ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิที่หาดรีพลัสเบย์ REPLUSE BAY หาดทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว

ถ้าจะเล่าเรื่องการท่องเที่ยวสถานที่ศักดิ์สิทธิในฮ่องกง มีสถานที่มากมายหลายแห่งที่ผู้คนนิยมไปกราบไหว้ บูชา ขอพร และที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ก็คือ ศาลเจ้าแม่กวนอิม ที่หาดรีพลัสเบย์ เป็น 1 ใน 4 ของศาลเจ้าศักดิสิทธิของฮ่องกง ตามไปแอ่วกับคณะของเรานะ

หลังจากที่คณะเราลงจากเดอะพีค มาแล้วได้ขึ้นรถเมล์สาย 6 X มาลงบริเวณทางลงหาดรีพลัสเบย์ เด็กๆรีบวิ่งกันไปที่ชายหาดเทียม เป็นหาดทรายสีน้ำตาลที่นำทรายมาถมพื้นที่จนดูเป็นชายหาดที่กว้างใหญ่ มีลักษณะโค้งคล้ายจันทร์เสี้ยว จึงได้ชื่อ REPLUSE BAY – หาดทรายรูปพระจันทร์เสี้ยวเป็น ชายหาดน้ำตื้นที่สวยที่สุดในฮ่องกง และกลายเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่ง

คณะของเราลงรถเมล์แล้วเดินลงมาทางด้านข้างๆไม่ได้ผ่านประตูลงหาดในบริเวณตึกใหญ่

ที่นี่มีการปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสัดส่วนสวยงาม มีตลาดห้องแอร์และร้านอาหารเรียงรายในตึก

ส่วนด้านหน้าเป็นทางเดินทอดไปถึงศาลเจ้าแม่กวนอิม ระหว่างทางจัดให้เป็นที่สำหรับนั่งพักผ่อนเป็นจุดๆ ไปตลอดทาง

พร้อมกับสร้างสนามให้เด็กเล่น โดยติดตั้งเครื่องเล่นแบบต่างๆไว้เป็นจุดๆเช่นกัน

จึงไม่แปลกใจเลยว่าที่นี่จะมีพ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานมาพักผ่อนวิ่งเล่นกันอย่างมากมาย

และรวมทั้งเป็นสถานที่ออกกำลังของเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรัก สุนัขผู้จงรักภักดี มีทั้งจูง ทั้งอุ้ม หลากชนิดหลายสายพันธุ์มาพักผ่อนกันกับเจ้าของที่นี่

คณะของเราเดินมาถึงประตูทางออกด้านข้างของศาลที่เชื่อมต่อกับทางลงหาดทราย ก็จึงไม่ได้เดินเข้าศาลเจ้าทางประตูพันปีและหมุนลูกหินในปากสิงห์โต

เมื่อเดินเข้ามาก็จะพบกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยที่มีไกด์พามากลุ่มใหญ่ หลายกลุ่ม ส่งเสียงเจี้ยวจ้าว เรียกหากันด้วยภาษาไทย เสียงไกด์เล่า อธิบายเป็นภาษาไทยให้ ลูกทัวร์ยืนฟังอย่างตั้งใจ รวมทั้งเราก็แอบได้ยินเรื่องราวต่างๆกลับมาด้วย

เจ้าแม่กวนอิม ปางประทานพร ที่อยู่ตรงหน้า มีประวัติความเป็นมาน่ายกย่องบูชา ท่านสามารถจะขอพรได้ทุกเรื่อง แต่แอบได้ยินไกด์แนะนำให้ขอครั้งละ 1 เรื่องเอาที่สำคัญเท่านั้น

เจ้าแม่กวนอิม เป็นพระโพธิสัตว์ ของพระพุทธศาสนา ฝ่ายมหายาน ที่ มีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดีย บวกกับความเชื่อของจีน จากตำนานเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน ทรงเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคสตรี ที่มีพระพักตร งดงาม แสดงออกถึงความเมตตากรุณา ความอ่อนโยน เปรียบประดุจความรักของมารดาที่มีต่อบุตร

