชราจะทำการศึกไม่ได้ แต่เรากับขงเบ้งรู้อยู่ว่าท่านจะทำสงครามได้ จึงได้ให้อาสามาทำการ ได้ชัยชนะแก่เตียวคับ บัดนี้ท่านก็ได้เสบียงข้างเขาเทียนตองสันแล้ว ยังแต่เสบียงข้างเขาเตงกุนสันซึ่งแฮหัวเอี๋ยนรักษาอยู่นั้น ถ้าเราได้เสบียงตำบลนี้อีก เมืองฮันต๋งก็จะอยู่ในเงื้อมมือเรา “

  ฮองตงจึงว่า

  “ ข้าพเจ้าขออาสาไปทำลายเสบียง ณ เขาเตงกุนสันให้ได้ “

  ขงเบ้งจึงว่า

  “ ท่านผู้เฒ่านี้มีแต่ฝีมือ กำลังนั้นน้อยอยู่แล้ว อันแฮหัวเอี๋ยนคนนี้มีฝีมือยิ่งกว่าเตียวคับ โจโฉ นับถือไว้ใจ จึงให้มารักษาเมืองฮันต๋ง ซึ่งท่านจะไปหักหาญเอานั้นเห็นจะไม่ได้ จำจะจัดทหารไปรักษาเมืองเกงจิ๋วแทนกวนอู ให้กวนอูมาทำการกับแฮหัวเอี๋ยน จึงจะได้ “

  ฮองตงก็โกรธแล้วว่า

  “............แลตัวข้าพเจ้านี้อายุแต่เจ็ดสิบปี  จะขอแต่ทหารเลวไปด้วยสามพัน จะตัดเอาศีรษะ แฮหัวเอี๋ยนมาให้ได้ “

  ขงเบ้งก็ว่ากล่าวห้ามปรามถึงสามครั้ง ฮองตงก็ไม่ฟังอ้อนวอนจะขออาสาไปให้ได้ ขงเบ้งจึงว่า

  “ ท่านจะไปก็ตามเถิด เราจะให้หวดเจ้งไปด้วย ตัวเราอยู่ภายหลังจึงจะจัดแจงทหารยกหนุนไปช่วย”

  ฮองตงก็จัดแจงทหาร ของตัว กับทหารของหวดเจ้งบรรจบกัน แล้วก็คำนับลาขงเบ้งรีบไป ณ เขาเตงกุนสัน ขงเบ้งจึงบอกเล่าปี่ว่า

  “ข้าพเจ้ายุให้ฮองตงทหารเฒ่าไปทำการครั้งนี้ จะไว้ใจมิได้ ด้วยฮองตงชราอยู่แล้ว จำเราจะให้ทหารยกหนุนไปอีก”

  แล้วขงเบ้งก็สั่ง จูล่ง ว่า

  “ท่านจงยกทหารกองหนึ่ง รีบไปทางน้อย ถ้าเห็นฮองตงเพลี่ยงพล้ำก็ให้ยกออกไปช่วย ถ้าเห็นได้ท่วงทีแล้ว ให้สงบอยู่ในป่า”

  แล้วสั่ง เล่าฮอง กับ เบ้งตัด ว่า

  “ ให้ท่านคุมทหารสามพัน ยกไปทางหนึ่งถ้าถึงเขาเตงกุนสัน เห็นที่ใดเปลี่ยวให้หยุดกองทัพ ให้ทหารปักธงแลโฮ่ร้องจงหนัก”

  จูล่ง เล่าฮอง เบ้งตัด ก็คำนับลาขงเบ้งไป ต่างคนต่างก็ยกทหารไปทำตามขงเบ้งสั่ง แล้วขงเบ้งจึงให้ เงียมหงันอยู่รักษาเมืองปาเส และให้ตาม เตียวหุย กับอุยเอี๋ยน มาจากด่านแฮบังก๋วน คิดอ่านการยกไปตีเมืองฮันต๋ง

