..................................ไปลองรถ MG3 และจองมาเรียบร้อยแล้วครับ^^ .......................................
ก่อนอื่นต้องขอแจ้งก่อนเลยนะครับว่าโดยปกติแล้วผมเป็นคนที่ชอบรถแปลกๆใหม่ๆอยู่แล้ว ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เป็น Chevrolet Zafira (Luxury Touring2.2) ที่ใครๆก็บอกว่าอะไหล่แพง และซ่อมยาก ผมก็ยังใช้มาได้หลายปีเลย ทุกวันนี้มีอู่ที่ซ่อม ที่ไว้ใจได้อยู่หลายอู่เลยครับ เพราะฉะนั้นกระแสต่อต้านรถใหม่ๆ อะไหล่รอลุ้น ศูนย์หายาก นี่ทำอะไรผมไม่ได้แน่นอน ผมมันพวกชอบศึกษาข้อมูลและเล่นอะไรแปลกๆที่คนอื่นเขาไม่ค่อยเล่นกัน อยู่แล้วครับผม
อย่าไปปรึกษาใครเลยครับว่าจะเลือกอะไรระหว่าง รถตลาดยี่ห้อต่างๆ กับ ยี่ห้อ MG เพราะส่วนใหญ่แนะนำให้คุณเลือกรถตลาดอยู่แล้ว น้อยคนมากที่จะบอกให้เลือก MG (ก็คนมันไม่รู้จักอ่ะ จะให้แนะนำได้อย่างไร) ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้ลองถามตัวคุณเองว่าชอบแบบไหนกันแน่ ซึ่งผมก็ได้หาข้อมูลมาพอสมควร เพื่อให้คุณได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่า คุณจะเลือก MG หรือไม่ และข้อมูลเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้พวกคุณได้ไม่มากก็น้อยละครับ
1. MG เป็นยี่ห้อรถที่เริ่มก่อตั้งมานานแล้ว ณ ประเทศอังกฤษ และมีการเปลี่ยนถ่ายมือมาหลายครั้ง จนสุดท้ายทางบริษัท SAIC ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในจีน ได้เป็นเจ้าของมันไป และได้มาร่วมลงทุนกับทางบริษัท CP เพื่อเปิดโรงงานที่เมืองไทยครับ ผมเลยให้มันเป็นรถ เชื้อชาติอังกฤษ สัญชาติจีน มาเติบโตในเมืองไทยครับ
(มีแต่คนแซวกันเล่นๆว่า ไม่แน่ ในอนาคต อะไหล่รถ อาจจะสั่งจองได้จาก 7-Eleven ก็ได้ ใครจะไปรู้ ฮา>>>>>)
2. ศูนย์บริการที่ใครๆเค้าว่ามีน้อย สำหรับผมแล้วผมว่ามันขยายตัวเร็วมาก โชคดีของผมหรือเปล่าไม่รู้ ผมอยู่แถว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ศูนย์บริการรอบๆแถวบ้านที่ห่างไม่เกิน 10 KM ก็จะมี ศุนย์บางบัวทองซอยวัดลาดปลาดุก ศุนย์ติดถนนกาญจนาภิเษก ศุนย์ติดถนนชัยพฤกษ์
ศุนย์ห่างประมาณ 10-20 Km ก็จะมีศุนย์ที่ถนนเพชรเกษมแถวเดอะมอลบางแค ศุนย์แจ้งวัฒนะอยู่แถวๆตีนสะพานข้ามแยกปากเกร็ด เรียกว่าใกล้ๆบ้านก็มีอยู่ 5 ศุนย์ละครับ (ที่ผมเห็นว่ามีอยู่จริงๆ)
ซึ่งในการจองครั้งนี้ ผมใช้บริการที่ ศุนย์บางบัวทองเป็นศุนย์บริการที่มีครบ และใหญ่พอสมควร และได้ทราบข้อมุลมาบ้างว่าศุนย์บริการแห่งนี้ได้ทำการรีโนเวทใหม่มาจากศูนย์บริการรถตลาดยี่ห้อหนึ่งครับ(ไม่ขอเอ่ยนาม ไปสอบถามกันเองครับ^^)
3. ราคา รูปทรงและสีรถเป็นอะไรที่ถูกใจมากๆ ในรถราคาห้าแสนกว่าๆ ซึ่งราคานี้ส่วนใหญ่จะเป็นรถ ECO Car
แต่ MG จะถูกแบ่งอยู่ในกลุ่ม B segment เป็นรถใหญ่กว่า Eco Car มีขนาดเครื่องยนต์ 1500 cc
