สวัสดีค่ะ เราชื่อแป้ง ปีที่แล้วเราไปเที่ยวลุย Hokkaido มา 2 อาทิตย์ เราขอหยิบบางส่วนมาเล่าให้ฟัง สำหรับคนที่กำลังวางแผนไปในปีนี้ หรือคนที่ยังไม่ได้วางแผนแล้วอยากจะไปขึ้นมาเราก็ยินดีมากเลย เราไม่ถนัดการทำ how to นะเพราะเราเชื่อว่าแต่ละคนมีมุมมองสำหรับการท่องเที่ยว หรือเดินทางในสถานที่หนึ่งๆ แตกต่างกันออกไป แต่เราจะพยายามให้ข้อมูล และเก็บตกเรื่องราวระหว่างทางมาให้ดูค่ะ ใครไปมาแล้วมาแชร์มุมมองที่ต่างกันออกไปจะเจ๋งมากเลย
หลังจากที่ช่วงชิงตั๋วเครื่องบินไป Hokkaido ได้ในราคาประมาณ 8พันบาทนิดๆ รวมทุกสิ่งอัน เราจึงเริ่มวางแผนเดินทาง แล้วก็พบว่าช่วงเดือนมิถุนาที่เรากำลังจะไปฮอกไกโดนั้นเป็นหน้าร้อนพอดี อ้าว...มิถุนาเป็นหน้าร้อนคนเค้าไม่ค่อยไปเที่ยวก๊าน อ้าว...ว่าจะไปเล่นหิมะที่ฮอกไกโดซะหน่อยยยย... อ้าว...แต่เราอยากเล่นหิมะ ทำไงดี (จริงๆ เราไปตามจนเจอนะ หิมะน่ะ ไว้มาเล่าอีกทีวันหลัง) อ้าวววว งืมมมม ...ดีแระ เรามันเป็นนักท่องเที่ยวแนวสงบ บางทีก็สโลว์ และบางทีก็สะเปะสะปะไปเรื่อยเปื่อย... คือยังไงเองก็ต้องไปนะเสียเงินค่าตั๋วไปแร้วววว
จริงๆ เรารู้สึกสนุกตั้งแต่วันแรกที่วางแผนไปเที่ยวแล้วล่ะ เหตุผลง่ายๆ ที่เราต้องวางแผนเที่ยว คือ 1. เราต้องใช้เงินให้คุ้มค่า 2. เราต้องใช้เวลาให้คุ้มค่ามากกว่าอีก 3. เราต้องใช้แรงกายให้คุ้มค่าอีกเช่นกัน 4. ทุกอย่างจะคุ้มค่าด้วยการวางแผน 5.วางแผนแล้วได้ไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง ไว้ค่อยว่ากัน เราไปแบบสงบ สโลว์ และสะเปะสะปะ...
เรารู้จักสวน Moerenuma ครั้งแรกจาก "แผนการออกเดทอย่างประหยัด" ในเว็บไซต์การท่องเที่ยวฮอกไกโด
http://www.welcome.city.sapporo.jp/ ที่นำเหนอคอร์สออกเดทในซัปโปโรอย่างประหยัดตั้งแต่วันละ 500 เยน เท่านั้น ในส่วนแผนการของเราเอาทั้งแบบ 500 เยน 1000 เยน และ 3000 เยน มาผสมกันเที่ยวซับโปโร 3 วัน พอถึงเวลาจริงวันแรกในซับโปโร เราได้ไปสวน Moerenuma ที่เดียว เพราะที่นี่คือสุดประทับใจ แม้จะไปยากหน่อย แต่ก็ไม่เสียค่าเข้า สวนสาธารณะขนาด 189เฮกเตอร์แห่งนี้ (1180ไร่) เดินทั้งวันก็ไม่ทั่ว สรุปว่าเราไปกันแบบ slow วันนั้นออกจากที่พักเกือบเที่ยง และจ่ายค่ารถไฟใต้ดินไป-กลับรวม 500 เยน ค่ารถเมล์ ไปกลับอีก 420 เยน เราแวะเดินซื้อข้าวกล่อง ขนมกะน้ำจากแถวสถานีรถไฟที่ผ่าน ติดไปนั่งทานในสวน คนละประมาณ 1000เยน รวมเสียหายทั้งหมด1 วันคนละไม่เกิน 2000 เยน (อยู่เมืองไทย บางทีกินมากกว่านี้อีก)
ทำไมเราถึงอยากไปนักหนา สวนอะไร ไกลจัง สวนกลางเมืองก็มี แต่สวน"โมเอะเระนุมะ" ไปจากตัวเมืองซัปโปโร ต้องนั่งรถไฟใต้ดินครึ่งชั่วโมง รอต่อรถเมล์ก็นาน ตอนไปจริงดันลงผิดป้ายอีก เดินเกือบกิโลกว่าจะถึงทางเข้าสวน กว่าจะถึงสวนรวมเวลาพิรี้พิไร ซื้อของกินก็เกือบ 2 ชั่วโมง
