หลังจากที่ได้อ่านรีวิวมามากมายหลายขนาน วันนี้เราก็ได้มาเป็นคนเดินทางให้เพื่อนๆ มาอ่านเรื่องราว และประสบการณ์ของเราบ้าง
ทริปนี้ไปกัน 2 คน กับคู่หูดูโอ้ ขาประจำทุกทริปตลอดชีวิตเรา
จุดเริ่มต้นในการเดินทางในครั้งนี้เริ่มขึ้นเหมือนกันเด็กทั่วไป คือมีความฝันว่าจะไปประเทศญี่ปุ่น ดินแดนแห่ง หนังสือการ์ตูน อิคิวซัง ชินจัง มารุโกะจัง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้แค่ฝัน และพูดกันว่าจะมา จะมา แต่ก็ไม่ได้มาซักที แต่ทันไดนั้นเองฟ้าก็ได้ส่ง นกตัวใหญ่สีเหลือง SCOOT ในราคาที่ถูกและรับได้ 9,500 บาท/คน สำหรับการเดินทางไปต่างบ้าน ต่างภาษาในครั้งนี้ และก็ขอออกตัวก่อนเลยว่า ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย ภาษาอังกฤษ แบบว่าเรียนแค่ผ่าน 555
จองตั๋วประมาณ ตุลา 58 และออกเดินทาง วันที่ 26 กุมภา 59 มีเวลาในการเตรียมข้อมูลทั้งหมดเกือบ 4 เดือน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตก็เปลี่ยนเหมือนกลับไปเรียนปี 4 ตอนทำวิทยานิพนธ์ อีกครั้ง เราก็เริ่มคิดกันว่าจะไปไหนกันดี ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าจะไปแค่ โตเกียว-โอซาก้า แตพอมารู้จก JR PASS ก็เริ่มเปลี่ยนแผน เนื่องจากอยากใช้ JR ให้คุ้มที่สุดเท่าที่จะคุ้มได้ คือไป ABASIRI- OSAKA รายละเอียดเที่ยว
ซื้อ JR RAIL PASS 7 วัน ในงาน TITF18 ณฺ ศูนบ์ประชุมแห่งชาติสิริกิต ราคา 8,400 บาท ที่บูธ JAPAN HOLIDAY ซึ่งจะต้องนำใบที่ได้รับ ไปแลกบัตรที่ใช้งานที่ญี่ปุ่นค่ะ
เช่าเครื่อง Pocket WiFi ของ iwifi ในงาน TITF18 ณฺ ศูนบ์ประชุมแห่งชาติสิริกิต 12 วัน ราคา 1,900 บาท สัญญาณดีทุกที่ที่เราไปเลยค่ะ
วันที่ 26 มี.ค.59 ก็มาถึง ถึงสนามบินดอนเมือง 7 โมงเช้า เตรียมตัวเช็คอิน เครื่องออก 9:35

ถึงแล้วจ้าาาาาาาา เย้ๆๆๆๆๆ ถึงประมาณ 3 โมงเย็นกว่าๆ ซึ่งความรู้สึกแรกเมื่อประตูเครื่องบินเปิด และก้าวเท้าออกมา อากาศเปลี่ยน 7 องศา เย็นมากและชอบมากค่ะ เดินไปก็พูดกันไปว่าเจ๋งมากอากาศแบบนี้ แต่ก็ไม่รีรอรีบเข้า ตม. แล้วก็ผ่านไปได้แบบไม่มีปัญหาอะไร และก็รีบไปแลก JR RAIL PASS ชั้น 3 ของสนามบิน KANSAI พอดีรีบมากเลยไม่ได้ถ่ายรูปจุดแลก JR มาให้ดูนะคะ
พอแลก JR เรียบร้อยก็มี OFFICE ของ NANKAI อยู่ข้างๆ เพื่อซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมือง ราคา 920 เยน ซึ่งนะจุดนี้เรายังไม่เริ่มใช้ JR เพราะเย็นแล้ว ไม่คุ้มกัน จะเริ่มใช้วันพรุ่งนี้ค่ะ แผนที่วางไว้วันแรกของการเดินทาง

เริ่มนั่งรถไฟญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต ตื่นเต้นมว๊าก