จากตำนานของจีน ทรงเป็นราชธิดาองค์สุดท้ายของกษัตริย์ เมี่ยวจวง ซึ่งมีราชธิดาถึง 3 องค์ คือ เมี่ยวอิม เมี่ยวหยวน และ เมี่ยวซ่าน ประสูติเมื่อวันที่ 19 เดือนยี่ของจีน และเล่าต่อกันมาว่า ที่ลงมาจุติยังโลกก็เพื่อจะ ช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ ตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะออกบวช เพื่อถือศิลบำเพ็ญภาวนาศึกษาพระธรรมให้ รู้แจ้งลึกซึ้ง แต่พระบิดาพระเจ้าเมี่ยวจวงไม่เห็นด้วย พยายามบังคับทุกวิถีทางให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แม้จะถูกพระบิดากริ้ว ดุด่า ทรมาน ลงโทษ ให้ทำงานหนัก เพื่อจะได้เปลี่ยนความตั้งใจ อย่างไร องค์หญิงก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองหรือเปลี่ยนพระทัย

ในท้ายสุดพระเจ้าเมี่ยวจวง ทรงรับสั่งให้นำตัวไปประหารชีวิตแต่ก็มีองค์ เทพารักษ์คอยคุ้มครอง เนรมิตทองทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัวไว้ นายทหารที่ใช้ดาบฟันพระวรกาย แต่ก็ฟันไม่เข้า ดาบหักถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง ทรงกริ้วยิ่งนัก จึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ แต่ ผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก ปรากฏมีเสือเทวดาได้นำเจ้าหญิงขึ้นพาดหลังแล้วเผ่นหนีไปที่เขาเซียงซัน ต่อมา เทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรหาทางดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ ในวันที่ 19 เดือน 6 ส่วนทางฝ่ายพระบิดาเข้าพระทัยว่า เจ้าหญิงถูกเสือคาบไปกินแล้ว จึงไม่ได้ติดใจตามไปราวีอีก

ชนชาวจีนจะรู้จักพระโพธิสัตว์ ในพระนามว่า กวนซีอิม หรือ กวนอิม มีความหมายถึง พระผู้สดับฟังเสียงคร่ำครวญของสัตว์โลก ที่กำลังตกอยู่ในห้วงทุกข์ คำว่ากวนซีอิม คำว่าซี ไปพ้องกับพระนามของ จักรพรรดิถังไท่จง หรือ หลีซีหมิง ที่ต่อมาได้ตัดคำว่าชีออก เหลือเพียง กวนอิม มาถึงตราบเท่าทุกวันนี้

วิธีไหว้ขอพร ให้จุดธูป 9 ดอกเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิในบริเวณนี้ 3 แห่งคือ องค์พระยูไล เจ้าแม่กวนอิม และ เจ้าแม่ทับทิม บูชาจุดละ 3 ดอก
สำหรับคำกราบไหว้บูชา เจ้าแม่กวนอิม มีดังนี้
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมฮุก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิวโค่ว กิวหลั่ง กวงสี่อิมผู่สัก ทั่งจี้โต โอม เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต เกียออฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ซ่าผ่อออ เทียงหล่อซิ้ง ตี่หล่อซิ้ง นั้งลี่หลั่ง หลั่งลี่ซิง เจ็กเฉียก ใจเอียง ห่วยอุ่ยติ๊ง
นำมอม่อ ออป่อเยี้ย ปอหล่อบิ๊ก

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระแม่กวนอิมโพธิสัตว์ พระผู้เปี่ยมล้นด้วยมหาเมตตา มหากรุณา อันยิ่งใหญ่ไพศาล ขอได้โปรดบำบัดทุกข์ โศก โรค ภัย อันตรายทั้งปวง

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมถึง พุทธานุภาพ ธรรมมานุภาพ สังฆานุภาพ พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ ขอได้โปรดขจัดปัดเป่าทุกข์ โศก โรค ภัย อันตรายทั้งปวงให้หมดสิ้นไป ขอความสุขสมปรารถนาทุกประการ จงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเทพเจ้าเบื้องบนและเทพเบื้องล่างทั้งหมด ได้โปรดปัดเป่าให้เวรกรรมและสรรพเคราะห์ทั้งมวลจงหมดสิ้นไป
แต่ไม่ต้องกังวลคำสวด เพราะจะป้ายแกะสลักที่ฐานไว้ให้มีทั้งภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และที่สำคัญ มีภาษาไทยด้วย
ส่วนองค์ที่อยู่คู่กับเจ้าแม่กวนอิม อีกด้านหนึ่งคือ
เจ้าแม่ทับทิม