คำตอบคือ เพราะ อิซามุ โนงุจิ (Isamu Noguchi) เป็นคนออกแบบสวนแห่งนี้นี่เองงง!!! ...มันคือใคร ฟ ร ะ?? คือเค้าเป็นศิลปินลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน ที่เราชื่นชอบมานามาก เราหลงไหลในงานประติมากรรมของลุงแกตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ดู temporary exhibition ของลุง Noguchi ที่ London เมื่อ10กว่าปีที่แล้วละ ตอนแรกก็งงว่า แค่เค้าทำโคมไฟกระดาษเนี่ยนะ แต่พอเห็นงาน sculpture ของลุงแกเยอะขึ้นแล้วมันอินมากค่ะ...เด๋วตอนหลังจะเล่าประวัติให้ฟัง
บ่ายวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน อากาศกำลังดี ประมาณ 15-20องศา เรานั่งรถไฟใต้ดินสาย Toho Line ไปลงที่สถานี Kanjodori-Higashi เมื่อออกจากสถานีตามป้ายที่บอกว่า Bus Terminal เดินหาป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลมาก ที่ป้ายรถเมล์จะมีตัวเลขบอกว่ามีสายอะไรผ่านบ้าง เราต้องไปสาย Higashi 69 หรือ Higashi 79 เพื่อไปลง East Entrance (Moerenuma koen higashiguchi) รถเมล์แต่ละสายจะมีแค่ประมาณ 2คัน ต่อชม. ค่ารถ 210 เยน
อดทนรอไป รถเมล์สาย69 ก็มา เราขึ้นรถเมล์ที่ประตูหลังตามวิธีปรกติ และรีบเดินไปแอบถามคนขับว่าเราจะไปสวน Moerenuma โดยชี้ที่แผนที่ให้แกดู ถ้าเราขึ้นผิดทาง คนขับจะบอกเราเป็นภาษาใบ้ให้รู้ทันที เราต้องนั่งรถเมล์ไปประมาณ 30นาที ตอนนั้นเราไม่มี pocket wifi ก็ได้แต่เดาป้ายที่ลงเอา ปรากฏว่าลงพลาดไป 1 ป้าย ต้องเดินต่อไปอีก 1 กม ก็จะเห็น East Entrance... ทางเข้าสวนด้านนี้จะต้องเดินบนสะพานข้ามแหล่งน้ำไป หน้าสวนจะมีแผนที่บอกว่าเราอยู่ตรงไหน อะไรอยู่ตรงไหน เราก็ถ่ายรูปไว้ เอาไว้ดูเผื่อหลงได้ เพราะมันใหญ่มาก
สวน Moerenuma คือสิ่งที่คนซัปโปโรภาคภูมิใจ การออกแบบสวนมาจากคอนเซ็บ sculpture of the earth บอกเป็นนัยว่า สิ่งต่างๆ ในโลกมาผสมผสานรวมกันเป็นหนึ่งที่สวนแห่งนี้ องค์ประกอบหลักๆ เราจะเห็นภูเขา บ่อน้ำที่จำลองเป็นทะเล สนามเด็กเล่น ประติมากรรม และอาคาร ทั้งหมดเกิดจากเส้นสายเรขาคณิตหล่อหลอมเป็นงานศิลปะที่แทรกสอดอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแนบเนียน อาคารที่โดดเด่นคืออาคารกระจกทรงปิรามิดที่สะท้อนท้องฟ้าสีคราม ข้างในมีร้านอาหาร แกลเลอรี่ ร้านค้า และเวทีแสดงกิจกรรม ว่ากันว่า Noguchi ออกแบบปิรามิดนี้ขึ้นมาเพื่อระลึกถึง I.M. Pei เพื่อนของเขาที่เป็นสถาปนิกออกแบบ Louvre Museum ในปารีสนั่นเอง คุ้นๆ ไหม :-3 เราตั้งใจว่าจะเดินไปให้ถึงอาคารปิรามิดนี้ ที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของทางที่เราเข้ามา
