ต้องแจ้งก่อนค่ะ เราขับรถยนต์เกียร์ CVT เครื่อง 1,600
ใช้รถเยอะมาก (ประมาณสองเดือนเข้าเช็คระยะหมื่นโล)
Timeline ประมาณนี้นะคะ
ปลายปี 58 : เลขไมล์ 99,9xxx กม.
เราเช็คระยะ 100,000 กม. และเพราะเป็น last claim check จึงแจ้งช่างเช็คละเอียด และเปลี่ยนของเหลวทั้งหมด
ต้นเดือน มี.ค. 59 : เลขไมล์ 120,xxx กม.
เราเอารถไปเลี่ยนยาง 4 เส้น (เส้นละ 3,290 หักเทิร์นยางเก่าเส้นละ 290 เหลือเบ็ดเสร็จ 12,000 บาท)
วันที่เอารถเข้าไปทำ ช่างแจ้งว่าจานเบรคมีรอยเนื่องจากอะไรสักอย่าง สรุปคือจานเบรคกะชุดเบรคไม่สะอาด แนะนำให้ล้าง (ประมาณ 2,8xx) เพราะเราต้องใช้รถเยอะก็โอเค ให้ช่างล้างไป
สักพักช่างอีกคนเดินมาถามว่าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ล่าสุดเมื่อไร เราก็บอกไปว่าเพิ่งเปลี่ยนไปตอนแสนโล ช่างที่ร้านก็บอกว่าครับๆ พอดีเห็นว่าน้ำมันเกียร์รถพี่มันดำๆ แล้วก็เดินออกไป (ยืนยันว่าเราไม่ได้รับการแจ้งว่าจะเปลี่ยน แค่เข้ามาถาม)
พอตอนรับรถ มีค่าล้างเบรค ค่ายาง และค่าน้ำมันเกียร์ ... เราก็อ่ะ เปลี่ยนแล้วก็ไม่เป็นไร 500 กว่าบาท เป็นค่าปากหนักเองที่ไม่ได้บอกช่างเองว่าไม่เปลี่ยน รวมแล้ววันนั้นจ่ายไป13,000 กว่าบาท
ความรู้สึกแรกที่ขับรถออกมาจากร้านคือ เสียงยางเงียบ นุ่ม เป็นที่น่าพอใจ แต่...
รถอืดขึ้นกว่าเดิมมาก (มั่นใจว่าไม่ใช่อคติ เพราะเราอยู่กับรถเราทั้งวัน ความรู้สึกคือรถเร่งไม่ออก อืด เหยียบคันเร่งแล้วตื้อๆ ต่างจากตอนก่อนเข้าร้านชัดเจน)
เพิ่มเติมอีกนิดคือ ก่อนนั้นปลายเดือน ก.พ. 59 เราเพิ่งเอารถเข้าเช็คระยะ 120,000 กม. มา รถพุ่งดีมาก
แต่ตอนนั้นด้วยความที่เย็นแล้ว ร้านจะปิดแล้ว บวกกับขี้เกียจวนรถกลับไป เลยเข้าบ้านก่อน คิดว่าอาจจะเป็นลมยางมั้ง เดี๋ยวค่อยเช็ค
ซึ่งจากนั้นเราต้องไปติดต่องาน ตจว. จึงไม่ได้เอารถไปร้านหรือศูนย์ ก็ขับไปด้วยความรู้สึกว่ารถมันอืดๆ ไปตลอด ออกตัวอืด เร่งแซงไม่ขึ้น ซึ่งปกติเกียร์ CVT มันมีความอืดระดับหนึ่งอยู่แล้ว อันนี้มันอื๊ดอืดดดด
และวันนี้ 9 เม.ย. 59 : เลขไมล์ 127,xxx กม.
