เริ่มเข้าใจแท็กซี่มากขึ้น หลังจากได้มาขับเอง (ภาค2) ^^

สวัสดีครับก่อนอื่น ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านในกระทู้นี้นะครับ http://pantip.com/topic/34848325

หลังจากที่ได้อยู่หลังพวงมาลัยมาเดือนนิดๆ ผมได้รับประสบการณ์มากมาย ทั้งผิวดำขึ้น เนื่องจากแท็กซี่ไม่มีฟิล์มกรองแสงครับ

เหมือนขับเตาอบหรือซาวน่าดีๆนี่เอง ฮ่าๆ แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือ "การขาดทุนครับ" ในกระทู้ก่อนหน้านี้ผมเขียนว่าผมเหลือหลังจาก

ส่งรถ 220 บาท แต่ตอนนั้นคือผมมีบัตรส่วนลดพลังงานของคู่กะที่ให้ยืมใช้ครับ เลยทำให้ลดค่าก๊าซไปได้พอสมควร

แต่พอหลังจากวันที ่29 กุมภาพันธ์สี่ปีครั้ง ทำให้บัตรนั้นถูกยกเลิกแล้วผมเข้าสู่ภาวะขาดทุนเต็มๆ ต้องควักเงินเพื่อ

ที่จะให้พอค่าเช่า ไม่ไหวเหมือนกันจึงตัดสินใจไปทำบัตรครับ ซึ่งการทำบัตรงั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดมันยากๆพอกับ

ไปขอวีซ่า(ไม่ขนาดนั้น) คือพี่ๆหลายคนแนะนำบอกมาว่าให้ไปที่ ปตท.สุขุมวิท 62 ซึ่งในตอนแรกผมคิดว่าไปตอนไหนก็ได้

ก็รับผู้โดยสารไปเรื่อยๆจนเข้าสุขุมวิทแล้วปิดไฟเพื่อจะไปทำบัตรนี้ครับ แต่...... ผมเข้าไปสิบโมงพอไปถึงใช้เวลากลับรถอีกสิบนาที

ปรากฏว่าคิวเต็มครับเนื่องจากการทำบัตรนั้นเปิดรับแค่วันละ 200 คนเท่านั้น ซึ่งรวมทั้งคนที่เคยมีบัตรหรือไปขอใหม่ก็เช่นกัน

ผมก็เสียเวลาไปอีกวัน แต่ก็กลับไปเตรียมตัวครับไปถ่ายเอกสาร บัตรประชาชน ใบขับขี่สาธารณะ พร้อมบัตรเหลืองมาพร้อมครับ

แล้วกลับมาอีกวันเพือไปทำบัตรนั้น ขอบอกเล่าขั้นตอนนะครับว่ามีดังนี้ครับ

1.เตรียมเอกสารดังนี้ครับ
-สำเนา ใบขับขี่สาธารณะ
-สำเนา บัตรประชาชน
-สำเนาบัตรเหลืองหน้าหลัง
-รูปถ่าย1 นิ้ว (ติดไว้ก็ดีครับอาจจะได้ใช้แล้วแต่อารมณ์เจ้าหน้าที่)



2.วันนั้นเตรียมตัวไปแต่เช้าครับ เพราะว่าจะไม่มีที่จอดรถสามารถจอดในปั้มได้ แต่ที่จอดจะเต็มแล้วต้องไปจอดเต้นท์รถมือสอง

ที่อยู่ข้างๆ ค่าจอดรถ 100 บาทครับ แต่ที่สำคัญครับถ้าไปสายจะไม่ได้คิวครับเหมือนผมไปสิบโมงคิวเต็มแล้ว วันนั้นไปถึงโมงกว่า

ได้คิว 88 ครับ เกือบไป




นี่บรรยากาศการไปขอบัตรครับ




หลังจากที่ยื่นฟอร์มแล้วจะใช้เวลา 5 วันทำการถึงจะรับบัตรได้ไม่รวมเสาร์อาทิตย์ครับ



หลังจากยืนแล้วจะได้บัตรนัดรับแบบนี้ครับ




หลังจากที่ผมไปยื่นขอบัตรแล้วผมต้องหยุดขับแบบเช่ากะไปครับ เพราะเนื่องจากสู้ค่าก๊าซไม่ไหว ก็หยุดไปราวๆ 5 วันครับ