เรามาลงที่ SHIN IMAMIYA เพราะเราจองที่พักแถวนั้นไว้ HOTEL SUN PLAZA 2 คืนละ 2,450 เยน มัดจำกุญแจอีก 1,000 เยน พอตอน เช็คเอ้าท์ เค้าก็จะคืนเงินให้ค่ะ ห้องนอนเป็นญี่ปุ่น ห้องส้วม-ห้องอาบน้ำรวม ราคาถูกดี พอเก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย เราก็ออกท่องราตรี โดยพาหนะที่ใช้คือ "ขา" เพื่อเซฟค่ารถไฟ ซึ่งเราก็ไม่รอช้า แวะ LAWSON หาข้าวกินมือแรกคือข้าวหน้าเนื้อ อร่อยมาก ในราคา 594 เยน รวมภาษี มือสั่นหิวข้าวมาก ยืนกินมันข้างทางเลย
ตั้งใจเดินไปที่ ย่าน TENNOJI
เนื่องจากใกล้ที่พักเรามาเวลาที่ใช้ในการเดินเล่นก็เลยเหลือ เราเลยตกลงกันว่าจะเดินไปต่อ SHINSAIBASHI ไกลพอสมควร แต่อากาศดีเลยสบายๆไม่เหนื่อย
คิวยาวมาก

หมดวันแรกของการเดินทาง กลับโรงแรมนอน เตรียมลุยพรุ่งนี้ โปรแกรมของวันพรุ่งนี้ ที่ HOKKIDO

เช้าวันที่ 27 กุมภา 2559 ออกเดินทางตามหาหมวกกันน็อกเพื่อเช็คราคา และไปต่อรถไฟที่ TOKYO เพื่อไป SAPPORO และ ABASHIRI

วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มใช้ JR มาลงที่สถานี OSAKA แล้วเดินเอาตาม google ที่หาข้อมูลกันมาจากบ้าน และแล้วก็เจอ ฝากระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน

ระหว่างทางที่เดินมา

นั่งรอร้านเปิด 10 โมง บอกเลยว่าคนญี่ปุ่นไม่ได้ตรงเวลาแค่รถไฟ เปิดร้านก็ตรงเวลาเป๊ะ

ขากลับเจอระหว่างทางเก็บภาพซะหน่อย

กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม และต้องไปขึ้นรถไฟ SHINKANSAN ที่สถานี SHIN OSAKA เวลา 12:40 เพื่อไปต่อรถไฟที่ TOKYO

ก่อนขึ้นก็แวะซื้อข้าวกล่องก่อนทางเข้า ชินคันเซน ขึ้นไปกินพลางๆ ตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น ซึ่งตอนแรกไปสั่งก็ชี้เอาตามปกติ เค้าก็หยิบมาให้ 1 กล่อง ในใจเริ่มคิดว่าคงมีการเวฟ หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้ร้อน ป่าวเลยจ้า กินตามนั้นเลย เซอร์ๆ เย็นๆ ราคา 720 เยน มื้อนี้ไม่ผ่าน แพงด้วย

ถึง TOKYO ประมาณ 4 โมงเย็นก็ ขึ้นรถไฟชินคันเซน ต่อไป AOMORI ซึ่งจะถึง AOMORI ประมาณ 3 ทุ่ม และแล้วเราก็ได้มาทำความรู้จักกับ หิมะเป็นครั้งแรก ด้วยอุณหภูมิ -15 องศา ที่ AOMORI ฟินมา และหนาวดี เราก็ร่าเริงกับการถ่ายรูปอย่างหนุกหนาน

แล้วก็มาถึงการขึ้นรถไฟที่ กำลังจะเป็นตำนานของคนญี่ปุ่น เจ้าหนู HAMANASU เป็นรถไฟที่วิ่งตอนกลางคืนมาที่ SAPPORO ซึ่งเลิกวิ่งวันที่ 26 มีนาคม 2559 คนญี่ปุ่นมาถ่ายรูปกันเยอะมาก และจองที่นั่งที่สบายไปกันหมดแล้ว เราเลยต้องมาอยู่ตู้ธรรมดา
แล้วก็ไม่ลืมที่จะซื้อข้าวมากิน คราวนี้ ของเป็น LAWSON เจ้าเก่าละกันมั่นใจในความถูกและอร่อย

