พณ ฯ ท่าน ยวาหราล เนรู
กล่าวไว้อย่างหนึ่ง ว่า “ คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นดั่งสายลมจากภูเขาหิมาลัย ที่พัดพาความสกปรกและอับชื้น ออกไปจากอินเดีย ”
อีกกาลจวนมาแล้ว ไม่นานนี้ก็จะถึงแก่
๕,๐๐๐ วรรษากาล ที่เป็นที่สิ้นสุด ศาสนาพุทธ เรื่องว่าสิ้นสุดนี้ คงหมายความว่า จบสิ้น หมดสิ้นไปจากประเทศไทยด้วย แล้ว!
พุทธศาสตร์ อันควรจำเริญดีที่ชาวเรารักษากันไว้ จะไปรุ่งเรืองและประดิษฐ์สถิต ณ ที่ใดเหมาะ อันเหมาะแก่เรื่องราวแห่งการเคลื่อนย้ายถ่ายเทตามความเป็นมาด้วย
สายลมจะพัดพา ความสกปรกและอับชื้น ไปตกที่ใด?
สายทางการอพยพของชาวไทย จะกดไล่ให้ลงลึก ไปอยู่แดนใต้แห่งภูมิภาคใด?
(ค่อยหา ข้อวินิจฉัยอย่างอื่นๆประกอบ)
อ่ะ! ข้อนี้มาชวนคุย ยังคงไม่ผิดมนุษย์ มนาอาศัย จึงก่อนจะได้ อ่านตรวจข้อต่างๆในเรื่องที่ควรอ่าน
ก็ในไม่ช้านี้แหละ ไม่นานนะท่าน ก็
๒ พันกว่าปีไปนี้ ภูมิศาสตร์ธรณีวิทยาเขตของโลกเราก็คงไม่เปลี่ยนนักหรอก ที่ประมาณกันว่า คนเราเผ่าไทยจะอยู่ไปนาน แต่ว่าจะเป็นตรงนี้ หรือตรงไหนในโลก ก็คงไม่มีการสรุปอนาคตให้เรียกตรงกันได้ ความจริงก็คือ ก็อันที่เป็นข้อตามการสงสัยเอามา นี่แหล่ะ ? ในสมัยหนึ่งนั้น ลมลิขิต
พุทธศาสน์พัดมาตกลงสุวรรณภูมินี่แล้ว ชาวเราสุวรรณภูมิ ดึงลมเอาไว้ได้ แต่ที่นี้ เมื่อถึงเวลาปรากฏการณ์อย่างแท้มันพรากไป มันจะไปตก หรือไปถูกดึงไว้ได้ ณ ที่ใดอีก
ก็ในไม่ช้านี้! ก็คงไม่ไกลระยะเดิมหรอก แต่จะพูดละเอียดไปจวบจนสิ้นอารยธรรม ที่สิ้นมนุษย์ไปด้วยเลยนั้น มันก็อาจจะผิดธรรมชาติเกินไป
พุทธศาสน์เมื่อสิ้น วรรษาแล้ว
‘ ปฏิวัฒนะ อันเป็น อุบัติ
พุทธศาสตร์ อย่างเดียว ’
ตามสายลมพัดพา คงจะไปสถาวร จำเริญแถบประเทศทางหมู่เกาะฟิลิปปินส์ เราชาวไทยจะค้นคว้าพาตนเองไปด้วย หรือเปล่า ไม่รู้! แต่หากคนไทยจำต้องลำบากซ้ำ กระทำกรรมเป็นคราครบ ตามที่เคยจำหลักหลบหลีกหลบมาจากแดนจิ๋น ชาวเราต้องเอาความเจริญเข้าผูกข้องเข้าด้วยสำคัญ และเคลื่อนย้ายทางสังคมไปฝากตาย ณ แดนใหม่ ที่ นิวกีนี หรือเปล่า! ซึ่งก็คงต้องมีเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดให้พุทธศาสตร์ไปอยู่ที่โน่น เพราะ
๕,๐๐๐ วรรษาศาสน์ ตามเกณฑ์นั้น จบสิ้นระยะลงแล้ว จึงควรต้องเป็นอย่างใหม่เป็นแน่ ไม่เป็นอย่างอื่น
*รูปภาพแสดงให้เห็นถิ่นทุรกันดารทั่วไป ซึ่งอาจไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่ปรากฏอยู่ในข้อเขียน
ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่กำลังปรากฏ แต่ว่าเป็นเรื่องจริง
กล่าวไว้อย่างหนึ่ง ว่า “ คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นดั่งสายลมจากภูเขาหิมาลัย ที่พัดพาความสกปรกและอับชื้น ออกไปจากอินเดีย ”
อีกกาลจวนมาแล้ว ไม่นานนี้ก็จะถึงแก่ ๕,๐๐๐ วรรษากาล ที่เป็นที่สิ้นสุด ศาสนาพุทธ เรื่องว่าสิ้นสุดนี้ คงหมายความว่า จบสิ้น หมดสิ้นไปจากประเทศไทยด้วย แล้ว!
