ขอแชร์ประสบการณ์สำหรับคนที่อยากไปอยู่ต่างประเทศนะคะ :)

สวัสดีค่าาา~~

สืบเนื่องจากมีคนหลังไมค์มาถาม  และเราเห็นกระทู้ถามเกี่ยวกับการเรียนต่อ หรือต้องการใช้ชีวิตเมืองนอกเยอะขื้นหลังๆนี้นะคะ เราขอแชร์ประสบการณ์ที่เรามีบ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก้อน้อยค่ะ @^^@

เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตที่อเมริกา แคนาดา อังกฤษ หลายๆเเมืองในแต่ละประเทศหลายปีอยู่ค่ะ แล้วก้อได้ไปเที่ยวที่บางประเทศในยุโรปและเอชีย คราวละหลายๆเดือน พอจะทราบความเป็นอยู่คร่าวๆอยู่บ้างค่ะ

สำหรับคนที่อยากจะไปใช้ชีวิตที่มืองนอก ไม่ว่าจะ:
- ไปเรียนนานๆ (high school / college / master degree etc.) หรือไปสั้นๆ ตั้งแต่คอร์สแบบ 2 อาทิตย์ (ie. Executive course) 1-3-6 เดือน หรือ 1 ปี
-หรือจะไปอยู่แบบทำงาน (ขอกล่าวเฉพาะไปแบบถูกกฎหมายนะคะ เราไม่สนับสนุนคนที่คิดจะไปอยู่แบบโดดค่ะ)

สิ่งสำคัญอันดับแรก อยากให้ค้นหาความต้องการจริงๆของตัวเองก่อนนะคะ ว่าอยากไปเพราะ....? ถ้าเราทราบจุดมุ่งหมายจริงๆของเราแล้ว เราจะแพลนและเตรียมตัวได้ตรงกับเป้าหมาย เซฟทั้งเงินและเวลาค่ะ

หลายคนอาจจะแค่เบื่อๆที่ทำงานตัวเอง เบื่อชีวิตในเมืองไทย อกหักอยากหนีสังคมที่ไทย คุณพ่อคุณแม่บังคับให้ไป อยากไปเปลี่ยนบรรยากาศ etc. ถ้าประมาณนี้ ให้ลองไปเที่ยวแบบนานๆก่อนค่ะ ไปแบบอยู่อย่างน้อยซักเดือนนึงนะคะ ลองใช้ชีวิตแบบคนที่นั่น ไปตลาดซื้อของหรือเดินทางแบบคนท้องถิ่น พยายามพูดคุยกับคนที่นั่นให้ทราบว่าเค้ามี lifestyle อย่างไร จำกัดเงินที่จะใช้ในแต่ละวัน จบแต่ละวันให้คิดว่าถ้าเราอาศัยที่นี่ เรียนที่นี่หรือทำงานที่นี่ตัวคนเดียวเป็นเดือนเป็นปี → เราจะอยู่ได้มั้ย?

สำคัญคือ ช่วงเวลาที่เลือกไปถ้าจะลองไปซักเดือนก่อนแบบที่แนะนำนะคะ ให้พยายามไปเดือนที่อากาศค่อนข้างแย่ไปถึงแย่ที่สุดค่ะ เช่น ถ้าไปอเมริกาฝั่ง East Coast (NYC/Boston/Chicago/DC) ก้อเลือกช่วงหนาวๆหน่อยค่ะ เพื่อดูว่าถ้าเราไปอยู่เป็นปีๆ เราจะมีความสุขมั้ยกับการต้องเดินทางฝ่าหิมะไปเรียน ใส่เสื้อหนาๆมากๆทุกวันเป็นเดือนๆ  เราเคยตอบกระทู้เกี่ยวกับการเลือกเมืองที่จะไปนิดหน่อยค่ะว่าสำคัญมาก เพราะตัวเราเปลี่ยนเมืองมาพอสมควรค่ะกว่าจะมาลงตัวที่ๆอยู่ปัจจุบัน

