วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2559 วันที่เด็กชายซิก้า ได้จากไปอย่างสงบ ด้วยโรคเอดส์แมว ธารัสซีเมียแมว และโรคไต
วันนี้บ้านยังดูเงียบเหงาอยู่ ทุกคนไม่อยากทำอะไรเอาแต่นอน แฟนผมนอนแล้วอยู่ๆ ก็ยังร้องไห้เป็นระยะๆ เพราะในความคิด มันคือน้องชายเพียงคนเดียว
ผมพยายามบอกว่ามันไปน่ะดีแล้ว ต่อไปนี้คงไม่ทรมานอีก เพราะตั้งแต่รู้ว่ามันเป็นโรค ก็คอยป้อนยา ป้อนนม และให้น้ำเกลือมันทุกวัน มันไม่ยอมกินอาหารเม็ด ที่พยายามจะหามาให้ลองทุกๆยี่ห้อ ถ้าไม่ป้อนนม ก็คงไปนานแล้ว เป็นเรื่องที่น่าตลกปนสงสาร เวลาแม่ชงนม แล้วมันได้ยินเสียง มันจะต้องเตรียมหนี ไปอยู่ใต้เตียงบ้าง หนีขึ้นชั้นบนบ้าง พอจับตัวมันได้ก็เอาผ้าห่อตัวกันมันดิ้น แล้วก็เอาไซริ้งดูดนมป้อนมัน มันก็ขัดขืนไม่ยอมกิน บางทีก็เหมือนเล่นตลก ยังไม่ทันป้อนนม ก็เคี้ยวปากเปล่าๆไปก่อนแล้ว แต่พอกินนมเสร็จ ก็สบายตัว ไปนอนได้ พอมันผอมมากๆเข้า แม้แต่กุ้งเผา ที่มันชอบมาก แม่ก็ไปหามาให้มันกิน
สามสี่อาทิตย์หลังมานี้ พอตัดสินใจเปลี่ยนยา มันเริ่มดีขึ้น และยอมกินอาหารเม็ดเอง เราทุกคนใจชื้น เพราะมันเริ่มมีเนื้อมีหนัง เริ่มคิดว่ามันน่าจะอยู่ไปได้อีกเป็นปี จนถึงปี 60 ที่พ่อตาผมจะได้ปลดเกษียณ และอยู่กับมันได้ทุกวัน เพราะตอนนี้มันอยู่กับแม่ยายผมที่ลพบุรี ส่วนพ่อตาต้องมาสอนหนังสือที่อยุธยา มันติดพ่อตาผมมาก นอนด้วยกันตั้งแต่มันเด็ก ถ้าพ่อตาผมนอนอยู่ มันก็จะเอาหัวมาซบ และไปนอนซุกใกล้ๆ มันเป็นแมวที่ไว้ใจคนมาก ไม่เคยตะปบหรือกางเล็บใส่คน เวลาเรายื่นหัวไปหามันก็จะเอาหัวมาชนกึก หรือไม่ก็เลียหัวให้เป็นการแสดงความรัก ถึงน้ำลายมันจะเหม็นแต่เราก็ยอมทน
วันจันทร์ที่ผ่านมามันเริ่มไม่กินอาหาร และดูเหมือนมีไข้ พ่อเลยพามันไปหาหมอ หมอบอกว่าน่าจะติดเชื้อ มันเริ่มหงอย ช่วงนี้พ่อปิดเทอมเลยอยู่กับมันที่ลพบุรีได้ วันพฤหัสฯพ่อมาค้างที่บ้านผมที่อยุธยา เพราะต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล ตามหมอนัดในวันศุกร์ ปรากฎว่าสามทุ่มกว่าแม่โทรมา ว่าอาการมันไม่ค่อยดี พ่อตัดสินใจขับรถกลับลพบุรี ทั้งๆที่ปกติไม่ชอบขับรถกลางคืน ห้าทุ่มกว่าก็มาถึง มันยังตีหางแปะๆ พอรู้ว่าพ่อมา เราเลยใจชื้นว่ามันอาจจะหงอยเพราะคิดถึงพ่อ กะว่ารอเช้าจะพามันไปคลีนิคเดิมที่เคยรักษาเพราะหมอคนนี้เก่งกว่าคนอื่นที่เคยไปหา พ่อนอนเฝ้ามันทั้งคืน อาการมันดีกว่าคราวก่อนที่มันแย่ๆ คราวก่อนนั้นมันแย่มากอ้าปากพะงาบเหมือนจะไม่ไหวอยู่ราว 3-4 ชั่วโมง แล้วก็กลับมามีแรง พอพ่อให้น้ำเกลือก็มีแรง พอไปหาหมอ แล้วหมอลองเปลี่ยนยา มันก็เริ่มดีวันดีคืน