(ณ ตอนนี้ MG ยังไม่มี ECO car ออกขายนะครับ) ถ้าเทียบกับรถตลาดจะเทียบได้กับกลุ่ม Honda City/Jazz ,Toyota Vios, Mazda2 ,Ford Fiesta, Chevrolet sonic ขนาดห้องโดยสารก็กำลังดีเลยครับ ผมสูง 183 cm หนัก 110 Kg ยังเข้าไปนั่งได้สบายๆ หัวไม่ติดหลังคา หากเป็นตัว Top เบาะที่นั่งคนขับจะปรับได้หกทิศทาง ปรับเลื่อนหน้า หลัง ขึ้นลง และพนักพิงเอนหน้า หลัง จุดขายเลยน่าจะเป็น Sunroofปรับไฟฟ้า ที่ติดมาให้ในตัว Top อีกทั้งยังมี Sensor ไฟหน้า เปิดปิดอัตโนมัติ และ sensor ที่ปรับระดับที่ปัดน้ำฝนตามปริมาณน้ำฝนด้วยอีกต่างหาก อย่างกับเป็นรถหรูๆราคาแพงๆ เลยทีเดียว
4. ที่น่าจะเป็นตัวปัญหาที่จะมาขัดขวางการตัดสินใจของใครหลายๆคน ผมว่าน่าจะเป็นเกียร์ ที่ใช้ระบบ Manual แบบกึ่งAuto หรือเข้าใจแบบง่ายๆได้ว่า เป็นเกียร์ Manual ที่ไม่ต้องเหยียบคลัชก็ว่าได้
MG เรียกเกียร์แบบนี้ว่า Selematic Gear ผมไม่รู้หรอกว่า ทำไมถึงเรียกแบบนี้ แต่จากที่ดูชื่อและการลองใช้งานแล้ว น่าจะมาจาก Select Manual to Automatic Gear คือการเลือกใช้ระหว่าง manual หรือ Auto ได้ ในขณะที่จริงๆมันเป็นระบบแบบเกียร์ manual ครับ (อันนี้คิดเอง วิเคราะห์เอง ไม่มีหลักวิชาการอ้างอิงใดๆ^^)
อารมณ์มันก็ประมาณว่าถ้าคุณใช้ระบบ Auto เวลาเข้าเกียร์ 1 ไป เกียร์ 2 เกียร์จะเปลี่ยนที่รอบประมาณ 2100-2200 รอบ และเวลาที่เปลี่ยนเกียร์จะรู้สึกได้เหมือนเรานั่งรถเกียร์ประปุกนั่นละครับ กล่าวคือ เวลาที่เกียร์มันเปลี่ยน เครื่องมันจะหน่วงความเร็วทำให้เราต้องเอนตัวไปข้างหน้า ตามหลักของความเฉื่อย (เหมือนตอนเบรครถ) และรถจะเร่งความเร็วขึ้นทำให้เราเอนตัวไปด้านหลัง เหตุการณ์ต่อเนื่องกันประมาณ 1 วินาที หลังจากเกียร์เปลี่ยนจาก 1 ไป 2 เราจะรู้สึกได้เลยในการเปลี่ยนเกียร์ตัวจะโยกไปข้างหน้าหลังเบาๆ อาการแบบนี้จะเป็นตอนเกียร์ 1-2-3 หลังจากนั้น 3-4-5 จะไม่รู้สึกแล้วครับ
(นึกสภาพเวลารถติด ถ้าวิ่งๆหยุดๆ คงเมารถน่าดู^^)
แต่ช้าก่อน เกียร์แบบนี้ไม่ได้จะแย่ไปซะทีเดียวหรอกครับ มันมี อีก 2 Mode ให้เราเลือก
Mode sport จะลากรอบให้นานขึ้น ก่อนเปลี่ยนเกียร์ มันจะลากรอบไปมากกว่าปกติ
ส่วน Mode winter จะเป็น Mode ไว้ใช้ในกรณีถนนลื่นๆ หรืออาจจะเอามาประยุกต์ใช้ในกรณี รถติดก็ได้ เพราะ เวลาออกตัวมันจะเริ่มออกตัวที่เกียร์ 2 ครับ ลดความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ไปได้เกียร์นึง
และข้อดีอีกอย่างที่ผมติดใจมากครับ คือการเลือกมาขับแบบ Manual ขอบอกว่าขับด้วยระบบนี้มันส์มากครับ ผมโคตรชอบเลย สนุกแบบไม่เมื่อย ไม่ต้องห่วงเรื่องต้องคอยมาเหยีบคลัช และถ้าจับจังหวะดีๆ ความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ที่เคยบอกไป แทบจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดครับ เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มขึ้น เนียนขึ้น
