สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ ที่ได้พบเจอจากการเที่ยวญี่ปุ่นในครั้งนี้
ออกตัวก่อนนะคะว่าเป็นคนเล่าเรื่องไม่เก่ง คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆพี่ๆน้อง
ที่สนใจจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองไม่มากก็น้อยค่ะ...เชิญติดตามกันได้เลยค่ะ
จุดเริ่มต้น เราได้จองตั๋วเครื่องบินกับสายการบินที่กำลังเป็นประเด็นเรื่องตั๋ว Overbooking อยู่ตอนนี้
จำนวน 2 ที่ ล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน หลังจากอ่านกระทู้ต้นเรื่อง เราทำการแก้ปัญหา
โดยการไปรอเช็คอินตั้งแต่ ตี4 บิน 9.25น. ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี ส่วนขากลับไปรอเช็คอินตอนบ่าย 2 ครึ่ง
ถ้าตัดเรื่อง ตั๋ว Overbooking ออก ก็ถือว่าเป็นสายการบินที่ดีสายการบินหนึ่งในราคาที่ประหยัดมาก
รอบนี้เราไป-กลับทางสนามบินคันไซ ไปทั้งหมด 6 วัน 5 คืน
เรื่องแรก เมื่อเท้าแตะสนามบินคันไซสิ่งแรกที่ทุกคนต้องทำคือผ่าน ตม. ใครที่ไปก็เผื่อเวลาผ่าน ตม. อย่างน้อยสัก 1 โมงนะคะ
เคสเครื่องลงประมาณ 5 โมง กว่าจะเสร็จ เล่นไปทุ่มนึง และแถมยังมีปัญหาอีกเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังค่ะ
ไปถึงเราก็ไปต่อแถวเข้า ตม. ปกติ แถวขดแล้วขดอีก ม้วนแล้ว ม้วนอีก เจอคนไทยที่ไปด้วยกัน
คุยกันไปมา จนจะเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว ก็ยังไม่ถึงสักที เวลาผ่านไป ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงคิว เราเข้าก่อน สามีตามหลังมา
เนื่องจากเราเคยไปเที่ยวมาครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว เลยผ่านไม่ยาก ไม่ถาม ไม่ขอดูอะไร แค่เรากรอกข้อมูลให้ครบ
ทริกคือการกรอกข้อมูลโรงแรมถ้าจะให้ดีกรอกที่อยู่ลงไปด้วยค่ะหรือมีชื่อสาขาอย่างพวก Toyoko inn ก็กรอกลงไปด้วยค่ะ
เพราะคนก่อนหน้าเรา เจ้าหน้าที่ให้กรอกเพิ่มค่ะ หลังจากนั้นก็ออกมารอสามีหลังเคาท์เตอร์ ก็ลองเปิดพาสปอร์ตดู
ปรากฏว่า งานเข้าค่ะได้ Visa 90 วันมาเฉยแทนที่จะเป็นฟรีวีซ่าแค่ 15 วัน เราก็เอ๊ะทำไงทีนี้เรื่องยาวแน่เลย
เพราะเคยอ่านเจอเคสแบบนี้บอกว่าถ้าไม่รีบแจ้งจะมีปัญหาตอนขาออกได้ เราก็หันซ้ายหันขวามองหาเจ้าหน้าที่
ไม่มีซักคน ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เก่ง เราเดินไปตรงห้องทางซ้ายมือ แล้วไปแจ้งว่ามีความผิดพลาดของวีซ่า
