ขอนำเรื่องราวน่าคิด มาแบ่งปันให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านกัน
เพราะ จขกท. เอง บางที...ก็เคยเข้าข่ายแบบนี้เหมือนกัน ...อิอิ เค้าขอโทษษษษ ไม่ได้เจตนา
หลังพุทธปรินิพพานได้ไม่กี่เดือน พระอานนท์ได้พาลูกศิษย์ของท่านประมาณ 30 รูป เดินทางไปตาม
เมืองต่าง ๆ เพื่อปลอบประโลมใจพุทธบริษัทสี่ ที่ยังเป็นเป็นปุถุชนอยู่ ให้หายจากความอาลัยต่อพระ
สัมมาสัมพุทธเจ้า
พอกลับมาถึงวัดเวฬุวันฯ พระอานนท์รีบเข้าไปพบพระมหากัสสปะ
พร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดระหว่างที่ เดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ ว่า
ลูกศิษย์ที่เดินทางไปด้วยกันครั้งนี้ ได้ลาสิกขาไปหมดแล้ว
เมื่อพระมหากัสสปะได้ยินดังนั้นก็ตำหนิพระอานนท์ว่า
พระอานนท์โตแต่ร่างกาย แต่ยังทำตัวเหมือนเด็ก
ขณะที่พระมหากัสสปะตำหนิพระอานนท์อยู่นั้น
มีภิกษุณีรูปหนึ่งยังไม่ได้บรรลุธรรมขั้นไหน
ชื่อถุลลนันทา นั่งอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น
พอได้ยินคำตำหนิเช่นนั้น ด้วยความที่นางไม่เข้าใจ
ธรรมเนียมปฏิบัติของพระภิกษุ จึงตะโกนต่อว่า พระมหากัสสปะทันทีว่า
"อะไรเล่าพระผู้เป็นเจ้ามหากัสปะ ผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์
จะมากล่าวหาพระอานนท์ของพวกดิฉันว่า เป็นเด็กได้อย่างไร"
ฝ่ายพระมหากัสสปะท่านก็นิ่ง ๆ แล้วพูดบอกกับพระอานนท์ไปว่า
"อานนท์ผู้มีอายุ ภิกษุณีถุลลนันทายังไม่ทันพิจารณา ก็กล่าววาจาพล่อย ๆ ซะแล้ว
...ผู้ใดยังไม่ทราบชัดถึงคุณธรรมของเรา แล้วมาพูดว่า "รู้ "
ยังไม่เห็นเลย แต่มาพูดว่า "เห็น"
ศีรษะของบุคคลนั้นจะต้องแตกออกเป็นเจ็ดเสี่ยง"
ด้วยผลแห่งกรรมที่นางภิกษุณีถุลลนันทาได้กล่าวไปโดยไม่คิดเช่นนี้
ทำให้นางต้องรีบมาขอขมาโทษต่อ พระมหากัสสปะ
เพื่อไม่ให้ศีรษะต้องแตกออกไปเจ็ดเสี่ยง
แล้วต้องพ้นจากความเป็นภิกษุณีไปในที่สุด
ปัจจุบันเราได้เห็นข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์องค์เจ้าแทบจะทุกวัน
บางทีพระก็ก่อเหตุเกินกว่าที่โยมจะรับได้ จริง ๆ
แต่บางทีพระไม่ทำอย่างที่เป็นข่าว
....อาจจะเกมการเมืองของผู้มีอำนาจ แต่สื่อได้พาดหัวข่าว
กล่าวหาพระไปเรียบร้อยแล้ว ....