ถึงเช้าพอดีถ้าสังเกตจะเห็นว่าหัวรถไฟเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงิน มีการเปลี่ยนหัวระหว่างทางค่ะจอดนานพอสมควร น่าจะเป็นแบบนี้ทุกรอบ

และแล้วก็มาถึง SAPPORO แต่การเดินทางก็ยังไม่ถึงจุดหมาย ไปกันต่อ คร่าวนี้เราจะไปต่อรถไฟที่ ASAHIKAWA ที่ขึ้นชื่อเรื่อง พาเรทนกแพนกวิน

เป็นรถด่วน มีปลั๊กให้ชาร์ตแบตด้วยจ้า เหมือน ชินคันเซนแต่ไม่เร็วเท่า

คนที่นี่ดูจะไม่หนาวนะ

ระหว่างทาง

ระหว่างรอรถไฟไป ABSHIRI อยู่ที่สถานี ASAHIKAWA ก็แวะหาดังโหงะกิน ซึ่งในสถานีมีห้างอยู่ อร่อยดี 3 ไม้ 105 เยน เหมือนกินแป้งจิ้มน้ำจิ้มลูกชิ้น

แวะออกไปเดินดูหิมะ

เดินทางต่อ

ต่อรถไฟเพื่อไปดูทะเลสาบหงษ์ LAKE TOFUTSU ซึ่งจะไปลงที่สถานี SHIRETOKO-SHARI แล้วก็นั่งกลับ ด้วยรถไฟอีกขบวน

จุดขายของรถไฟขบวนนี้คือ มีเตาให้ปิ้งปลาหมึก ซึ่งจะมีพี่อ้วนพนักงานรถไฟมาเติมถ่าน แล้วก็จัดการปิ้งได้เลย แนะนำให้ไปซื้อปลาหมึกมาเอง เพราะที่ขายบนรถไฟไม่น่าจะพอกับความต้องการ ซึ่งเราก็ได้แต่มอง เพราะไปซื้อแล้วหมด -_-