ระหว่างทางเราผ่านสนามเด็กเล่นที่ชื่อว่า Forest of Cherry Trees ที่นั่นมีของเด็กเล่นที่หน้าตาเก๋ไก๋ มันคืองานประติมากรรมที่เราเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยได้ไม่ยาก เราขึ้นไปเล่นสไลเดอร์เวียนแบบไม่อายใคร เพราะจริงๆ ก็ไม่มีใครอยู่แถวนั้น ฮาๆๆ ไม่นานเราแอบมานั่งเปิดข้าวกล่องกินครึ่งหนึ่ง ให้พออิ่มท้อง แล้วเดินกันต่อ
เราเองรู้สึกทึ่งที่สุดเมื่อรู้วาพื้นที่สวนทั้งหมดเกือบ 1200 ไร่นี้ เกิดจากเอาขยะ 2.7ล้านตันมาถมลงในทะเลสาบ ถมเป็นภูเขาได้ 2 ลูกอีกต่างหาก ลองคิดว่าบนกองขยะใหญ่โตมโหราฬนี้มีต้นไมใบหญ้าขึ้นได้อย่างเยอะ และงามขนาดนี้ แสดงว่าคนที่สร้างสวนต้องมีการศึกษาวางแผนก่อสร้างเป็นอย่างดี เราไม่แปลกใจเท่าไรหรอก เพราะที่นี่คือญี่ปุ่น

Tetra Mound เป็น sculpture ขนาดใหญ่ทำจาก stainless steel เอาไว้ใช้เป็นลานกิจกรรมก็ได้ ตัวอย่างแห่งความคิดของ Isamu Noguchi
มุมที่เราชอบที่สุดก็คือตรงเนินที่ที่มีต้นหญ้าสูงๆ สองข้างทาง เนินนี้ชื่อว่า Play mountain ตอนที่เดินขึ้นไปตามทางโค้งๆ เราจะเห็นต้นหญ้าเต้นระบำไปมาล้อกับแรงลมที่พัดผ่านตลอดวัน ลมเย็นๆ นี้ทำให้เราไม่เหนื่อยเลย
เมื่อเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ จนถึงยอดจะมองเห็นสวนทั้งหมด คือ มันฟินมาก เรานั่งอยู่บนเนินนั้นอยู่นาน แต่ก็ไม่นานเท่ากับเด็กชายหญิงคู่นึงที่มาออกเดทกันบนจุดสูงสุดของเนินเขานี้หรอก

อีกด้านหนึ่งของเนิน Noguchi ออกแบบให้เป็นขั้นบันไดต้นหญ้า เรานั่งกินลม ดูเด็กๆ วิ่งเล่นขึ้นลง และถ่ายรูปเล่นกันพักใหญ่ เราเห็นคนมาวิ่ง และปั่นจักรยานกันตามถนนรอบสวน จากตรงนี้เรามองไปเห็นภูเขาอีกลูกหนึ่งที่สูงกว่า และคิดว่าต้องไปปีนเขาลูกนั้นก่อนพระอาทิตย์ตกให้ได้ไม่งั้นเดี๋ยวมาไม่ถึง
ภูเขาลูกนั้นคือภูเขาเทียมทีชื่อ เขาโมเอะเระ (Mt. Moere) เขาลูกนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดในชานเมืองซัปโปโรด้านตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นที่ๆ คนแถวนี้มานั่งชมวิวเมืองได้อย่างสบายอารมณ์ เราคิดว่าเราจะกลับไปที่ภูเขาโมเอะเระอีกครั้งนีงในฤดูหนาวที่เค้าเปิดให้เล่นสกีหรือเลื่อนหิมะลงมาจากภูเขานี้ได้ด้วย

เวลา 5โมงเย็นเราเดินไปถึงตีนเขา เบื้องหน้าคือบันไดหลายร้อยขั้นที่จะพาเราขึ้นไปยังยอดเขาโมเอะเระ ที่ความสูง 62ม. (ประมาณตึก20ชั้น) อากาศเย็นลง เราค่อยๆ เดินขึ้นไปบนเขาที่มีต้นสนคอยต้อนรับเราอยู่สองข้างทาง ยิ่งเดินสูงขึ้นเรื่อยๆ ต้นสนจะหายไปเหลือไว้เพียงเนินหญ้าสองข้าง

พอถึงจุดสูงสุดจะมีแค่ลานหินเล็กๆ ขนาดกว้างประมาณ 5เมตร บนนั้นลมเย็นมาก เราต้องเอาเสื้อกันลมออกมาใส่ และก็รีบจับจองพื้นที่นั่งหันไปทางตะวันตกที่แสงอาทิตย์กำลังจางลงเรื่อยๆ เราหยิบข้าวกล่องออกมาทานต่อพร้อมกับแสงเกือบสุดท้ายของวัน ก่อนที่เราจะนึกกันได้ว่า เราจะกลับกันอย่างไรดี...

ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เนื่องจากเราเดินมาไกลจากทางเข้า East Entrance แล้ว เราตัดสินใจออกไปตามทางเข้าหลักไม่ไกลจากอาคารปิรามิด สังเกตุจุดได้ตรงที่มีลานจอดรถขนาดใหญ่ และเดินออกไปถนนใหญ่ที่จริงๆ ก็ไม่ใหญ่นัก เราเดินไปจนถึงป้ายรถเมล์ที่เราก็ไม่รู้ว่าจะมีรถพาเราไปถึงไหนได้บ้าง โชคดีว่าที่ป้ายรถเมล์ของญี่ปุ่นจะมีข้อมูลสายรถเมล์ และเวลาบอกอยู่ เรารู้แค่ว่ามีรถเมล์ 1 สายที่จะไปพาเรากลับไปยังสถานีใต้ดิน Kanjodori-Higashi ที่เรามา ตอนนั้นความรู้สึกฟินจากการที่ได้ไปลั๊นลาในสวน เริ่มกลายเป็นความหิว ยังดีที่ป้ายรถเมล์มีตู้กดน้ำอัตโนมัติ เรานั่งรอในความหนาวเย็นเกือบครึ่งชั่วโมง รถเมล์ญี่ปุ่นมาตรงเวลาเสมอ และเราก็ไม่ผิดหวังที่รอ

คืนนั้นเรากลับเข้าเมืองด้วยความประทับใจที่ได้ไปเดินในสวน Moerenuma โลกใบเล็กๆ ที่โนงุจิสรรค์สร้างเอาไว้ก่อนจากไปได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด
ดูภาพเพิ่มเติมและ social กันได้ที่นี่ค่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://www.facebook.com/cloudislandwander/
[CR] [summer in Hokkaido] 1 วันหรรษา ปีนภูเขา(เทียม) ในซัปโปโร
หลังจากที่ช่วงชิงตั๋วเครื่องบินไป Hokkaido ได้ในราคาประมาณ 8พันบาทนิดๆ รวมทุกสิ่งอัน เราจึงเริ่มวางแผนเดินทาง แล้วก็พบว่าช่วงเดือนมิถุนาที่เรากำลังจะไปฮอกไกโดนั้นเป็นหน้าร้อนพอดี อ้าว...มิถุนาเป็นหน้าร้อนคนเค้าไม่ค่อยไปเที่ยวก๊าน อ้าว...ว่าจะไปเล่นหิมะที่ฮอกไกโดซะหน่อยยยย... อ้าว...แต่เราอยากเล่นหิมะ ทำไงดี (จริงๆ เราไปตามจนเจอนะ หิมะน่ะ ไว้มาเล่าอีกทีวันหลัง) อ้าวววว งืมมมม ...ดีแระ เรามันเป็นนักท่องเที่ยวแนวสงบ บางทีก็สโลว์ และบางทีก็สะเปะสะปะไปเรื่อยเปื่อย... คือยังไงเองก็ต้องไปนะเสียเงินค่าตั๋วไปแร้วววว
จริงๆ เรารู้สึกสนุกตั้งแต่วันแรกที่วางแผนไปเที่ยวแล้วล่ะ เหตุผลง่ายๆ ที่เราต้องวางแผนเที่ยว คือ 1. เราต้องใช้เงินให้คุ้มค่า 2. เราต้องใช้เวลาให้คุ้มค่ามากกว่าอีก 3. เราต้องใช้แรงกายให้คุ้มค่าอีกเช่นกัน 4. ทุกอย่างจะคุ้มค่าด้วยการวางแผน 5.วางแผนแล้วได้ไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง ไว้ค่อยว่ากัน เราไปแบบสงบ สโลว์ และสะเปะสะปะ...