หรือถ้าจะไปอังกฤษ แต่เป็นคนที่ไม่ชอบเดินทางเวลาฝนตก และเป็นคนขี้เหงามากๆ อาจรู้สึกแย่กับบรรยากาศขมุกขมัว ฝนตกตลอดอะไรแบบนี้มากกว่าคนปกติ จะทำให้ชีวิตเราไม่มีความสุขค่ะ ก้อเปลี่ยนไปอเมริกาหรือออสเตรเลีย อาจจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่า อะไรแบบนี้ค่ะ เพราะถ้าเราไปแต่ช่วงที่อากาศดีของบ้านเค้า เราจะไม่ทราบความจริงเลยค่ะว่าเราต้องเผชิญกับอะไรบ้างในกรณีที่เราต้องมาอยู่จริงๆ

** ไปเที่ยว กับไปใช้ชีวิตเรียนหรือทำงานให้รอด ต่างกันโดนสิ้นเชิงนะคะ **

ที่เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะการใช้ชีวิตที่นี่ไม่ได้สวยงามเหมือนที่หลายๆคนคิดน้าาา~~ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับว่าคุณมี budget การใช้ชีวิตเท่าไหร่ด้วยค่ะ เพราะเราเห็นทั้งคนที่มาอยู่แบบต้องทำงานเพื่ออยู่ให้ได้วันต่อวัน กับไม่ต้องทำงานเลย มีรถขับไปเรียน หน้าที่คือเรียนอย่างเดียว ก้อทนไม่ไหวต้องกลับไทยก่อนกำหนดเยอะแยะ เสียทั้งเวลาและเงินทองค่ะ

เราขออนุญาติแสดงความเห็นต่อคำถามหลายๆอันที่เคยเห็นนะคะ  @^^@ บอกก่อนว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของเราน้าาา~~ จากที่เห็นจากเพื่อนทั้งไทยและต่างชาติมาหลายๆปี ได้คุยกับคนเยอะมากๆ ได้ทำงานที่ต่างประเทศและมีบริษัทตัวเองที่ไทย อายุเราก้อพอสมควรค่ะ ไม่ได้ตัดสินชีวิตแบบเด็กๆที่อาจจะไม่มีประสบการณ์ เราไม่ได้บอกว่าเราคิดถูกนะคะ แต่อยากให้เป็นอีกมุมมองนึงค่ะ  

Q. ภาษา
A. ได้แน่นอนค่ะ แต่มากหรือน้อยขึ้นกับตัวบุคคล
    เพื่อนเราหลายๆคนดูแต่ละครไทย ทำงานร้านไทย เรียนก้ออยู่แต่กับเพื่อนคนไทย คุยภาษาไทยตลอด สุดท้ายอยู่เป็นสิบๆปีก้อยังใช้ภาษาผิดๆถูกๆอยู่เลยค่ะ  เรื่องนี้ขึ้นกับความพยายามและความมุ่งมั่นของแต่ละคน ถ้าอยู่ไทยแต่พยายามดูข่าวดูหนังภาษาอังกฤษ ฝึกพูด ฝึกร้องเพลงอังกฤษ ก้อได้ภาษาเหมือนกันแน่นอนค่ะ