  ในการรบครั้งนี้ฮองตง กับหวดเจ้ง ร่วมมือกันใช้กลศึกจัดการกับแฮหัวเอี๋ยน จนได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด และยึดกองเสบียงที่เขาเตงกุนสันได้ จึงตัดศีรษะแฮหัวเอี๋ยนมาให้เล่าปี่ ที่ด่านแฮบังก๋วน

  เล่าปี่ก็ดีใจมาก จึงตั้งให้ฮองตงเป็น เตงไล้ไตจงกุ๋น แปลว่า นายทหารปราบศัตรูฝ่ายตะวันตก พอดีมีข่าวว่า โจโฉ ให้ เตียวคับ ขนเสบียงจากเขาบิซองสัน มาไว้ในค่ายหันซุยเป็นอันมาก และยกทหารสี่สิบหมื่นเศษ ถึงเขาเตงกุนสัน จะทำศึกแก้แค้นแทน แฮหัวเอี๋ยน

  ขงเบ้งจึงให้ ฮองตง กับ จูล่ง ยกทหารไปตีค่าย โจโฉ ให้ เตียวคี คุมทหารไปเป็นกองหนุน  การรบครางนี้ โจโฉ พ่ายแพ้แก จูล่ง และเสบียงที่เขาบิซองสันก็ถูเผาเรียบ จึงหนีกลับไปเมืองลำเต๋ง เตียวคับ กับ ซิหลงที่ตั้งค่ายอยู่ที่ทุ่งหันซุยก็พลอยทิ้งค่ายถอยตามโจโฉ ไปด้วย จูล่ง กับ ฮองตง ก็ติดตามมา เก็บเสบียงและเครื่องสัตราวุธได้เป็นอันมาก

  เล่าปี่ กับขงเบ้ง ก็ยกพลมาสมทบกับ จูล่ง ที่ทุ่งหันซุยโดยด่วน และเลี้ยงฉลองชัยชนะกันเป็นงานใหญ่ หลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่า โจโฉ ให้ ซิหลง กับ อองเป๋ง เป็นทัพหน้า ยกมาตีทุ่งหันซุยคืน ซิหลงก็ข้ามแม่น้ำหันซุยมาตั้งค่าย ในฝั่งตรงข้าม จูล่ง กับ ฮองตง ก็ยกพลมาโจมตีจนแตกพ่ายไม่เป็นขบวน ส่วน อองเป๋ง นั้นเข้ามอบตัวกับ จูล่ง

  เมื่อ จูล่งนำตัว อองเป๋ง ไปรายงาน เล่าปี่ ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายทหารนำทางในการทำศึกต่อไป โจโฉ ได้รับรายงานจาก ซิหลงแล้ว ก็ยกทหารข้ามแม่น้ำหันซุยมาจะรบกับ จูล่ง ซึ่งถอยออกจากค่าย ให้โจโฉ เข้ายึดไว้ได้ แต่ตกกลางคืนเวลาดึก เที่ยงคืน ขงเบ้งก็ให้ทหารจูล่งเป่าแตรตีฆ้องอื้ออึงอยู่ที่เชิงเขาใกล้ค่าย ทำเช่นนั้นอยู่สามสี่คืน ทหารของ โจโฉ มิเป็นอันหลับอันนอน  โจโฉ เกิดความครั่นคร้าม ก็พาทหารล่าถอยไปประมาณสามร้อยเส้น ตั้งค่ายอยู่ในที่ราบไกลภูเขา