เรารู้จักสวน Moerenuma ครั้งแรกจาก "แผนการออกเดทอย่างประหยัด" ในเว็บไซต์การท่องเที่ยวฮอกไกโด http://www.welcome.city.sapporo.jp/ ที่นำเหนอคอร์สออกเดทในซัปโปโรอย่างประหยัดตั้งแต่วันละ 500 เยน เท่านั้น ในส่วนแผนการของเราเอาทั้งแบบ 500 เยน 1000 เยน และ 3000 เยน มาผสมกันเที่ยวซับโปโร 3 วัน พอถึงเวลาจริงวันแรกในซับโปโร เราได้ไปสวน Moerenuma ที่เดียว เพราะที่นี่คือสุดประทับใจ แม้จะไปยากหน่อย แต่ก็ไม่เสียค่าเข้า สวนสาธารณะขนาด 189เฮกเตอร์แห่งนี้ (1180ไร่) เดินทั้งวันก็ไม่ทั่ว สรุปว่าเราไปกันแบบ slow วันนั้นออกจากที่พักเกือบเที่ยง และจ่ายค่ารถไฟใต้ดินไป-กลับรวม 500 เยน ค่ารถเมล์ ไปกลับอีก 420 เยน เราแวะเดินซื้อข้าวกล่อง ขนมกะน้ำจากแถวสถานีรถไฟที่ผ่าน ติดไปนั่งทานในสวน คนละประมาณ 1000เยน รวมเสียหายทั้งหมด1 วันคนละไม่เกิน 2000 เยน (อยู่เมืองไทย บางทีกินมากกว่านี้อีก)
ทำไมเราถึงอยากไปนักหนา สวนอะไร ไกลจัง สวนกลางเมืองก็มี แต่สวน"โมเอะเระนุมะ" ไปจากตัวเมืองซัปโปโร ต้องนั่งรถไฟใต้ดินครึ่งชั่วโมง รอต่อรถเมล์ก็นาน ตอนไปจริงดันลงผิดป้ายอีก เดินเกือบกิโลกว่าจะถึงทางเข้าสวน กว่าจะถึงสวนรวมเวลาพิรี้พิไร ซื้อของกินก็เกือบ 2 ชั่วโมง
คำตอบคือ เพราะ อิซามุ โนงุจิ (Isamu Noguchi) เป็นคนออกแบบสวนแห่งนี้นี่เองงง!!! ...มันคือใคร ฟ ร ะ?? คือเค้าเป็นศิลปินลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน ที่เราชื่นชอบมานามาก เราหลงไหลในงานประติมากรรมของลุงแกตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ดู temporary exhibition ของลุง Noguchi ที่ London เมื่อ10กว่าปีที่แล้วละ ตอนแรกก็งงว่า แค่เค้าทำโคมไฟกระดาษเนี่ยนะ แต่พอเห็นงาน sculpture ของลุงแกเยอะขึ้นแล้วมันอินมากค่ะ...เด๋วตอนหลังจะเล่าประวัติให้ฟัง
บ่ายวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน อากาศกำลังดี ประมาณ 15-20องศา เรานั่งรถไฟใต้ดินสาย Toho Line ไปลงที่สถานี Kanjodori-Higashi เมื่อออกจากสถานีตามป้ายที่บอกว่า Bus Terminal เดินหาป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลมาก ที่ป้ายรถเมล์จะมีตัวเลขบอกว่ามีสายอะไรผ่านบ้าง เราต้องไปสาย Higashi 69 หรือ Higashi 79 เพื่อไปลง East Entrance (Moerenuma koen higashiguchi) รถเมล์แต่ละสายจะมีแค่ประมาณ 2คัน ต่อชม. ค่ารถ 210 เยน