ได้กลับมาศูนย์ประจำ ที่เช็คระยะ 100,000 กม. แจ้งศูนย์ว่ารถอืด เช็คให้หน่อย ช่างเช็คแล้วแจ้งว่าน้ำมันเกียร์ที่ใช้อยู่เป็นน้ำมันเกียร์คนละเบอร์กับศูนย์ (ศูนย์ใช้เบอร์ 3 ร้านเปลี่ยนมาเบอร์ 2) แนะนำให้เปลี่ยน หรือถ้าเติมเบอร์ 3 เข้าไปช่วย
ซึ่งถ้าเปลี่ยน น้ำมันเกียร์ศูนย์เบอร์ 3 ราคา 1,926 บาท!!!
ความแตกต่างของราคา ทำให้เรามีคำถามถึงประสิทธิภาพต่อระบบเกียร์ พอหาข้อมูลเพิ่ม (ก่อนนี้ไม่ได้คิดเลย) ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับการใส่น้ำมันผิด ทำให้เกียร์พัง แล้วพอเจอราคาซ่อม/เปลี่ยนเกียร์ ถึงกับลมจับ
ตอนนี้คือนอยด์แตกค่ะ กลัวเกียร์พัง ฝืนขับมาเกือบเดือน แถมช่วงที่รีบๆ เหยียบแล้วมันอืด ก็กดฝืนเร่งรอบให้ขึ้นไป 4,000+++ rpm อีก
ปรึกษาเพื่อนๆ ชาวรัชดาหน่อยค่ะ
1. เกียร์รถเรามีโอกาสปัญหาไหม
2. สำหรับร้านยางนั้น เราจะสามารถคอมเพลนหรือให้เค้ารับผิดชอบอะไรได้หรือไม่ (แอบทำใจกับคำตอบไว้แล้วนะอันนี้)
3. ความแตกต่างในประสิทธิภาพของน้ำมันเกียร์ต่างเบอร์ ต่างราคาแบบที่เราเจอ มีผลต่อระบบเครื่องยนต์หรือเกียร์แค่ไหนคะ
ฝากไว้เป็นกรณีศึกษา จะได้ระวังตัว โดยเฉพาะสาวๆ ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถ และคนที่ปากหนัก ช่างมัน/ช่างมันฯลฯ แบบเราค่ะ
ปรึกษาผู้รู้ค่ะ : เปลี่ยนยางรถยนต์ ร้านเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ให้คนละเบอร์ !!!
ใช้รถเยอะมาก (ประมาณสองเดือนเข้าเช็คระยะหมื่นโล)
Timeline ประมาณนี้นะคะ
ปลายปี 58 : เลขไมล์ 99,9xxx กม.
เราเช็คระยะ 100,000 กม. และเพราะเป็น last claim check จึงแจ้งช่างเช็คละเอียด และเปลี่ยนของเหลวทั้งหมด
ต้นเดือน มี.ค. 59 : เลขไมล์ 120,xxx กม.
เราเอารถไปเลี่ยนยาง 4 เส้น (เส้นละ 3,290 หักเทิร์นยางเก่าเส้นละ 290 เหลือเบ็ดเสร็จ 12,000 บาท)
วันที่เอารถเข้าไปทำ ช่างแจ้งว่าจานเบรคมีรอยเนื่องจากอะไรสักอย่าง สรุปคือจานเบรคกะชุดเบรคไม่สะอาด แนะนำให้ล้าง (ประมาณ 2,8xx) เพราะเราต้องใช้รถเยอะก็โอเค ให้ช่างล้างไป
สักพักช่างอีกคนเดินมาถามว่าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ล่าสุดเมื่อไร เราก็บอกไปว่าเพิ่งเปลี่ยนไปตอนแสนโล ช่างที่ร้านก็บอกว่าครับๆ พอดีเห็นว่าน้ำมันเกียร์รถพี่มันดำๆ แล้วก็เดินออกไป (ยืนยันว่าเราไม่ได้รับการแจ้งว่าจะเปลี่ยน แค่เข้ามาถาม)
พอตอนรับรถ มีค่าล้างเบรค ค่ายาง และค่าน้ำมันเกียร์ ... เราก็อ่ะ เปลี่ยนแล้วก็ไม่เป็นไร 500 กว่าบาท เป็นค่าปากหนักเองที่ไม่ได้บอกช่างเองว่าไม่เปลี่ยน รวมแล้ววันนั้นจ่ายไป13,000 กว่าบาท
ความรู้สึกแรกที่ขับรถออกมาจากร้านคือ เสียงยางเงียบ นุ่ม เป็นที่น่าพอใจ แต่...