  เล่าปี่ก็ยกทหารตามไปเผชิญหน้ากับกองทัพโจโฉ เมื่อ เห็นหน้า เล่าปี่ โจโฉ ก็ร้องว่า

  “ อ้ายคนอกตัญญูเสียสัตย์ กลับมาทรยศเป็นศัตรูกับเจ้าแผ่นดิน “

  เล่าปี่ ก็ตอบว่า

  “ ท่านมาดูหมิ่นเราฉะนี้ไม่ชอบ เราเป็นเชื้อพระวงศ์ พระเจ้าเหี้ยนเต้ ถือรับสั่งมาปราบปรามศัตรูราชสมบัติ ตัวทำผิดฆ่าพระอัครมเหสีพระเจ้าเหี้ยนเต้เสีย ตั้งตัวเป็นเจ้า จะเบียดเบียนเอาราชสมบัติ ให้เกินศักดิ์ ตัวยังถือว่าไม่เป็นขบถอีกหรือ “

  โจโฉจึงให้ ซิหลงออกรบกับ เล่าฮอง ปะทะกันด้วยเพลงทวน สักพักหนึ่งเล่าฮองสู้ซิหลงไม่ได้ เล่าปี่ก็พาทหารถอย โจโฉก็พาทหารโห่ร้องไล่ตามเล่าปี่ไป โจโฉ ตามมาถึงค่ายที่หันซุย ก็หยุดอยู่ และสงสัยว่าทำไม เล่าปี่ จึงถอยง่ายนัก คิดแล้วก็ไม่ติดตามต่อไป เล่าปี่ก็หันกลับพาทหารเข้าตีกองทัพโจโฉ แตกกลับไปเมืองลำเต๋ง แต่ เตียวหุยกับอุยเอี๋ยน ได้ยึดเมืองไว้เสียแล้ว โจโฉจึงถอยต่อไปถึงด่านเองเปงก๋วน เล่าปี่กับขงเบ้ง ก็ตามมายึดเมืองลำเต๋งไว้ในครอบครอง เป็นอันว่า เล่าปี่ ยึดได้จนสุดเขตแดนของแคว้นฮันต๋ง

  แล้วก็ให้ เตียวหุย กับ อุยเอี๋ยน ไปสกัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของ โจโฉ  เมื่อรู้ข่าว เคาทู ก็ขออาสาไปควบคุมขบวนเสบียง และได้ต่อสู้กับเตียวหุยทั้งกำลังเมาสุรา จึงถูกเตียวหุยแทงตกจากหลังม้า ทหารกองเกวียนจึงเข้าต่อสู้ป้องกันเคาทู ให้พ้นมือข้าศึก ปล่อยให้เตียวหุยยึดเสบียงไปได้หมด

  โจโฉให้หมอรักษาเคาทู แล้วตนเองก็ยกพลกลับไปรบกับเล่าปี่อีก เล่าปี่ก็ให้เล่าฮองออกรบ โจโฉก็รุกไล่ เล่าฮองให้ถอยกลับไป เล่าปี่ ก็ยกพลตามมาช่วย เล่าฮอง ไล่ โจโฉ ถอยไปจนถึงด่านเองเปงก๋วน ก็เข้าด่านไม่ได้ ต้องถอยไปจนถึงหุบเขาเสียดก๊ก จึงพบกับกองทหารของโจเจียง บุตรชายตนรองจาก โจผี ยกพลมาช่วย และตั้งค่ายอยูที่เขาเสียดก๊กนั้นเอง

  โจโฉ ตั้งหลักอยูที่ค่ายนี้เป็นเวลานานไม่อาจจะเอาชนะเล่าปี่ได้ จึงคิดจะถอย แต่พอไปตรวจดูค่ายในคืนวันหนึ่ง เห็นทหารเตรียมตัวจะเดินทาง จึงเรียก แฮหัวตุ้น มาถามว่าใครสั่งให้ทหารเก็บข้าวของ แฮหัวตุ้น ก็บอกว่า เอี้ยวสิ้ว ซึ่งเป็นที่ปรึกษา บอกว่า โจโฉ จะถอยทัพแล้ว โจโฉ จึงว่า เอี้ยวสิ้ว อวดรู้ดี ทำให้ทหารเสียขวัญ จึงให้เอาไปประหาร และตัดศีรษะเสียบประจานไว้ แล้วไม่สั่งให้ถอย

