ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด
ตอนที่ 17 Nara เมืองหลวงเก่า มรดกโลก
จาก Kanazawa เรานั่ง Shinkanzen ไปต่อที่เกียวโต เราจะถึงเกียวโตในเวลาก่อน 3 ทุ่มเล็กน้อย (18.42-20.54) ก่อนขึ้นรถมีห้องนั่งรอที่เปิดฮีทเตอร์อุ่นสะใจ เหมือนจะย่างคนให้สุก แต่อากาศเย็นมากทำให้ไม่อยากลุกออกจากห้องเลย
รถที่เราขึ้นชื่อ Thunderbird66 ดีกว่าขบวนอื่นตรงที่มีที่ชาร์จแบ็ตนี่เอง ถึงเกียวโต 21.00 น. ที่หน้าสถานีเกียวโตมี Kyoto Tower สูงเด่น สวยงามด้วยแสงไฟยามค่ำคืน ป้าตัดสินใจถามหาโรงแรมจากกลุ่มผู้ชายวัยกลางคน ที่เหมือนกำลังเดินกลับที่พักอย่างไม่รีบร้อน พวกเขาพูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อยแต่มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเรา พวกเขาได้ชื่อโรงแรม Levu Inn ข้ามทางรถไฟจากสถานีเกียวโต โดยได้จากในกูเกิลแม็พ และโทรติดต่อให้ในราคา 16,000(5,095บาท/1คืน) พวกเขาจะเดินไปส่ง แต่เราไม่รบกวน
เราบอกลาแล้วเดินหากันเอง โดยไม่ได้ไปโรงแรมที่พวกเขาหาให้ เราเดินและถามคนไปเรื่อยๆ จน เจอสาวคนหนึ่ง กำลังเดินกลับที่พัก เธอชวนเราเดินไปด้วยกัน เจอเกสต์เฮ้าส์ชื่อ The Lantern Guest House เราจึงขอบคุณและบอกลา เพื่อเธอจะได้เดินต่อไปที่พักโดยไม่ต้องพะวงกับเราอีก โชคดีมีห้องว่าง ห้องส่วนตัวใช้ห้องน้ำรวมคืนละ 8,000 เยน ครึ่งหนึ่งของโรงแรม Levu พนักงานต้อนรับเป็นสาวญี่ปุ่นของแท้ เดินซอยปลายเท้า เธอพูดไม่คล่อง พาเราเดินขึ้นไปชั้น 3 เป็นห้องรวม คนห้องข้างเคียงนั่งดื่ม ดูทีวีและคุยกัน เขาบอกว่าเขาอาจส่งเสียงดังรบกวนบ้าง
พนักงานต้อนรับขอให้หนุ่มญี่ปุ่นจากเยอรมนีช่วยสื่อสารให้ เราย้ายลงไปนอนชั้น 2 ซึ่งเงียบกว่า มันเป็นห้องตามราคาที่เราจ่ายอยู่แล้ว ปูที่นอนเอง ตอนเช็คเอาท์ให้เอาผ้าปูกับปลอกหมอนลงไปไว้ในตะกร้าข้างๆ ชั้นวางรองเท้า มีกุญแจรหัสใส่กุญแจประตูหน้า ถ้ากลับมาหลัง 23.00 น. ให้เปิดประตูเข้าเอง
พฤหัสบดี 10 มีนาคม 2559 ออกจากที่พักไปสถานี นั่งรถท้องถิ่นไปนารา เมืองหลวงเก่าอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เจอหนุ่มทำงานขึ้นรถขบวนเดียวกัน ช่วยบอกสถานที่เที่ยวในเกียวโต พร้อมวิธีเดินทางด้วย
ถึงสถานี Nara เวลา 07.50 น. เดินออกจากสถานี ทางที่มีศูนย์บริการการท่องเที่ยว และป้ายรถประจำทาง ศูนย์เปิดเวลา 09.00 น. แต่มีจนท.อยู่บริเวณนั้น ตั้งโต๊ะแจกแผนที่ท่องเที่ยว เดินผ่านหน้าศูนย์ข้ามถนน ตรงไปเรื่อยๆ ผ่านถนนคนเดินที่ตัดขวางเส้นทางที่เดิน จนถึงอ่างเก็บน้ำที่อยู่ขวามือ ซ้ายมือเป็นวัด Kofukuji มีวิหาร 5 ชั้นเป็นมรดกประจำชาติ
เริ่มมีกวางมารอรับนักท่องเที่ยว เพราะใกล้สวนสาธารณะนารา ที่มีกวางมากมาย ตอนแรกคิดว่ามีแต่กวางตัวเมียเพราะไม่ห็นเขากวางเลย แต่พอเดินๆ ไปจึงเห็นว่า กวางตัวผู้ถูกตัดเขาจนเหี้ยน คงเป็นเพราะเวลามีเขาแล้วไปโดนต้นไม้เสียหาย จึงถูกตัดไปทำประโยชน์ดีกว่าให้มีอยู่แล้วทำลายธรรมชาติ