และไม่ลืมที่จะซื้อข้าวกล่องเจ้าประจำไปกิน
เที่ยวญี่ปุ่นดินแดนแห่งความฝัน 13 วัน 12 คืน ด้วยตัวเอง 40,000 บาท
ทริปนี้ไปกัน 2 คน กับคู่หูดูโอ้ ขาประจำทุกทริปตลอดชีวิตเรา
จุดเริ่มต้นในการเดินทางในครั้งนี้เริ่มขึ้นเหมือนกันเด็กทั่วไป คือมีความฝันว่าจะไปประเทศญี่ปุ่น ดินแดนแห่ง หนังสือการ์ตูน อิคิวซัง ชินจัง มารุโกะจัง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้แค่ฝัน และพูดกันว่าจะมา จะมา แต่ก็ไม่ได้มาซักที แต่ทันไดนั้นเองฟ้าก็ได้ส่ง นกตัวใหญ่สีเหลือง SCOOT ในราคาที่ถูกและรับได้ 9,500 บาท/คน สำหรับการเดินทางไปต่างบ้าน ต่างภาษาในครั้งนี้ และก็ขอออกตัวก่อนเลยว่า ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย ภาษาอังกฤษ แบบว่าเรียนแค่ผ่าน 555
จองตั๋วประมาณ ตุลา 58 และออกเดินทาง วันที่ 26 กุมภา 59 มีเวลาในการเตรียมข้อมูลทั้งหมดเกือบ 4 เดือน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตก็เปลี่ยนเหมือนกลับไปเรียนปี 4 ตอนทำวิทยานิพนธ์ อีกครั้ง เราก็เริ่มคิดกันว่าจะไปไหนกันดี ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าจะไปแค่ โตเกียว-โอซาก้า แตพอมารู้จก JR PASS ก็เริ่มเปลี่ยนแผน เนื่องจากอยากใช้ JR ให้คุ้มที่สุดเท่าที่จะคุ้มได้ คือไป ABASIRI- OSAKA รายละเอียดเที่ยว
ซื้อ JR RAIL PASS 7 วัน ในงาน TITF18 ณฺ ศูนบ์ประชุมแห่งชาติสิริกิต ราคา 8,400 บาท ที่บูธ JAPAN HOLIDAY ซึ่งจะต้องนำใบที่ได้รับ ไปแลกบัตรที่ใช้งานที่ญี่ปุ่นค่ะ
เช่าเครื่อง Pocket WiFi ของ iwifi ในงาน TITF18 ณฺ ศูนบ์ประชุมแห่งชาติสิริกิต 12 วัน ราคา 1,900 บาท สัญญาณดีทุกที่ที่เราไปเลยค่ะ
วันที่ 26 มี.ค.59 ก็มาถึง ถึงสนามบินดอนเมือง 7 โมงเช้า เตรียมตัวเช็คอิน เครื่องออก 9:35
ถึงแล้วจ้าาาาาาาา เย้ๆๆๆๆๆ ถึงประมาณ 3 โมงเย็นกว่าๆ ซึ่งความรู้สึกแรกเมื่อประตูเครื่องบินเปิด และก้าวเท้าออกมา อากาศเปลี่ยน 7 องศา เย็นมากและชอบมากค่ะ เดินไปก็พูดกันไปว่าเจ๋งมากอากาศแบบนี้ แต่ก็ไม่รีรอรีบเข้า ตม. แล้วก็ผ่านไปได้แบบไม่มีปัญหาอะไร และก็รีบไปแลก JR RAIL PASS ชั้น 3 ของสนามบิน KANSAI พอดีรีบมากเลยไม่ได้ถ่ายรูปจุดแลก JR มาให้ดูนะคะ
พอแลก JR เรียบร้อยก็มี OFFICE ของ NANKAI อยู่ข้างๆ เพื่อซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมือง ราคา 920 เยน ซึ่งนะจุดนี้เรายังไม่เริ่มใช้ JR เพราะเย็นแล้ว ไม่คุ้มกัน จะเริ่มใช้วันพรุ่งนี้ค่ะ แผนที่วางไว้วันแรกของการเดินทาง
เริ่มนั่งรถไฟญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต ตื่นเต้นมว๊าก
เรามาลงที่ SHIN IMAMIYA เพราะเราจองที่พักแถวนั้นไว้ HOTEL SUN PLAZA 2 คืนละ 2,450 เยน มัดจำกุญแจอีก 1,000 เยน พอตอน เช็คเอ้าท์ เค้าก็จะคืนเงินให้ค่ะ ห้องนอนเป็นญี่ปุ่น ห้องส้วม-ห้องอาบน้ำรวม ราคาถูกดี พอเก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย เราก็ออกท่องราตรี โดยพาหนะที่ใช้คือ "ขา" เพื่อเซฟค่ารถไฟ ซึ่งเราก็ไม่รอช้า แวะ LAWSON หาข้าวกินมือแรกคือข้าวหน้าเนื้อ อร่อยมาก ในราคา 594 เยน รวมภาษี มือสั่นหิวข้าวมาก ยืนกินมันข้างทางเลย
ตั้งใจเดินไปที่ ย่าน TENNOJI
