ตั้งแต่ มี พรบ คุ้มครองสัตว์นี่ สังคมวุ่นวายพอสมควร เอะอะก็แจ้งความทารุณสัตว์ แล้วก็เป็นแต่เรื่องสุนัขด้วย ไม่เห็นมีแจ้งความ ช้าง ม้า วัว ควาย สักที ส่วนพวกสื่อก็อาศัยจังหวะ ประโคมข่าวก่อนเลย ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริง ใครทำก็โดนสังคมประนามทันที
สาเหตุมันมาจาก พรบ นี้ มันมีโทษอาญา คือ จำคุก คนจึงเอาช่องว่างของกฎหมายมาเล่นงานกัน ซึ่งอันที่จริงแล้ว พรบ นี้ ตั้งใจออกมาเพื่อป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ แต่ ทั้งผู้แจ้งและผู้รับแจ้งก็ เอามาใช้แบบผิดๆ สังคมจึงวุ่นวาย
ทารุณกรรม คืออะไร ไม่ต้องเปิดพจนานุกรมก็ได้ เอาตาม สามัญสำนึกเลย คำว่าทารุณ คือ ทรมาน รังแกแบบซ้ำๆ ตีซ้ำๆ ให้อดอาหารจนตาย ขังจนตาย หรือไม่ตายก็ได้ ฯลฯ ถามว่า ตีหมาป้องกันตัว มันเข้าข่ายทรมานตรงไหน , หมากัด ตีหมากลับไป ทรมานตรงไหน , ขับรถบนถนน แล้วชนหมาตาย (ทั้งหมดนี่ เอามาจากข่าวจริงที่มีคดีแจ้งความกันนะครับ) คนแจ้งเอะอะ ก็แจ้งไว้ก่อน จนท ก็รับแจ้งไปก่อน เดี่ยวไปว่ากันในชั้นศาลเอาเอง
พรบ คุ้มครองสัตว์ ถูกนำเสนอและผลักดันมาทุกสมัย แต่ไม่มีรัฐบาลไหนให้ผ่าน เพราะการออก พรบ นั้น มีผลกระทบในวงกว้าง จำเป็นต้องศึกษาถึงผลดีผลเสียให้รอบด้าน การที่รัฐบาลนี้ ปล่อยให้ พรบ นี้ออกได้ เพราะให้ องค์กรต่างๆ เสนอสิ่งที่ตนเองต้องการ ด้วยเหตุผลที่ว่า ประเทศที่เจริญแล้วในโลกล้วนมี พรบ คุ้มครองสัตว์ แต่เป็นการพูดที่ไม่ครอบคลุม เพราะ พรบ ทั่วโลกนั้น เขามีผลทั้งสองฝั่งคือ ถ้าปล่อยสัตว์เลี้ยงทำความเสียหายแก่บุคคลอื่น ก็มีโทษทางอาญาด้วย ดังนั้น คนจะทำร้ายสัตว์ ก็กลัวติดคุก เจ้าของสัตว์ก็ดูแลสัตว์อย่างดีเพราะกลัวติดคุกเหมือนกัน แต่ของเรา มีโทษเพียงฝ่ายเดียว ถ้าเราตีหมาตาย โทษคือจำคุก จะจำจริงหรือไม่ ต้องไปว่ากันชั้นศาล แต่ประกันตัวสู้คดีแน่นอน ยุ่งยาก ยืดยาว แต่กลับกัน หากสุนัขกัดเด็กปางตาย (เช่นคดีที่ร็อตไวเลอร์กัดคนปางตาย และอีกหลายๆคดี) มีโทษแค่ทางแพ่ง ชดใช้ค่าเสียหาย เมื่อพรบ มันพิกลพิการ ไม่มีความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่ายเช่นนี้ ในเชิงจิตวิทยา คดีอะไรที่ไม่มีโทษทางอาญา จำคุก ส่วนใหญ่คนไม่ค่อยกลัว จึงจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต อยากเรียกร้องให้ รัฐบาลแก้ พรบ คุ้มครองสัตว์ ให้เพิ่มโทษ เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย คือต่างก็มีโทษทางอาญาเช่นกัน โทษจะปรับ จะจำ มากน้อยไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ มีบทลงโทษที่เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย ปัญหาเรื่องนี้จะลดน้อยลง เจ้าของกลัวติดคุกก็จะดูแลสัตว์ดีขึ้น ไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงไปสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม ในขณะที่คนทั่วไป ก็ไม่กล้าทารุณสัตว์เพราะกลัวติดคุก เราไม่โทษที่สัตว์ เพราะสัตว์ ไม่มีความคิดเหมือนมนุษย์ มันทำตามสัญชาติญาณ แต่เราต้องเพิ่มบทลงโทษเจ้าของสัตว์ ให้เหมือนกับที่ประเทศที่เจริญแล้วเขามีบทลงโทษกัน องค์กรพิทักษ์สัตว์หรือผู้ที่ร่วมกันผลักดัน พรบ นี้จนสำเร็จ จึงจะพูดได้ว่าทำเพื่อสังคมจริงๆ ทุกสังคมต้องมีความเท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย ปัญหาจะไม่เกิด แล้วสังคมจะเกิดความสมดุล ปัญหาลดลงอย่างแน่นอน
มาร่วมกันรณรงค์ ให้ รัฐบาล แก้ไข พรบ.นี้ ให้สมบูรณ์ โดยการเพิ่มโทษให้เท่าเทียมกันทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึง การดูแลสัตว์จรจัด ให้เป็นกิจลักษณะ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นปัญหาต่อสังคมกันครับ