สวนสาธารณะมีแต่ต้นสน ไม่ได้ดูร่มรื่นมากนัก เพราะมีตอกุดมากมายที่ดูเหมือนว่ามันตายก่อนจึงถูกตัด แทบจะไม่มีหญ้าเขียวๆ ให้เห็นเพราะพอโผล่พ้นดินขึ้นมาก็ถูกกินหมด มีคนขายอาหารให้กวางเฉพาะทางเข้ากับทางออก ไม่มีความวุ่นวาย ไม่เรียกรบกวนนักท่องเที่ยว
mg]
[
http://f.ptcdn.info/595/041/000/o58kwb9j4AXqWWPMHJB-o.jpg[/img]
วัด Todaiji มีเสาซุ้มประตูต้นใหญ่มาก ตัววัดและศาลเจ้าก็เช่นเดียวกัน วันนี้มีนักท่องเที่ยวมากมายทั้งชาวญี่ปุ่น และต่างชาติ เห็นสีแสบทรวงก็พอจะเดาได้ว่ามาจากจีน คนญี่ปุ่นนิยมสีดำ น้ำตาล หรือสีทึมๆ ถ้ามาแบบสวยงามหลากสีสันแสดงว่าเป็นชาวไทย เราเจอ 1 คณะประมาณ 20 คน
ด้านที่เป็นศาลเจ้าเป็นพิพิธภัณฑ์ มีค่าผ่านประตู ลุงเกือบเสียทีกวางที่แอบฉกถุงอาหารจากด้านหลัง ส่วนป้าถูกฉกแผนที่และแผ่นที่เขียนรายการสิ่งที่จะชม ตอนตั้งท่าถ่ายรูป แผ่นที่เขียนรายการเป็นกระดาษธรรมดา นางเคี้ยวกลืนต่อหน้าต่อตา อีกแผ่นเป็นแผนที่ เป็นกระดาษอาบมัน ที่อีกนางหนึ่งฉกไปนางพยายามเคี้ยว และรีบกลืนทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียด ตอนที่มีชายหนุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์ไปขอคืน
จบรายการมรดกโลก เรากลับไปที่สถานี Nara นั่งรถเร็วปลายทาง Osaka ไปสถานี Horyuji
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่17 Nara เมืองหลวงเก่า มรดกโลก ญี่ปุ่น
ตอนที่ 17 Nara เมืองหลวงเก่า มรดกโลก
จาก Kanazawa เรานั่ง Shinkanzen ไปต่อที่เกียวโต เราจะถึงเกียวโตในเวลาก่อน 3 ทุ่มเล็กน้อย (18.42-20.54) ก่อนขึ้นรถมีห้องนั่งรอที่เปิดฮีทเตอร์อุ่นสะใจ เหมือนจะย่างคนให้สุก แต่อากาศเย็นมากทำให้ไม่อยากลุกออกจากห้องเลย
รถที่เราขึ้นชื่อ Thunderbird66 ดีกว่าขบวนอื่นตรงที่มีที่ชาร์จแบ็ตนี่เอง ถึงเกียวโต 21.00 น. ที่หน้าสถานีเกียวโตมี Kyoto Tower สูงเด่น สวยงามด้วยแสงไฟยามค่ำคืน ป้าตัดสินใจถามหาโรงแรมจากกลุ่มผู้ชายวัยกลางคน ที่เหมือนกำลังเดินกลับที่พักอย่างไม่รีบร้อน พวกเขาพูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อยแต่มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเรา พวกเขาได้ชื่อโรงแรม Levu Inn ข้ามทางรถไฟจากสถานีเกียวโต โดยได้จากในกูเกิลแม็พ และโทรติดต่อให้ในราคา 16,000(5,095บาท/1คืน) พวกเขาจะเดินไปส่ง แต่เราไม่รบกวน
เราบอกลาแล้วเดินหากันเอง โดยไม่ได้ไปโรงแรมที่พวกเขาหาให้ เราเดินและถามคนไปเรื่อยๆ จน เจอสาวคนหนึ่ง กำลังเดินกลับที่พัก เธอชวนเราเดินไปด้วยกัน เจอเกสต์เฮ้าส์ชื่อ The Lantern Guest House เราจึงขอบคุณและบอกลา เพื่อเธอจะได้เดินต่อไปที่พักโดยไม่ต้องพะวงกับเราอีก โชคดีมีห้องว่าง ห้องส่วนตัวใช้ห้องน้ำรวมคืนละ 8,000 เยน ครึ่งหนึ่งของโรงแรม Levu พนักงานต้อนรับเป็นสาวญี่ปุ่นของแท้ เดินซอยปลายเท้า เธอพูดไม่คล่อง พาเราเดินขึ้นไปชั้น 3 เป็นห้องรวม คนห้องข้างเคียงนั่งดื่ม ดูทีวีและคุยกัน เขาบอกว่าเขาอาจส่งเสียงดังรบกวนบ้าง