อดทนรอไป รถเมล์สาย69 ก็มา เราขึ้นรถเมล์ที่ประตูหลังตามวิธีปรกติ และรีบเดินไปแอบถามคนขับว่าเราจะไปสวน Moerenuma โดยชี้ที่แผนที่ให้แกดู ถ้าเราขึ้นผิดทาง คนขับจะบอกเราเป็นภาษาใบ้ให้รู้ทันที เราต้องนั่งรถเมล์ไปประมาณ 30นาที ตอนนั้นเราไม่มี pocket wifi ก็ได้แต่เดาป้ายที่ลงเอา ปรากฏว่าลงพลาดไป 1 ป้าย ต้องเดินต่อไปอีก 1 กม ก็จะเห็น East Entrance... ทางเข้าสวนด้านนี้จะต้องเดินบนสะพานข้ามแหล่งน้ำไป หน้าสวนจะมีแผนที่บอกว่าเราอยู่ตรงไหน อะไรอยู่ตรงไหน เราก็ถ่ายรูปไว้ เอาไว้ดูเผื่อหลงได้ เพราะมันใหญ่มาก
สวน Moerenuma คือสิ่งที่คนซัปโปโรภาคภูมิใจ การออกแบบสวนมาจากคอนเซ็บ sculpture of the earth บอกเป็นนัยว่า สิ่งต่างๆ ในโลกมาผสมผสานรวมกันเป็นหนึ่งที่สวนแห่งนี้ องค์ประกอบหลักๆ เราจะเห็นภูเขา บ่อน้ำที่จำลองเป็นทะเล สนามเด็กเล่น ประติมากรรม และอาคาร ทั้งหมดเกิดจากเส้นสายเรขาคณิตหล่อหลอมเป็นงานศิลปะที่แทรกสอดอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแนบเนียน อาคารที่โดดเด่นคืออาคารกระจกทรงปิรามิดที่สะท้อนท้องฟ้าสีคราม ข้างในมีร้านอาหาร แกลเลอรี่ ร้านค้า และเวทีแสดงกิจกรรม ว่ากันว่า Noguchi ออกแบบปิรามิดนี้ขึ้นมาเพื่อระลึกถึง I.M. Pei เพื่อนของเขาที่เป็นสถาปนิกออกแบบ Louvre Museum ในปารีสนั่นเอง คุ้นๆ ไหม :-3 เราตั้งใจว่าจะเดินไปให้ถึงอาคารปิรามิดนี้ ที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของทางที่เราเข้ามา
ระหว่างทางเราผ่านสนามเด็กเล่นที่ชื่อว่า Forest of Cherry Trees ที่นั่นมีของเด็กเล่นที่หน้าตาเก๋ไก๋ มันคืองานประติมากรรมที่เราเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยได้ไม่ยาก เราขึ้นไปเล่นสไลเดอร์เวียนแบบไม่อายใคร เพราะจริงๆ ก็ไม่มีใครอยู่แถวนั้น ฮาๆๆ ไม่นานเราแอบมานั่งเปิดข้าวกล่องกินครึ่งหนึ่ง ให้พออิ่มท้อง แล้วเดินกันต่อ
เราเองรู้สึกทึ่งที่สุดเมื่อรู้วาพื้นที่สวนทั้งหมดเกือบ 1200 ไร่นี้ เกิดจากเอาขยะ 2.7ล้านตันมาถมลงในทะเลสาบ ถมเป็นภูเขาได้ 2 ลูกอีกต่างหาก ลองคิดว่าบนกองขยะใหญ่โตมโหราฬนี้มีต้นไมใบหญ้าขึ้นได้อย่างเยอะ และงามขนาดนี้ แสดงว่าคนที่สร้างสวนต้องมีการศึกษาวางแผนก่อสร้างเป็นอย่างดี เราไม่แปลกใจเท่าไรหรอก เพราะที่นี่คือญี่ปุ่น
Tetra Mound เป็น sculpture ขนาดใหญ่ทำจาก stainless steel เอาไว้ใช้เป็นลานกิจกรรมก็ได้ ตัวอย่างแห่งความคิดของ Isamu Noguchi
มุมที่เราชอบที่สุดก็คือตรงเนินที่ที่มีต้นหญ้าสูงๆ สองข้างทาง เนินนี้ชื่อว่า Play mountain ตอนที่เดินขึ้นไปตามทางโค้งๆ เราจะเห็นต้นหญ้าเต้นระบำไปมาล้อกับแรงลมที่พัดผ่านตลอดวัน ลมเย็นๆ นี้ทำให้เราไม่เหนื่อยเลย
เมื่อเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ จนถึงยอดจะมองเห็นสวนทั้งหมด คือ มันฟินมาก เรานั่งอยู่บนเนินนั้นอยู่นาน แต่ก็ไม่นานเท่ากับเด็กชายหญิงคู่นึงที่มาออกเดทกันบนจุดสูงสุดของเนินเขานี้หรอก
