หาInterstellar มาดูแล้วนะครับ ใช้เวลาดูแค่วันกว่าๆเอง...ไม่นานเท่าinception

ลองทำตามที่บอกแล้วนะครับ เรื่อง interstellar

สวัสดีชาวเฉลิมไทยพันทิปอีกรอบนะครับ ร้างจากการเขียนกระทู้ไปพักหนึ่ง ไปหาซื้อหนังมาดู และก็นึกขึ้นได้ว่าเคยตั้งกระทู้บ่นไว้. ว่าเคยดูInception ด้วยเวลาเกิน2วันถึงจบ

มียูสเซอร์ท่านหนึ่งแซวเบาๆว่า. Inception ยังขนาดนี้ Interstellar จะไม่เป็นอาทิตย์เลยเหรอ...

ผมก็เลยหาซื้อInterstellar มาดู...วันนี้ปิติมากครับเพราะเพิ่งดูมันจบ

เอาจริงๆผมเป็นคนชอบวิทยาศาสตร์นะ น่าจะอินกับหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษนิดหน่อย มีคนบอกว่ามีการใช้ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ในหนังได้ดีมาก(ช่วงหนังเข้าถึงกับเป็นประเด็นในห้องเฉลิมไทยและหว้ากอเลย)....ไอ่ผมก็เรียนสายวิทย์มา ก็อยากลองภูมิตัวเองอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ว่าไม่เคยซื้อมาดูซักที

ส่วนหนึ่งเพราะผมก็กลัวจะดูหนังไม่เข้าใจครับ กว่าจะรวบรวมความกล้าไปหยิบมันจากแผงขายก็หลายวันเลยทีเดียว....ที่กล้าซื้อมันมาได้เพราะอยากดูว่าผู้ชนะออสก้าร์สาขาVFXปี2014จะเด็ดแค่ไหนล้วนๆ--

ไอ่ตอนจะดูนะ จขกท. เตรียมตัวอย่างดีเลย กลัวหลับ...555 นอนมาก่อนดู12ชม. เอาหนังสือฟิสิกส์มาอ่านบิ้วท์ก่อน แล้วก็เริ่มดู...

เปิดมา เงิบครับ. เพราะในความคิดผมนึกว่ามันจะมาแบบ 2001:จอมจักรวาล แบบอวกาศทั้งเรื่องไรงี้ แต่เรื่องดันเปิดมาด้วย การเล่าเรื่องของครอบครัวเกษตรกรในโลกอนาคต ที่พ่อ(ชื่อคูเปอร์)เคยทำงานอยู่นาซ่า แต่นาซ่าถูกยุบ เลยมาทำไร่ข้าวโพดกับปู่และลูกอีก2คน(ข้าวโพดเนี่ยนะ เอ็งไม่มีงานอื่นที่สมกับที่เป็นว่าที่นักบินอวกาศกว่านี้แล้วเรอะ) โลกและเด็กในสมัยนั้นถูกปลูกฝังให้มองข้ามและพูดถึงการท่องอวกาศและออกไปนอกโลกว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่อิครอบครัวนี้ไม่ยอมเชื่อตาม....อันนี้ดีนะ มีการอ้างอิงทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า อเมริกาหลอกโลกว่าเคยไปดวงจันทร์เป็นแผนให้โซเวียตล่มสลาย ซึ่งผมงงตรงนี้มาก ถ้าเอ็งหลอก แล้วโซเวียตทำได้จริง แล้วเอ็งจะหลอกเค้าต่อทำซากมะเขือเผาอะไร เป็นการแถหลอกเด็กผ่านหลักสูตร ที่ไอ้คนที่เชื่อก็ปึกมากๆ-..-  นี่ประวัติศาสตร์พวกเอ็งไม่สอนสงครามเย็นกันเหรอ ว่าโซเวียตก็ไปอวกาศ...แต่ผมจะมองข้ามจุดนี้ไปละกัน...เพราะถือเป็นจุดเล็กๆและเป็นส่วนของการปูเรื่อง....และตอนนั้นผมอาจจะหงุดหงิดที่หนังไม่เป็นอย่างที่คิด

และด้วยความเงิบนี่เอง ทำให้หลับไปงีบแรก. ตื่นขึ้นมาละแบบเห๊ยยยย!! หนังจะจบ และก็กรอกลับมาดูต่อจากตอนที่จะหลับ

