สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน
เริ่มเลยนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า เราทำธุรกิจที่เกี่ยวกับงานศิลปะ ประเด็นคือตัวเราเองเป็นแต่นักธุรกิจ แต่ไม่มีฝีมือด้านศิลปะอะไร ดังนั้นการที่เราได้งานมาทำสินค้า มีอยู่ 2-3 วิธี คือ
1. ขอซื้องานจากเจ้าของผลงาน
2. จ้างกราฟฟิคดีไซเนอร์วาดให้
ในข้อ 2 ไม่มีปัญหาอะไร มีปัญหาในข้อ 1 แยกออกเป็น
1.1 มีเจ้าของผลงานขอให้ลงลายเซ็นต์ตัวเองที่สินค้า และบอกว่างานตัวนี้เป็นฝีมือของตน.....โอเคค่ะ ทำให้ เราถือว่าให้เกียรติ
1.2 มีเจ้าของผลงานขอให้ว่าตนเองยังมีสิทธิ์เอางานตัวเองไปทำสินค้าขายบ้าง แต่ไม่ใช่สินค้าตัวเดียวกัน แต่ไม่ขายภาพนร้ให้คนอื่นอีกแล้ว....อันนี้เราโอเคเหมือนกัน
1.3 ไม่ใช่เจ้าของงานโดยตรง เป็นผู้ดูแลกลุ่ม...เพราะเจ้าของผลงานตัวจริงเป็นเด็ก จึงไม่ได้คุยกับน้องโดยตรง
ปัญหาเกิดเลยในข้อ 1.3 เพราะตอนแรกติดต่อเพื่อขอซื้อไปทำสินค้า เขาตอบตกลงและยินดีขายให้ ภายหลังจากทำสินค้าเสร็จ โปรโมทเสร็จ ซึ่งนานหลายเดือน มาบอกว่าผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่ช่วยกันดูแลกลุ่มไม่เห็นด้วย และคิดจะทำสินค้าตัวเดียวกันขายเอง โดยใช้งานตัวเดียวกัน
เราเลยงงๆ เลยค่ะ เราไม่ได้ทำสัญญาอะไร เป็นสัญญาใจปากเปล่า แต่มีหลักฐานการพูดคุยตลอดตั้งแต่ขอซื้อ อัพเดทผลงานให้ดูว่าเรามีการปรับแต่งภาพเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ โดยไม่บิดเบือนเนื้อหาหลักในภาพ คุยกันมาตลอด จนตอนหลังมาแจ้งว่าจะทำเอง
เราจริงใจในการทำงาน เราจะซื้อภาพจากใครก็ได้ แต่เด็กๆ กลุ่มนี้ที่วาดรูปเป็นกลุ่มที่น่าสงสาร เราเลยอยากอุดหนุน และให้กำลังใจ สร้างแรงบันดาลใจเมื่อเขาเติบโตด้วยการซื้อภาพมา เอาจริงๆ ตั้งแต่ผลิตเป็นสินค้าได้ เรายังไม่ได้ขายผลงานน้องๆ ได้เลย ทุนจมมาก เพราะเราแบรนด์ใหม่ ต้องฝ่าฟัน แบะยืนระยะให้คนรู้จัก
เราลาออกจากงานประจำ ใช้เงินเก็บและเงินกู้ในการทำธุรกิจในฝันของเรา เรามีจ๊อบเป็นคุฯครูด้วย ดังนั้นปกติ เราจะซื่อสัตย์ และจริงใจต่อผู้ที่เราคบหา แต่ภายหลังเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ บอกตามตรงว่ากลุ้มเลยค่ะ เราควรทำยังไงดี
ใครพอให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาลิขสิทธิ์ได้บ้างคะ
เริ่มเลยนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า เราทำธุรกิจที่เกี่ยวกับงานศิลปะ ประเด็นคือตัวเราเองเป็นแต่นักธุรกิจ แต่ไม่มีฝีมือด้านศิลปะอะไร ดังนั้นการที่เราได้งานมาทำสินค้า มีอยู่ 2-3 วิธี คือ
1. ขอซื้องานจากเจ้าของผลงาน
2. จ้างกราฟฟิคดีไซเนอร์วาดให้
ในข้อ 2 ไม่มีปัญหาอะไร มีปัญหาในข้อ 1 แยกออกเป็น
1.1 มีเจ้าของผลงานขอให้ลงลายเซ็นต์ตัวเองที่สินค้า และบอกว่างานตัวนี้เป็นฝีมือของตน.....โอเคค่ะ ทำให้ เราถือว่าให้เกียรติ
1.2 มีเจ้าของผลงานขอให้ว่าตนเองยังมีสิทธิ์เอางานตัวเองไปทำสินค้าขายบ้าง แต่ไม่ใช่สินค้าตัวเดียวกัน แต่ไม่ขายภาพนร้ให้คนอื่นอีกแล้ว....อันนี้เราโอเคเหมือนกัน
1.3 ไม่ใช่เจ้าของงานโดยตรง เป็นผู้ดูแลกลุ่ม...เพราะเจ้าของผลงานตัวจริงเป็นเด็ก จึงไม่ได้คุยกับน้องโดยตรง
ปัญหาเกิดเลยในข้อ 1.3 เพราะตอนแรกติดต่อเพื่อขอซื้อไปทำสินค้า เขาตอบตกลงและยินดีขายให้ ภายหลังจากทำสินค้าเสร็จ โปรโมทเสร็จ ซึ่งนานหลายเดือน มาบอกว่าผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่ช่วยกันดูแลกลุ่มไม่เห็นด้วย และคิดจะทำสินค้าตัวเดียวกันขายเอง โดยใช้งานตัวเดียวกัน
เราเลยงงๆ เลยค่ะ เราไม่ได้ทำสัญญาอะไร เป็นสัญญาใจปากเปล่า แต่มีหลักฐานการพูดคุยตลอดตั้งแต่ขอซื้อ อัพเดทผลงานให้ดูว่าเรามีการปรับแต่งภาพเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ โดยไม่บิดเบือนเนื้อหาหลักในภาพ คุยกันมาตลอด จนตอนหลังมาแจ้งว่าจะทำเอง
เราจริงใจในการทำงาน เราจะซื้อภาพจากใครก็ได้ แต่เด็กๆ กลุ่มนี้ที่วาดรูปเป็นกลุ่มที่น่าสงสาร เราเลยอยากอุดหนุน และให้กำลังใจ สร้างแรงบันดาลใจเมื่อเขาเติบโตด้วยการซื้อภาพมา เอาจริงๆ ตั้งแต่ผลิตเป็นสินค้าได้ เรายังไม่ได้ขายผลงานน้องๆ ได้เลย ทุนจมมาก เพราะเราแบรนด์ใหม่ ต้องฝ่าฟัน แบะยืนระยะให้คนรู้จัก
เราลาออกจากงานประจำ ใช้เงินเก็บและเงินกู้ในการทำธุรกิจในฝันของเรา เรามีจ๊อบเป็นคุฯครูด้วย ดังนั้นปกติ เราจะซื่อสัตย์ และจริงใจต่อผู้ที่เราคบหา แต่ภายหลังเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ บอกตามตรงว่ากลุ้มเลยค่ะ เราควรทำยังไงดี