เจ้าแม่ทับทิม หรือเทพธิดาแห่งท้องทะเล เป็นเทพที่คอยคุ้มครองชาวประมงและผู้เดินทางทางเรือ ผู้คนส่วนมากจะรู้จักกันในชื่อ “เจ้าแม่ทับทิม” หรือ “เจ้าแม่มาจู่” ชื่อเรียกเจ้าแม่ทับทิม จะเรียกแตกต่างกันออกไปอีกหลายชื่อ ตามท้องถิ่น เช่น ชาวฮกเกี้ยน เรียกว่า "เทียนส่งเซ่งโบ้" แปลว่าเจ้าแม่แห่งสวรรค์ คนไหหลำเรียกว่า “โผ่วโต้ว” หรือ “ตุ๊ยบ่วยเต๋งเหนี่ยง” คนแต้จิ๋วเรียก “เทียงโหวเซี๊ยบ้อ” และส่วนมากชาวจีนจะเรียก "จุยบ่วยเนี่ยว" ที่แปลว่าเจ้าแม่สายน้ำ หรือ "ม่าจ้อโป๋" ผู้เป็นที่เคารพบูชาในหมู่ชาวเรือและชาวประมง

ประวัติความเป็นมาของเจ้าแม่ทับทิม ที่เล่าต่อกันมาว่า เป็นคนแซ่ลิ้ม หรือหลิน เกิด เมื่อวันที่ 23 ค่ำ เดือน 3 ของจีน พ.ศ. 1503 ที่เกาะเหมยโจว มณฑลฝูเจี้ยน หรือฮกเกี้ยน พ่อชื่อลิ้มเฮ้ง แม่ชื่อลิ้มยุ้ย ตอนที่เกิดปรากฏมีแสงสว่างเปล่งรัศมีขึ้นทั้งบ้าน พร้อมกับมีกลิ่นหอมตลบอบอวล ในตอนแรกเกิดจนโต นางไม่เคยร้องไห้เหมือนเด็กทั่วไป รักสงบมักจะทำสมาธิอยู่ตามลำพัง จึงได้ชื่อว่า ลิ้มมิก จีนกลางออกเสียงว่า โม่ แปลว่า เงียบขรึม เมื่อโตขึ้น เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด สามารถอ่านออกเขียนหนังสือได้แตกฉานอย่างรวดเร็ว มีพละกำลังแข็งแรงว่ายน้ำเก่ง ฝึกสมาธิและปฏิบัติธรรม ถือศิลกินเจอย่างเคร่งครัด และที่สำคัญมีสัญชาติญานสัมผัสพิเศษสามารถคาดคะเนบอกสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำราวกับตาเห็น จึงคอยบอกคอยเตือนให้ชาวประมงที่จะออกเรือได้พ้นภัยจากพายุคลื่นลมในทะเลหลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีความรู้เรื่องการแพทย์ คอยช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวบ้านให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์