แต่…. วันนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น มันไม่ทุรนทุราย ทุกคนเลยมีหวัง พอเช้าพ่อสตาร์ทเครื่อง เตรียมพามันไปหาหมอ มันก็เงียบหยุดหายใจไปเฉยๆ แม่รีบเรียกให้พ่อมาดู มันก็ไปซะแล้ว……
ลาก่อนนะน้องเขย แมวตัวป่วนของบ้าน…. จากพี่เขยซิก้า
เด็กชายซิก้าเกิดเมื่อ 30 ธันวาคม 2547 ไม่น่าเชื่อว่าเผลอแปบเดียว มันจะอายุได้ 11 ขวบกว่าๆ แล้ว อายุมันอาจจะดูเยอะสำหรับในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเรา มันยังเป็นแมวเด็กอยู่เลย โดยเฉพาะถ้าเทียบกับแม่เสินหยางของมันซึ่งเป็นแมวจรมาขออยู่บ้านพ่อตาผม ตอนมันมาอยู่ก็น่าจะอายุประมาณ 10 กว่า เท่าลูกมันในตอนนี้ ลูกตายไป 3 ครอก กว่าจะมีลูกชุดซิก้านี้ ดังนั้นเดาๆว่าตอนนี้ มันต้องอายุ 20 กว่าๆขึ้นไปแน่นอน เด็กชายซิก้าที่อายุ 11 ขวบกว่าๆ จึงดูอายุน้อยไปเลยทีเดียว
เดี๋ยวจะกลับมาเล่าประวัติโดยละเอียดของมันอีกที เพื่อไว้อาลัยให้มันนะครับ
RIP... เด็กชายซิก้า น้องเขยผู้เป็นแมวตัวป่วนประจำบ้าน
วันนี้บ้านยังดูเงียบเหงาอยู่ ทุกคนไม่อยากทำอะไรเอาแต่นอน แฟนผมนอนแล้วอยู่ๆ ก็ยังร้องไห้เป็นระยะๆ เพราะในความคิด มันคือน้องชายเพียงคนเดียว
ผมพยายามบอกว่ามันไปน่ะดีแล้ว ต่อไปนี้คงไม่ทรมานอีก เพราะตั้งแต่รู้ว่ามันเป็นโรค ก็คอยป้อนยา ป้อนนม และให้น้ำเกลือมันทุกวัน มันไม่ยอมกินอาหารเม็ด ที่พยายามจะหามาให้ลองทุกๆยี่ห้อ ถ้าไม่ป้อนนม ก็คงไปนานแล้ว เป็นเรื่องที่น่าตลกปนสงสาร เวลาแม่ชงนม แล้วมันได้ยินเสียง มันจะต้องเตรียมหนี ไปอยู่ใต้เตียงบ้าง หนีขึ้นชั้นบนบ้าง พอจับตัวมันได้ก็เอาผ้าห่อตัวกันมันดิ้น แล้วก็เอาไซริ้งดูดนมป้อนมัน มันก็ขัดขืนไม่ยอมกิน บางทีก็เหมือนเล่นตลก ยังไม่ทันป้อนนม ก็เคี้ยวปากเปล่าๆไปก่อนแล้ว แต่พอกินนมเสร็จ ก็สบายตัว ไปนอนได้ พอมันผอมมากๆเข้า แม้แต่กุ้งเผา ที่มันชอบมาก แม่ก็ไปหามาให้มันกิน