ข้อเสียอีกข้อที่ผมเป็นห่วงอยู่เหมือนกันหากแฟนผมเป็นคนขับ ก็คือ เวลาขึ้นเนินชันๆ อย่างทางขึ้นเดอะมอลล์งามวงศ์วานเป็นต้น เวลาเราเหยียบเบรคไว้ ตอนติดอยู่บนทางขึ้นชัน เมื่อปล่อยเบรครถจะมีระบบช่วยขึ้นทางลาดชันให้อัตโนมัติ แต่ถ้าเราแตะเบรคและปล่อยอีกครั้ง ต้องรีบเหยียบคันเร่งครับ ไม่งั้นรถจะไหล พูดง่ายๆก็คือ ถ้าจะขึ้นเนินต้องขึ้นยาวๆที่เดียวจะโอเคกว่าการเหยียบเบรค สลับการเหยียบคันเร่งครับ เนื่องจากมันเหมือนเกียร์ธรรมดานะครับ มีช่วงเปลี่ยนเกียร์ พอให้ได้ตกใจครับ ต้องฝึกจับจังหวะให้ดีครับ อันนี้ผมเองก็คงต้องขอลองฝึกให้คุ้นเคยก่อนตอนที่ได้รถมาใช้เหมือนกัน
ระบบเกียร์นี้จะไม่มีเกียร์ P นะครับ การจะเข้าเกียร์ P จะทำได้โดยการเข้าเกียร์ว่าง N และดึงเบรคมือช่วยครับ โดยเกียร์มันจะมีแค่ N D R และ+/- เพื่อปรับเกียร์แบบ manual เพราะมันเป็นเหมือนรถเกียร์ Manual อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ครับ ลักษณะการเข้าเกียร์ตอนรถจอดอยู่ จะต้องมีการเหยียบเบรคก่อนครับ ถึงจะเข้าเกียร์ได้ เป็นระบบ Safety อย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะถ้าไม่เหยียบเบรค หากไปเข้าเกียร์ รถก้อไม่วิ่งครับ ป้องกันลูกน้อยไปเล่นเกียร์ได้
5. วัสดุภายในรถอาจจะดูไม่หรูหรามากนัก เพราะทาง MG เอาไปใส่กับระบบความปลอดภัยของรถซะมากกว่า ทั้งระบบเบรค ระบบทรงตัวในทางโค้ง ระบบกันล้อลื่น และระบบอื่นๆ ด้วยผมขับรถ Zafira ที่เป็นรถยุโรปเรื่องช่วงล่วงและการเกาะถนนนี่ ต้องยอมรับจริงๆครับ แน่น หนึบ หายห่วงเลย การใช้ความเร็วขึ้นคอสะพานรถไม่มีกระโดดครับ ซึ่งทั้งหมดนี้ผมรู้สึกได้เหมือนกันเมื่อมาขับ MG3 ด้วยราคาห้าแสนกว่าๆ กับระบบเหล่านี้ที่ได้ ผมมั่นใจว่าจะไปได้ไกลมากแน่ๆครับกับรถยี่ห้อ MG นี้ มีหลายคนบอกว่า MG ได้รับมาตรฐานการทดสอบการชนอยู่ที่ระดับสามดาวครึ่งเอง ก็มีคนเคยเข้ามาบอกเหมือนกันอีกครับว่า ก็เค้าเน้นที่ความปลอดภัยก่อนชนมากกว่าหลังชน ผมก็แอบเห็นด้วยในข้อนี้นะครับ
6. การวางตำแหน่งสวิตซ์ไฟเลี้ยว ที่ปัดน้ำฝน ก็จะเหมือนรถยุโรปครับ คือไฟเลี้ยวจะอยู่ข้างซ้ายครับ สลับที่กับรถญี่ปุ่น แต่ที่แปลกใจคือการวางตำแหน่งที่เปิดกระโปรงหน้ารถ จะอยู่ด้านข้างฝั่งคนนั่ง อันนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันครับ และอีกอย่างคือ สวิตซ์เปิดปิด เซนทรัลล็อค จะอยู่ที่หน้าจอเครื่องเสียงครับ ข้อดีคือทั้งคนนั่งและคนขับ เปิดปิดล็อคได้สะดวกดีครับ
