...เศรษฐกิจ/บรรยากาศการท่องเที่ยว by วัชรานนท์....

กระทู้สนทนา
ในระยะเวลาเกือบสามอาทิตย์ที่ใช้เวลาเดินทางขึ้นเหนือ  อีสาน  ใต้ และได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการทัวร์  โรงแรม  และพูดคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ  ยอมรับว่าคาดผิดไปถนัด...ทีแรกนึกว่าการท่องเที่ยวจะซบเซามากมาย  แต่นักท่องเที่ยวยังคงมาเที่ยวไทยอยู่ไม่ขาดสาย  ผมขอรายงานคร่าวๆ ตามนี้

กรุงเทพฯ...
เสน่ห์ของกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรยังไม่เคยจืดจางแม้จะพลุกพล่านขนาดไหน   แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆ พลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นเป็นทัวร์จีนนี่คือความเปลี่ยนแปลงที่ต่างจากเมื่อหลายปีก่อน  ทัวร์เดินชมพระที่นั่งวิมานเมฆภาคภาษาอังกฤษมีไม่กี่เที่ยวส่วนใหญ่   แตกต่างจากเมื่อก่อนที่มีแต่ทัวร์ภาคภาษาอังกฤษ   ส่วนพระบรมมหาราชวังนั้น  อย่าเรียกว่าพลุกพล่านเลย  ขอเรียกว่าแออัดยัดเยียดไปด้วยทัวร์จีนที่ปาดหน้า  แซงคิว  เดินตัดผ่านหน้ากล้อง   บล็อคเส้นทางเดินเพื่อที่จะถ่ายรูปหมู่และเซลฟี่   สร้างความอลหม่านทั้งนักท่องเที่ยวเจ้าบ้าน(ไทย)และฝรั่งไม่น้อย    เพื่อนที่เป็นมัคคุเทสก์ในกทม.  เป็นทั้งไกด์จีน  ไกด์อินเดีย  ไกด์เยอรมัน  และอังกฤษ  ก็ยังคงยุ่งทุกวัน   นักท่องเที่ยวที่เพิ่มจำนวนขึ้นในไทยประเภท “ม้ามืด” ก็คือ  นักท่องเที่ยวจากอินเดีย    และพึ่งอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ไม่นานนี้ว่า  นักท่องเที่ยวที่คุณภาพดีเยี่ยมคืออินเดีย!!


เชียงใหม่.....
เชียงใหม่เปลี่ยนแปลงไปมากมาย   แต่ก่อนเคยเดินลอยชายข้ามถนนได้  ตอนนี้กลับต้องยืนเพ่งซ้ายแลขวาอยู่นาน...เริ่มเหมือนกรุงเทพฯ ไปทุกขณะ   การเปลี่ยนแปลงตรงนี้ได้ดึงเอาเสน่ห์และมนต์ขลังส่วนหนึ่งของเชียงใหม่ไปด้วย   ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ  การจราจร และความแออัด   แม่น้ำสายเล็กๆ จากสันทรายที่ไกลผ่านเข้าตัวเมืองอย่างแม่น้ำข่า  แต่ก่อนเคยไหลเอือยใสเย็นเห็นตัวปลา  ตอนนี้เริ่มขุ่นดำ ขวด/ถุงพลาสติคลอยฟูฟ่องไปทั่วกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้ออย่างดี   ไนท์บาร์ซ่าตลาดคนกลางคืนที่เคยขึ้นชื่อที่นี่แห่งนี้แห่งเดียวในประเทศไทย   ใครต้องการซื้อของที่ระลึกหลากหลายต้องมาเชียงใหม่แห่งเดียว   แต่ตอนนี้ตลาดอย่างนี้มีแทบทุกจังหวัด...นักท่องเที่ยวเดินตลาดไม่พลุกพล่านเหมือนเมื่อก่อน  ตึกในบาร์ซาร์ที่แต่ก่อนราคาเช่าต่อเดือนแพงหูฉี่แต่ตอนนี้ร้างราวป่าช้าโดยเฉพาะชั้นสองและชั้นสาม.....ทัวร์ป่า  ขี่ช้าง  ล่องแพ  และนอนค้างแรมตามหมู่บ้านชาวเขาที่เคยเป็นไฮไลท์และเส้นทางเศรษฐกิจของการท่องเที่ยวของเชียงใหม่   ตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าลมหายใจสุดท้ายกำลังจะมาเยือน  เพราะการรุกคืบของนายทุนที่ไปสร้างรีสอร์ตและแคมป์ช้างไว้บริการนักท่องเที่ยวบนป่า    สอบถามไกด์เพื่อนๆ ที่นั่น....พวกเขาดีใจที่จะบอกว่าตอนนี้ไม่มีหน้าไฮหรือหน้าโลว์ซีซั่นแล้ว  เพราะมีนักท่องเที่ยวได้ออกทัวร์ตลอดซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีนที่บางครั้งสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ไกด์และบริษัททัวร์   แต่ก็ทนกันได้เพื่อเงินตัวเดียว    อีกมุมหนึ่งนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกบางส่วนระอาพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีน   ตัวผมเองก็ประสบกับตัวเองตอนพาครอบครัวซื้อทัวร์ออกไปเที่ยว   ไปเจอทัวร์กรุ๊ปจีนกรุ๊ปใหญ่ช่วงพักเที่ยง   เข้าทานอาหารบุฟเฟ่ต์แห่งหนึ่งริมแม่น้ำแตง   เห็นคนจีนคนหนึ่งแทนที่แกจะตักเอาอาหารส่วนต้องการไปนั่งทาน   แกกับยกถาดอาหารไปทั้งถาดไปตั้งกลางโต๊ะทานกลับเพื่อนๆ จนมีฝรั่งคนหนึ่งทักว่าทำไม่ถูก     ผมเองก็ “เผือก” ไปห้ามปรามนักท่องเที่ยวจีนคู่หนึ่งที่กำลังโยนกล้วยให้อาหารช้างที่เขาล่ามโซ่เอาไว้   พวกเขาพยายามปากล้วยไปให้ช้าง  แต่ส่วนใหญ่ปาไม่ถึง   ช้างที่ถูกล่ามโซ่อยู่ก็พยายามจะเอื้อมงวงให้ถึงกล้วยที่พวกปาไม่ถึงที่หล่นเรียงรายบนพื้นดิน  ทั้งกระตุกโซ่  ทั้งฟึดฟัดที่จะเอื้อมให้ถึงให้ได้  อากาศก็ร้อนเปรี้ยง  ผมกลัวว่าช้างจะหงุดหงิดเลยไปบอกนักท่องเที่ยวจีนว่าโน โน  


