สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
มี 200 ครับ ไม่รู้จะทำไง บ้านมี รถมี แต่ไม่กล้าไปไหน ไม่มีค่าน้ำมัน พ่อแม่มีแต่ไม่ขอเพราะไม่อยากรบกวน เราโตแล้ว
แถมมีหนี้จากการค้าอีก 4 ล้านด้วย มืดไปหมด ไม่รู้จะหาที่ไหนมาใช้ ขอพ่อแม่ได้ แต่ก็ไม่อยากขอ เพราะเราทำเอง ไม่มีสิทธิ์เอาเงินเขามาใช้
เอาไปบ่นให้พี่ที่รู้จักฟัง แกก็ ถาม งั้นทำงานนี้ได้มั๊ยล่ะ ลองดู ก็ลองทำ เออ ดันทำได้แฮะ ทำไปทำมาจะ 8 ปีแล้ว ใช้หนี้ 4 ล้านหมด มีเงินเก็บ
ซื้อรถได้ ซื้อคอนโดให้ตัวเองได้ ซื้อของที่ตัวเองต้องการได้ ชีวิตเรา ถึงที่สุดก็ต้องดิ้นครับ ตอนนั้นผมกำลังคิดไปสมัครงาน 7 หรือ Family แล้ว
ดีที่คุยกับพี่เขา เลยได้งานมาทำโปรเจคนึง แล้วก็ทำมาจนวันนี้ อย่าท้อครับ "ฟ้าจะให้อะไรเรา ต้องเคี่ยวกรำเราก่อน" ยิ่งเราลงหนัก แล้วเราเด้งได้
เรายิ่งเด้งแรง เหมือนสปริงน่ะครับ สู้ๆนะครับ
แถมมีหนี้จากการค้าอีก 4 ล้านด้วย มืดไปหมด ไม่รู้จะหาที่ไหนมาใช้ ขอพ่อแม่ได้ แต่ก็ไม่อยากขอ เพราะเราทำเอง ไม่มีสิทธิ์เอาเงินเขามาใช้
เอาไปบ่นให้พี่ที่รู้จักฟัง แกก็ ถาม งั้นทำงานนี้ได้มั๊ยล่ะ ลองดู ก็ลองทำ เออ ดันทำได้แฮะ ทำไปทำมาจะ 8 ปีแล้ว ใช้หนี้ 4 ล้านหมด มีเงินเก็บ
ซื้อรถได้ ซื้อคอนโดให้ตัวเองได้ ซื้อของที่ตัวเองต้องการได้ ชีวิตเรา ถึงที่สุดก็ต้องดิ้นครับ ตอนนั้นผมกำลังคิดไปสมัครงาน 7 หรือ Family แล้ว
ดีที่คุยกับพี่เขา เลยได้งานมาทำโปรเจคนึง แล้วก็ทำมาจนวันนี้ อย่าท้อครับ "ฟ้าจะให้อะไรเรา ต้องเคี่ยวกรำเราก่อน" ยิ่งเราลงหนัก แล้วเราเด้งได้
เรายิ่งเด้งแรง เหมือนสปริงน่ะครับ สู้ๆนะครับ
ความคิดเห็นที่ 20
เป็นสิคะ ตอนนี้บางทีก็ยังเป็น เรากะสามีทำงานที่เดียวกัน ตกงานทั้งคู่ เอาเงินเก็บไปลงทุนทำร้านอาหาร ดันเจ๊งแถมติดหนี้อีก มีตังค์ไม่ถึงร้อยก็พึ่งมาม่า สมัครงานอะไรก็ได้ ถือป้ายโบกธงหน้าคอนโด ทำซัก 2 วันหยุด 1 วันเพื่อที่จะได้มีเวลาส่งจดหมายสมัครงาน เอาเงินที่ได้จากโบกธงแจกใบปลิวไปสัมภาษณ์งาน ไปถึงโดนหลอกไปขายประกันอีก โอ๊ยชีวิต!!