ร่วมกัน รณรงค์ แก้ไข พรบ. คุ้มครองสัตว์ ให้มีโทษเท่าเทียมกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาสังคมแบบยั่งยืน
สาเหตุมันมาจาก พรบ นี้ มันมีโทษอาญา คือ จำคุก คนจึงเอาช่องว่างของกฎหมายมาเล่นงานกัน ซึ่งอันที่จริงแล้ว พรบ นี้ ตั้งใจออกมาเพื่อป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ แต่ ทั้งผู้แจ้งและผู้รับแจ้งก็ เอามาใช้แบบผิดๆ สังคมจึงวุ่นวาย
ทารุณกรรม คืออะไร ไม่ต้องเปิดพจนานุกรมก็ได้ เอาตาม สามัญสำนึกเลย คำว่าทารุณ คือ ทรมาน รังแกแบบซ้ำๆ ตีซ้ำๆ ให้อดอาหารจนตาย ขังจนตาย หรือไม่ตายก็ได้ ฯลฯ ถามว่า ตีหมาป้องกันตัว มันเข้าข่ายทรมานตรงไหน , หมากัด ตีหมากลับไป ทรมานตรงไหน , ขับรถบนถนน แล้วชนหมาตาย (ทั้งหมดนี่ เอามาจากข่าวจริงที่มีคดีแจ้งความกันนะครับ) คนแจ้งเอะอะ ก็แจ้งไว้ก่อน จนท ก็รับแจ้งไปก่อน เดี่ยวไปว่ากันในชั้นศาลเอาเอง
พรบ คุ้มครองสัตว์ ถูกนำเสนอและผลักดันมาทุกสมัย แต่ไม่มีรัฐบาลไหนให้ผ่าน เพราะการออก พรบ นั้น มีผลกระทบในวงกว้าง จำเป็นต้องศึกษาถึงผลดีผลเสียให้รอบด้าน การที่รัฐบาลนี้ ปล่อยให้ พรบ นี้ออกได้ เพราะให้ องค์กรต่างๆ เสนอสิ่งที่ตนเองต้องการ ด้วยเหตุผลที่ว่า ประเทศที่เจริญแล้วในโลกล้วนมี พรบ คุ้มครองสัตว์ แต่เป็นการพูดที่ไม่ครอบคลุม เพราะ พรบ ทั่วโลกนั้น เขามีผลทั้งสองฝั่งคือ ถ้าปล่อยสัตว์เลี้ยงทำความเสียหายแก่บุคคลอื่น ก็มีโทษทางอาญาด้วย ดังนั้น คนจะทำร้ายสัตว์ ก็กลัวติดคุก เจ้าของสัตว์ก็ดูแลสัตว์อย่างดีเพราะกลัวติดคุกเหมือนกัน แต่ของเรา มีโทษเพียงฝ่ายเดียว ถ้าเราตีหมาตาย โทษคือจำคุก จะจำจริงหรือไม่ ต้องไปว่ากันชั้นศาล แต่ประกันตัวสู้คดีแน่นอน ยุ่งยาก ยืดยาว แต่กลับกัน หากสุนัขกัดเด็กปางตาย (เช่นคดีที่ร็อตไวเลอร์กัดคนปางตาย และอีกหลายๆคดี) มีโทษแค่ทางแพ่ง ชดใช้ค่าเสียหาย เมื่อพรบ มันพิกลพิการ ไม่มีความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่ายเช่นนี้ ในเชิงจิตวิทยา คดีอะไรที่ไม่มีโทษทางอาญา จำคุก ส่วนใหญ่คนไม่ค่อยกลัว จึงจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต อยากเรียกร้องให้ รัฐบาลแก้ พรบ คุ้มครองสัตว์ ให้เพิ่มโทษ เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย คือต่างก็มีโทษทางอาญาเช่นกัน โทษจะปรับ จะจำ มากน้อยไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ มีบทลงโทษที่เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย ปัญหาเรื่องนี้จะลดน้อยลง เจ้าของกลัวติดคุกก็จะดูแลสัตว์ดีขึ้น ไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงไปสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม ในขณะที่คนทั่วไป ก็ไม่กล้าทารุณสัตว์เพราะกลัวติดคุก เราไม่โทษที่สัตว์ เพราะสัตว์ ไม่มีความคิดเหมือนมนุษย์ มันทำตามสัญชาติญาณ แต่เราต้องเพิ่มบทลงโทษเจ้าของสัตว์ ให้เหมือนกับที่ประเทศที่เจริญแล้วเขามีบทลงโทษกัน องค์กรพิทักษ์สัตว์หรือผู้ที่ร่วมกันผลักดัน พรบ นี้จนสำเร็จ จึงจะพูดได้ว่าทำเพื่อสังคมจริงๆ ทุกสังคมต้องมีความเท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย ปัญหาจะไม่เกิด แล้วสังคมจะเกิดความสมดุล ปัญหาลดลงอย่างแน่นอน
มาร่วมกันรณรงค์ ให้ รัฐบาล แก้ไข พรบ.นี้ ให้สมบูรณ์ โดยการเพิ่มโทษให้เท่าเทียมกันทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึง การดูแลสัตว์จรจัด ให้เป็นกิจลักษณะ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นปัญหาต่อสังคมกันครับ