7. ชุดแต่งและของแถม ขอบอกว่าคุ้มมากๆครับ จัดหนักจัดเต็ม จอ ดีวีดี กล้องหน้าหลัง ฟิล์ม อุปกรณ์เสริมต่างๆ เรียกได้ว่าจัดให้กันแบบ ไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มเลยครับ (ไม่รวมถึงล้อแมกซ์นะครับ อันนี้แล้วแต่ความชอบแต่ละคน) ช่วงเปิดตัวปีนี้โปรโมชันมาเต็มครับ ยอดจองเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมคิดว่า หลังจากนี้ MG น่าจะเอาจริงแล้วนะครับ เราอาจจะได้เห็น MG3 เกลื่อนถนน ในปีหน้าแน่นอนครับ เหมือน Mazda2 ที่แรกๆก็ไม่มีใครสนใจใน Mazda เท่าไรนัก มาหลังๆ Mazda2 วิ่งกันเยอะจริงๆ
8. การรับประกันยาวนานถึง 4 ปี หรือ 120,000 km
ใครจะว่ารีวิวนี้เหมือนผมมาอวย MG ซะมากกว่า ก้อคงไม่ผิดอะไรครับ เพราะผมชอบมันจริงๆ ผมลองไปขับรถตลาดทั่วไปแล้ว ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่แตกต่าง หรือได้อะไรแปลกใหม่ในการขับรถมากนัก รุ่นที่เห็นได้ทั่วไปเลยไม่สามารถเอาชนะความอยากได้ อยากมี อยากหามาครอบครองของผมได้ครับ ผมไม่มีแผนจะเปลี่ยนรถเลยแต่พอได้จับได้เห็นรถ MG3 ตัวเป็นๆแล้ว มันโดนมากครับ
อีกทั้ง ราคา ที่จับต้องได้นี้ มันกระตุ้นกิเลสในตัวผมขึ้นมาทันที ผมไม่เคยได้ยินยี่ห้อนี้มาก่อน จึงรีบกลับมาหาข้อมูลอย่างละเอียด ก่อนจะไปลองขับจริงตามที่รีวิวมาครับ
ผมหวังอยากเห็นรถ MG วิ่งกันเยอะๆในท้องถนน เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดไว้นี้ไม่ผิด และอยากให้ MG ก้าวเข้ามาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเข้ามาเป็นคู่แข่งในท้องตลาด เพื่อกดดันราคาและคุณภาพของรถญี่ปุ่นให้จัดหนักจัดเต็ม บนความเป็นจริงในราคาที่สมเหตุสมผลครับ เราจะได้ใช้รถดี ราคาถูก ในหลายๆยี่ห้อครับผม
สุดท้ายนี้ ขอฝากข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติม ที่ผมเคยอ่านเจอมานะครับ ถ้าคุณถามใครว่าจะเลือกรถอะไรดี ระหว่าง…XXXXX กับ รถ MG สิ่งที่คุณจะได้คำตอบก็คือ
- กล้าใช้เหรอ รถจีนนะ
- อะไหล่แพง ขายต่อยาก ศุนย์ไม่ค่อยมี
- ซ่อมยาก ช่างจะมีความรู้เหรอ
- เดี๋ยวก้อทิ้งผู้บริโภค เหมือนรถใหม่อย่าง CherryQQ/ Proton/Tata
- ต้องรถตลาดอยู่แล้ว ดีกว่ากันเยอะหายห่วง
- และอื่นๆอีกมากมาย
ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ตัวคุณเองครับว่าจะเลือกแบบไหน วิธีคิดของผมที่เอาชนะคำตอบเหล่านี้คือ
- การเปิดโรงงงานประกอบรถยนต์ในไทยต้องลงทุนมหาศาล แต่ CP ลงมาเล่นในธุรกิจยานยนต์นี้ คงไม่ปล่อยมือง่ายๆ
- CP มี รร. ปัญญาภิวัฒน์ คงไม่ได้จะแค่สอนบุคลากรมารองรับ 7-eleven อย่างเดียวแน่ๆ
- การเติบโตและเพิ่มจำนวนของศุนย์บริการและตัวเลขการจองรถที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ยังไม่คิดจะขายรถ ตอนที่ยังไม่ได้ซื้อรถมา จึงไม่สนใจราคาขายในอนาคต
- ศุนย์บริการใกล้ๆบ้านที่มีอยู่พอสมควร
- ดีไซน์ สีสรร สมรรถนะ และราคา ที่สามารถจับต้องได้อย่างไม่ลำบากนัก
……………แล้วเจอกันบนท้องถนนครับ^^……………..