ผมชอบมุมมองโลกดิสโทเปียของหนังนะครับ(แต่ชอบรถไถที่สุด) มันอยู่ในระดับที่ไม่เว่อร์เกินไป แต่เว่อร์ตรงพวกเอ็งพากันไปดักเครื่องร่อนสำรวจกับลูกด้วยโน้ตบุ๊คในรถ...ราวกับไปตกปลาเล่นสุดสัปดาห์...อาจจะเป็นกิจวัตรประจำวันสนุกๆของคนในอนาคตก็ได้

มันเป็นยุคที่เกิดพายุทรายขึ้นเป็นประจำ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม เริ่มเพาะปลูกอะไรไม่ได้ แต่คนดันต้องการอาหารมากขึ้น จึงเริ่มมีผู้คัดเลือกชนชั้นคน...มั้ยนะ ที่ตัดสินว่าคนไหนจะได้เรียนต่อ คนไหนควรออกมาเป็นเกษตรกร และลูกคนโตของคูเปอร์ อย่างทอม ก็เป็นผู้ที่ถูกบอกว่าให้เลิกเรียนไปเป็นเกษตรกร. ว่าง่ายๆบ้านเรา เอ็งกลับไปทำนาอยู่บ้านเหอะ!!

เอาตรงๆตอนดูความรู้สึกตอนดู ผมยังติดภาพแมทธิว แมคคอนาเฮย์จาก Dallas buyers club อยู่ แบบยังติดภาพอิแก่ขี้โรคติดเอสด์จอมยิ้ม(เพราะภาพในหนังโคตรติดตามากๆ-..-)อาจจะยังไม่อินfeelกับบทพ่อ แต่นางก็เล่นได้ดีนะ

แน่นอนคูเปอร์หัวเสียกับทอมมาก แต่หัวร้อนแค่คนเดียวคงไม่พอ  เมิร์ฟ(ลูกคนเล็ก)ก็ดันเชื่อว่ามีผีอยู่ในห้องนอนของแม่อีก...ซึ่งผีนั้นเป็นอะไรซักอย่างที่พยายามจะสื่อสารกับนางด้วยหนังสือบนชั้น รหัสมอส และแรงโน้มถ่วง ถึงจะเป็นผี นางกับพ่อก็พยายามถอดรหัสว่าสิ่งที่จะสื่อสารกับนางคืออะไร(สมเป็นอัจฉริยะจริงๆลูก ห้องกว้างๆลูกดูออกด้วยว่าผีใช้หนังสือกับเข็มนาฬิกาข้อมือสื่อสารเป็นรหัสมอส เอาแรงโน้มถ่วงสื่อสารเป็นเลขฐานสอง) จนได้พิกัดของฐานลับ นาซ่าที่เพิ่งถูกเปิดใหม่อีกครั้ง เพื่อจะทำภารกิจมุดรูหนอนสำรวจดาวอาณานิคมที่ส่งทีมไปสำรวจไว้ เป็นภารกิจที่เป็นความหวังของโลก แต่ชาวนากับลูกขี่รถเข้ามาอยู่ดีๆก็ขอให้ไปเป็นนักบินอวกาศให้หน่อย(??*~*) ก็เข้าใจว่านางเคยจะได้เป็นนักบินอวกาศ แต่มันก็ร้างไปนานแล้วป้ะ...แถมนาซ่าเอ็งจะไม่หาคนขึ้นไปไว้ก่อนยานออกเลยเหรอ(งงนิดๆงี้ )แต่ชอบแอน แฮททาเวย์ฉากนี้อยู่ นางสวยน่ารักดี. แต่ที่แย่งซีนกว่าคงจะเป็นหุ่นยนต์ผู้ช่วยเอนกประสงค์. เป็นหุ่นยนต์ที่ไอเดียล้ำ เก๋มาก ยิ่งดูยิ่งรู้สึกชอบ

แน่นอนคูเปอร์ก็ต้องการจะสานต่อความฝันของตัวเอง(โดยการทิ้งลูกเล็ก2คนให้ปลูกข้าวโพดอยู่กับปู่)....จ้ะ ดี อย่างน้อยก็คงจะมีเงินที่นาซ่าให้เป็นเงินเดือน ....ไอ่โครงการรอบนี้ก็ความเสี่ยงไม่สูงเลย สมการแรงโน้มถ่วงที่ต้องใช้ในการคำณวนความเสี่ยงการมุดรูหนอนก็ยังแก้ไม่ได้ มุดไปไม่รู้จะมุดได้มั้ย แล้วก็ไม่รู้ว่ามุดไปจะเจอคนรอดรึเปล่า แต่แกดันรู้ว่าลงไปในดาวแต่ละดวงเท่ากับกี่ปีบนโลก....ผมไม่ค่อยสันทัศน์กรณีด้านฟิสิกส์และดาราศาสตร์นะ มันคงจะมีความเป็นไปได้อยู่ล่ะมั้ง