Q. ทำงาน
A. ในบางสาขาอาชีพได้รายได้ดีค่ะ เช่น engineer / doctor / tech industry  นิดนึงว่าสำหรับคนที่เก่งจริงนะคะ เพราะการแข่งขันสูงมากค่ะ เราไม่ได้แข่งกับคนประเทศเค้าอย่างเดียว แต่แข่งกับชาติอื่นๆที่เค้าอยากอยู่ที่ต่างประเทศด้วย เช่นที่ SF อเมริกา มีคนอินเดียเก่งๆเยอะมากกกกค่ะที่ทำงานในบริษัทเกี่ยวกับ technology ก่อนมาควรศึกษาก่อนนะคะว่าสาขาอาชีพเราเป็นที่ต้องการมากน้อยเพียงใดในประเทศที่จะไป จะได้ประเมินได้ถูกต้องค่ะว่าต้องแข่งขันมากน้อยแค่ไหน ต้องเตรียมตัวอย่างไรอะไรบ้าง ซึ่งจะนำไปถึงการประเมินช่วงเวลาในการใช้หางาน เพื่อคำนวณ budget ต่อๆไปอีกค่ะ

งานอื่นๆ เช่น customer service / admin / marketing คนของเค้าที่นี่ (ยกตัวอย่างอเมริกานะคะ) ยังหางานแทบไม่ได้เลยค่ะ ต้องแข่งกับเค้าหน่อยนะคะถ้ามาทางสายนี้ ที่สำคัญคืองานแบบทำในบริษัทแบบนี้ ต้องมีวีซ่าทำงานถูกต้องเท่านั้นค่ะ (เรื่องวีซ่าอย่างเดียวนี่ยาวมาก ขอเขียนในโอกาสอื่นนะคะ) ซึ่งแตกต่างไปในแต่ละประเทศอีกค่ะ เช่นอังกฤษ สามารถทำงานได้ไม่เกินชั่วโมงที่จำกัด เป็นต้นค่ะ

ถ้าไม่มีวีซ่า ก้อจะทำงานได้ไม่กี่อย่างค่ะ เช่นร้านอาหาร ร้านนวดหรือสปา ร้านทำเล็บ รับทำความสะอาดตามบ้าน etc. ซึ่งทุกอย่างมีความเสี่ยงนะคะ เราเห็นหลายๆคนที่ถูก immigration จับได้ ต้องถึงกับติดคุกที่นี่ก่อนถูกส่งกลับ เข้าประเทศไม่ได้อีกหลายๆปี และเดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่ตัวเองที่รับผลนี้แต่รวมถึงคนที่มีนามสกุลเดียวกันด้วยนะคะ ทำให้คนที่นามสกุลเดียวกันจะขอวีซ่าท่องเที่ยวหรือวีซ่าใดๆ โอกาสถูก reject มีสูงค่ะ

การทำงานแบบนี้ หลายครั้งก้อถูกโกงค่าแรง จะไปร้องเรียนก้อไม่ได้เพราะอยู่แบบไม่ถูกต้อง เคยได้ทราบเคสที่ร้ายๆ เช่นเ เจ้าของร้านไม่อยากจ่ายค่าแรง หลังจากผัดผ่อนมาหลายเดือน ก้อแจ้งตม.มาจับคนงานตัวเองเลยค่ะ อยากให้คิดให้มากๆ ถึงผลได้ผลเสียถ้าคิดจะโดดนะคะ ส่วนตัวเรา ขอไม่สนับสนุนการอยู่แบบผิดกฎหมายค่ะ

ถ้าจะมาทำงาน แค่การเขียน resume ของแต่ละประเทศก้อต่างกันแล้วค่ะ ถ้าเรื่องการ interview นี้ก้อยาวเลยค่ะ เคยเห็นกระทู้แชร์การรับสมัครงานและมี HR มาแชร์นะคะ อ่านแล้วตกใจมากๆกับการตอบคำถามของผู้สมัครทำงานแต่ละท่านค่ะ เราต้องศึกษา culture การสมัครงานของแต่ละประเทศ แต่ละเมือง แต่ละสาขางาน และแต่ละบริษัทให้ดีค่ะ ตัวเราเองก่อนถึงวันสัมภาษณ์ ต้องอ่านแบบตัวอย่างคำถาม-คำตอบเป็นร้อยๆคำถาม (ทุกอย่างอยู่ใน internet นะคะ) ศึกษาประวัติและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน industry นั้นๆและบริษัทนั้นๆ ย้อนหลังไปหลายๆปี ซ้อมพูดไม่รู้กี่สิบเที่ยว และอื่นๆอีกมากมายค่ะ