วันเสาร์อาทิตย์ก็รื้อเสื้อผ้ามือสองตัวเองไปขายตลาดนัด(โชคดียังมีรถ) ได้มา 5-600 ก็ยังดีเอาไว้เติมน้ำมันขับไปหางาน กินข้าววันละ 2 มื้อพอ มื้อหลักตอนเย็นคือมาม่าใส่ข้าว แบ่งกิน 2 คนกะสามีจะได้อิ่มๆ ตอนนี้เสื้อผ้าตัวเองจะหมดละไม่รู้จะขายอะไร ก็คงต้องหางานทำไปวันๆ ทำไปเรื่อยๆก่อนค่ะ สู้ๆนะคะ
วันเสาร์อาทิตย์ก็รื้อเสื้อผ้ามือสองตัวเองไปขายตลาดนัด(โชคดียังมีรถ) ได้มา 5-600 ก็ยังดีเอาไว้เติมน้ำมันขับไปหางาน กินข้าววันละ 2 มื้อพอ มื้อหลักตอนเย็นคือมาม่าใส่ข้าว แบ่งกิน 2 คนกะสามีจะได้อิ่มๆ ตอนนี้เสื้อผ้าตัวเองจะหมดละไม่รู้จะขายอะไร ก็คงต้องหางานทำไปวันๆ ทำไปเรื่อยๆก่อนค่ะ สู้ๆนะคะ
ความคิดเห็นที่ 27
4ปีที่แล้ว ออกจากงานพร้อมแฟน ขายสมบัติตัวเองทุกอย่างเท่าที่มีราคาจะขายได้ ค้างค่างวดรถจนเกือบโดนยึด หยิบยืมเงินคนรอบข้างมาประมาณ 40k เพื่อจะค้าขาย บางวันเหลือเงินกัน 2 คนไม่ถึง 100 บาท จะซื้อไรโคตรคิดแล้วคิดอีก บางวันกลับบ้านหาแม่ แม่ก็ให้มาม่า2แพ็ค ไข่ ผัก โอ้โห รอดตายได้ 3-4 วัน
ผ่านมา 1 ปี ขายดีมีรายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว 2 คนก็พออยู่ได้ใช้หนี้คนใกล้ตัวหมด เหลือแต่หนี้บัตรเครดิตก็ยอมให้ฟ้องไป ผสมเงินเพื่อที่รอวันฟ้องจะได้มีเงินจ่ายเค้าได้บ้าง
แต่แล้วเข้าปีที่ 2 ชีวิตพลิกเปลี่ยนอีก ที่ขายของต้องย้าย เปลี่ยนมาขายทางเฟสบุคก็เหมือนจะดีได้ 3-4 เดือน งบน้อยโฆษณาก็ไม่ไหว ของที่เอามาขายก็หายากขึ้นโดนปั่นราคาอีก ก็อาศัยประหยัดอดออม กินข้าวตามสั่งได้คนละจาน วันละ 2 มื้อ ทำยังไงก็ได้ที่ต้องหาเงินจ่ายค่าน้ำ-ไฟ ค่างวด บัตรเครดิตที่หลังโดนฟ้องก็ยังขอจ่ายรายเดือน
เป็นแบบนี้จนถึงกลางปีที่ 3 ทนไม่ไหวแล้วกลับการโดนโก่งราคาของ ขายแล้วไม่เห็นกำไรเลย (ช่วงปีที่2-3 คือเป็นช่วงบูมของเฟสบุคมาก) จนสุดท้ายตัดสินใจกับแฟน เอาเงินก้อนสุดท้าย 2 หมื่น ไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า อดทนหาความรู้ ลองผิด ลองถูก สร้างสินค้าขึ้นมา แทนสินค้าเดิมที่คนขายไม่ง้อเราแล้ว
จนปีที่ 4 (2558) สินค้าเราเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เลยชวนแฟนไปขายที่ตลาดนัดกันดีกว่า แรกๆก็ขายสัปดาห์ละวัน สองวัน จนกลางปี 2558 เงินหมดจ้า เลยบอกแฟนว่า ไม่ไหวแล้วล่ะเราทั้งคู่ ถ้ามามัวแต่รอเฟสบุคมีหวังชีวิตเราจะเหมือนตอนออกจากงานใหม่ๆ ไม่อยากกลับไปลำบากแบบนั้นอีกแล้ว สงสารพ่อแม่ด้วย เลยตั้งใจขายของตลาดนัดจริงจัง เปิดวันไหนเราไปทุกวันตามนั้น จนมีล็อคประจำของตัวเองได้ ตั้งแต่วันนั้นยอดขายเราเพิ่มขึ้นๆๆๆ
