สวัสดีคับ ผม เป็นเด็กผู้ชายคนนึง ที่ชอบ เก็บเรื่องหลายๆอย่างไว้กับตัวเอง วันนี้ไม่รู้ว่าอะไรพาผม ให้เข้ามาเจอ เว็ปพันทิพย์นี้ได้ แต่ไม่ว่าจะอะไรผมขอระบายและขอคำแนะนำจากเพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ ทุกคนมาด้วย ณ ที่นี้นะคับ เข้าเรื่องเลยนะคับ"
เรื่องมันมีอยุ่ว่า ตอน ผมอายุ18 ย่าง19 มันเป็นช่วงที่ผมจบ มัธยมศึกษาปีที่6 โปรแกรมการวางแผนที่จะเรียนต่อ ยังไม่ค่อยอยู่ในหัวของผมเท่าไหร่นัก ณ ตอนนั้น ผมจึงยังไม่ค่อยได้คิดอะไรมากมาย. มาวันนึง แม่ผมซึ่งอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ (เยอรมัน ) ชักชวนผมมาว่าอยากจะมาอยุ่กับท่านด้วยไหม ผมเลยรู้สึกว่า มันเป็น choice ที่น่าสนใจเลยทีเดียว ด้วยความที่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นกับข้อเสนอของแม่ ผมเลยปรึกษากับพ่อของผม พ่อผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านบอกแค่ว่า ก็ลองดูสิ. น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียวเลยนะ. ผมเลยตอบตกลงกับแม่ของผมไป. *ขอท้าวความสักนิดนึงนะคับ เดิมที ผมเติบโตมากับพ่อของผม ความผูกพัน และอะไรหลายๆอย่างผมก็มักจะชินกับพ่อผมมากๆ แต่กับแม่ของผม ด้วยความที่ครอบครัวเราแยกทางกันตั้งแต่เด็ก ผมเลยได้อยุ่กับพ่อมาตลอด เเละเวลาที่ผมไปอยุ่กับแม่ หรือไปเที่ยวหาท่านผมจึงอยุ่ได้ไม่นาน ก็ต้องมีเหตุทะเลาะกันทุกที ไม่ว่าจะเป็นเพราะผมผิดเองหรืออะไรหลายๆ อย่างที่ผมไม่สามารถเข้ากับแม่ได้ ผมรุ้สึกว่า มันแย่มากๆเลยคับ ความรุ้สึกนี้ จนวันที่ผมได้ไปอยุ่กับท่านที่เยอรมันจริงๆ แรกๆ ทุกอย่างดูเหมือนไปได้ดี แต่มาวันนึงอะไรหลายๆมันก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด ผมรู้สึกได้เลยว่าผมเข้ากับแม่ผมไม่ได้เลย มีทางเดียวก็คือต้องเงียบและยอมท่านไป นั่นคือทางเดียว ส่วนการอธิบายเหตุผลใช้กับท่านไม่ได้ เพราะสำหรับท่านมันคือการเถียง แต่ ณ ตอนนั้นก็ยังถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไปได้ จน อยุ่มาวันนึง แม่ผมมีเหตุต้องกลับไทยบวกกับน้องๆของผมก็ต้องกลับตามไปด้วย แม่เลยถามผมว่า จะกลับด้วยไหม ผมเลยบอกว่าไม่. เพราะผมได้เลือกมาและกำลังเรียนภาษาบ้านเขาอยุ่ด้วยในขณะนั้น บวกกับผมพึ่งเสียใจไปกับรักครั้งแรก เพียงเพราะผมตัดสินใจเลือกที่จะมาเมืองนอก มันเหมือนกับการทิ้งเขามาแล้ว 50%. โดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จนสุดท้าย ผมก็ผิดเอง ที่รักษาเขาไว้ไม่ได้ (ความผิดผม )ผมเจ็บอยุ่นานหลายปี *ตัดไปเรื่องแม่ผม ก็คือผมเรียนมาได้ปีกว่าๆแล้วอยุ่ๆก็จะให้ผมกลับ มันไม่เร็วไปหน่อยหรอแม่ นั่นคือความคิดของผม ณ ตอนนั้น. ณ ตอนนั้นเราอาศัยอยุ่กับ คนรุ้ใจของแม่ ณ ช่วงหนึ่ง ท่านก็ดีกับพวกเราทุกๆคนมากจนอยุ่มาวันนึง ณ ตอนที่แม่จะกลับนี่แหละคับ แม่ก็ได้ไปเช่าบ้านหลังหนึ่งไว้ให้ผม โดยให้ผมไปอยุ่บ้านหลังนั้นคนเดียว( เมืองนอก) สำหรับผมมันยังเร็วไปมาก สำหรับเรื่องนี้ แต่ด้วยความที่ผมอยากอยู่ที่ประเทศนี้ต่อ ผมเลยตอบตกลงไป. สุดท้ายแม่ผมก็กลับไป เหลือผมกับคนรู้ใจของแม่สองคน ผมคิดว่าทุกอย่างมันก็น่าจะเป็นไปตามปกติ แต่ป่าวเลย ณ ช่วงนึง แม่ผมได้เอาผมไปฝากงานไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นผมต้องผัด ต้องรับออเดอร์ ลูกค้า สำหรับเด็กใหม่ๆอย่างผม ณ ช่วงอายุ 19 นั้น ถือว่าถ้าทายมากคับ แต่ผมก็ทำและก็สู้. ช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ผมจะไปอยุ่บ้านหลังที่แม่เช่าให้ผมอยุ่ ส่วน จันทร์-ศุกร์ ผมจะไปอยุ่กับคนรุ้ใจของแม่. ณ ตอนนั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ดี แต่ป่าวเลย ตั้งแต่ที่แม่ผมกลับไป คนรุ้ใจของแม่ของผมเขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชนิดที่ผมก็คิดไม่ถึง ก็คือเค้าละเอียดมากขึ้นจับจ้องผมมากขึ้น สุดท้ายความรุ้สึกผมมันก็บอกว่า ผมเป็นเหมือนหมากตัวนึงเท่านั้นเอง เพราะความสำคัญมันอยุ่ที่แม่ของผมแค่นั้นเอง ผมเลย รุ้สึกแย่ในระดับนึงแต่ไม่ถึงกับมาก. ณ ช่วงนั้นผมก็ยังคงเรียนโรงเรียนภาษา อยุ่แต่ด้วยความที่แต่ก่อนคนรุ้ใจแม่ของผมจะออกค่าเล่าเรียนให้ แต่ ณ ตอนนี้ผมต้องออกเองเเล้ว ผมก็ไม่ได้อะไร เพียงเพราะคิดว่าผมยังไหว. จนวันนึงผมรุ้สึกได้เลยว่าความกดดันในร้านอาหารต่อการทำงาน มันมากเหลือเกิน จนผมทนไม่ไหว ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยุ่ ผมร้องให้ ผมบอกกับหัวหน้างานตรงๆว่า ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ จาก ตอนนั้น ผมเลยเดินออกมาด้วยความรุ้สึกที่มันสบายใจ ที่ผมได้ทำตามสามัญสำนึกของตัวผมเอง. แต่หลายๆอย่างมันไม่ได้เข้าข้างผมเสมอไปเมื่อได้ไปบอกคนที่รุ้ใจของแม่ผม ว่าผมออกจากงานแล้ว เขาก็โกรธผมมาก เเละถามว่าผมออกมาทำไม ผมก็บอกว่าผมไม่ไหวจริงๆเพราะสกิลในครัวของผมบวกกับการสู้หน้าลูกค้า ณ ตอนนั้นผมทำได้แย่มากจริงๆ เขาก็โมโหผมมากพร้อมบอกว่าแต่ยังไงเธอก็ต้องหางานใหม่ทำ ผมก็เลยบอก โอเค.•ขอโทดนะพอดีวันนี้มีเวลาที่จะเล่าเรื่องของตัวผมเองแค่นี้ วันพรุ่งนี้ผมจะรีบเข้ามาเล่าต่อนะคับ ขอโทดอีกทีนะคับ