เจ้าหน้าที่ก็รับไปดู แล้วถามประมาณว่าได้ทำวีซ่ามามั้ย เราก็บอกว่า No Visa เค้าก็พลิกไปพลิกมา แล้วเดินไปในห้อง
ออกวีซ่า 15 วันให้เราใหม่แล้วยกเลิกอัน 90 วัน แล้วพูดขอบคุณเป็นภาษาญี่ปุ่น พร้อมโค้งหลายทีมาก
พอเราจะเดินออกมาเค้าก็ถามว่า ช่องเบอร์ไหนที่ออกผิด เราก็ชี้ๆเค้าก็เปิดไปพูดอะไรกันไม่รู้
เสร็จแล้วเราก็ไปรับกระเป๋าผ่าน ตม. คือเราไม่รู้ว่าเคสแบบนี้มีคนอื่นเคยเจอมั้ยแต่เราก็กันไว้ดีกว่าแก้
อย่างไงเพื่อนๆไปเที่ยวก็ลองสังเกตกันดูนะคะ เพื่อความสบายใจ จะได้แก้ปัญหาทัน
เรื่องที่2 ซิมที่ใช้ ก่อนไปเราได้มีการตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับเนตซิม เนื่องจากงบน้อย เราเลยเลือกซิม
จากค่ายที่แปลว่า สุดยอด ในราคา 359 บาทรวมส่ง ใช้ได้ 7 วัน จากการใช้งานถือว่าเร็วใช้ได้
แต่ถ้าเนตหมดเมื่อไรก็ช้าจนเปิดอะไรไม่ขึ้น แต่ถ้าถามว่าดีมั้ยก็ตอบว่าโอเค สัญญาณดีโทรวีดีโอลื่นไหลดี
โทรไลน์ได้ไม่มีปัญหา คุ้มราคา ใช้เสริท Hyperdia Google Map เราก็ใช้ทั้งวันพอเย็นๆมืดๆเนตก็จะเริ่มช้าแล้ว
สรุป โอเคสำหรับคนงบน้อยอย่างเรา
เรื่องที่3 จากที่เคยเห็นรีวิว จะเจอแต่รีวิวการเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง ไม่ค่อยมีการเดินทางไปสนามบินแหะ
วันนี้เราเลยจะมาเราให้ฟัง คือ เราพักแถวปราสาทโอซก้า เราก็ต้องใช้สถานี Tennoji ในการเปลี่ยนรถไฟไปสนามบิน
โดยขึ้นสาย Rapid for Airport เพราะถูกที่สุด นั่งต่อเดียวถึงสนามบินเลยใช้เวลาประมาณ 50 นาที
ดูตารางรถไฟจาก Hyperdia เสร็จสับไปรอที่ชานชลา แต่หารู้ไม่ว่าความซวยกำลังจะเกิด
เราต้องไปเช็คอินให้ทันบ่าย 3 เราก็ออกจากตัวเมืองเกือบๆบ่าย เราก็ลากกระเป๋าไปที่ชานชลาเห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ
ลากกระเป๋ารอ แถวๆนั้น คิดในใจถูกแน่นอน เราลากกระเป๋ากำลังจะไปต่อแถว คนที่มีกระเป๋าเดินทางเหมือนกัน
สามีเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง บอกนี่ๆมาต่อตรงนี้ว่างไม่มีคนจะได้ไม่ต้องไปแย่งที่นั่ง เราก็ไปต่อเพื่อรอรถไฟ
สักแป๊บนึงรถไฟมา เช็คเวลาตรงกับที่เสริทไว้ใช่แล้ว ชื่อขบวนถูกต้อง เราก็จัดแจงยกสัมภาระขึ้นรถไฟไปนั่งอย่างสบายใจ
นั่งมาได้สักพักนึง คนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นก็ถามเราว่าจะไป แอร์พอร์ตหรอ เราก็บอกใช่ๆๆ