จนแล้วจนรอด พวกเอ็งก็มุดรูข้ามกาแล็กซี่มาได้...ลงดาวดวงแรก เกือบโดนสึนามิกลืน. แต่ก็รอด และก็ขี่ยานพ้นขึ้นมาได้...หลังจากที่ผ่านไปหลายปี จนปู่ตัวเองตาย ลูกตัวเองโตหมดแล้ว หลังจากนั้นพวกนางก็ ลงดาวดวงที่2ของ ดร. แมน ที่ชั้นบรรยากาศเป็นแอมโมเนียและอุณหภูมิเยือกแข็งติดลบ จน ดร.แมนต้องจำศีล แต่ก็ปลุกขึ้นมาได้และก็....ปั้ง เจอแมตต์ เดมอน มาเซอร์ไพรส์. นี่แกสนใจจะมาปลูกมันฝรั่งไกลขนาดนี้เลยเหรอ-..-

ซึ่ง ดร. แมน ก็ดันเป็นตัวโกงแบบที่ ตรูจะเอาแต่กลับบ้าน ไม่ฟังใครซักคน(ทั้งๆที่มันเองก็ใช้ยานแบบใหม่นั้นครั้งแรก ไม่รู้วิธีบังคับแถมเทียบยานไม่ติดก็ยังจะเทียบ)จนทำตัวเองตาย(รวมถึงทำคนที่มาช่วงมันตายไป1 ทำยานแตก ทำเละทุกอย่างจนมาสู่จุดที่โคตรจะขี้โม้ที่สุดจุดหนึ่งในหนัง. คือการหมุนควงคู่เทียบยานแล้วก็เบรกยานไว้ได้(ทั้งที่มันน่าจะหักออกจากกันด้วยหลักทางฟิสิกส์นะ แบบใช่แรงมันหักล้างกันได้ แต่แกนแรงที่มันเป็นประตูเชื่อมยานแข็งแรงขนาดทนแรงจากความเร็วสูงขนาดนี้ได้เหรอ....แต่ทุกอย่างเชื่อได้เสมอเมื่อหนังมีทีมที่ปรึกษาจากนาซ่า...แต่ในแง่ความบันเทิง มันคือฉากที่มาจากหนังโนแลนแล้วทำให้ผมลุ้นที่สุดแล้ว

เรื่องดราม่าก็เข้มข้นอยู่หรอกสำหรับหนังไซไฟ...อันที่จริงคือควรจะชม หนังมันเค้นความดราม่าออกมาได้พอดีกับที่มันเป็นไซไฟอะครับ ไม่ได้เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ แต่ก็ไม่ได้เล่นเล็กเกินไป ... ตัวละครและพฤติกรรมตัวละครมันก็เป็นไปตามสเตปหนัง คริสโตเฟอร์ โนแลน ทั่วไปล่ะนะ...ตัวละคร ปอกเปลือกได้ เดาทางมันไม่ออกว่ามันจะดีจะร้าย แต่ที่แน่ๆคือตัวเอกมันไม่ค่อยไม่ตาย แต่อีกใจนึงผมก็งงนะว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกฝึกมาถึงคิดจะทรยศ ไม่ทำตามที่ควรจะทำ และก็วางแผนโกหก. เพราะ ถ้าดอกเตอร์แมน บอกความจริงก็พากันกลับขึ้นไปสำรวจดาวอื่นได้หนิ...ถ้ากลังเปลืองทรัพยากรก็จับมันเข้าตู้ต่อ พอกลับบ้านได้ค่อยปลุก

เพราะอิดอกเตอร์แมนนี่แท้ๆ ทำให้อดรู้เลยว่าบนดาวดวงอื่นๆเป็นยังไง แถมบทฮีตายก็โง่เกินจะเรียกได้ว่าจบดอกเตอร์ ... แต่ให้วิเคราะห์เบื้องลึกก็มีโอกาสความเป็นไปได้อยู่นะ สำหรับตัวละครที่คิดว่าตัวเองจะไม่มีทางรอดในอวกาศแล้ว...เขาน่าจะมีความต้องการกลับบ้านอย่างแรงกล้ามาก

ตามประสาคนกลัวดูหนังไม่จบ ผมเลยstopมันซะตรงนี้ไปหาอะไรดูแก้เครียดให้หายหงุดหงิด ...ซักชั่วโมงกว่าๆได้(จริงๆคือไปงีบด้วย ง่วงมาก) และก็ทำใจ(เปิดกว้างๆ)มาดูต่อ...

