แม่ผมทำถูกแล้วหรือ ?

สวัสดีครับทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผม ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่า ผมเป็นเด็กครับ เป็นเด็ก อายุ 17 ที่กำลังจะย่างเป็น 18 ในเดือนพฤษภาคมนี้ และการเรียบเรียงบทความหรือคำพูดของผมอาจจะไม่ถูกต้องมากนักผมจึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

สำหรับคำถามของกระทู้นี้ก็คือ แม่ผมทำถูกแล้วหรือครับ

เรื่องเป็นแบบนี้ครับ ก่อนอื่นผมขอจัดลำดับครอบครัวผมก่อนว่ามีใครบ้าง

แม่ ,ผม ,พ่อ ,ยาย (อยู่บ้านเดียวกันครับ)
ย่า, น้า, อา, ลูกพี่ลูกน้องคนที่ 1, ลูกพี่ลูกน้องคนที่ 2, ลูกพี่ลูกน้องคนที่ 3, (อยู่อีกบ้านนึงครับ)

โดยสองบ้านนี้ค่อยข้างมีฐานะที่แตกต่างกันครับ คือบ้านผม จน ส่วนอีกบ้าน มีฐานะพอสมควรครับ

ผมขอเล่าเหตุการณ์ระหว่างในบ้านก่อนจะมาเข้าประเด็นของเรานะครับ พ่อ กับ น้ำของผมเป็นพี่น้องกันซึ่งเป็นลูกของ ย่า นะครับ ซึ่งสองคนนี้มีนิสัยที่แตกต่างกันพอสมควร ซึ่งพ่อของผมนั้นตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว แกเป็นนักเลงชอบมีเรื่อง เป็นเด็กแว๊นสมัยก่อนก็ว่าได้ กินเหล้าเมามาย แต่ก็เรียนเก่งอยู่ ส่วนน้าของผมนั้นเป็นคนเอาการเอางาน ตั้งใจเรียนไม่สนเรื่องผู้ชายหรืออบายมุขใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น นี่จึงเป็นบ่อเกิดแห่งความแตกหักครับ เพราะในเมื่อ พ่อผมเป็นคนไม่ได้ความ ไม่เอาการเอางานดีแต่เตร็ดเตร่ใช้เงินไปวัน ๆ จึงต้องขอพูดตรง ๆ ว่าย่าผมนั้น รักน้า ผมมากกว่าพ่อผม ส่วนปู่ผมนั้นยังคงเป็นกลางรักลูกทั้งสองคน และพยายามให้ความช่วยเหลือพ่อในทุก ๆ เรื่องไม่ว่าพ่อผมจะทำอะไร แต่คนเราย่อมเติบโต ปู่ผมไม่สามารถดูแลพ่อผมตลอดไปได้ ย่าผมก็ เช่นกัน ลูกทั้งสองคน ต่างเติบโต และไปมีครอบครัว น้าผมได้แฟนเป็นอาของผมซึ่งเป็นคนดีเอาการเอางานเหมือนกันรักครอบครัว ตั้งใจหางานเลี้ยงครอบครัว ใต่เต้าจนตัวเองได้เป็นอาจารย์สอนมหาลัย ซึ่งก็พูดได้ว่าพอหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองและเมียได้นั่นเอง ส่วนพ่อผมที่ขอพูดตรง ๆ เลยว่าดีแต่ปากเท่านั้น มาได้แม่ผมที่เป็นคนเชียงใหม่ ซึ่งแม่ผมอาศัยอยู่กับยายสองคน และมีฐานะที่ยากจนมาก อยู่หมู่บ้านชนบท เล็ก ๆ แห่งนึงในเชียงใหม่ พ่อผมออกปากบอกแม่ผมว่าฉันสามารถดูแลเธอได้ ฉันทำงานเป็นข้าราชการ (ซึ่งก็จริง) แม่ผมจึงเชื่อมั่นในตัวพ่อว่าเมื่อแต่งงานกับคน ๆ นี้คนที่ฉันรัก เขาจะสามารถดูแลฉันได้ ทั้งคู่ตกลงแต่งงานกัน ซึ่งทางฝั่งน้าก็ไม่น้อยหน้า เช่นกันครับ แต่งงานจากชายหนุ่มผู้เอาการเอางาน