เค้าก็พยายามอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ว่าเนี่ยตู้ที่เราขึ้นอ่ะมันไม่ไปสนามบินนะ แต่ไป Wakayama
คุณต้องเปลี่ยนตู้ไป 1-4 เดี๋ยวมันจะแยกกันที่สถานี่ Hineno แต่ด้วยความที่เก่งภาษาอังกฤษระดับเซียน
เราก็เข้าใจว่าเราต้องลงรถไฟที่สถานี Hineno แล้วเปลี่ยนอีกขบวนไปสนามบิน เราก็ลองดู Hyperdia ก็บอกนั่งยาวเลยต่อเดียว งงเลยทีนี้
จะให้เราไปต่อสายไหนเนี่ย เรากับสามีก็งงงวยกันทั้งคู่เห็นคนอื่นลากกระเป๋า
ไปตู้ด้านหน้า แล้วมีเจ้าหน้าที่เดินแจ้งเรื่องนี้ตามขบวน เค้าบอกให้ลงสถานีต่อไปเพื่อวิ่งไปขึ้นตู้ 1-4
เรากับสามียังไม่เข้าใจยังคิดว่าเปลี่ยนขบวนอยู่ก็ถามกลับว่า ให้ลงสถานีนี้หรอเค้าก็พยักหน้าหงึกๆ
เราก็เลยลงไปแบบงงๆ พอลงไปปุ๊บเราเห็นนักท่องเที่ยวสองคนโดนลงแล้วโดนขึ้นอีกตู้ด้านหน้า
เราก็ตั้งสติแล้วลองเรียบเรียงใหม่เลยทำให้เข้าใจว่า เราขึ้นตู้ผิดมิน่าทำไมไม่ค่อยมีคนลากกระเป๋ามารอ
เราเลยรอประมาณ 10 นาทีรถขบวนใหม่ก็มา โชคดีที่รู้ตัวทัน และโชคดีที่ญี่ปุ่นมีรถไฟบ่อย
ถ้าไม่มีคนบอกนั่งยาวๆเลยไปโผล่ไหนไม่รู้ ตกเครื่องบินอีกงานงอกเลยทีนี้
สรุปคือใครจะขึ้นสาย Rapid ไปสนามบิน ให้ขึ้นตู้ 1-4 นะจ๊ะ
เล่าประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นรอบที่ 2 (ตม.ออกวีซ่าผิด ขึ้นรถไฟผิดตู้)
ออกตัวก่อนนะคะว่าเป็นคนเล่าเรื่องไม่เก่ง คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆพี่ๆน้อง
ที่สนใจจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองไม่มากก็น้อยค่ะ...เชิญติดตามกันได้เลยค่ะ
จุดเริ่มต้น เราได้จองตั๋วเครื่องบินกับสายการบินที่กำลังเป็นประเด็นเรื่องตั๋ว Overbooking อยู่ตอนนี้
จำนวน 2 ที่ ล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน หลังจากอ่านกระทู้ต้นเรื่อง เราทำการแก้ปัญหา
โดยการไปรอเช็คอินตั้งแต่ ตี4 บิน 9.25น. ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี ส่วนขากลับไปรอเช็คอินตอนบ่าย 2 ครึ่ง
ถ้าตัดเรื่อง ตั๋ว Overbooking ออก ก็ถือว่าเป็นสายการบินที่ดีสายการบินหนึ่งในราคาที่ประหยัดมาก
รอบนี้เราไป-กลับทางสนามบินคันไซ ไปทั้งหมด 6 วัน 5 คืน
เรื่องแรก เมื่อเท้าแตะสนามบินคันไซสิ่งแรกที่ทุกคนต้องทำคือผ่าน ตม. ใครที่ไปก็เผื่อเวลาผ่าน ตม. อย่างน้อยสัก 1 โมงนะคะ
เคสเครื่องลงประมาณ 5 โมง กว่าจะเสร็จ เล่นไปทุ่มนึง และแถมยังมีปัญหาอีกเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังค่ะ