เนื่องจากใกล้ที่พักเรามาเวลาที่ใช้ในการเดินเล่นก็เลยเหลือ เราเลยตกลงกันว่าจะเดินไปต่อ SHINSAIBASHI ไกลพอสมควร แต่อากาศดีเลยสบายๆไม่เหนื่อย
คิวยาวมาก
หมดวันแรกของการเดินทาง กลับโรงแรมนอน เตรียมลุยพรุ่งนี้ โปรแกรมของวันพรุ่งนี้ ที่ HOKKIDO
เช้าวันที่ 27 กุมภา 2559 ออกเดินทางตามหาหมวกกันน็อกเพื่อเช็คราคา และไปต่อรถไฟที่ TOKYO เพื่อไป SAPPORO และ ABASHIRI
วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มใช้ JR มาลงที่สถานี OSAKA แล้วเดินเอาตาม google ที่หาข้อมูลกันมาจากบ้าน และแล้วก็เจอ ฝากระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน
ระหว่างทางที่เดินมา
นั่งรอร้านเปิด 10 โมง บอกเลยว่าคนญี่ปุ่นไม่ได้ตรงเวลาแค่รถไฟ เปิดร้านก็ตรงเวลาเป๊ะ
ขากลับเจอระหว่างทางเก็บภาพซะหน่อย
กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม และต้องไปขึ้นรถไฟ SHINKANSAN ที่สถานี SHIN OSAKA เวลา 12:40 เพื่อไปต่อรถไฟที่ TOKYO
ก่อนขึ้นก็แวะซื้อข้าวกล่องก่อนทางเข้า ชินคันเซน ขึ้นไปกินพลางๆ ตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น ซึ่งตอนแรกไปสั่งก็ชี้เอาตามปกติ เค้าก็หยิบมาให้ 1 กล่อง ในใจเริ่มคิดว่าคงมีการเวฟ หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้ร้อน ป่าวเลยจ้า กินตามนั้นเลย เซอร์ๆ เย็นๆ ราคา 720 เยน มื้อนี้ไม่ผ่าน แพงด้วย
ถึง TOKYO ประมาณ 4 โมงเย็นก็ ขึ้นรถไฟชินคันเซน ต่อไป AOMORI ซึ่งจะถึง AOMORI ประมาณ 3 ทุ่ม และแล้วเราก็ได้มาทำความรู้จักกับ หิมะเป็นครั้งแรก ด้วยอุณหภูมิ -15 องศา ที่ AOMORI ฟินมา และหนาวดี เราก็ร่าเริงกับการถ่ายรูปอย่างหนุกหนาน
แล้วก็มาถึงการขึ้นรถไฟที่ กำลังจะเป็นตำนานของคนญี่ปุ่น เจ้าหนู HAMANASU เป็นรถไฟที่วิ่งตอนกลางคืนมาที่ SAPPORO ซึ่งเลิกวิ่งวันที่ 26 มีนาคม 2559 คนญี่ปุ่นมาถ่ายรูปกันเยอะมาก และจองที่นั่งที่สบายไปกันหมดแล้ว เราเลยต้องมาอยู่ตู้ธรรมดา
แล้วก็ไม่ลืมที่จะซื้อข้าวมากิน คราวนี้ ของเป็น LAWSON เจ้าเก่าละกันมั่นใจในความถูกและอร่อย
ถึงเช้าพอดีถ้าสังเกตจะเห็นว่าหัวรถไฟเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงิน มีการเปลี่ยนหัวระหว่างทางค่ะจอดนานพอสมควร น่าจะเป็นแบบนี้ทุกรอบ
และแล้วก็มาถึง SAPPORO แต่การเดินทางก็ยังไม่ถึงจุดหมาย ไปกันต่อ คร่าวนี้เราจะไปต่อรถไฟที่ ASAHIKAWA ที่ขึ้นชื่อเรื่อง พาเรทนกแพนกวิน
เป็นรถด่วน มีปลั๊กให้ชาร์ตแบตด้วยจ้า เหมือน ชินคันเซนแต่ไม่เร็วเท่า
คนที่นี่ดูจะไม่หนาวนะ
ระหว่างทาง
ระหว่างรอรถไฟไป ABSHIRI อยู่ที่สถานี ASAHIKAWA ก็แวะหาดังโหงะกิน ซึ่งในสถานีมีห้างอยู่ อร่อยดี 3 ไม้ 105 เยน เหมือนกินแป้งจิ้มน้ำจิ้มลูกชิ้น
แวะออกไปเดินดูหิมะ
เดินทางต่อ
ต่อรถไฟเพื่อไปดูทะเลสาบหงษ์ LAKE TOFUTSU ซึ่งจะไปลงที่สถานี SHIRETOKO-SHARI แล้วก็นั่งกลับ ด้วยรถไฟอีกขบวน
จุดขายของรถไฟขบวนนี้คือ มีเตาให้ปิ้งปลาหมึก ซึ่งจะมีพี่อ้วนพนักงานรถไฟมาเติมถ่าน แล้วก็จัดการปิ้งได้เลย แนะนำให้ไปซื้อปลาหมึกมาเอง เพราะที่ขายบนรถไฟไม่น่าจะพอกับความต้องการ ซึ่งเราก็ได้แต่มอง เพราะไปซื้อแล้วหมด -_-
และไม่ลืมที่จะซื้อข้าวกล่องเจ้าประจำไปกิน