[CR] รีวิวรถ MG3 (อยากรู้มันมีดีอะไร)
ก่อนอื่นต้องขอแจ้งก่อนเลยนะครับว่าโดยปกติแล้วผมเป็นคนที่ชอบรถแปลกๆใหม่ๆอยู่แล้ว ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เป็น Chevrolet Zafira (Luxury Touring2.2) ที่ใครๆก็บอกว่าอะไหล่แพง และซ่อมยาก ผมก็ยังใช้มาได้หลายปีเลย ทุกวันนี้มีอู่ที่ซ่อม ที่ไว้ใจได้อยู่หลายอู่เลยครับ เพราะฉะนั้นกระแสต่อต้านรถใหม่ๆ อะไหล่รอลุ้น ศูนย์หายาก นี่ทำอะไรผมไม่ได้แน่นอน ผมมันพวกชอบศึกษาข้อมูลและเล่นอะไรแปลกๆที่คนอื่นเขาไม่ค่อยเล่นกัน อยู่แล้วครับผม
อย่าไปปรึกษาใครเลยครับว่าจะเลือกอะไรระหว่าง รถตลาดยี่ห้อต่างๆ กับ ยี่ห้อ MG เพราะส่วนใหญ่แนะนำให้คุณเลือกรถตลาดอยู่แล้ว น้อยคนมากที่จะบอกให้เลือก MG (ก็คนมันไม่รู้จักอ่ะ จะให้แนะนำได้อย่างไร) ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้ลองถามตัวคุณเองว่าชอบแบบไหนกันแน่ ซึ่งผมก็ได้หาข้อมูลมาพอสมควร เพื่อให้คุณได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่า คุณจะเลือก MG หรือไม่ และข้อมูลเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้พวกคุณได้ไม่มากก็น้อยละครับ
1. MG เป็นยี่ห้อรถที่เริ่มก่อตั้งมานานแล้ว ณ ประเทศอังกฤษ และมีการเปลี่ยนถ่ายมือมาหลายครั้ง จนสุดท้ายทางบริษัท SAIC ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในจีน ได้เป็นเจ้าของมันไป และได้มาร่วมลงทุนกับทางบริษัท CP เพื่อเปิดโรงงานที่เมืองไทยครับ ผมเลยให้มันเป็นรถ เชื้อชาติอังกฤษ สัญชาติจีน มาเติบโตในเมืองไทยครับ
(มีแต่คนแซวกันเล่นๆว่า ไม่แน่ ในอนาคต อะไหล่รถ อาจจะสั่งจองได้จาก 7-Eleven ก็ได้ ใครจะไปรู้ ฮา>>>>>)
2. ศูนย์บริการที่ใครๆเค้าว่ามีน้อย สำหรับผมแล้วผมว่ามันขยายตัวเร็วมาก โชคดีของผมหรือเปล่าไม่รู้ ผมอยู่แถว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ศูนย์บริการรอบๆแถวบ้านที่ห่างไม่เกิน 10 KM ก็จะมี ศุนย์บางบัวทองซอยวัดลาดปลาดุก ศุนย์ติดถนนกาญจนาภิเษก ศุนย์ติดถนนชัยพฤกษ์
ศุนย์ห่างประมาณ 10-20 Km ก็จะมีศุนย์ที่ถนนเพชรเกษมแถวเดอะมอลบางแค ศุนย์แจ้งวัฒนะอยู่แถวๆตีนสะพานข้ามแยกปากเกร็ด เรียกว่าใกล้ๆบ้านก็มีอยู่ 5 ศุนย์ละครับ (ที่ผมเห็นว่ามีอยู่จริงๆ)
ซึ่งในการจองครั้งนี้ ผมใช้บริการที่ ศุนย์บางบัวทองเป็นศุนย์บริการที่มีครบ และใหญ่พอสมควร และได้ทราบข้อมุลมาบ้างว่าศุนย์บริการแห่งนี้ได้ทำการรีโนเวทใหม่มาจากศูนย์บริการรถตลาดยี่ห้อหนึ่งครับ(ไม่ขอเอ่ยนาม ไปสอบถามกันเองครับ^^)
3. ราคา รูปทรงและสีรถเป็นอะไรที่ถูกใจมากๆ ในรถราคาห้าแสนกว่าๆ ซึ่งราคานี้ส่วนใหญ่จะเป็นรถ ECO Car
แต่ MG จะถูกแบ่งอยู่ในกลุ่ม B segment เป็นรถใหญ่กว่า Eco Car มีขนาดเครื่องยนต์ 1500 cc