ไปถึงเราก็ไปต่อแถวเข้า ตม. ปกติ แถวขดแล้วขดอีก ม้วนแล้ว ม้วนอีก เจอคนไทยที่ไปด้วยกัน
คุยกันไปมา จนจะเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว ก็ยังไม่ถึงสักที เวลาผ่านไป ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงคิว เราเข้าก่อน สามีตามหลังมา
เนื่องจากเราเคยไปเที่ยวมาครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว เลยผ่านไม่ยาก ไม่ถาม ไม่ขอดูอะไร แค่เรากรอกข้อมูลให้ครบ
ทริกคือการกรอกข้อมูลโรงแรมถ้าจะให้ดีกรอกที่อยู่ลงไปด้วยค่ะหรือมีชื่อสาขาอย่างพวก Toyoko inn ก็กรอกลงไปด้วยค่ะ
เพราะคนก่อนหน้าเรา เจ้าหน้าที่ให้กรอกเพิ่มค่ะ หลังจากนั้นก็ออกมารอสามีหลังเคาท์เตอร์ ก็ลองเปิดพาสปอร์ตดู
ปรากฏว่า งานเข้าค่ะได้ Visa 90 วันมาเฉยแทนที่จะเป็นฟรีวีซ่าแค่ 15 วัน เราก็เอ๊ะทำไงทีนี้เรื่องยาวแน่เลย
เพราะเคยอ่านเจอเคสแบบนี้บอกว่าถ้าไม่รีบแจ้งจะมีปัญหาตอนขาออกได้ เราก็หันซ้ายหันขวามองหาเจ้าหน้าที่
ไม่มีซักคน ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เก่ง เราเดินไปตรงห้องทางซ้ายมือ แล้วไปแจ้งว่ามีความผิดพลาดของวีซ่า
เจ้าหน้าที่ก็รับไปดู แล้วถามประมาณว่าได้ทำวีซ่ามามั้ย เราก็บอกว่า No Visa เค้าก็พลิกไปพลิกมา แล้วเดินไปในห้อง
ออกวีซ่า 15 วันให้เราใหม่แล้วยกเลิกอัน 90 วัน แล้วพูดขอบคุณเป็นภาษาญี่ปุ่น พร้อมโค้งหลายทีมาก
พอเราจะเดินออกมาเค้าก็ถามว่า ช่องเบอร์ไหนที่ออกผิด เราก็ชี้ๆเค้าก็เปิดไปพูดอะไรกันไม่รู้
เสร็จแล้วเราก็ไปรับกระเป๋าผ่าน ตม. คือเราไม่รู้ว่าเคสแบบนี้มีคนอื่นเคยเจอมั้ยแต่เราก็กันไว้ดีกว่าแก้
อย่างไงเพื่อนๆไปเที่ยวก็ลองสังเกตกันดูนะคะ เพื่อความสบายใจ จะได้แก้ปัญหาทัน
เรื่องที่2 ซิมที่ใช้ ก่อนไปเราได้มีการตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับเนตซิม เนื่องจากงบน้อย เราเลยเลือกซิม
จากค่ายที่แปลว่า สุดยอด ในราคา 359 บาทรวมส่ง ใช้ได้ 7 วัน จากการใช้งานถือว่าเร็วใช้ได้
แต่ถ้าเนตหมดเมื่อไรก็ช้าจนเปิดอะไรไม่ขึ้น แต่ถ้าถามว่าดีมั้ยก็ตอบว่าโอเค สัญญาณดีโทรวีดีโอลื่นไหลดี
โทรไลน์ได้ไม่มีปัญหา คุ้มราคา ใช้เสริท Hyperdia Google Map เราก็ใช้ทั้งวันพอเย็นๆมืดๆเนตก็จะเริ่มช้าแล้ว
สรุป โอเคสำหรับคนงบน้อยอย่างเรา