อันเรื่องมาจากการอยู่ผิดที่ (การผจญภัยของเด็กผู้ชายคนนึงในเมืองนอก 1 )
เรื่องมันมีอยุ่ว่า ตอน ผมอายุ18 ย่าง19 มันเป็นช่วงที่ผมจบ มัธยมศึกษาปีที่6 โปรแกรมการวางแผนที่จะเรียนต่อ ยังไม่ค่อยอยู่ในหัวของผมเท่าไหร่นัก ณ ตอนนั้น ผมจึงยังไม่ค่อยได้คิดอะไรมากมาย. มาวันนึง แม่ผมซึ่งอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ (เยอรมัน ) ชักชวนผมมาว่าอยากจะมาอยุ่กับท่านด้วยไหม ผมเลยรู้สึกว่า มันเป็น choice ที่น่าสนใจเลยทีเดียว ด้วยความที่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นกับข้อเสนอของแม่ ผมเลยปรึกษากับพ่อของผม พ่อผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านบอกแค่ว่า ก็ลองดูสิ. น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียวเลยนะ. ผมเลยตอบตกลงกับแม่ของผมไป. *ขอท้าวความสักนิดนึงนะคับ เดิมที ผมเติบโตมากับพ่อของผม ความผูกพัน และอะไรหลายๆอย่างผมก็มักจะชินกับพ่อผมมากๆ แต่กับแม่ของผม ด้วยความที่ครอบครัวเราแยกทางกันตั้งแต่เด็ก ผมเลยได้อยุ่กับพ่อมาตลอด เเละเวลาที่ผมไปอยุ่กับแม่ หรือไปเที่ยวหาท่านผมจึงอยุ่ได้ไม่นาน ก็ต้องมีเหตุทะเลาะกันทุกที ไม่ว่าจะเป็นเพราะผมผิดเองหรืออะไรหลายๆ อย่างที่ผมไม่สามารถเข้ากับแม่ได้ ผมรุ้สึกว่า มันแย่มากๆเลยคับ ความรุ้สึกนี้ จนวันที่ผมได้ไปอยุ่กับท่านที่เยอรมันจริงๆ แรกๆ ทุกอย่างดูเหมือนไปได้ดี แต่มาวันนึงอะไรหลายๆมันก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด ผมรู้สึกได้เลยว่าผมเข้ากับแม่ผมไม่ได้เลย มีทางเดียวก็คือต้องเงียบและยอมท่านไป นั่นคือทางเดียว ส่วนการอธิบายเหตุผลใช้กับท่านไม่ได้ เพราะสำหรับท่านมันคือการเถียง แต่ ณ ตอนนั้นก็ยังถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไปได้ จน อยุ่มาวันนึง แม่ผมมีเหตุต้องกลับไทยบวกกับน้องๆของผมก็ต้องกลับตามไปด้วย แม่เลยถามผมว่า จะกลับด้วยไหม ผมเลยบอกว่าไม่. เพราะผมได้เลือกมาและกำลังเรียนภาษาบ้านเขาอยุ่ด้วยในขณะนั้น บวกกับผมพึ่งเสียใจไปกับรักครั้งแรก เพียงเพราะผมตัดสินใจเลือกที่จะมาเมืองนอก มันเหมือนกับการทิ้งเขามาแล้ว 50%. โดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จนสุดท้าย ผมก็ผิดเอง ที่รักษาเขาไว้ไม่ได้ (ความผิดผม )ผมเจ็บอยุ่นานหลายปี *ตัดไปเรื่องแม่ผม ก็คือผมเรียนมาได้ปีกว่าๆแล้วอยุ่ๆก็จะให้ผมกลับ มันไม่เร็วไปหน่อยหรอแม่ นั่นคือความคิดของผม ณ ตอนนั้น. ณ ตอนนั้นเราอาศัยอยุ่กับ คนรุ้ใจของแม่ ณ ช่วงหนึ่ง ท่านก็ดีกับพวกเราทุกๆคนมากจนอยุ่มาวันนึง ณ ตอนที่แม่จะกลับนี่แหละคับ แม่ก็ได้ไปเช่าบ้านหลังหนึ่งไว้ให้ผม โดยให้ผมไปอยุ่บ้านหลังนั้นคนเดียว( เมืองนอก) สำหรับผมมันยังเร็วไปมาก สำหรับเรื่องนี้ แต่ด้วยความที่ผมอยากอยู่ที่ประเทศนี้ต่อ ผมเลยตอบตกลงไป. สุดท้ายแม่ผมก็กลับไป เหลือผมกับคนรู้ใจของแม่สองคน ผมคิดว่าทุกอย่างมันก็น่าจะเป็นไปตามปกติ แต่ป่าวเลย ณ ช่วงนึง แม่ผมได้เอาผมไปฝากงานไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นผมต้องผัด ต้องรับออเดอร์ ลูกค้า สำหรับเด็กใหม่ๆอย่างผม ณ ช่วงอายุ 19 นั้น ถือว่าถ้าทายมากคับ แต่ผมก็ทำและก็สู้. ช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ผมจะไปอยุ่บ้านหลังที่แม่เช่าให้ผมอยุ่ ส่วน จันทร์-ศุกร์ ผมจะไปอยุ่กับคนรุ้ใจของแม่. ณ ตอนนั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ดี แต่ป่าวเลย ตั้งแต่ที่แม่ผมกลับไป คนรุ้ใจของแม่ของผมเขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชนิดที่ผมก็คิดไม่ถึง ก็คือเค้าละเอียดมากขึ้นจับจ้องผมมากขึ้น สุดท้ายความรุ้สึกผมมันก็บอกว่า ผมเป็นเหมือนหมากตัวนึงเท่านั้นเอง เพราะความสำคัญมันอยุ่ที่แม่ของผมแค่นั้นเอง ผมเลย รุ้สึกแย่ในระดับนึงแต่ไม่ถึงกับมาก. ณ ช่วงนั้นผมก็ยังคงเรียนโรงเรียนภาษา อยุ่แต่ด้วยความที่แต่ก่อนคนรุ้ใจแม่ของผมจะออกค่าเล่าเรียนให้ แต่ ณ ตอนนี้ผมต้องออกเองเเล้ว ผมก็ไม่ได้อะไร เพียงเพราะคิดว่าผมยังไหว. จนวันนึงผมรุ้สึกได้เลยว่าความกดดันในร้านอาหารต่อการทำงาน มันมากเหลือเกิน จนผมทนไม่ไหว ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยุ่ ผมร้องให้ ผมบอกกับหัวหน้างานตรงๆว่า ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ จาก ตอนนั้น ผมเลยเดินออกมาด้วยความรุ้สึกที่มันสบายใจ ที่ผมได้ทำตามสามัญสำนึกของตัวผมเอง. แต่หลายๆอย่างมันไม่ได้เข้าข้างผมเสมอไปเมื่อได้ไปบอกคนที่รุ้ใจของแม่ผม ว่าผมออกจากงานแล้ว เขาก็โกรธผมมาก เเละถามว่าผมออกมาทำไม ผมก็บอกว่าผมไม่ไหวจริงๆเพราะสกิลในครัวของผมบวกกับการสู้หน้าลูกค้า ณ ตอนนั้นผมทำได้แย่มากจริงๆ เขาก็โมโหผมมากพร้อมบอกว่าแต่ยังไงเธอก็ต้องหางานใหม่ทำ ผมก็เลยบอก โอเค.•ขอโทดนะพอดีวันนี้มีเวลาที่จะเล่าเรื่องของตัวผมเองแค่นี้ วันพรุ่งนี้ผมจะรีบเข้ามาเล่าต่อนะคับ ขอโทดอีกทีนะคับ