ระหว่างนั้นก็หารถเช่าควงไปด้วย (เช่าควงคือการเช่าแบบสองกะ หรือรถอยู๋กับเราเลย เราจะไม่ต้องส่งรถคืนรถ จัดการบริหารเวลาเองครับ)

ซึ่งการเช่ารถแบบควงนั้นหาค่อนข้างยากครับ จากความคิดผมคือไม่ค่อยมีใครอยากปล่อยเพราะแบบควงนั้นเขาหรือเจ้าของอู่

จะได้เงินน้อยกว่าเช่าแบบกะครับ ผมก็ใช้เวลาหาหลายจนได้คันที่ขับปัจจุบันนี้มาครับ



เป็นตัวก่อนตัวใหม่ค่าเช่าวันละ 850 บาทครับ ซึ่งราคารถควงจะไม่หนีกันกว่านี้มาก สำหรับท่านที่กำลังมองหาเช่ารถนั้น

ให้หาไว้แต่เนิ่นๆนะครับ และไปทำบัตรส่วนลดพลังงานด้วย อ่อที่สำคัญเลย ต้องมีใบขับขี่สาธารณะและบัตรเหลืองนะครับ

เพราะถ้าไม่มีจะไม่สามารถทำบัตรนั้นได้ และขับรถแท็กซี่โดยไม่มีใบขับขี่รถสาธารณะนั้นเป็นการผิดกฏหมายนะครับ

อย่าเชื่อคำเชิญชวนของเจ้าของอู่ที่ว่า "ไม่มีใบขับขี่ก็ขับได้" เขาพูดอย่างนั้นเพราะเขาอยากได้เงินค่าเช่ารถจากเราครับ

การกระทำที่ผิดกฏหมายผมไม่ส่งเสริมแล้วไม่เห็นด้วยครับ ถ้าอยากจะขับแท็กซี่จริงๆ ท่านควรรีบไปยืนขอโดยเร็ว

เพราะผมไปยื่นทำเมื่อ กรกฏาคม 58 กว่าจะได้ใบขับขี่ก็ กุมภาพันธ์ 59 ซึ่งทุกอย่างมันต้องแลกมาด้วยความลำบากครับ

เอ้าเรามาดูหน้าตาเจ้าบัตรนี้เลยว่าเป็นยังไงกันนะครับ



ไม่มีค่าธรรมเนี่ยมสำหรับการขอใหม่ครับ แต่มีสำหรับการต่ออายุบัตร 100 บาทครับ บัตรทีได้มานั้นก็จะมี

วงเงินให้เราใช้เป็นส่วนลดได้ 9000 บาทต่อเดือนครับ ซึ่งถ้าวงเงินเต็มนั้นเป็นยังไงผมก็ไม่รู้นะครับเพราะผมยังใช้ไม่ถึง อิอิ

ก่อนจะเข้าไปเติมก๊าซส่วนมากเด็กปั้มก็จะถามก่อนแล้วว่ามีบัตรมั้ยท่านต้องรีบยื่นบัตรนี้ให้ทันที่เพื่อหักส่วนลดก่อนเติมก๊าซครับ

หลังจากได้บัตรมาแล้วผมก็เริ่มอยู่ตัวมากขึ้นครับ แต่ก็ยังไม่มากเท่าพี่ๆหลายคน หลังจากหักทุกอย่างแล้วผมจะเหลือแค่ 4-5 ร้อยต่อวัน

ซึ่งน้อยกว่าคนอื่นครึ่งต่อครึ่ง แต่ผมส่วนมากจะออกจากบ้านโมงหรือสองโมงเช้า เที่ยงเข้าบ้านมากินข้าวหลับแล้วบ่ายสามออกไปใหม่