เอ้อลืมเล่าเหตุการณ์อีกฝั่งบนโลก. ส่วนนี้ของหนังแหละที่ช่วงดึงผมให้พยุงอารมณ์ต่อไปได้...หลังจากที่คูเปอร์ไป...บนโลกก็มีคนส่งวีดีโอไปให้เรื่อยๆ แต่ประเด็นคืออีกฝั่งไม่มีใครตอบกลับมาเลย(เป็นองค์การนาซ่ากับทีมอื่นๆทั่วไปผมว่าเลิกส่งข้อความรอให้ตอบกลับ แล้วส่งปอเต็กตึ๊งไปค้นหาศพแล้วนะ) อาจจะเพื่อความดราม่าในตัวละคร บนโลกก็อย่างที่ว่าครับ ปูตาย พ่อของbrand(นางแอน)ก็ชราใกล้ม่อง ทอมมีลูกเป็นโรคแพ้ฝุ่น (แต่พายุทรายเกิดมากขึ้นทุกวัน...แล้วพวกเอ็งไม่มีปัญญาหาหน้ากากอนามัยใส จนลูกเป็นโรคทางเดินหายใจ) เมิร์ฟพยายามปลีกตัวออกไปจากครอบครัว(และก็ไปเป็นลูกศิษย์พ่อbrand ทำงานที่นาซ่า) จนวันหนึ่งนางก็เลือกจะส่งข้อความไปหาคูเปอร์ตามเทรนด์คนอื่น ในวันที่พ่อนางบอกว่าอาจจะกลับมา และก็กลับมาที่บ้านเพื่อที่จะกล่อมญาติตัวเองให้หนี อพยพจากบ้าน และสองคนพี่น้องก็ผิดกันอิท่าไหนก็ไม่รู้ ว่าพวกเอ็งจะอพยพกันไปมั้ยวะ(มั้งนะ ตรงนี้ผมงัวเงีย)

ดราม่าในจุดนี้เข้มข้นมาก และทำผมน้ำตาซึมสุดๆ โดยเฉพาะตอนที่พ่อของbrand บอกให้เมิร์ฟส่งข้อความไปเรื่อยๆ ให้เชื่อว่าพวกนั้นยังไม่ตาย และพ่อก็ตาย แต่ชอบที่สุดคือฉากดราม่าตอนที่นางคุยอยู่กับกล้องคนเดียวแล้วแบบ...เห้ย. เอ็งเอาฉากนั้นอยู่ ทั้งๆที่ภาพเอ็งก็พิกเซลโคตรแตกเลย ออกปากชมในส่วนนี้...และก็ออกปากด่าพ่ออิbrandด้วย เอ็งแก้สมการไม่ได้แล้วทำไมเอ็งกล้าส่งลูกตัวเองกับพ่อคนอื่นไปลองตายเล่นวะ-..-ไปพร้อมๆกัน...

ถึงกระนั้นเมิร์ฟก็ยังมุ่งมั่นที่จะแก้สมการแรงโน้มถ่วงต่อจากท่านอาจารย์แม้ว่าจะรู้ดี...ว่าไม่สามารถแก้ได้ถ้าไม่ได้ข้อมูลค่าบางอย่างจากหลุมดำ ที่นางก็ไม่รู้ว่าจะไปเอามันมาได้ยังไง...

แต่พอมาถึงจุดนี้ ผมได้รู้สึกถึงความสามรถอย่างหนึ่งของโนแลน ในการมีช่วงให้งีบเล่นในหนัง แบบที่งีบไปช่วงนั้นก็ยังดูรู้เรื่องอยู่ เพราะโซนนี้ของหนังก็มีช่วงชวนง่วงเหมือนกัน. แชะทำให้ผมหลับไปหลายวูบ....กรอดูใหม่ซัก20รอบเห็นจะได้~~ ใช้เวลาตรงนี้ก็ร่วมหลายชั่วโมง...5555