พนักงานต้อนรับขอให้หนุ่มญี่ปุ่นจากเยอรมนีช่วยสื่อสารให้ เราย้ายลงไปนอนชั้น 2 ซึ่งเงียบกว่า มันเป็นห้องตามราคาที่เราจ่ายอยู่แล้ว ปูที่นอนเอง ตอนเช็คเอาท์ให้เอาผ้าปูกับปลอกหมอนลงไปไว้ในตะกร้าข้างๆ ชั้นวางรองเท้า มีกุญแจรหัสใส่กุญแจประตูหน้า ถ้ากลับมาหลัง 23.00 น. ให้เปิดประตูเข้าเอง
พฤหัสบดี 10 มีนาคม 2559 ออกจากที่พักไปสถานี นั่งรถท้องถิ่นไปนารา เมืองหลวงเก่าอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เจอหนุ่มทำงานขึ้นรถขบวนเดียวกัน ช่วยบอกสถานที่เที่ยวในเกียวโต พร้อมวิธีเดินทางด้วย
ถึงสถานี Nara เวลา 07.50 น. เดินออกจากสถานี ทางที่มีศูนย์บริการการท่องเที่ยว และป้ายรถประจำทาง ศูนย์เปิดเวลา 09.00 น. แต่มีจนท.อยู่บริเวณนั้น ตั้งโต๊ะแจกแผนที่ท่องเที่ยว เดินผ่านหน้าศูนย์ข้ามถนน ตรงไปเรื่อยๆ ผ่านถนนคนเดินที่ตัดขวางเส้นทางที่เดิน จนถึงอ่างเก็บน้ำที่อยู่ขวามือ ซ้ายมือเป็นวัด Kofukuji มีวิหาร 5 ชั้นเป็นมรดกประจำชาติ
เริ่มมีกวางมารอรับนักท่องเที่ยว เพราะใกล้สวนสาธารณะนารา ที่มีกวางมากมาย ตอนแรกคิดว่ามีแต่กวางตัวเมียเพราะไม่ห็นเขากวางเลย แต่พอเดินๆ ไปจึงเห็นว่า กวางตัวผู้ถูกตัดเขาจนเหี้ยน คงเป็นเพราะเวลามีเขาแล้วไปโดนต้นไม้เสียหาย จึงถูกตัดไปทำประโยชน์ดีกว่าให้มีอยู่แล้วทำลายธรรมชาติ
สวนสาธารณะมีแต่ต้นสน ไม่ได้ดูร่มรื่นมากนัก เพราะมีตอกุดมากมายที่ดูเหมือนว่ามันตายก่อนจึงถูกตัด แทบจะไม่มีหญ้าเขียวๆ ให้เห็นเพราะพอโผล่พ้นดินขึ้นมาก็ถูกกินหมด มีคนขายอาหารให้กวางเฉพาะทางเข้ากับทางออก ไม่มีความวุ่นวาย ไม่เรียกรบกวนนักท่องเที่ยว
[http://f.ptcdn.info/595/041/000/o58kwb9j4AXqWWPMHJB-o.jpg[/img]
วัด Todaiji มีเสาซุ้มประตูต้นใหญ่มาก ตัววัดและศาลเจ้าก็เช่นเดียวกัน วันนี้มีนักท่องเที่ยวมากมายทั้งชาวญี่ปุ่น และต่างชาติ เห็นสีแสบทรวงก็พอจะเดาได้ว่ามาจากจีน คนญี่ปุ่นนิยมสีดำ น้ำตาล หรือสีทึมๆ ถ้ามาแบบสวยงามหลากสีสันแสดงว่าเป็นชาวไทย เราเจอ 1 คณะประมาณ 20 คน
ด้านที่เป็นศาลเจ้าเป็นพิพิธภัณฑ์ มีค่าผ่านประตู ลุงเกือบเสียทีกวางที่แอบฉกถุงอาหารจากด้านหลัง ส่วนป้าถูกฉกแผนที่และแผ่นที่เขียนรายการสิ่งที่จะชม ตอนตั้งท่าถ่ายรูป แผ่นที่เขียนรายการเป็นกระดาษธรรมดา นางเคี้ยวกลืนต่อหน้าต่อตา อีกแผ่นเป็นแผนที่ เป็นกระดาษอาบมัน ที่อีกนางหนึ่งฉกไปนางพยายามเคี้ยว และรีบกลืนทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียด ตอนที่มีชายหนุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์ไปขอคืน
จบรายการมรดกโลก เรากลับไปที่สถานี Nara นั่งรถเร็วปลายทาง Osaka ไปสถานี Horyuji
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น