แล้วก็ขับถึงแค่สีห้าทุ่มเต็มที่ก็เที่ยงคืนก็กลับขับ ผมขับไม่ค่อยเต็มที่ฉะนั้นเงินเลยไม่เต็มที่ตาม ฮ่าๆ ต้องเปลี่ยนใหม่

แต่เนื่องจากผมเป็นคนไม่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ หรือสูบบุหรี พอผมง่วงผมก็พอเพราะไม่อยากหลับใน แต่คงต้องเอาใหม่ครับ



ตอนนี้ผมได้ลูกค้าประจำครับเป็นผู้โดยสารที่เป็นคนที่เป็นคนป่วยไม่สามารถเดินได้ ต้องไปทำกายภาพบำบัดทุกวัน

ซึ่งวันนั้นผมขับผ่านไปหน้าหมู่บ้านในปากเกร็ด ยามก็โบกเรียกรถให้เข้าไปรับไปส่งที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวสีลม ไกลมาก

พอไปถึงปุ๊บเป็นคนป่วยที่แรกผมก็ใจไม่ดีว่าจะทำยังไงจะให้ผมยกเขาขึ้นลงรถเองผมคงทำไม่ได้ แต่ดีครับที่คนที่บ้านไปด้วย

ช่วยยกขึ้นลงรถ ซึ่งพี่คนที่บ้านบอกว่าหาแท็กซี่ไปยากมาก ยิ่งถ้าเขารู้ว่าเป็นคนป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จะไม่ค่อยมีใครอยากไปรับส่ง

ระหว่างรถติดก็ได้คุยกับคนที่ดูแลมากขึ้น เขาก็ถามว่าผมจะสะดวกมารับตอนกลับบ้านได้มั้ย (ตอนนั้นสองทุ่มกว่า)

ผมก็บอกได้ครับ เดี๋ยวจะวิ่งแถวๆสีลมนี่แหล่ะ เลยให้เบอร์พี่เขาไป ระหว่างนั้นก็ขับแค่แถวนั้น ก็ดีครับมีเรียกไปไกลสุดก็แค่ซอยพหล 4

แล้วก็อ้อมกลับมา จรัญ ฯ  40  แต่มีเคสที่ผมเจอตลอดเมื่อขับรถตอนกลางคืนคือผู้โดยสารเรียกให้ไป "โรงแรม หรือม่านรูด"

ผมเคยเจอเคสหนึ่งตอนขับกะกลางคืน โดนเรียกแถวๆอินทมาระ ผู้โดยสารเรียกรถพร้อมบอกว่า "พี่ไปม่านรูดหรือโรงแรมที่ใกล้ที่สุด" ??

ผมบอกไปทันทีว่า "ขอโทษครับผมไม่รู้จักเลยสักที่" แต่เขาก็บอกเหมือนกับว่าไม่ไหวแล้วอยากไปจากตรงนั้น

เลยบอกผมว่า "งั้นไปที่ไหนก็ได้" ผมก็พอขึ้นมารีบหาโรงแรมที่ใกล้ที่สุดใน Google map ทันทีครับ ได้ไปเจอที่หนึ่งคือโรงแรมแถวๆห้วยขวาง

ผมปล่อยลงตรงนั้น อิอิ จำชื่อโรงแรมไม่ได้แต่จำตำแหน่งได้ โดนค่ามิเตอร์ไป 50 บาท แต่อยากให้ลงมาก เพราะขึ้นมาก็มีแต่กลิ่นเหล้า

แถมพูดจาแทะโลมกันสองคน เราก็สะอิดสะเอียน อ่อนี่หรือที่เขาว่าจะได้เจอคนทุกประเภท เช่นกันครับ หลังจากที่ส่งผู้โดยสารเสร็จ

ก็เจอเคสเดียวกันคือ "ไปโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุด" พร้อมกับมีสาวติดมาด้วยหนึ่งคน ครั้งนี้ผมบอกเลยครับว่าไม่รู้จักเพราะ

แถวนั้นมีแต่โรงแรมหรูๆ เลยถามเขาไปว่า "พี่รู้จักมั้ยครับ" ?? ผู้โดยสารก็ไม่รู้ผมจึงขอไม่ไปเพราะไม่อยากเสียเวลา หลังจากที่ส่งผู้โดยสาร

หลายๆทีเสร็จแล้วผมก็มาจอดรอแถวสุรวงค์เพื่อจะไปรับผู้โดยสารกลับบ้านก็คอยโทรไปถามว่าเสร็จหรือยัง

จนสุดท้ายก็เข้าไปรับกลับบ้านที่ปากเกร็ดครับ จนคนที่ดูแลเขาเอ่ยปากขอว่าให้ผมมารับมาส่งได้มั้ย?