ต่อมาในวันที่ 9 ค่ำ เดือน 9 ตามจันทรคติจีน พ.ศ.1530 ลิ้มมิก บอกกับมารดาว่าจะไปขึ้นสวรรค์แล้ว และได้เดินขึ้นไปบนยอดเขาเหมยเฟิง แล้วหายตัวไป ชาวบ้านต่างเห็นเป็นแสงสีรุ้งสวยสดปรากฏขึ้น พร้อมกับมีเสียงดนตรีไพเราะลงมาจากสวรรค์ แต่นางก็ยังคอยให้ความช่วยเหลือ ชาวบ้านชาวประมง คนเดินเรือ หรือพ่อค้า ชาวบ้านบน เกาะเหมยโจว จึงได้สร้างศาลเจ้าขึ้นเพื่อใช้เป็นที่กราบไหว้ บูชา และขอพรช่วยเหลือให้พ้นภัย และยกย่องให้เป็นดุจเทพ เรียกว่า “เทพธิดาแห่งสมุทร” เพื่อช่วยทำให้เกิดความรู้สึกที่มั่นคงปลอดภัย มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้อง ให้ความคุ้มครอง เกิดความเชื่อที่ว่าหากได้มีการบนบานศาลกล่าวเซ่นไหว้บูชาแล้ว ก็จะพ้นความทุกข์ยากลำบากเดือดร้อนหรือจากภัยพิบัติดังกล่าว ซึ่ง ต่อมาชาวประมง ที่มีการติดต่อค้าขายกันย่านชายฝั่งทะเลจีน ต่างก็พากันสร้างศาลเจ้าขึ้น เพื่อเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเรียกขานนามตามภาษาถิ่นของพวกตนสืบต่อกันมา
ในการบูชาเจ้าแม่ทับทิม เทพผู้ที่มีความเอื้ออาทร โปรดเมตตาต่อผู้ทุกข์ร้อน ผู้บูชากราบไหว้ต้องตั้งสติให้มั่นและทำด้วยความตั้งใจจริง ท่านจึงจะมองเห็นถึงสิ่งที่เราตั้งใจและจะช่วยประทานพรให้ ไม่ต้องมีเครื่องเซ่นไหว้มากมายก็ได้ เพียงท่องนะโม 3 จบ แล้วเอ่ยนามท่านเพียงครั้งเดียว ก็จะสามารถขอพรได้

สำหรับวิธีบูชาองค์เทพที่นี่ เพื่อให้องค์เทพช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากตัวของเรา ให้สังเกตจะมีวงกลมที่พื้นบริเวณหน้าพระพักตร์เจ้าแม่ทับทิม ให้เดินวน 3 รอบ จากปลายลูกศรถึงหัวลูกศร พร้อมกับการอธิษฐาน จบลงด้วยการเดินผ่านลูกศรจากหางถึงหัวอีกครั้ง ก็จะสัมฤทธิผลได้ตามที่เราปรารถนา