(ณ ตอนนี้ MG ยังไม่มี ECO car ออกขายนะครับ) ถ้าเทียบกับรถตลาดจะเทียบได้กับกลุ่ม Honda City/Jazz ,Toyota Vios, Mazda2 ,Ford Fiesta, Chevrolet sonic ขนาดห้องโดยสารก็กำลังดีเลยครับ ผมสูง 183 cm หนัก 110 Kg ยังเข้าไปนั่งได้สบายๆ หัวไม่ติดหลังคา หากเป็นตัว Top เบาะที่นั่งคนขับจะปรับได้หกทิศทาง ปรับเลื่อนหน้า หลัง ขึ้นลง และพนักพิงเอนหน้า หลัง จุดขายเลยน่าจะเป็น Sunroofปรับไฟฟ้า ที่ติดมาให้ในตัว Top อีกทั้งยังมี Sensor ไฟหน้า เปิดปิดอัตโนมัติ และ sensor ที่ปรับระดับที่ปัดน้ำฝนตามปริมาณน้ำฝนด้วยอีกต่างหาก อย่างกับเป็นรถหรูๆราคาแพงๆ เลยทีเดียว
4. ที่น่าจะเป็นตัวปัญหาที่จะมาขัดขวางการตัดสินใจของใครหลายๆคน ผมว่าน่าจะเป็นเกียร์ ที่ใช้ระบบ Manual แบบกึ่งAuto หรือเข้าใจแบบง่ายๆได้ว่า เป็นเกียร์ Manual ที่ไม่ต้องเหยียบคลัชก็ว่าได้
MG เรียกเกียร์แบบนี้ว่า Selematic Gear ผมไม่รู้หรอกว่า ทำไมถึงเรียกแบบนี้ แต่จากที่ดูชื่อและการลองใช้งานแล้ว น่าจะมาจาก Select Manual to Automatic Gear คือการเลือกใช้ระหว่าง manual หรือ Auto ได้ ในขณะที่จริงๆมันเป็นระบบแบบเกียร์ manual ครับ (อันนี้คิดเอง วิเคราะห์เอง ไม่มีหลักวิชาการอ้างอิงใดๆ^^)
อารมณ์มันก็ประมาณว่าถ้าคุณใช้ระบบ Auto เวลาเข้าเกียร์ 1 ไป เกียร์ 2 เกียร์จะเปลี่ยนที่รอบประมาณ 2100-2200 รอบ และเวลาที่เปลี่ยนเกียร์จะรู้สึกได้เหมือนเรานั่งรถเกียร์ประปุกนั่นละครับ กล่าวคือ เวลาที่เกียร์มันเปลี่ยน เครื่องมันจะหน่วงความเร็วทำให้เราต้องเอนตัวไปข้างหน้า ตามหลักของความเฉื่อย (เหมือนตอนเบรครถ) และรถจะเร่งความเร็วขึ้นทำให้เราเอนตัวไปด้านหลัง เหตุการณ์ต่อเนื่องกันประมาณ 1 วินาที หลังจากเกียร์เปลี่ยนจาก 1 ไป 2 เราจะรู้สึกได้เลยในการเปลี่ยนเกียร์ตัวจะโยกไปข้างหน้าหลังเบาๆ อาการแบบนี้จะเป็นตอนเกียร์ 1-2-3 หลังจากนั้น 3-4-5 จะไม่รู้สึกแล้วครับ
(นึกสภาพเวลารถติด ถ้าวิ่งๆหยุดๆ คงเมารถน่าดู^^)
แต่ช้าก่อน เกียร์แบบนี้ไม่ได้จะแย่ไปซะทีเดียวหรอกครับ มันมี อีก 2 Mode ให้เราเลือก
Mode sport จะลากรอบให้นานขึ้น ก่อนเปลี่ยนเกียร์ มันจะลากรอบไปมากกว่าปกติ
ส่วน Mode winter จะเป็น Mode ไว้ใช้ในกรณีถนนลื่นๆ หรืออาจจะเอามาประยุกต์ใช้ในกรณี รถติดก็ได้ เพราะ เวลาออกตัวมันจะเริ่มออกตัวที่เกียร์ 2 ครับ ลดความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ไปได้เกียร์นึง
และข้อดีอีกอย่างที่ผมติดใจมากครับ คือการเลือกมาขับแบบ Manual ขอบอกว่าขับด้วยระบบนี้มันส์มากครับ ผมโคตรชอบเลย สนุกแบบไม่เมื่อย ไม่ต้องห่วงเรื่องต้องคอยมาเหยีบคลัช และถ้าจับจังหวะดีๆ ความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ที่เคยบอกไป แทบจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดครับ เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มขึ้น เนียนขึ้น
ข้อเสียอีกข้อที่ผมเป็นห่วงอยู่เหมือนกันหากแฟนผมเป็นคนขับ ก็คือ เวลาขึ้นเนินชันๆ อย่างทางขึ้นเดอะมอลล์งามวงศ์วานเป็นต้น เวลาเราเหยียบเบรคไว้ ตอนติดอยู่บนทางขึ้นชัน เมื่อปล่อยเบรครถจะมีระบบช่วยขึ้นทางลาดชันให้อัตโนมัติ แต่ถ้าเราแตะเบรคและปล่อยอีกครั้ง ต้องรีบเหยียบคันเร่งครับ ไม่งั้นรถจะไหล พูดง่ายๆก็คือ ถ้าจะขึ้นเนินต้องขึ้นยาวๆที่เดียวจะโอเคกว่าการเหยียบเบรค สลับการเหยียบคันเร่งครับ เนื่องจากมันเหมือนเกียร์ธรรมดานะครับ มีช่วงเปลี่ยนเกียร์ พอให้ได้ตกใจครับ ต้องฝึกจับจังหวะให้ดีครับ อันนี้ผมเองก็คงต้องขอลองฝึกให้คุ้นเคยก่อนตอนที่ได้รถมาใช้เหมือนกัน
ระบบเกียร์นี้จะไม่มีเกียร์ P นะครับ การจะเข้าเกียร์ P จะทำได้โดยการเข้าเกียร์ว่าง N และดึงเบรคมือช่วยครับ โดยเกียร์มันจะมีแค่ N D R และ+/- เพื่อปรับเกียร์แบบ manual เพราะมันเป็นเหมือนรถเกียร์ Manual อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ครับ ลักษณะการเข้าเกียร์ตอนรถจอดอยู่ จะต้องมีการเหยียบเบรคก่อนครับ ถึงจะเข้าเกียร์ได้ เป็นระบบ Safety อย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะถ้าไม่เหยียบเบรค หากไปเข้าเกียร์ รถก้อไม่วิ่งครับ ป้องกันลูกน้อยไปเล่นเกียร์ได้
5. วัสดุภายในรถอาจจะดูไม่หรูหรามากนัก เพราะทาง MG เอาไปใส่กับระบบความปลอดภัยของรถซะมากกว่า ทั้งระบบเบรค ระบบทรงตัวในทางโค้ง ระบบกันล้อลื่น และระบบอื่นๆ ด้วยผมขับรถ Zafira ที่เป็นรถยุโรปเรื่องช่วงล่วงและการเกาะถนนนี่ ต้องยอมรับจริงๆครับ แน่น หนึบ หายห่วงเลย การใช้ความเร็วขึ้นคอสะพานรถไม่มีกระโดดครับ ซึ่งทั้งหมดนี้ผมรู้สึกได้เหมือนกันเมื่อมาขับ MG3 ด้วยราคาห้าแสนกว่าๆ กับระบบเหล่านี้ที่ได้ ผมมั่นใจว่าจะไปได้ไกลมากแน่ๆครับกับรถยี่ห้อ MG นี้ มีหลายคนบอกว่า MG ได้รับมาตรฐานการทดสอบการชนอยู่ที่ระดับสามดาวครึ่งเอง ก็มีคนเคยเข้ามาบอกเหมือนกันอีกครับว่า ก็เค้าเน้นที่ความปลอดภัยก่อนชนมากกว่าหลังชน ผมก็แอบเห็นด้วยในข้อนี้นะครับ
6. การวางตำแหน่งสวิตซ์ไฟเลี้ยว ที่ปัดน้ำฝน ก็จะเหมือนรถยุโรปครับ คือไฟเลี้ยวจะอยู่ข้างซ้ายครับ สลับที่กับรถญี่ปุ่น แต่ที่แปลกใจคือการวางตำแหน่งที่เปิดกระโปรงหน้ารถ จะอยู่ด้านข้างฝั่งคนนั่ง อันนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันครับ และอีกอย่างคือ สวิตซ์เปิดปิด เซนทรัลล็อค จะอยู่ที่หน้าจอเครื่องเสียงครับ ข้อดีคือทั้งคนนั่งและคนขับ เปิดปิดล็อคได้สะดวกดีครับ