รถอืดขึ้นกว่าเดิมมาก (มั่นใจว่าไม่ใช่อคติ เพราะเราอยู่กับรถเราทั้งวัน ความรู้สึกคือรถเร่งไม่ออก อืด เหยียบคันเร่งแล้วตื้อๆ ต่างจากตอนก่อนเข้าร้านชัดเจน)
เพิ่มเติมอีกนิดคือ ก่อนนั้นปลายเดือน ก.พ. 59 เราเพิ่งเอารถเข้าเช็คระยะ 120,000 กม. มา รถพุ่งดีมาก
แต่ตอนนั้นด้วยความที่เย็นแล้ว ร้านจะปิดแล้ว บวกกับขี้เกียจวนรถกลับไป เลยเข้าบ้านก่อน คิดว่าอาจจะเป็นลมยางมั้ง เดี๋ยวค่อยเช็ค
ซึ่งจากนั้นเราต้องไปติดต่องาน ตจว. จึงไม่ได้เอารถไปร้านหรือศูนย์ ก็ขับไปด้วยความรู้สึกว่ารถมันอืดๆ ไปตลอด ออกตัวอืด เร่งแซงไม่ขึ้น ซึ่งปกติเกียร์ CVT มันมีความอืดระดับหนึ่งอยู่แล้ว อันนี้มันอื๊ดอืดดดด
และวันนี้ 9 เม.ย. 59 : เลขไมล์ 127,xxx กม.
ได้กลับมาศูนย์ประจำ ที่เช็คระยะ 100,000 กม. แจ้งศูนย์ว่ารถอืด เช็คให้หน่อย ช่างเช็คแล้วแจ้งว่าน้ำมันเกียร์ที่ใช้อยู่เป็นน้ำมันเกียร์คนละเบอร์กับศูนย์ (ศูนย์ใช้เบอร์ 3 ร้านเปลี่ยนมาเบอร์ 2) แนะนำให้เปลี่ยน หรือถ้าเติมเบอร์ 3 เข้าไปช่วย
ซึ่งถ้าเปลี่ยน น้ำมันเกียร์ศูนย์เบอร์ 3 ราคา 1,926 บาท!!!
ความแตกต่างของราคา ทำให้เรามีคำถามถึงประสิทธิภาพต่อระบบเกียร์ พอหาข้อมูลเพิ่ม (ก่อนนี้ไม่ได้คิดเลย) ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับการใส่น้ำมันผิด ทำให้เกียร์พัง แล้วพอเจอราคาซ่อม/เปลี่ยนเกียร์ ถึงกับลมจับ
ตอนนี้คือนอยด์แตกค่ะ กลัวเกียร์พัง ฝืนขับมาเกือบเดือน แถมช่วงที่รีบๆ เหยียบแล้วมันอืด ก็กดฝืนเร่งรอบให้ขึ้นไป 4,000+++ rpm อีก
ปรึกษาเพื่อนๆ ชาวรัชดาหน่อยค่ะ
1. เกียร์รถเรามีโอกาสปัญหาไหม
2. สำหรับร้านยางนั้น เราจะสามารถคอมเพลนหรือให้เค้ารับผิดชอบอะไรได้หรือไม่ (แอบทำใจกับคำตอบไว้แล้วนะอันนี้)
3. ความแตกต่างในประสิทธิภาพของน้ำมันเกียร์ต่างเบอร์ ต่างราคาแบบที่เราเจอ มีผลต่อระบบเครื่องยนต์หรือเกียร์แค่ไหนคะ
ฝากไว้เป็นกรณีศึกษา จะได้ระวังตัว โดยเฉพาะสาวๆ ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถ และคนที่ปากหนัก ช่างมัน/ช่างมันฯลฯ แบบเราค่ะ