เดี๋ยวติดตามตอนต่อในคอมเม้นท์นะ หน้านี้เต็มแล้ว...อย่าลืมอ่านต่อล่ะ
ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิที่หาดรีพลัสเบย์ REPLUSE BAY หาดทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว
ถ้าจะเล่าเรื่องการท่องเที่ยวสถานที่ศักดิ์สิทธิในฮ่องกง มีสถานที่มากมายหลายแห่งที่ผู้คนนิยมไปกราบไหว้ บูชา ขอพร และที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ก็คือ ศาลเจ้าแม่กวนอิม ที่หาดรีพลัสเบย์ เป็น 1 ใน 4 ของศาลเจ้าศักดิสิทธิของฮ่องกง ตามไปแอ่วกับคณะของเรานะ
หลังจากที่คณะเราลงจากเดอะพีค มาแล้วได้ขึ้นรถเมล์สาย 6 X มาลงบริเวณทางลงหาดรีพลัสเบย์ เด็กๆรีบวิ่งกันไปที่ชายหาดเทียม เป็นหาดทรายสีน้ำตาลที่นำทรายมาถมพื้นที่จนดูเป็นชายหาดที่กว้างใหญ่ มีลักษณะโค้งคล้ายจันทร์เสี้ยว จึงได้ชื่อ REPLUSE BAY – หาดทรายรูปพระจันทร์เสี้ยวเป็น ชายหาดน้ำตื้นที่สวยที่สุดในฮ่องกง และกลายเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่ง
คณะของเราลงรถเมล์แล้วเดินลงมาทางด้านข้างๆไม่ได้ผ่านประตูลงหาดในบริเวณตึกใหญ่
ที่นี่มีการปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสัดส่วนสวยงาม มีตลาดห้องแอร์และร้านอาหารเรียงรายในตึก
ส่วนด้านหน้าเป็นทางเดินทอดไปถึงศาลเจ้าแม่กวนอิม ระหว่างทางจัดให้เป็นที่สำหรับนั่งพักผ่อนเป็นจุดๆ ไปตลอดทาง
พร้อมกับสร้างสนามให้เด็กเล่น โดยติดตั้งเครื่องเล่นแบบต่างๆไว้เป็นจุดๆเช่นกัน
จึงไม่แปลกใจเลยว่าที่นี่จะมีพ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานมาพักผ่อนวิ่งเล่นกันอย่างมากมาย
และรวมทั้งเป็นสถานที่ออกกำลังของเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรัก สุนัขผู้จงรักภักดี มีทั้งจูง ทั้งอุ้ม หลากชนิดหลายสายพันธุ์มาพักผ่อนกันกับเจ้าของที่นี่
คณะของเราเดินมาถึงประตูทางออกด้านข้างของศาลที่เชื่อมต่อกับทางลงหาดทราย ก็จึงไม่ได้เดินเข้าศาลเจ้าทางประตูพันปีและหมุนลูกหินในปากสิงห์โต
เมื่อเดินเข้ามาก็จะพบกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยที่มีไกด์พามากลุ่มใหญ่ หลายกลุ่ม ส่งเสียงเจี้ยวจ้าว เรียกหากันด้วยภาษาไทย เสียงไกด์เล่า อธิบายเป็นภาษาไทยให้ ลูกทัวร์ยืนฟังอย่างตั้งใจ รวมทั้งเราก็แอบได้ยินเรื่องราวต่างๆกลับมาด้วย
เจ้าแม่กวนอิม ปางประทานพร ที่อยู่ตรงหน้า มีประวัติความเป็นมาน่ายกย่องบูชา ท่านสามารถจะขอพรได้ทุกเรื่อง แต่แอบได้ยินไกด์แนะนำให้ขอครั้งละ 1 เรื่องเอาที่สำคัญเท่านั้น
เจ้าแม่กวนอิม เป็นพระโพธิสัตว์ ของพระพุทธศาสนา ฝ่ายมหายาน ที่ มีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดีย บวกกับความเชื่อของจีน จากตำนานเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน ทรงเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคสตรี ที่มีพระพักตร งดงาม แสดงออกถึงความเมตตากรุณา ความอ่อนโยน เปรียบประดุจความรักของมารดาที่มีต่อบุตร
จากตำนานของจีน ทรงเป็นราชธิดาองค์สุดท้ายของกษัตริย์ เมี่ยวจวง ซึ่งมีราชธิดาถึง 3 องค์ คือ เมี่ยวอิม เมี่ยวหยวน และ เมี่ยวซ่าน ประสูติเมื่อวันที่ 19 เดือนยี่ของจีน และเล่าต่อกันมาว่า ที่ลงมาจุติยังโลกก็เพื่อจะ ช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ ตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะออกบวช เพื่อถือศิลบำเพ็ญภาวนาศึกษาพระธรรมให้ รู้แจ้งลึกซึ้ง แต่พระบิดาพระเจ้าเมี่ยวจวงไม่เห็นด้วย พยายามบังคับทุกวิถีทางให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แม้จะถูกพระบิดากริ้ว ดุด่า ทรมาน ลงโทษ ให้ทำงานหนัก เพื่อจะได้เปลี่ยนความตั้งใจ อย่างไร องค์หญิงก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองหรือเปลี่ยนพระทัย