กลับมาที่ฝั่งอวกาศ ม่องไป2 เหลืออยู่แค่2หุ่นยนต์กับ2มนุษย์ ในที่สุดพวกนี้ก็นึกขึ้นได้ว่าเราควรมุดรูหนอดกลับบ้านไปซะในตอนที่ยังมีโอกาส ก็เลยทำการทุ่มเชื้อเพลิงทั้งหมดที่มีในการจะดันยานให้พ้นจากหลุมดำและเข้ารูหนอนกลับไปได้ แต่อิคูเปอร์ก็สละตัวเองออกให้brandไปคนเดียว เพราะเชื้อเพลิงไม่พอ...แต่โกหกว่าพอ...ฉากนี้นิมิตฉากปิ๊งป่องinside out มากรายๆ อารมณ์เดียวกัน แต่พูดกันตรงๆว่าไม่สะเทือนใจเท่าinside out ...อย่างที่บอกทีแรกครับ มันคงจะอยู่ในระดับที่พอดีกับการเป็นหนังไซไฟ

ประเด็นคือไม่ให้เสียเที่ยว. สละยานทั้งที่ คูเปอร์ขอไปสำรวจหลุมดำกับหุ่นคู่ใจ...และก็โดนดูดเข้าไปในหลุมดำ...บริเวณที่มีแรงดึงดูดมหาศาลจนแสงก็ยังถูกดูดเข้าไป...ความคิดชาวบ้านคือมันน่าจะตายอะแหละ. แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้นี่จริงมั้ย สรุปว่าอิพวกนี้เข้าไปเจอมิติที่5ที่ไปเชื่อมต่อกับ...บ้านของพวกแกเอง บนโลก-..-  และแน่นอน ปมเริ่มคลายตามสไตล์โนแลน ผีของอิลูกก็คืออิพ่อนี่เอง...อันที่จริงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้โดยทั่วไป...ซึ่งทีมบทก็โยนให้เป็นฝีมือของ...เอเลี่ยน ไม่ก็บุคคลลึกลับจากอนาคตมาช่วยเอาไว้...

ซึ่งเช่นกัน อิคูเปอร์กับอิหุ่นนั่นก็มีอะไรซักอย่างช่วยเอาไว้ มาติดอยู่ในมิติควอนตัม( ยิ้มผิดนั่นant man) มิติที่5....ซึ่งก็เชื่อมกับสถานที่บนโลก ที่ไหนรู้มั้ย บ้านมันเอง และก็สามารถส่งแรงโน้มถ่วง(และแรงกระทำ)ข้ามมิติทะลุเวลาไปได้ด้วย สรุปผีที่พยายามจะสื่อสารกับเมิร์ฟก็คือตัวมันเอง....เหอะๆๆ เงิบกินสิครับ เงิบพอๆกับmemento เลยโว้ยยย....แต่มันก็เป็นจุดที่ทำให้หนังเชื่อมกันอะนะ.

ในจุดนี้เป็นอีกจุดที่ชื่นชมงานด้านภาพและเทคนิคพิเศษที่สวยมาก. ป้าสเตฟานเคยโวให้ฟังว่าเป็นฉากที่ใช้โมเดลจริงสร้าง...แต่ส่วนตัวผมว่ามันคล้ายฉากที่ใช้เทคนิคพื้นฐานอย่างปรัศวภาควิโลมในการสร้างฉากมากกว่า...ซึ่งเทคนิคกับภาพสะท้อนเงาและรูปทรงเรขาคณิตเป็นงานเก๋ไก๋งานประจำของโนแลนอยู่แล้ว. ตั้งแต่ inception เลย ถึงผมจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็ตามที...

และแน่นอนตามปมที่มันผูกไว้เมื่อตอนต้นเรื่อง คูเปอร์พยายามใช้วิธีต่างๆ เพื่อที่จะสื่อสารกับลูก. แรกๆนางก็พยายามจะบอกลูกห้ามไม่ให้ตัวเองออกเดินทาง(ถ้ายิ้มไม่ไปยิ้มจะมาส่งข้อความหามันมั้ย)ซึ่งก็ไม่ได้ ฉากนี้เป็นฉากดราม่าที่ค่อนข้างดีนะ สมราคาแมทธิวที่ได้ออสก้าร์ปีนั้นมา...แต่ทำไมรู้สึกว่ามันมีวิธีสื่อสารหลายวืธีจัง. ทั้งออกแรงกระทำต่อวัตถุ ทั้งบิดเบือนแรงโน้มถ่วง ทั้งเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็ก ไหนว่ามีแต่แรงโน้มถ่วงที่ข้ามเวลาได้....หรือมันคือแรงชนิดเดียวกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่