ภูเก็ต/กระบี่

ขณะที่นั่งเขียนอยู่นี้กำลังอยู่บนเกาะพีพี  อยากจะบอกอีกว่าที่ภูเก็ตนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนจีน   แต่เปอร์เซ็นต์ชาวตะวันตกจะสูงกว่าที่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ ที่ท่าเรือรัษฏามีนักท่องเที่ยวชาวจีนซะ65% ที่เหลือเป็นชาวตะวันตก   เรียกได้ว่า   เสน่ห์และมนต์ขลังทางทะเลของไทยยังคงหลงเหลืออยู่   ที่ภูเก็ตผมและครอบครัวตระเวณเที่ยวตามเกาะเล็กเกาะน้อยต่างๆ พบว่าคราครั่งไปด้วยกรุ๊ปทัวร์จีนมากมาย   เรือสปีดโบ๊ตที่จอดเรียงรายตามชายหาดนั้นแทบจะกลับหาดไปหมด   เหลือที่ให้ลงเล่นน้ำดูปะการังเพียงแค่เล็กน้อย  ไกด์บอกว่าช่วงนี้ยุ่งมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

หมู่เกาะพีพี
ผมเคยไปเที่ยวเกาะพีพีเมื่อเกือบเกือบจะสามสิบปีที่แล้ว  เคยมีบังกาโลอยู่สามสี่หลังล้วนทำจากฟากไม้หลังคาเป็นฟาก   ท่าเรือที่ท่าเรือต้นไทรเป็นสะพานไม้แคบๆ ยื่นยาวออกไป  ได้บรรยากาศมาก   มีทุ่งนาปลูกข้าวบนพื้นที่ราบ  ไฟฟ้าปิดปิดตามกำหนดเวลา   แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป   สะพานไม้ที่ท่าเรือถูกแทนที่ด้วยสะพานซีเมนต์ขนาดใหญ่ที่เรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่จอดเทียบได้หลายคัน   เรือยนต์ท่องเที่ยว  เรือสปีดโบ๊ต  ทอดสมอจอดเรียงรายปิดชายหาดเกือบมิด    นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เหมาเรือมาลงทีหลายร้อยคน   ส่วนนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก   จะหลบไปอาศัยแถวๆ ลองบีชและอีกด้านของเกาะ   แน่นอนว่ารายได้ส่วนใหญ่ของเกาะพีพี ด้านท่าเรือต้นไทรมาจากนักท่องเที่ยวจีน  แต่...สิ่งที่ตามมาในระยะยาวอาจจะทำลายบรรยาการท่องเที่ยว   และสิ่งแวดล้อม... จากที่เคยไปเที่ยวหมู่เกาะพีพีมาแล้วสี่ครั้ง  ครั้งนี้ขยะเริ่มเยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



แน่นอนว่า  รูปแบบการท่องเที่ยวย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา   แต่ทรัพยากรธรรมชาติอันเป็น “สินค้า” ที่เจ้าบ้านอย่างเราไม่ได้ลงทุนอะไรควรจะรักษาไว้ให้ดี   หาทุกอย่างจะเป็นเหมือนอย่าง “บางแสนโมเดล”   ที่ครั้งหนึ่งทะเลบางแสนเคยขึ้นชื่อระดับโลก  แต่ตอนนี้กลายเป็นชายทะเลที่โลกลืม    พม่าพึ่งเปิดประเทศ....ทะเลพม่าก็สวยไม่แพ้เมืองไทย  ป่าเขาลำเนาไพรก็สมบูรณ์    ทะเลที่เวียดนามก็สวยไม่แพ้ที่อื่น    โบรชัวร์การท่องเที่ยวที่อังกฤษ  ประโคมการท่องเที่ยวพม่าอ่าวทะเลเกือกม้าที่สวยงาม  และเกาะนับพันเกาะที่เวียดนาม  ทะเลไทยที่เคยผูกขาดขึ้นหน้าปกโบรชัวร์เกือบจะทุกบริษัททัวร์ในอังกฤษ ตอนนี้แทบจะหาได้ยาก....


ปล. ต้องขอโทษพี่น้องคนไทยเชื้อสายจีนด้วยถ้าหากความที่เขียนข้างบนอาจจะกระทบความรู้สึก  แต่เป็นประสบการณ์จริงที่ผมกระสบในระยะเวลาสามอาทิตย์ที่พาครอบครัวตระเวณเที่ยว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่