อีกด้านหนึ่งของเนิน Noguchi ออกแบบให้เป็นขั้นบันไดต้นหญ้า เรานั่งกินลม ดูเด็กๆ วิ่งเล่นขึ้นลง และถ่ายรูปเล่นกันพักใหญ่ เราเห็นคนมาวิ่ง และปั่นจักรยานกันตามถนนรอบสวน จากตรงนี้เรามองไปเห็นภูเขาอีกลูกหนึ่งที่สูงกว่า และคิดว่าต้องไปปีนเขาลูกนั้นก่อนพระอาทิตย์ตกให้ได้ไม่งั้นเดี๋ยวมาไม่ถึง
ภูเขาลูกนั้นคือภูเขาเทียมทีชื่อ เขาโมเอะเระ (Mt. Moere) เขาลูกนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดในชานเมืองซัปโปโรด้านตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นที่ๆ คนแถวนี้มานั่งชมวิวเมืองได้อย่างสบายอารมณ์ เราคิดว่าเราจะกลับไปที่ภูเขาโมเอะเระอีกครั้งนีงในฤดูหนาวที่เค้าเปิดให้เล่นสกีหรือเลื่อนหิมะลงมาจากภูเขานี้ได้ด้วย
เวลา 5โมงเย็นเราเดินไปถึงตีนเขา เบื้องหน้าคือบันไดหลายร้อยขั้นที่จะพาเราขึ้นไปยังยอดเขาโมเอะเระ ที่ความสูง 62ม. (ประมาณตึก20ชั้น) อากาศเย็นลง เราค่อยๆ เดินขึ้นไปบนเขาที่มีต้นสนคอยต้อนรับเราอยู่สองข้างทาง ยิ่งเดินสูงขึ้นเรื่อยๆ ต้นสนจะหายไปเหลือไว้เพียงเนินหญ้าสองข้าง
พอถึงจุดสูงสุดจะมีแค่ลานหินเล็กๆ ขนาดกว้างประมาณ 5เมตร บนนั้นลมเย็นมาก เราต้องเอาเสื้อกันลมออกมาใส่ และก็รีบจับจองพื้นที่นั่งหันไปทางตะวันตกที่แสงอาทิตย์กำลังจางลงเรื่อยๆ เราหยิบข้าวกล่องออกมาทานต่อพร้อมกับแสงเกือบสุดท้ายของวัน ก่อนที่เราจะนึกกันได้ว่า เราจะกลับกันอย่างไรดี...
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เนื่องจากเราเดินมาไกลจากทางเข้า East Entrance แล้ว เราตัดสินใจออกไปตามทางเข้าหลักไม่ไกลจากอาคารปิรามิด สังเกตุจุดได้ตรงที่มีลานจอดรถขนาดใหญ่ และเดินออกไปถนนใหญ่ที่จริงๆ ก็ไม่ใหญ่นัก เราเดินไปจนถึงป้ายรถเมล์ที่เราก็ไม่รู้ว่าจะมีรถพาเราไปถึงไหนได้บ้าง โชคดีว่าที่ป้ายรถเมล์ของญี่ปุ่นจะมีข้อมูลสายรถเมล์ และเวลาบอกอยู่ เรารู้แค่ว่ามีรถเมล์ 1 สายที่จะไปพาเรากลับไปยังสถานีใต้ดิน Kanjodori-Higashi ที่เรามา ตอนนั้นความรู้สึกฟินจากการที่ได้ไปลั๊นลาในสวน เริ่มกลายเป็นความหิว ยังดีที่ป้ายรถเมล์มีตู้กดน้ำอัตโนมัติ เรานั่งรอในความหนาวเย็นเกือบครึ่งชั่วโมง รถเมล์ญี่ปุ่นมาตรงเวลาเสมอ และเราก็ไม่ผิดหวังที่รอ
คืนนั้นเรากลับเข้าเมืองด้วยความประทับใจที่ได้ไปเดินในสวน Moerenuma โลกใบเล็กๆ ที่โนงุจิสรรค์สร้างเอาไว้ก่อนจากไปได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด
ดูภาพเพิ่มเติมและ social กันได้ที่นี่ค่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น