7. ชุดแต่งและของแถม ขอบอกว่าคุ้มมากๆครับ จัดหนักจัดเต็ม จอ ดีวีดี กล้องหน้าหลัง ฟิล์ม อุปกรณ์เสริมต่างๆ เรียกได้ว่าจัดให้กันแบบ ไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มเลยครับ (ไม่รวมถึงล้อแมกซ์นะครับ อันนี้แล้วแต่ความชอบแต่ละคน) ช่วงเปิดตัวปีนี้โปรโมชันมาเต็มครับ ยอดจองเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมคิดว่า หลังจากนี้ MG น่าจะเอาจริงแล้วนะครับ เราอาจจะได้เห็น MG3 เกลื่อนถนน ในปีหน้าแน่นอนครับ เหมือน Mazda2 ที่แรกๆก็ไม่มีใครสนใจใน Mazda เท่าไรนัก มาหลังๆ Mazda2 วิ่งกันเยอะจริงๆ
8. การรับประกันยาวนานถึง 4 ปี หรือ 120,000 km
ใครจะว่ารีวิวนี้เหมือนผมมาอวย MG ซะมากกว่า ก้อคงไม่ผิดอะไรครับ เพราะผมชอบมันจริงๆ ผมลองไปขับรถตลาดทั่วไปแล้ว ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่แตกต่าง หรือได้อะไรแปลกใหม่ในการขับรถมากนัก รุ่นที่เห็นได้ทั่วไปเลยไม่สามารถเอาชนะความอยากได้ อยากมี อยากหามาครอบครองของผมได้ครับ ผมไม่มีแผนจะเปลี่ยนรถเลยแต่พอได้จับได้เห็นรถ MG3 ตัวเป็นๆแล้ว มันโดนมากครับ
อีกทั้ง ราคา ที่จับต้องได้นี้ มันกระตุ้นกิเลสในตัวผมขึ้นมาทันที ผมไม่เคยได้ยินยี่ห้อนี้มาก่อน จึงรีบกลับมาหาข้อมูลอย่างละเอียด ก่อนจะไปลองขับจริงตามที่รีวิวมาครับ
ผมหวังอยากเห็นรถ MG วิ่งกันเยอะๆในท้องถนน เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดไว้นี้ไม่ผิด และอยากให้ MG ก้าวเข้ามาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเข้ามาเป็นคู่แข่งในท้องตลาด เพื่อกดดันราคาและคุณภาพของรถญี่ปุ่นให้จัดหนักจัดเต็ม บนความเป็นจริงในราคาที่สมเหตุสมผลครับ เราจะได้ใช้รถดี ราคาถูก ในหลายๆยี่ห้อครับผม
สุดท้ายนี้ ขอฝากข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติม ที่ผมเคยอ่านเจอมานะครับ ถ้าคุณถามใครว่าจะเลือกรถอะไรดี ระหว่าง…XXXXX กับ รถ MG สิ่งที่คุณจะได้คำตอบก็คือ
- กล้าใช้เหรอ รถจีนนะ
- อะไหล่แพง ขายต่อยาก ศุนย์ไม่ค่อยมี
- ซ่อมยาก ช่างจะมีความรู้เหรอ
- เดี๋ยวก้อทิ้งผู้บริโภค เหมือนรถใหม่อย่าง CherryQQ/ Proton/Tata
- ต้องรถตลาดอยู่แล้ว ดีกว่ากันเยอะหายห่วง
- และอื่นๆอีกมากมาย
ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ตัวคุณเองครับว่าจะเลือกแบบไหน วิธีคิดของผมที่เอาชนะคำตอบเหล่านี้คือ
- การเปิดโรงงงานประกอบรถยนต์ในไทยต้องลงทุนมหาศาล แต่ CP ลงมาเล่นในธุรกิจยานยนต์นี้ คงไม่ปล่อยมือง่ายๆ
- CP มี รร. ปัญญาภิวัฒน์ คงไม่ได้จะแค่สอนบุคลากรมารองรับ 7-eleven อย่างเดียวแน่ๆ
- การเติบโตและเพิ่มจำนวนของศุนย์บริการและตัวเลขการจองรถที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ยังไม่คิดจะขายรถ ตอนที่ยังไม่ได้ซื้อรถมา จึงไม่สนใจราคาขายในอนาคต
- ศุนย์บริการใกล้ๆบ้านที่มีอยู่พอสมควร
- ดีไซน์ สีสรร สมรรถนะ และราคา ที่สามารถจับต้องได้อย่างไม่ลำบากนัก
……………แล้วเจอกันบนท้องถนนครับ^^……………..