จนวันนี้มีเงินทำบ้านกว่า4แสนในระยะเวลา 3-4 เดือน ให้เงินพ่อ-แม่ทุกเดือนได้ มีเงินเหลือเก็บในบัญชีบ้าง
บางทีเราต้องอดทนกับความลำบากให้ที่สุดก่อน เพื่อรอโอกาสที่จะก้าวต่อไป ทุกวันนี้เราก็ไม่ฟุ้งเฟ้อนะ มีบ้างซื้อนู่นซื้อนี่ตามที่เคยอยากได้ แต่ก็ต้องอยู่ในส่วนที่พอเหมาะ เพราะโชคไม่ได้มาบ่อยๆ กว่าจะหาเงินได้มันยาก เวลาใช้มันง่าย
ยามมีก็ต้องประหยัด ยามไม่มีก็ต้องอดทน ฝ่าฟัน ไม่ย่อท้อ สำคัญเลยต้องไม่ขี้เกียจ...สู้ๆนะคะ
ผ่านมา 1 ปี ขายดีมีรายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว 2 คนก็พออยู่ได้ใช้หนี้คนใกล้ตัวหมด เหลือแต่หนี้บัตรเครดิตก็ยอมให้ฟ้องไป ผสมเงินเพื่อที่รอวันฟ้องจะได้มีเงินจ่ายเค้าได้บ้าง
แต่แล้วเข้าปีที่ 2 ชีวิตพลิกเปลี่ยนอีก ที่ขายของต้องย้าย เปลี่ยนมาขายทางเฟสบุคก็เหมือนจะดีได้ 3-4 เดือน งบน้อยโฆษณาก็ไม่ไหว ของที่เอามาขายก็หายากขึ้นโดนปั่นราคาอีก ก็อาศัยประหยัดอดออม กินข้าวตามสั่งได้คนละจาน วันละ 2 มื้อ ทำยังไงก็ได้ที่ต้องหาเงินจ่ายค่าน้ำ-ไฟ ค่างวด บัตรเครดิตที่หลังโดนฟ้องก็ยังขอจ่ายรายเดือน
เป็นแบบนี้จนถึงกลางปีที่ 3 ทนไม่ไหวแล้วกลับการโดนโก่งราคาของ ขายแล้วไม่เห็นกำไรเลย (ช่วงปีที่2-3 คือเป็นช่วงบูมของเฟสบุคมาก) จนสุดท้ายตัดสินใจกับแฟน เอาเงินก้อนสุดท้าย 2 หมื่น ไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า อดทนหาความรู้ ลองผิด ลองถูก สร้างสินค้าขึ้นมา แทนสินค้าเดิมที่คนขายไม่ง้อเราแล้ว
จนปีที่ 4 (2558) สินค้าเราเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เลยชวนแฟนไปขายที่ตลาดนัดกันดีกว่า แรกๆก็ขายสัปดาห์ละวัน สองวัน จนกลางปี 2558 เงินหมดจ้า เลยบอกแฟนว่า ไม่ไหวแล้วล่ะเราทั้งคู่ ถ้ามามัวแต่รอเฟสบุคมีหวังชีวิตเราจะเหมือนตอนออกจากงานใหม่ๆ ไม่อยากกลับไปลำบากแบบนั้นอีกแล้ว สงสารพ่อแม่ด้วย เลยตั้งใจขายของตลาดนัดจริงจัง เปิดวันไหนเราไปทุกวันตามนั้น จนมีล็อคประจำของตัวเองได้ ตั้งแต่วันนั้นยอดขายเราเพิ่มขึ้นๆๆๆ
จนวันนี้มีเงินทำบ้านกว่า4แสนในระยะเวลา 3-4 เดือน ให้เงินพ่อ-แม่ทุกเดือนได้ มีเงินเหลือเก็บในบัญชีบ้าง
บางทีเราต้องอดทนกับความลำบากให้ที่สุดก่อน เพื่อรอโอกาสที่จะก้าวต่อไป ทุกวันนี้เราก็ไม่ฟุ้งเฟ้อนะ มีบ้างซื้อนู่นซื้อนี่ตามที่เคยอยากได้ แต่ก็ต้องอยู่ในส่วนที่พอเหมาะ เพราะโชคไม่ได้มาบ่อยๆ กว่าจะหาเงินได้มันยาก เวลาใช้มันง่าย
ยามมีก็ต้องประหยัด ยามไม่มีก็ต้องอดทน ฝ่าฟัน ไม่ย่อท้อ สำคัญเลยต้องไม่ขี้เกียจ...สู้ๆนะคะ

แสดงความคิดเห็น
ใครเคยมีตังเหลือติดตัวไม่เกิน 100 บาท แล้วไม่รู้ชะตาชีวิต วันต่อไปบ้างครับ
แล้วพวกคุณแก้ไขมันอย่างไรหรอ