ในท้ายสุดพระเจ้าเมี่ยวจวง ทรงรับสั่งให้นำตัวไปประหารชีวิตแต่ก็มีองค์ เทพารักษ์คอยคุ้มครอง เนรมิตทองทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัวไว้ นายทหารที่ใช้ดาบฟันพระวรกาย แต่ก็ฟันไม่เข้า ดาบหักถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง ทรงกริ้วยิ่งนัก จึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ แต่ ผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก ปรากฏมีเสือเทวดาได้นำเจ้าหญิงขึ้นพาดหลังแล้วเผ่นหนีไปที่เขาเซียงซัน ต่อมา เทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรหาทางดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ ในวันที่ 19 เดือน 6 ส่วนทางฝ่ายพระบิดาเข้าพระทัยว่า เจ้าหญิงถูกเสือคาบไปกินแล้ว จึงไม่ได้ติดใจตามไปราวีอีก
ชนชาวจีนจะรู้จักพระโพธิสัตว์ ในพระนามว่า กวนซีอิม หรือ กวนอิม มีความหมายถึง พระผู้สดับฟังเสียงคร่ำครวญของสัตว์โลก ที่กำลังตกอยู่ในห้วงทุกข์ คำว่ากวนซีอิม คำว่าซี ไปพ้องกับพระนามของ จักรพรรดิถังไท่จง หรือ หลีซีหมิง ที่ต่อมาได้ตัดคำว่าชีออก เหลือเพียง กวนอิม มาถึงตราบเท่าทุกวันนี้
วิธีไหว้ขอพร ให้จุดธูป 9 ดอกเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิในบริเวณนี้ 3 แห่งคือ องค์พระยูไล เจ้าแม่กวนอิม และ เจ้าแม่ทับทิม บูชาจุดละ 3 ดอก
สำหรับคำกราบไหว้บูชา เจ้าแม่กวนอิม มีดังนี้
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมฮุก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิวโค่ว กิวหลั่ง กวงสี่อิมผู่สัก ทั่งจี้โต โอม เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต เกียออฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ซ่าผ่อออ เทียงหล่อซิ้ง ตี่หล่อซิ้ง นั้งลี่หลั่ง หลั่งลี่ซิง เจ็กเฉียก ใจเอียง ห่วยอุ่ยติ๊ง
นำมอม่อ ออป่อเยี้ย ปอหล่อบิ๊ก
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระแม่กวนอิมโพธิสัตว์ พระผู้เปี่ยมล้นด้วยมหาเมตตา มหากรุณา อันยิ่งใหญ่ไพศาล ขอได้โปรดบำบัดทุกข์ โศก โรค ภัย อันตรายทั้งปวง
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมถึง พุทธานุภาพ ธรรมมานุภาพ สังฆานุภาพ พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ ขอได้โปรดขจัดปัดเป่าทุกข์ โศก โรค ภัย อันตรายทั้งปวงให้หมดสิ้นไป ขอความสุขสมปรารถนาทุกประการ จงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเทพเจ้าเบื้องบนและเทพเบื้องล่างทั้งหมด ได้โปรดปัดเป่าให้เวรกรรมและสรรพเคราะห์ทั้งมวลจงหมดสิ้นไป
แต่ไม่ต้องกังวลคำสวด เพราะจะป้ายแกะสลักที่ฐานไว้ให้มีทั้งภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และที่สำคัญ มีภาษาไทยด้วย
ส่วนองค์ที่อยู่คู่กับเจ้าแม่กวนอิม อีกด้านหนึ่งคือ
เจ้าแม่ทับทิม