และมีความรับผิดชอบจากแดนอุทัยธานี (ผมลืมบอกไปนะครับ พ่อ และ น้าของผมเป็นคนเชียงรายครับ) ครอบครัวของ ปู่ ย่า น้า พ่อ ผม ได้ครอบครัวใหม่เพิ่มขึ้นมา เป็นสองครอบครัวแล้วตอนนี้ น้า และอาของผมตัดสินใจ อยู่ร่วมบ้านเดียวกันและช่วยกันทำมาหากิน ที่บ้านเกิดของ น้าผมนั่นก็คือ บ้าน พ่อผม บ้าน ปู่ผม และบ้านย่าผมนั่นเอง (บ้านเดียวกัน) ทีนี้ก็ได้ตามสูตรด้านบนแล้วนะครับ ส่วนพ่อผมตัดสินใจย้ายมาอยู่กับแม่ผมที่เชียงใหม่ครับ อยู่ในหมู่บ้านชนบทเล็ก ๆ นิสัยแกยังคงไม่เปลี่ยน กินเหล้าเมามายไปวัน ๆ แต่ก็พอออกไปทำงานได้อยู่ จนกระทั่งแม่ผมท้องผม พ่อผมอยากเห็นหน้าลูกชายมากตอนนั้นจึงตั้งใจออกไปทำงาน หาเงินเอาอาหารเสริมบำรุงดี ๆ มาเลี้ยงแม่ผมที่กำลังท้อง ซึ่งแม่ผมก็ไม่ได้อยู่เฉยเช่นกัน เขาก็ทำงาน รับจ๊อบ เป็นคนเพ้นท์ผ้า ด้วยพู่กันกับกรวย (น่าจะเรียกแบบนี้มั้ง) และทางฝั่งน้าผมก็ไม่น้อยหน้า เช่นกัน แกก็ท้องครับ สามีของเขาก็เลยมุ่งหน้าทำงานหาเงินเพื่อจะได้เห็นหน้าลูกของเขาโดยไปเป็นอาจารย์สอนมหาลัย และเอาเงินก้อนมาสร้างหอพักหลังบ้าน ของปู่ ย่าผม (ซึ่งผมส่วนตัวไม่รู้เหมือนกันว่าเอาเงินส่วนนี้มาจากไหน) จนมาถึงวันที่ ผม และลูกพี่ลูกน้องผมปิดตาดูโลกเป็นครั้งแรก พี่ผมเกิดก่อนผม 7 วัน จากนั้นผมจึงตามออกมา เรียกได้ว่า สองพี่น้อง น้า และ พ่อผมประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วที่มีลูกมีครอบครัวกัน แต่ชีวิตมันยังต้องดำเนินต่อไปนิครับ มันไม่ได้จบ แฮปปี้เอ็นเครดิตขึ้นเหมือน ซินเดอร์เรล่ากับเจ้าชายสักหน่อย ใครจะรู้ว่าหลังครอบราชกันไปแล้วเขาจะไม่ลำบาก เจ้าชายอาจจะ เป็นกษัตริย์เจ้าชู่เข้าหอนางโลมไม่ดูแลวัง วัน ๆ เอาแต่กินเหล้า ทิ้งให้ซินเดอร์เรล่า อุ้มท้องจนต้องขอความช่วยเหลือจากคนแคระทั้งเจ็ดก็ได้จริงไหม ? หรืออาจจะเป็นอีกทาง ทั้งคู่ช่วยกันทำมาหากิน เลี้ยงปากเลี้ยงท้องเพื่อให้ลูกได้เติบโตมาเป็นคนที่ดี อันนั้นก็อีกแบบนึง ก็เหมือนกับสองครอบครัวนี้แหละครับ ตอนที่ผมเกิดต้องพูดตามตรงเลยว่า เป็นช่วงชีวิตที่ดีมากแม่ผมก็รับจ๊อบทำงาน ยายผมก็ไปขายของที่ตลาดได้เงินเล็กเงินน้อย พ่อผมก็เป็นข้าราชการ มีหน้ามีตา มีเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ส่วนน้าผมก็เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกจนกว่าลูกจะโตพอไปเรียนหนังสือได้ น้าผมก็ดูแลธุรกิจหอพักเป็นครูสอนอีก ย่าผมก็ขายของตลาดที่เชียงรายมีรายได้เป็นของตัวเอง ปู่ผมก็เกษียณจากหน้าที่เป็น ผอ. โรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง กินเงินบำเน็จบำนาญสบาย (ไม่รู้เรียกงี้ป่าว) จนกระทั่งลูกของทั้งสองครอบครัวเติบใหญ่พอจะเรียนหนังสือได้ พี่ผมถูกส่งเข้าเรียน โรงเรียนอนุบาลเชียงราย ส่วนผมเข้าเรียนอนุบาลเชียงใหม่ ปู่ย่า ไปมาหาสู่เชียงใหม่บ่อย ๆ เพราะคิดถึงลูกชาย ที่ไม่เอาไหนของพักเขาว่าชีวิตครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง ปู่ช่วยเหลือค่าเล่าเรียนของผม เพราะบ้านผมก็ยังคงมีปัญหาเรื่องเงินอยู่ เพราะพ่อเลิกนิสัยเที่ยวกินเหล้าไม่ได้ แต่ก็พอหาเงินได้ ส่วนแม่ผมก็ต้องดูแลหลายอย่างจ่ายค่าข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งพ่อผมไม่ได้ออก พ่อผมออกเป็นบางครั้ง นาน ๆ ทีจะเอาให้ลูกให้เมียบ้างส่วนใหญ่ก็เอาไปลงกับเหล้ากับการพนันไปเสียหมด ต่างจากครอบครัวน้าผม พวกเขาดูแลกันเองได้น้าผมก็มีงานทำแล้วไปเป็นครูสอนโรงเรียน มัธยมต้นสบายแล้วครอบครัวนู้น มีปัญหาอะไรก็ไม่เดือดร้อนมากนักเพราะยังไงแกก็อยู่อยู่บ้านเดียวกับ ปู่กับย่าอยู่แล้ว ผิดกับครอบครัวผมที่อยู่ถิ่นร้างห่างไกลในชนบทพ่อจะทำงานก็ต้องตื่นเช้า ๆ ขับรถเข้าไปในเมืองมันลำบากครับ จนกระทั่งพ่อผมทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด คือจู่ ๆ เขาลาออกจากการเป็นข้าราชการ โดยเขาอ้างเหตุผลที่ว่า ไม่ชอบเป็นขี่ข้าใคร ทำไมต้องไปฟังคำสั่งพวกมันไม่ชอบงานแบบนี้ที่ต้องไปทำงาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 6 โมงเย็นกลับบ้าน จึงลาออกมา เอ้า ... ทุกคนต่างเกิดคำถามเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไมกันล่ะ ? แล้วลูกเมียเอ็งหล่ะ ? เขาหวังพึ่งเอ็งนะ ? พ่อผมไม่สนครับ จากนั้นก็เข้าสู่การเกาะเมียกินอย่างเต็มรูปแบบ ขอเงินแม่ผมไปกินเหล้า เล่นการพนันแม่ผมไม่ให้ก็ไม่ได้ ไม่อย่างงั้นก็อาละวาดบ้านแตก ปู่ย่าผมก็ไม่สามารถมาช่วยในส่วนนี้ได้ เพราะตัวย่าเองก็ไมไ่ด้ชอบพ่อเท่าไหร่นัก ปู่ก็ทำได้แค่ช่วยออกค่าเทอมให้ผม ส่วนเรื่องพ่อปู่ก็ไม่คิดจะมายุ่งเกี่ยวด้วยเช่นกัน จนกระทั่งครอบครัวผมก็ดำดิ่งสู้จุดมืดแม่ผมรับจ๊อบทำงานไปคนเดียวมันไม่ไหวหรอกครับ ก็เลยเริ่มเอาของในบ้านไปขายไปจำนำ คอมพิวเตอร์ windows 98 ของผม ทีวีจอสี ก็เอาไปขาย เพื่อเอาเงินมาหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องผมและคนในครอบครัว ผู้หญิงที่ทนทุกข์ กลายเป็นเสารหลักครอบครัวแทนต้องยอมรับครับว่า เขาเจออะไรมาเยอะมาก (ซึ่งมันจะเป็ฯประเด็นที่จะเอามาพูดต่อจากเรื่องครอบครัวนี้ แต่ขอผมเล่าก่อน) จนสุดท้ายก็ไม่รอดครับ แม่ผมทำไม่ไหว พ่อผมเอาแต่อาละวาดกินเหล้าเที่ยวอย่างเดียวไม่ทำการทำงานอะไรสักอย่าง เมื่อแม่ผมไม่มีเงิน