๑. มาตุโปสกชาดก
ว่าด้วยเรื่องพญาช้างเลี้ยงมารดา
[๑๔๙๓] ไม้อ้อยช้าง ไม้มูกมัน ไม้ช้างน้าว
หญ้างวงช้าง ข้าวฟ่าง และลูกเดือย งอกงามขึ้นแล้ว
เพราะพญาช้างนั้นพลัดพรากไป อนึ่ง ต้นกรรณิการ์
ทั้งหลายที่เชิงเขาก็เผล็ดดอกบาน.
[๑๔๙๔] พระราชาหรือพระราชกุมาร ประทับ
นั่งบนคอพญาช้างใด ซึ่งไม่มีความสะดุ้ง ย่อมกำจัด
เสียซึ่งปัจจามิตรทั้งหลาย อิสรชนผู้ประดับด้วยอาภรณ์
อันงดงามผู้หนึ่ง ย่อมเลี้ยงดูพญาช้างนั้นด้วยก้อนข้าว.
[๑๔๙๕] ดูก่อนพญาช้างตัวประเสริฐ เชิญพ่อ
รับเอาคำข้าวเถิด อย่าผ่ายผอมเลย ราชกิจมีเป็นอัน
มาก ท่านจะต้องทำราชกิจเหล่านั้น.
[๑๔๙๖] นางช้างนั้นเป็นกำพร้า ตาบอด ไม่มี
ผู้นำทาง คงจะสะดุดตอไม้ล้มลงตรงภูเขาจัณโฑรณะ
เป็นแน่.
[๑๔๙๗] ดูก่อนพญาช้าง นางช้างตาบอดหาผู้นำ
ทางมิได้ คงจะสะดุดตอไม้ล้มลงตรงภูเขาจัณโฑรณะ
นั้นเป็นอะไรกับท่านหรือ.
เมื่อพราหมณ์เดินทางยืนขออยู่ บัณฑิตทั้งหลาย
ไม่กล่าวว่าควรไป.
[๑๔๙๘] ข้าแต่พระมหาราชา นางช้างตาบอด
ไม่มีผู้นำทาง คงจะสะดุดตอไม้ล้มลงตรงภูเขาชื่อ
จัณโฑรณะนั้น เป็นมารดาของข้าพระองค์.
[๑๔๙๙] พญาช้างนี้ย่อมเลี้ยงดูมารดา ท่าน
ทั้งหลายจงปล่อยพญาช้างนั้นเสียเถิด พญาช้างตัว
ประเสริฐจงอยู่ร่วมกับมารดา พร้อมด้วยญาติทั้งหลาย
เถิด.
[๑๕๐๐] พญาช้างอันพระเจ้ากาสีทรงปล่อยแล้ว
พอหลุดพ้นจากเครื่องผูก พักอยู่ครู่หนึ่ง ได้ไปยังภูเขา
จากนั้นเดินไปสู่สระบัวอันเย็นที่เคยซ่องเสพมา แล้ว
ดูดน้ำด้วยงวงมารดมารดา.
[๑๕๐๑] ฝนอะไรนี้ไม่ประเสริฐเลย ย่อมตก
โดยกาลที่ไม่ควรตก บุตรเกิดในตนของเราเป็นผู้บำรุง
เรา ไปเสียแล้ว.
[๑๕๐๒] เชิญท่านลุกขึ้นเถิด จะมัวนอนอยู่
ทำไม ฉันเป็นลูกของแม่มาแล้ว พระเจ้ากาสีผู้ทรง
พระปรีชาญาณ มีบริวารยศใหญ่หลวงทรงปล่อยมา
แล้ว.
[๑๕๐๓] พระราชาพระองค์ใดทรงปล่อยลูกของ
เราตัวประพฤติอ่อนน้อมต่อบุคคลผู้เจริญทุกเมื่อ ขอ
พระราชาพระองค์นั้นจงทรงพระชนม์ยืนนาน ทรง
บำรุงแคว้นกาสีให้เจริญรุ่งเรืองเถิด.
จบมาตุโปสกชาดกที่ ๑

วิดีโอ แสดงถึงความเป็นไปแห่งวิถีชีวิตในชนบทๆและความกตัญญู อาจมีความมุ่งหมายเช่นเดียวกับบทธรรมหรือไม่ก็ได้ ควรต้องพิจารณาว่า หากไม่แยกว่า นั่นเรื่องช้าง นั่นเรื่องคน ก็จะเห็นได้ว่า ทั้งวิดีโอและบทธรรม มุ่งแสดงคุณธรรมอย่างหนึ่งซึ่งเป็นไปในข้อเดียวกัน
ช้างเลี้ยงมารดา
ว่าด้วยเรื่องพญาช้างเลี้ยงมารดา
[๑๔๙๓] ไม้อ้อยช้าง ไม้มูกมัน ไม้ช้างน้าว
หญ้างวงช้าง ข้าวฟ่าง และลูกเดือย งอกงามขึ้นแล้ว
เพราะพญาช้างนั้นพลัดพรากไป อนึ่ง ต้นกรรณิการ์
ทั้งหลายที่เชิงเขาก็เผล็ดดอกบาน.