สามสี่อาทิตย์หลังมานี้ พอตัดสินใจเปลี่ยนยา มันเริ่มดีขึ้น และยอมกินอาหารเม็ดเอง เราทุกคนใจชื้น เพราะมันเริ่มมีเนื้อมีหนัง เริ่มคิดว่ามันน่าจะอยู่ไปได้อีกเป็นปี จนถึงปี 60 ที่พ่อตาผมจะได้ปลดเกษียณ และอยู่กับมันได้ทุกวัน เพราะตอนนี้มันอยู่กับแม่ยายผมที่ลพบุรี ส่วนพ่อตาต้องมาสอนหนังสือที่อยุธยา มันติดพ่อตาผมมาก นอนด้วยกันตั้งแต่มันเด็ก ถ้าพ่อตาผมนอนอยู่ มันก็จะเอาหัวมาซบ และไปนอนซุกใกล้ๆ มันเป็นแมวที่ไว้ใจคนมาก ไม่เคยตะปบหรือกางเล็บใส่คน เวลาเรายื่นหัวไปหามันก็จะเอาหัวมาชนกึก หรือไม่ก็เลียหัวให้เป็นการแสดงความรัก ถึงน้ำลายมันจะเหม็นแต่เราก็ยอมทน
วันจันทร์ที่ผ่านมามันเริ่มไม่กินอาหาร และดูเหมือนมีไข้ พ่อเลยพามันไปหาหมอ หมอบอกว่าน่าจะติดเชื้อ มันเริ่มหงอย ช่วงนี้พ่อปิดเทอมเลยอยู่กับมันที่ลพบุรีได้ วันพฤหัสฯพ่อมาค้างที่บ้านผมที่อยุธยา เพราะต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล ตามหมอนัดในวันศุกร์ ปรากฎว่าสามทุ่มกว่าแม่โทรมา ว่าอาการมันไม่ค่อยดี พ่อตัดสินใจขับรถกลับลพบุรี ทั้งๆที่ปกติไม่ชอบขับรถกลางคืน ห้าทุ่มกว่าก็มาถึง มันยังตีหางแปะๆ พอรู้ว่าพ่อมา เราเลยใจชื้นว่ามันอาจจะหงอยเพราะคิดถึงพ่อ กะว่ารอเช้าจะพามันไปคลีนิคเดิมที่เคยรักษาเพราะหมอคนนี้เก่งกว่าคนอื่นที่เคยไปหา พ่อนอนเฝ้ามันทั้งคืน อาการมันดีกว่าคราวก่อนที่มันแย่ๆ คราวก่อนนั้นมันแย่มากอ้าปากพะงาบเหมือนจะไม่ไหวอยู่ราว 3-4 ชั่วโมง แล้วก็กลับมามีแรง พอพ่อให้น้ำเกลือก็มีแรง พอไปหาหมอ แล้วหมอลองเปลี่ยนยา มันก็เริ่มดีวันดีคืน
แต่…. วันนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น มันไม่ทุรนทุราย ทุกคนเลยมีหวัง พอเช้าพ่อสตาร์ทเครื่อง เตรียมพามันไปหาหมอ มันก็เงียบหยุดหายใจไปเฉยๆ แม่รีบเรียกให้พ่อมาดู มันก็ไปซะแล้ว……
ลาก่อนนะน้องเขย แมวตัวป่วนของบ้าน…. จากพี่เขยซิก้า
เด็กชายซิก้าเกิดเมื่อ 30 ธันวาคม 2547 ไม่น่าเชื่อว่าเผลอแปบเดียว มันจะอายุได้ 11 ขวบกว่าๆ แล้ว อายุมันอาจจะดูเยอะสำหรับในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเรา มันยังเป็นแมวเด็กอยู่เลย โดยเฉพาะถ้าเทียบกับแม่เสินหยางของมันซึ่งเป็นแมวจรมาขออยู่บ้านพ่อตาผม ตอนมันมาอยู่ก็น่าจะอายุประมาณ 10 กว่า เท่าลูกมันในตอนนี้ ลูกตายไป 3 ครอก กว่าจะมีลูกชุดซิก้านี้ ดังนั้นเดาๆว่าตอนนี้ มันต้องอายุ 20 กว่าๆขึ้นไปแน่นอน เด็กชายซิก้าที่อายุ 11 ขวบกว่าๆ จึงดูอายุน้อยไปเลยทีเดียว
เดี๋ยวจะกลับมาเล่าประวัติโดยละเอียดของมันอีกที เพื่อไว้อาลัยให้มันนะครับ