เรื่องที่3 จากที่เคยเห็นรีวิว จะเจอแต่รีวิวการเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง ไม่ค่อยมีการเดินทางไปสนามบินแหะ
วันนี้เราเลยจะมาเราให้ฟัง คือ เราพักแถวปราสาทโอซก้า เราก็ต้องใช้สถานี Tennoji ในการเปลี่ยนรถไฟไปสนามบิน
โดยขึ้นสาย Rapid for Airport เพราะถูกที่สุด นั่งต่อเดียวถึงสนามบินเลยใช้เวลาประมาณ 50 นาที
ดูตารางรถไฟจาก Hyperdia เสร็จสับไปรอที่ชานชลา แต่หารู้ไม่ว่าความซวยกำลังจะเกิด
เราต้องไปเช็คอินให้ทันบ่าย 3 เราก็ออกจากตัวเมืองเกือบๆบ่าย เราก็ลากกระเป๋าไปที่ชานชลาเห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ
ลากกระเป๋ารอ แถวๆนั้น คิดในใจถูกแน่นอน เราลากกระเป๋ากำลังจะไปต่อแถว คนที่มีกระเป๋าเดินทางเหมือนกัน
สามีเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง บอกนี่ๆมาต่อตรงนี้ว่างไม่มีคนจะได้ไม่ต้องไปแย่งที่นั่ง เราก็ไปต่อเพื่อรอรถไฟ
สักแป๊บนึงรถไฟมา เช็คเวลาตรงกับที่เสริทไว้ใช่แล้ว ชื่อขบวนถูกต้อง เราก็จัดแจงยกสัมภาระขึ้นรถไฟไปนั่งอย่างสบายใจ
นั่งมาได้สักพักนึง คนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นก็ถามเราว่าจะไป แอร์พอร์ตหรอ เราก็บอกใช่ๆๆ
เค้าก็พยายามอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ว่าเนี่ยตู้ที่เราขึ้นอ่ะมันไม่ไปสนามบินนะ แต่ไป Wakayama
คุณต้องเปลี่ยนตู้ไป 1-4 เดี๋ยวมันจะแยกกันที่สถานี่ Hineno แต่ด้วยความที่เก่งภาษาอังกฤษระดับเซียน
เราก็เข้าใจว่าเราต้องลงรถไฟที่สถานี Hineno แล้วเปลี่ยนอีกขบวนไปสนามบิน เราก็ลองดู Hyperdia ก็บอกนั่งยาวเลยต่อเดียว งงเลยทีนี้
จะให้เราไปต่อสายไหนเนี่ย เรากับสามีก็งงงวยกันทั้งคู่เห็นคนอื่นลากกระเป๋า
ไปตู้ด้านหน้า แล้วมีเจ้าหน้าที่เดินแจ้งเรื่องนี้ตามขบวน เค้าบอกให้ลงสถานีต่อไปเพื่อวิ่งไปขึ้นตู้ 1-4
เรากับสามียังไม่เข้าใจยังคิดว่าเปลี่ยนขบวนอยู่ก็ถามกลับว่า ให้ลงสถานีนี้หรอเค้าก็พยักหน้าหงึกๆ
เราก็เลยลงไปแบบงงๆ พอลงไปปุ๊บเราเห็นนักท่องเที่ยวสองคนโดนลงแล้วโดนขึ้นอีกตู้ด้านหน้า
เราก็ตั้งสติแล้วลองเรียบเรียงใหม่เลยทำให้เข้าใจว่า เราขึ้นตู้ผิดมิน่าทำไมไม่ค่อยมีคนลากกระเป๋ามารอ
เราเลยรอประมาณ 10 นาทีรถขบวนใหม่ก็มา โชคดีที่รู้ตัวทัน และโชคดีที่ญี่ปุ่นมีรถไฟบ่อย
ถ้าไม่มีคนบอกนั่งยาวๆเลยไปโผล่ไหนไม่รู้ ตกเครื่องบินอีกงานงอกเลยทีนี้
สรุปคือใครจะขึ้นสาย Rapid ไปสนามบิน ให้ขึ้นตู้ 1-4 นะจ๊ะ