พ่อผมก็ไม่มีเงินพ่อจึงทนไม่ไหวและย้ายไปอยู่เชียงรายบ้านเก่าแทน แต่มรสุมชีวิตมันยังไม่จบแค่นั้นนะ แม่ผมตกงานครับ 555 เพราะคนที่จ้างแม่ผม เขาเลิกจ้างเลิกธุรกิจเพ้นท์ผ้าไปแล้ว ตั้งแต่นั้นแม่ผมก็กลายเป็นสารพัดรับจ้างคนในหมู่บ้าน ใช้ไปล้างรถกวาดบ้านถูบ้าน เพ้นท์จตุคาม (ไม่รู้พิมพ์ถูกไหม) ซึ่งสมัยนั้นกำลังฮิตพอมีรายได้เลี้ยงกินกันไป ส่วนพ่อผมก็สบายย่าลงทุนให้ขายหวยอยู่ที่ตลาดแถวเชียงราย ได้เงินเป็นของตัวเอง เที่ยวกินสบายใจเฉิบ แต่ก็อย่างเหลือความรับผิดชอบต่อลูกเมีย โดยการส่งเงินผ่านธนาคารครั้งละ 1000-2000 แล้วแต่วันเวลาว่าจะมีเมื่อไหร่ โชคดีถึงดีที่สุดที่ปู่ผม ยังห่วงใยหลานอย่างผม ที่คอยออกค่าเทอมส่งให้ งั้นผมคงได้เลี้ยงควายแถวบ้านไปเรียบร้อย ส่วนผมก็เป็นเด็กมีความฝันช่างคิดช่างฝันแต่เด็ก แต่เรื่องของผมไว้ไปพูดทีหลังละกัน อาจจะยาวหน่อยต้องขออภัยครับ ต่อมาก็มาถึงช่วงที่ถังแตกที่สุดในชีวิต เงินไม่เหลือเลยสักบาท มีหนี้สินจากสหกรณ์ค่าอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะ ผมก็จำแทบไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นหนี้อะไร พ่อผมก็ไม่ส่งเงินมา แกบอกไม่มีเงินส่ง ผมกับแม่จึงลำบากลากดินมาก เงินแค่ 30 บาทผมกับแม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ให้ถึง 1 อาทิตย์แม่ผมอดมื้อกินมื้อเพื่อให้ผมอยู่สบาย และไปหวังพึ่งยายที่ก็แก่แล้ว แต่แกก็ต้มน้ำผักไปขายที่ตลาดยามฟ้าสางซึ่งก็ได้เงินไม่เท่าไหร่นักครั้งละ 100-200 แกก็รักหลาน ก็เอาเงินมาช่วยกันอยู่กันกิน สามคน ยาย แม่ หลาน ซึ่งมันทรมานมากครับ ทุกคนร้องไห้ให้กับช่วงชีวิตแบบนี้ ซึ่งผมก็เกิดคำถามในใจ และยอมรับว่าอัคติว่า ทำไม พ่อ ย่า ปู่ น้า อา หายหัวไปไหนหมด ทำไมไม่สนใจใยดีกันบ้าง เห็นพวกเราเป็นตัวอะไร ทำไมไม่ลงมาช่วยกันบ้าง (ด้วยความคิดของเด็กอะนะครับ) และตอนเด็กนั้นผมบอกตามตรงว่าผมเป็นลูกเนรคุณที่เกลียดพ่อตัวเองครับ เกลียดมาก เกลียดจนถึงขั้นสาบแช่งให้พ่อของตัวเองตาย เพราะเขาไม่เคยแสดงสิ่งใดที่สมกับคำว่าพ่อเลยแม้แต่น้อย แม่ผมก็เลยบอกว่า ชีวิตเราอย่าหวังพึ่งคนอื่น เราต้องยืนด้วยลำแข่งตัวเอง เขาไม่สนใจก็ช่างเขา ชีวิตเราเราดูแลกันเองได้ แม่สามารถทนได้ แม่ทำงานหางานทุกวันนี้ก็เพื่อลูกอยู่แล้ว (ทีนี้ทุกคนนงสงสัยสินะครับว่า ทำไมผมตั้งกระทู้แบบนี้ ใจเย็นครับ อีกอึดใจเดียวเท่านั้นท่านจะได้รู้ครับ) เห็นผมลำบากกันขนาดนี้ แต่ครอบครัว น้า อา ผมสบายนะครับ และกำลังท้องลูกอีกคนแล้วด้วย เพราะย่าแกอยากได้หลานสาวครับ แต่ก็ดันเป็นหลานชายอีก ตอนนี้มีหลายชาย 3 คนแล้วครับ 555 