ทำให้คนทั่วไปที่ยังขาดวิจารณญาณอยู่
พลอยผสมโรงด่าว่าพระสงฆ์องค์เจ้าแบบเสีย ๆ หาย ๆ
และที่สำคัญคือคนชอบเหมารวมว่าพระทั้งหมดก็คงเป็นอย่างนี้
ครั้นจะออกไปแก้ข่าวก็หาว่า
เป็นพวกเดียวกัน ไม่น่าเชื่อถือ
ที่น่าสงสัยอีกอย่างหนึ่งคือ
พระสงฆ์ไทยกับชาวพุทธที่ดี ๆ นี่มันก็แปลกอยู่เรื่องหนึ่ง
ไม่ค่อยพูด ไม่พูด ไม่ประณาม ไม่ออกมาชี้แจง
เราจึงเห็นการแสดงความคิดของคนที่ไม่มีศีลธรรม แต่อวดตัวว่า รู้ดีเรื่องพระมาพูดกัน
ที่มาจากพระไตรปิฏก
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=5721&Z=5816
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://siambass4.blogspot.com/2016/04/blog-post.html
อย่าอาศัยความไม่รู้ของตนเองแล้วมากล่าวหาคนอื่นพล่อยๆ
เพราะ จขกท. เอง บางที...ก็เคยเข้าข่ายแบบนี้เหมือนกัน ...อิอิ เค้าขอโทษษษษ ไม่ได้เจตนา
หลังพุทธปรินิพพานได้ไม่กี่เดือน พระอานนท์ได้พาลูกศิษย์ของท่านประมาณ 30 รูป เดินทางไปตาม
เมืองต่าง ๆ เพื่อปลอบประโลมใจพุทธบริษัทสี่ ที่ยังเป็นเป็นปุถุชนอยู่ ให้หายจากความอาลัยต่อพระ
สัมมาสัมพุทธเจ้า
พอกลับมาถึงวัดเวฬุวันฯ พระอานนท์รีบเข้าไปพบพระมหากัสสปะ
พร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดระหว่างที่ เดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ ว่า
ลูกศิษย์ที่เดินทางไปด้วยกันครั้งนี้ ได้ลาสิกขาไปหมดแล้ว
เมื่อพระมหากัสสปะได้ยินดังนั้นก็ตำหนิพระอานนท์ว่า
พระอานนท์โตแต่ร่างกาย แต่ยังทำตัวเหมือนเด็ก
ขณะที่พระมหากัสสปะตำหนิพระอานนท์อยู่นั้น
มีภิกษุณีรูปหนึ่งยังไม่ได้บรรลุธรรมขั้นไหน
ชื่อถุลลนันทา นั่งอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น
พอได้ยินคำตำหนิเช่นนั้น ด้วยความที่นางไม่เข้าใจ
ธรรมเนียมปฏิบัติของพระภิกษุ จึงตะโกนต่อว่า พระมหากัสสปะทันทีว่า
"อะไรเล่าพระผู้เป็นเจ้ามหากัสปะ ผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์
จะมากล่าวหาพระอานนท์ของพวกดิฉันว่า เป็นเด็กได้อย่างไร"
ฝ่ายพระมหากัสสปะท่านก็นิ่ง ๆ แล้วพูดบอกกับพระอานนท์ไปว่า
"อานนท์ผู้มีอายุ ภิกษุณีถุลลนันทายังไม่ทันพิจารณา ก็กล่าววาจาพล่อย ๆ ซะแล้ว
...ผู้ใดยังไม่ทราบชัดถึงคุณธรรมของเรา แล้วมาพูดว่า "รู้ "
ยังไม่เห็นเลย แต่มาพูดว่า "เห็น"
ศีรษะของบุคคลนั้นจะต้องแตกออกเป็นเจ็ดเสี่ยง"
ด้วยผลแห่งกรรมที่นางภิกษุณีถุลลนันทาได้กล่าวไปโดยไม่คิดเช่นนี้
ทำให้นางต้องรีบมาขอขมาโทษต่อ พระมหากัสสปะ
เพื่อไม่ให้ศีรษะต้องแตกออกไปเจ็ดเสี่ยง
แล้วต้องพ้นจากความเป็นภิกษุณีไปในที่สุด
ปัจจุบันเราได้เห็นข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์องค์เจ้าแทบจะทุกวัน
บางทีพระก็ก่อเหตุเกินกว่าที่โยมจะรับได้ จริง ๆ
แต่บางทีพระไม่ทำอย่างที่เป็นข่าว
....อาจจะเกมการเมืองของผู้มีอำนาจ แต่สื่อได้พาดหัวข่าว
กล่าวหาพระไปเรียบร้อยแล้ว ....
ทำให้คนทั่วไปที่ยังขาดวิจารณญาณอยู่
พลอยผสมโรงด่าว่าพระสงฆ์องค์เจ้าแบบเสีย ๆ หาย ๆ
และที่สำคัญคือคนชอบเหมารวมว่าพระทั้งหมดก็คงเป็นอย่างนี้
ครั้นจะออกไปแก้ข่าวก็หาว่า
เป็นพวกเดียวกัน ไม่น่าเชื่อถือ
ที่น่าสงสัยอีกอย่างหนึ่งคือ
พระสงฆ์ไทยกับชาวพุทธที่ดี ๆ นี่มันก็แปลกอยู่เรื่องหนึ่ง
ไม่ค่อยพูด ไม่พูด ไม่ประณาม ไม่ออกมาชี้แจง
เราจึงเห็นการแสดงความคิดของคนที่ไม่มีศีลธรรม แต่อวดตัวว่า รู้ดีเรื่องพระมาพูดกัน
ที่มาจากพระไตรปิฏก http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=5721&Z=5816
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://siambass4.blogspot.com/2016/04/blog-post.html