ผมก็ยินดีช่วยตอบไปแบบไม่คิดอะไรว่า "ได้ครับ พี่โทรมาละกัน" หลังจากนั้นจนถึงทุกวันนี้ผมได้รับผู้โดยสารรายนี้ตลอด




หลังจากนั้นก็ได้พบกับอะไรมากมาย ทั้งการได้ช่วยเหลือคนที่รถเสีย ซึ่งวันนั้นก่อนที่ผมจะไปทำบัตรมีฝรั่งเรียกจากอินทมาระ

ซอยนี้ผมไปทีไรได้ผู้โดยสารตลอดครับ แนะนำให้ไปกันนะ ^^ ฝรั่งเรียกให้ไปส่งที่เชียงรากข้างๆธรรมศาสตร์ไกลมากๆ

พอส่งเสร็จเนื่องจากฝรั่งไม่มีแบงค์ย่อยจึงบอกให้ผมรอเดี๋ยวเขาไปเซเว่นเพื่อไปแลกเงินให้ ระหว่างนั้นมีคนที่ผมเห็นตั้งแต่ก่อน

จอดรถยืนเกาหัวอยู่ว่าจะทำยังไงกับรถ เขาก็เรียกให้ผมช่วยเขาพ่วงแบตหน่อย ผมก็บอกไปว่าได้ครับพี่ แต่ผมไม่มีสายนะ

เขาบอกว่า ผมมีครับงั้นจัดไป



หลังจากที่พ่วงเสร็จฝรั่งก็เดินมาพอดี นึกว่าชิ่งซะแล้วเอาเงินค่าโดยสารมาให้แล้วเดินเข้าที่พักของเขาไป หลังจากครั้งนั้นผมรู้สึกดีมาก

ที่ได้ช่วยเหลือพี่คนนั้น เพราะตอนนั้นเป็นเวลาเกือบโมง ยังไม่มีใครเลย แล้วเหมือนกับว่าเขาต้องไปทำงานแล้วรถสตาร์ทไม่ติด

ผมไม่ได้อะไรตอบแทนหรอกครับนอกจากรอยยิ้มของคนคนนึงที่ดีใจมากเมื่อได้รับการช่วยเหลือ หลังจากนั้นก็ขับไปต่อ

สิ่งที่อยากจะแนะนำหลายท่านที่จะขับแท็กซี่อีกอย่างนะครับคือ "Grab" ซึ่งจะช่วยท่านได้มากครับ

เพราะยังมีผู้โดยสารอีกหลายคนที่ต้องการรถแท็กซี่แต่เนื่องจากบ้านอยู่ในซอยลึก หรือไม่สามารถออกมาได้ก็จะเรียกโดยใช้ผ่านแอพนี้ครับ

ซึ่งขั้นตอนการสมัครนั้น ก็คล้ายๆกับการทำบัตรส่วนลดก๊าช โดยตอนนี้ Grab ได้ย้ายสำนักงานจากอาคารชัยสวงนถนนเพชรบุรี

ไปอยู่อาคารธนภูมิแล้วครับ ซึ่งท่านสามารถเข้าไปสมัครได้เลยครับ



นี่ครับจะมีงานเข้ามาให้ท่านเลือกว่าจะรับหรือไม่ หลายครั้งผมเข้าใจแล้วว่าทำไม่สามารถกดรับได้เพราะบางทีอยู่ใกล้ก็จริง

แต่รถติดครับ หรือไม่ก็อยู่คนละฝั่งถนน หลายครั้งผมอยากจะกดรับมาก แต่เมื่อแลกกับค่าแลกรถ 20 บาทแล้วแทบไม่คุ้มครับ