อยู่ไทยเป็นเจ้าของประเทศ อยู่ที่อื่นเป็นพลเมืองรองนะคะ คนต่างชาติหลายๆคนดูถูกคนเอเชียค่ะ คือคนที่ดีๆก้อมีเยอะแต่ที่ไม่ดีก้อเยอะเหมือนกันค่ะ เคสที่ LA เคยมีแก๊งค์ Anti Asean คอยทำร้ายคนเอเชีย เป็นต้น

Q. การใช้ชีวิต
A. ต้องอยู่ให้ได้ ปรับตัวให้ได้ค่ะ เช่นไม่เคยต้องแชร์ห้องนอนกับใคร มาที่นี่อาจต้องถึงกับนอนห้องเตียงสองชั้นที่มีหลายเตียงในห้องเดียว เพื่อนเราเป็นคนเยอรมัน เช่าบ้านอยู่กับคนอื่นอีก 20 คนค่ะ ในห้องนอนมี 7 คน อะไรแบบนี้ อีกทั้งเรื่องอาหารการกิน การเดินทาง ความเหงา etc.

การเรียนก้อไม่เหมือนบ้านเรานะคะ ต้องหาข้อมูลเอง อ่านเองไปก่อน เข้าคลาสคือการอภิปรายและ present ความคิดตัวเองค่ะ การทำงานก้อต้องกล้าที่จะ speak out แสดงความสามารถเยอะๆ จะไม่ค่อยพูด หรือเกรงใจ senior แบบนี้ไม่ได้เลยค่ะ  

คร่าวๆก่อนนะคะ เราไม่ได้บอกว่าการมาอยู่เมืองนอกไม่ดีนะคะ คนที่มาแล้วปรับตัวได้และใช้ชีวิตอยู่ได้ก้อมีเยอะค่ะ เราถึงแนะนำอย่างยิ่งว่าให้หาเหตุผลที่ตัวเองอยากออกจากเมืองไทยให้ได้ ซึ่งจะนำไปถึงการเลือกประเทศ เลือกเมือง เลือกรูปแบบการใช้ชีวิตว่าจะเรียนหรือทำงาน ซึ่งแยกย่อยไปอีกว่าที่ไหน สาขาไหน นานแค่ไหน และก้อจะนำไปถึงการเลือกประเภทวีซ่า เตรียมความพร้อมทั้งเรื่องเงิน เรื่องเวลา เรื่องอนาคตหลังจากเรียนจบ เยอะแยะมากมายค่ะ เป็นแพลนแบบ 6-12-24 เดือน ประมาณนี้เลยค่ะ

พอเราทราบจุดมุ่งหมายเราแล้ว เราพอรู้แล้วว่าเราต้องไปเจอกับอะไรบ้าง แพลนเราเป็นอย่างไรบ้าง สุดท้ายถ้าเราบอกตัวเองได้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชั้นก้อจะสู้ จะไปอยู่รอดให้ได้! ก้อดำเนินการตามความฝันได้เลยค่ะ

"Hope for the best but Prepare for the worst"

เพราะ

"Only the paranoid survive"

@^^@
เขียนมาเยอะเลย หวังว่าจะมีคนอ่านอยู่บ้างนะคะ  -.-‘ อยากให้เป็นประโยชน์สำหรับหลายๆคน จะได้ไม่เสียเงินเปล่า เช่นเลือกเอเจ้นท์ผิด เลือกเมืองผิด สุดท้ายต้องอยู่แบบโดดไปเลย กลับบ้านไม่ได้เป็น 10 ปีก้อมี ยังไงก้อสู้ๆนะคะ

good luck everyone kaaaa~~  >3
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่