  วันต่อมา ได้ยกออกไปสู้รบกับอุยเอี๋ยน ถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ ถึงฟันหน้าหักไปสองซี่ ตกลงจากหลังม้า ทหารจึงช่วยป้องกันพากลับเข้าค่าย โจโฉ จึงนึกได้ว่าควรจะถอยไปตามคำของเอี้ยวสิ้ว ก็จะไม่เจ็บตัวถึงเพียงนี้ แล้วก็สั่งให้ถอยทัพไปจนถึงเมืองเกงเตียว โดยนอนมาในเกวียน เล่าปี่ก็เข้ายึดค่าย และเผาทิ้งเสีย

  แล้วเล่าปี่ ก็ให้เล่าฮอง กับ อองเป๋ง คุมทหารไปตีเอาเมืองซงหยงได้อีก แคว้นฮันต๋งจึงตกอยู่ในความยึดครองของเล่าปี่ โดยสิ้นเชิง

               ฝ่ายชาวเมืองฮันต๋งได้ชวนกันไปหาขงเบ้งบอกเล่าว่า

        “ ข้าพเจ้าชาวเมืองทั้งปวง เห็นพร้อมกันว่า จะให้ เล่าปี่ เป็นเจ้า “

        ขงเบ้งได้ฟังดังนั้น จึงบอกว่า ตนเองก็คิดอยู่ จึงพา หวดเจ้ง แลแม่ทัพนายกองทหารทั้งปวง ไปหา เล่าปี่ แล้วว่า

        “ อันโจโฉ อหังการทำสูงศักดิ์มาสู้กับเราแล้วหนีไป บัดนี้อาณาประชาราษฎนหามีที่พึ่งไม่ เห็นท่านประกอบไปด้วยความสัตย์ ใจเผื่อแผ่ไปในแผ่นดิน แลเมืองเสฉวนเมืองฮันต๋ง ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ทั้งสอง ก็ปราบได้ราบคาบแล้วฝ่ายขุนนางแลทหาร ชาวบ้านทั้งปวง ปรึกษาเห็นพร้อมกันว่า ท่านนี้ควรจะป้องกันศัตรู เป็นที่พึ่งได้ ขอเชิญท่านขึ้นเป็นเจ้า แก่ข้าพเจ้าทั้งปวงเถิด “

        เล่าปี่ ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ แล้วว่า

        “ เราเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ จะมาทำดังนี้มิเป็นขบถต่อเจ้าแผ่นดินหรือ “

        ขงเบ้ง จึงว่า

        “ หาเป็นเช่นนั้นไม่ ด้วยบ้านเมืองทุกวันนี้เป็นจลาจล ต่างตคนต่างก็ชิงเมือง เกิดรบพุ่งฆ่าฟันกันเป็นอัน
มาก บัดนี้คนทั้ปวงหาที่พึ่งมิได้ ตั้งใจจะยกท่านเป็นที่พึ่ง แต่ท่านจะมาว่าดังนี้ คนทั้งปวงจะมิเสียใจหรือ “

        เล่าปี่ ก็ตอบว่า

        “ น้ำใจเราทุกวันนี้ก็หายินดีที่จะเป็นเจ้าไม่ ท่านจงปรึกษาหาที่พึ่งอื่นเถิด “

        คนทั้งปวงจึว่า ถ้าท่านไม่ยอมดังนั้น พวกตนทั้งปวงก็จะขอลาไป ชงเบ้ง จึงบอกแก่ เล่าปี่ ว่าขอเชิญท่านขึ้นเป็นเจ้าถิด ตนเห็นสมควรอยู่แล้ว เล่าปี่ ก็ว่ายังหามีคำสั่งให้ตนเป็นเจ้าไม่ ท่านว่าดังนี้เห็นเป็นการยกกันเอง มิบังควร ขงเบ้งก็ย้ำว่า ท่านอย่าถือสัตย์อยู่ฉะนี้เลย จงทำตามคำที่ปรึกษาเถิด