และถ้าผมเจองานที่ไม่ใช่ในพื้นที่ผมก็ไม่อยากจะรับครับ เพราะกลัวไปไม่ถูกไปช้าทำให้เสียเวลาทั้งเราแล้วผู้โดยสาร

มีครั้งหนึ่งผมพักอยู่บ้านมีงานเรียกมาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในรัศมีสองโลนิดๆ แล้วชื่อหมู่บ้านนี้ผมไม่รู้จักเลย

จึงเปิด Google Map ในคอมเพื่อหาว่าอยู่ที่ไหน ปรากฏว่าหมู่บ้านนี้อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาครับ อยู่ถนน 345

ซึ่งถ้าตีวงกลมแล้วมันอยู่ไม่ไกลครับ แต่ถ้าขับรถไปจากที่ผมอยู่คือปากเกร็ดนั้น ผมต้องขับไปทางสะพานนวลฉวีผ่านบางคูวัด

ซึ่งไกลมากๆ ในจดนี้หลายคนที่บ่นๆว่าทำไมไม่มีคนรับงาน ผมหวังว่าเมื่ออ่านตรงนี้จะเข้าใจมากขึ้นนะครับ ^^

ก็แนะนำครับว่าให้ไปสมัครส่วนรายละเอียดการใช้งานนั้นขอให้ทางบริษัทเป็นผุ้อธิบายนะครับ

ครับหนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมเจอมาหลายอย่างทั้งการง่วง การวิ่งรถเปล่าร่วมชั่วโมง ซึ่งผมไม่เคยปฏิเสธผู้โดยสาร

ถ้าผู้โดยสารไม่รู้ทางจริงๆ เขาก้เต็มใจที่จะไม่ไปครับ ซึ่งผมก็ได้ขอโทษไป เพราะเราก็ไม่อยากให้เขาเสียเวลา

ผู้โดยสารหลายคนมีมารยาทครับ บางคนตอนก่อนขึ้นคุยโทรศัพท์ พอขึ้นมาบอกผมว่าขออนุญาติคุยโทรศัพท์ได้มั้ย?

ผมก็บอกว่าได้ครับ เขาก็บอกว่าที่ต้องขอเพราะคนขับบางคนไม่ให้คุยโทรศัพท์ในรถ แต่บางคนก็เกินไปจริงๆครับ

ไม่กี่วันที่ผ่านมารับผู้โดยสารเป็นหญิงวัยรุ่น คุยโทรศัพท์เสียงดังมาก และคุยแต่เรื่องบนเตียง ก็อย่างว่าครับแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ก็ได้แต่ทำใจ เจอผู้โดยสารที่ว่าพอผมไม่รู้ทางเพราะไม่เคยวิ่งในเส้นทางที่เขาเคยวิ่ง ซึ่งผมก็บอกแต่แรกแล้วว่าบอกทางด้วยนะครับ

แต่ในจุดนี้ผมเองก็ต้องไปปรับปรุงตัวไปทำการบ้าน ศึกษาเส้นทางให้มากขึ้นด้วยเช่นกันครับ

ผู้โดยสารที่เมาสุราขึ้นมาแล้วคุยกัน ผมนี่แทบจะเป็นลมเพราะกลิ่นละมุดเน่าๆ อิอิ คนต่างชาติที่มีความคาดหวังว่าแท็กซี่ต้องรู้ทุกทีในกรุงเทพฯ

บ้าไปแล้ว หลายครั้งผมก็โมโหนะครับ เพราะล่าสุดเจอนิโกรสองคนบอกแค่ว่า ลุมพินีรามคำแหง ??? ตายละผมก็พาวิ่งไปรามคำแหง

พอมาแล้วถึงจะบอกทาง จะบ้าตายเข้าไปในซอยลึกมาก (ตรูคงจะรู้จักนะ) หลายครั้งผมอยากจะย้อนถามเหมือนกันว่าถ้าให้ไปซอยแถวบ้านผม

คุณจะไปถูกมั้ย เต็มละครับ ต่อในกระทู้นะครับ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่