เจ้าแม่ทับทิม หรือเทพธิดาแห่งท้องทะเล เป็นเทพที่คอยคุ้มครองชาวประมงและผู้เดินทางทางเรือ ผู้คนส่วนมากจะรู้จักกันในชื่อ “เจ้าแม่ทับทิม” หรือ “เจ้าแม่มาจู่” ชื่อเรียกเจ้าแม่ทับทิม จะเรียกแตกต่างกันออกไปอีกหลายชื่อ ตามท้องถิ่น เช่น ชาวฮกเกี้ยน เรียกว่า "เทียนส่งเซ่งโบ้" แปลว่าเจ้าแม่แห่งสวรรค์ คนไหหลำเรียกว่า “โผ่วโต้ว” หรือ “ตุ๊ยบ่วยเต๋งเหนี่ยง” คนแต้จิ๋วเรียก “เทียงโหวเซี๊ยบ้อ” และส่วนมากชาวจีนจะเรียก "จุยบ่วยเนี่ยว" ที่แปลว่าเจ้าแม่สายน้ำ หรือ "ม่าจ้อโป๋" ผู้เป็นที่เคารพบูชาในหมู่ชาวเรือและชาวประมง
ประวัติความเป็นมาของเจ้าแม่ทับทิม ที่เล่าต่อกันมาว่า เป็นคนแซ่ลิ้ม หรือหลิน เกิด เมื่อวันที่ 23 ค่ำ เดือน 3 ของจีน พ.ศ. 1503 ที่เกาะเหมยโจว มณฑลฝูเจี้ยน หรือฮกเกี้ยน พ่อชื่อลิ้มเฮ้ง แม่ชื่อลิ้มยุ้ย ตอนที่เกิดปรากฏมีแสงสว่างเปล่งรัศมีขึ้นทั้งบ้าน พร้อมกับมีกลิ่นหอมตลบอบอวล ในตอนแรกเกิดจนโต นางไม่เคยร้องไห้เหมือนเด็กทั่วไป รักสงบมักจะทำสมาธิอยู่ตามลำพัง จึงได้ชื่อว่า ลิ้มมิก จีนกลางออกเสียงว่า โม่ แปลว่า เงียบขรึม เมื่อโตขึ้น เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด สามารถอ่านออกเขียนหนังสือได้แตกฉานอย่างรวดเร็ว มีพละกำลังแข็งแรงว่ายน้ำเก่ง ฝึกสมาธิและปฏิบัติธรรม ถือศิลกินเจอย่างเคร่งครัด และที่สำคัญมีสัญชาติญานสัมผัสพิเศษสามารถคาดคะเนบอกสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำราวกับตาเห็น จึงคอยบอกคอยเตือนให้ชาวประมงที่จะออกเรือได้พ้นภัยจากพายุคลื่นลมในทะเลหลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีความรู้เรื่องการแพทย์ คอยช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวบ้านให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์
ต่อมาในวันที่ 9 ค่ำ เดือน 9 ตามจันทรคติจีน พ.ศ.1530 ลิ้มมิก บอกกับมารดาว่าจะไปขึ้นสวรรค์แล้ว และได้เดินขึ้นไปบนยอดเขาเหมยเฟิง แล้วหายตัวไป ชาวบ้านต่างเห็นเป็นแสงสีรุ้งสวยสดปรากฏขึ้น พร้อมกับมีเสียงดนตรีไพเราะลงมาจากสวรรค์ แต่นางก็ยังคอยให้ความช่วยเหลือ ชาวบ้านชาวประมง คนเดินเรือ หรือพ่อค้า ชาวบ้านบน เกาะเหมยโจว จึงได้สร้างศาลเจ้าขึ้นเพื่อใช้เป็นที่กราบไหว้ บูชา และขอพรช่วยเหลือให้พ้นภัย และยกย่องให้เป็นดุจเทพ เรียกว่า “เทพธิดาแห่งสมุทร” เพื่อช่วยทำให้เกิดความรู้สึกที่มั่นคงปลอดภัย มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้อง ให้ความคุ้มครอง เกิดความเชื่อที่ว่าหากได้มีการบนบานศาลกล่าวเซ่นไหว้บูชาแล้ว ก็จะพ้นความทุกข์ยากลำบากเดือดร้อนหรือจากภัยพิบัติดังกล่าว ซึ่ง ต่อมาชาวประมง ที่มีการติดต่อค้าขายกันย่านชายฝั่งทะเลจีน ต่างก็พากันสร้างศาลเจ้าขึ้น เพื่อเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเรียกขานนามตามภาษาถิ่นของพวกตนสืบต่อกันมา
ในการบูชาเจ้าแม่ทับทิม เทพผู้ที่มีความเอื้ออาทร โปรดเมตตาต่อผู้ทุกข์ร้อน ผู้บูชากราบไหว้ต้องตั้งสติให้มั่นและทำด้วยความตั้งใจจริง ท่านจึงจะมองเห็นถึงสิ่งที่เราตั้งใจและจะช่วยประทานพรให้ ไม่ต้องมีเครื่องเซ่นไหว้มากมายก็ได้ เพียงท่องนะโม 3 จบ แล้วเอ่ยนามท่านเพียงครั้งเดียว ก็จะสามารถขอพรได้
สำหรับวิธีบูชาองค์เทพที่นี่ เพื่อให้องค์เทพช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากตัวของเรา ให้สังเกตจะมีวงกลมที่พื้นบริเวณหน้าพระพักตร์เจ้าแม่ทับทิม ให้เดินวน 3 รอบ จากปลายลูกศรถึงหัวลูกศร พร้อมกับการอธิษฐาน จบลงด้วยการเดินผ่านลูกศรจากหางถึงหัวอีกครั้ง ก็จะสัมฤทธิผลได้ตามที่เราปรารถนา
เดี๋ยวติดตามตอนต่อในคอมเม้นท์นะ หน้านี้เต็มแล้ว...อย่าลืมอ่านต่อล่ะ