[๑๔๙๔] พระราชาหรือพระราชกุมาร ประทับ
นั่งบนคอพญาช้างใด ซึ่งไม่มีความสะดุ้ง ย่อมกำจัด
เสียซึ่งปัจจามิตรทั้งหลาย อิสรชนผู้ประดับด้วยอาภรณ์
อันงดงามผู้หนึ่ง ย่อมเลี้ยงดูพญาช้างนั้นด้วยก้อนข้าว.
[๑๔๙๕] ดูก่อนพญาช้างตัวประเสริฐ เชิญพ่อ
รับเอาคำข้าวเถิด อย่าผ่ายผอมเลย ราชกิจมีเป็นอัน
มาก ท่านจะต้องทำราชกิจเหล่านั้น.
[๑๔๙๖] นางช้างนั้นเป็นกำพร้า ตาบอด ไม่มี
ผู้นำทาง คงจะสะดุดตอไม้ล้มลงตรงภูเขาจัณโฑรณะ
เป็นแน่.
[๑๔๙๗] ดูก่อนพญาช้าง นางช้างตาบอดหาผู้นำ
ทางมิได้ คงจะสะดุดตอไม้ล้มลงตรงภูเขาจัณโฑรณะ
นั้นเป็นอะไรกับท่านหรือ.
เมื่อพราหมณ์เดินทางยืนขออยู่ บัณฑิตทั้งหลาย
ไม่กล่าวว่าควรไป.
[๑๔๙๘] ข้าแต่พระมหาราชา นางช้างตาบอด
ไม่มีผู้นำทาง คงจะสะดุดตอไม้ล้มลงตรงภูเขาชื่อ
จัณโฑรณะนั้น เป็นมารดาของข้าพระองค์.
[๑๔๙๙] พญาช้างนี้ย่อมเลี้ยงดูมารดา ท่าน
ทั้งหลายจงปล่อยพญาช้างนั้นเสียเถิด พญาช้างตัว
ประเสริฐจงอยู่ร่วมกับมารดา พร้อมด้วยญาติทั้งหลาย
เถิด.
[๑๕๐๐] พญาช้างอันพระเจ้ากาสีทรงปล่อยแล้ว
พอหลุดพ้นจากเครื่องผูก พักอยู่ครู่หนึ่ง ได้ไปยังภูเขา
จากนั้นเดินไปสู่สระบัวอันเย็นที่เคยซ่องเสพมา แล้ว
ดูดน้ำด้วยงวงมารดมารดา.
[๑๕๐๑] ฝนอะไรนี้ไม่ประเสริฐเลย ย่อมตก
โดยกาลที่ไม่ควรตก บุตรเกิดในตนของเราเป็นผู้บำรุง
เรา ไปเสียแล้ว.
[๑๕๐๒] เชิญท่านลุกขึ้นเถิด จะมัวนอนอยู่
ทำไม ฉันเป็นลูกของแม่มาแล้ว พระเจ้ากาสีผู้ทรง
พระปรีชาญาณ มีบริวารยศใหญ่หลวงทรงปล่อยมา
แล้ว.
[๑๕๐๓] พระราชาพระองค์ใดทรงปล่อยลูกของ
เราตัวประพฤติอ่อนน้อมต่อบุคคลผู้เจริญทุกเมื่อ ขอ
พระราชาพระองค์นั้นจงทรงพระชนม์ยืนนาน ทรง
บำรุงแคว้นกาสีให้เจริญรุ่งเรืองเถิด.
จบมาตุโปสกชาดกที่ ๑
วิดีโอ แสดงถึงความเป็นไปแห่งวิถีชีวิตในชนบทๆและความกตัญญู อาจมีความมุ่งหมายเช่นเดียวกับบทธรรมหรือไม่ก็ได้ ควรต้องพิจารณาว่า หากไม่แยกว่า นั่นเรื่องช้าง นั่นเรื่องคน ก็จะเห็นได้ว่า ทั้งวิดีโอและบทธรรม มุ่งแสดงคุณธรรมอย่างหนึ่งซึ่งเป็นไปในข้อเดียวกัน