ช่วงชีวิตช่วงนี้ผมไม่ค่อยรู้เรื่องราวของครอบครัว ทางเชียงรายมากนักเพราะผมก็ไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย ก็รู้แค่พ่อขายหวย ส่งเงินมาหใ้ก็แค่นั้น โทรคุยกับแม่แต่ละทีก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่นัก เพราะทั้งคู่หมดรักกันแล้วอย่างสิ้นเชิง มันรับรู้ได้เลยว่า พ่อผมน่ะก็แค่หลงแม่ในช่วงเวลานึง เพราะขนาดตัวเองมีลูกทั้งคนยังไม่คิดจะดูแลเลย แม่ผมดิ้นรนต่อสู้กับชีวิตมาได้จนผมเรียนจบ ป.6 แล้วซึ่งถือว่าแม่ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ไม่ใช่ผมนะ ตอนเด็ก ๆ ผมเป็นเด็กที่ยอมรับว่า เกเรครับไม่ค่อยตั้งใจเรียนไม่ใช่ เกเรแบบอันธพาลนะ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นผมรักความยุติธรรม ผมไม่ชอบการที่คนที่แข็งแรงกว่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่ก็นั่นแหละ ผมขี้เล่นไม่ตั้งใจเรียนเท่าไหร่ เลยผลการเรียนไม่ค่อยดีนัก แต่แม่ผมก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยลูกเราก็ได้เรียนโรงเรียนดี ๆ มีคนส่งค่าเรียนหนังสือให้ ผัวช่วยไม่ได้ก็ช่างมัน จนถึงเวลาที่ผมต้อง สอบเข้า ม.1 โรงเรียนใดก็ได้สักแห่งในเชียงใหม่ โรงเรียนดี ๆ อะครับ ที่คนจบอนุบาลเชียงใหม่เขาจะไปต่อกัน เช่น ปริ้นส์ พายัพ สาทิต บลา ๆ ๆ ผมสอบไม่ติดสักที่เลย 555 ตอนเดก ๆ ก็ไม่คิดอไะรหรอก แต่โตมาก็รู้สึกผิดนะ แต่สุดท้ายไม่ว่าปู่ผมจะยังห่วงหลานที่เชียงใหม่แค่ไหน แกก็ไม่สามารถส่งผมเรียนไปได้ตลอดหรอกจริงไหม ? ย่า ปู่ พ่อ เมื่อได้ทราบข่าวว่าครอบครัวผมจนตรอก ไม่มีงาน ไม่มีมีเงิน ไม่มีที่เรียน จึงแห่กันมาเยี่ยมหา สองครอบครัว ย่า ปู่ พ่อ แม่ ยาย ได้ลงความเห็นถึงอนาคตเด็กตัวน้อย ๆ ว่าให้ย้ายไปอยู่เชียงรายเถิด จะได้มีที่ทำมาหากิน อยู่เชียงใหม่ รถมอไซต์ก็ต้องเช่าเขาขี่ บ้านก็ต้องใช้หนี้ อยู่ไม่รอดหรอก ... ซึ่งคร้งนี้ต้องยกคุณงามความดีให้ปู่รับ เป็นพระคุณยิ่งนักเพราะไม่มีใครสนใจพวกเราแล้วนอกจากปู่ เพราะพ่อผม จะสนอะไรหล่ะ ลูกเมียลำบากก็รู้ว่านานแล้วแต่ก็ไม่เห็นทำอะไร แต่ปู่ผมบอกให้พ่อผมรับผิดชอบ เพราะปู่ผมไม่ยอมเด็ดขาด พ่อผมก็เป็นหลานอีกคนนึง แม่ผมจึงมาบอกกับผมว่า เราจะย้ายไปอยู่เชียงรายนะ ทีแรกผมก็ยอมรับไมไ่ด้เอาซะเลยละครับร้องห่มร้องไห้ แต่แม่บอก อยู่เชียงใหม่มันไร้อนาคตแล้ว แม่ไม่สามารถทำมาหากินได้ จากนั้นผมและแม่จึงจำใจย้ายมาอยู่เชียงราย เพื่อตั้งต้นชีวิตใหม่ แต่ยายผมไม่มาด้วยครับ แกคนหัวโบราณรักบ้านเกิด ขอตายบ้านเกิด ต่อใน คห. ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่