        เตียวหุย ซึ่งได้ให้สัตย์แก่เล่าปี่ เป็นพี่น้องกันมาแต่ก่อนนั้น ก็ร้องบอกแก่คนทั้งปวงว่า

        “ แต่แซ่อื่นยังเป็นเจ้าได้ อัน เล่าปี่ พี่เรานี้เป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ อย่าว่าแต่เป็นเจ้าฮันต๋งนี้เลย ถึงจะเป็นเจ้าแผ่นดินในเมืองหลวงก็จะได้ เหตุใดจึงว่าไม่สมควร “

        เล่าปี่ ก็ตวาดเอาว่า เจ้าอย่าพูดมากไป ขงเบ้งจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า

        “ ท่านจงเป็นเจ้าฮันต๋งก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะให้หนังสือไปกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ภายหลัง ท่านอย่าวิตกเลย “

        เล่าปี่ มิสมัครใจรีรออยู่ถึงสามครั้ง ครั้นเห็นคนทั้งปวงว่ากล่าววิงวอนนัก  แล้วขัดไม่ได้ ก็ยอมเป็นเจ้าฮันต๋ง ตามคำปรึกษา

        ครั้นถึงเดือนเก้า จึงปลูกโรงพิธีนอกเมืองฮันต๋ง ที่ตำบลไก้เอี๋ยง กว้างขวางได้แล้ว จึงยกเครื่องกระยาหารเซ่นวัก เชิญเทพารักษ์มาพร้อมกันเป็นที่ชัยมงคล เคาเจ้งกับ หวดเจ้ง ก็เชิญเล่าปี่ขึ้นบนโรงพิธี แล้วให้แต่งตัวตามสมควร ให้นั่งผินหน้าสู่ทิศตะวันออก ขุนนางทั้งปวงก็กราบพร้อมกัน อวยชัยให้พรตามธรรมเนียม

        เล่าปี่ จึงตั้ง เล่าเสี้ยนผู้บุตรให้เป็นเจ้า ตั้งขงเบ้ง ให้เป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ในการสงคราม เคาเจ้งกับ หวดเจ้ง เป็นที่ปรึกษา ตั้ง กวนอู เตียวหุย  จูล่ง ม้าเฉียว ฮองตง เป็นทหารเสือ ตั้งอุยเอี๋ยน เป็นทหารเอก แล้วมีหนังสือส่งไปกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นใจความว่า

        “ บัดนี้ข้าพเจ้าตีเมืองฮันต๋ง เมืองเสฉวน ได้แล้ว ฝ่ายทหารแลไพร่พลเมืองทั้งปวง มีขงเบ้งเป็นประธาน ปรึกษาพร้อมกันให้ยก ข้าพเจ้าเป็นเจ้า เมืองฮันต๋ง ข้าพเจ้ากลัวความผิดด้วยหามีรับสั่งไม่ คนทั้งปวงก็มิฟังจึงว่า ถ้าข้าพเจ้ามิยอมเป็นเจ้า คนทั้งปวงต่างคนต่างว่าจะไปกันสิ้น ข้าพเจ้าเห็นว่า ราชการสงครามนั้น ยังจะทำไปอยู่ เกลือกผู้คนจะระส่ำระสาย กลัวจะเสียราชการไป จึงยอมตามคำปรึกษา ซึ่งข้าพเจ้ากระทำบังอาจทั้งนี้มิควรนัก “

        เล่าปี่ เชื้อพระวงศ์ตกยาก ต้องระเหเร่ร่อนหาแผ่นดินอยู่ จึงได้ปกครองแคว้นฮันต๋ง กับแคว้นเสฉวน มีอาณาเขตกว้างขวาง ด้านทิศตะวันตก เป็นก๊กหนึ่ง เรียกว่า จ๊กก๊ก ต่อไปอีกยาวนาน กว่าจะถึงกาลอวสาน.


###########
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่