ผมเริ่มทำงานที่สนามกีฬาโดยรับหน้าที่สอนการใช้อาวุธและการต่อสู้มือเปล่า ตั้งแต่ลูกอายุ1ขวบ (ลูกสาว) ด้วยความเป็นพ่อผมจึงไม่เข้าใจเด็กผู้หญิงมากนัก ตอนอนุบาลลูกผมมีนิสัยไม่กล้าแสดงออกไม่ค่อยพูดกับใคร ตอนประถมก็โดนเพื่อนแกล้งบ่อยๆ ผมคิดว่าเด็กเล็กๆแกล้งกันหยอกล้อกันมันก็ไม่มีอะไรมากแต่ถ้ามันโตขึ้นอีกหน่อยผมก็ห่วงเรื่องเพื่อนผู้ชายมาแกล้ง ก็เลยตัดสินใจสอนลูกใช้ปืนตั้งแต่9ขวบ (กฏหมายกำหนดให้เฉพาะเด็กอายุ9ขวบขั้นไปหัดใช้ปืนได้) และสอนให้ลูกผมรู้จักการเดาใจและการเตะต่อยหลายแบบ และการที่ผมให้เด็กฝึกอะไรแนวนี้ทั้งที่เด็กไม่ค่อยจะมีเพื่อนจะทำให้โตมาเป็นอาชยากรได้ง่าย พอคิดได้ผมก็ให้ลูกออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนโดยสอนวิธีพูดคุยและเทคนิคในการหาเพื่อนแล้วให้ไปลองวิชา (กลุ่มเพื่อนผู้หญิง) และก็ได้ผลดีด้วย โดยเพื่อนมักจะชอบถามเรื่องมวยกับลูกผม บางทีตอนไปรับที่โรงเรียนผมเห็นลูกผมกำลังทำออกท่าให้เพื่อนดู ก็ไม่ใส่ใจอะนะมันกันก็เล่นตามประสาเด็ก
ตอนลูกผมจะจบ ม.3 ก็มาคุยกับผมเรื่องเรียนต่อ บอกว่าอยากเรียนที่เดิมจะได้อยู่กับเพื่อน แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่หรอก และไม่นานลูกก็มาคุยเรื่องรักผมก็พูดไปตามประสาพ่อ แต่พอลูกมันบอกว่ามันชอบผู้หญิง อยู่ดีๆก็รู้สึกจี๊ดๆตรงเส้นประสาทที่หัวด้านซ้ายและมือชาไปแปปนึง เลี้ยงให้ได้ดีมันยากนะ
สอนลูกให้รู้จักสู้คนตั้งแต่เด็กโตมาเป็นแบบนี้
ตอนลูกผมจะจบ ม.3 ก็มาคุยกับผมเรื่องเรียนต่อ บอกว่าอยากเรียนที่เดิมจะได้อยู่กับเพื่อน แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่หรอก และไม่นานลูกก็มาคุยเรื่องรักผมก็พูดไปตามประสาพ่อ แต่พอลูกมันบอกว่ามันชอบผู้หญิง อยู่ดีๆก็รู้สึกจี๊ดๆตรงเส้นประสาทที่หัวด้านซ้ายและมือชาไปแปปนึง เลี้ยงให้ได้ดีมันยากนะ