พุทธศาสตร์ อันควรจำเริญดีที่ชาวเรารักษากันไว้ จะไปรุ่งเรืองและประดิษฐ์สถิต ณ ที่ใดเหมาะ อันเหมาะแก่เรื่องราวแห่งการเคลื่อนย้ายถ่ายเทตามความเป็นมาด้วย
สายลมจะพัดพา ความสกปรกและอับชื้น ไปตกที่ใด?
สายทางการอพยพของชาวไทย จะกดไล่ให้ลงลึก ไปอยู่แดนใต้แห่งภูมิภาคใด?
(ค่อยหา ข้อวินิจฉัยอย่างอื่นๆประกอบ)
อ่ะ! ข้อนี้มาชวนคุย ยังคงไม่ผิดมนุษย์ มนาอาศัย จึงก่อนจะได้ อ่านตรวจข้อต่างๆในเรื่องที่ควรอ่าน
ก็ในไม่ช้านี้แหละ ไม่นานนะท่าน ก็ ๒ พันกว่าปีไปนี้ ภูมิศาสตร์ธรณีวิทยาเขตของโลกเราก็คงไม่เปลี่ยนนักหรอก ที่ประมาณกันว่า คนเราเผ่าไทยจะอยู่ไปนาน แต่ว่าจะเป็นตรงนี้ หรือตรงไหนในโลก ก็คงไม่มีการสรุปอนาคตให้เรียกตรงกันได้ ความจริงก็คือ ก็อันที่เป็นข้อตามการสงสัยเอามา นี่แหล่ะ ? ในสมัยหนึ่งนั้น ลมลิขิต พุทธศาสน์พัดมาตกลงสุวรรณภูมินี่แล้ว ชาวเราสุวรรณภูมิ ดึงลมเอาไว้ได้ แต่ที่นี้ เมื่อถึงเวลาปรากฏการณ์อย่างแท้มันพรากไป มันจะไปตก หรือไปถูกดึงไว้ได้ ณ ที่ใดอีก
ก็ในไม่ช้านี้! ก็คงไม่ไกลระยะเดิมหรอก แต่จะพูดละเอียดไปจวบจนสิ้นอารยธรรม ที่สิ้นมนุษย์ไปด้วยเลยนั้น มันก็อาจจะผิดธรรมชาติเกินไป
พุทธศาสน์เมื่อสิ้น วรรษาแล้ว
‘ ปฏิวัฒนะ อันเป็น อุบัติพุทธศาสตร์ อย่างเดียว ’
ตามสายลมพัดพา คงจะไปสถาวร จำเริญแถบประเทศทางหมู่เกาะฟิลิปปินส์ เราชาวไทยจะค้นคว้าพาตนเองไปด้วย หรือเปล่า ไม่รู้! แต่หากคนไทยจำต้องลำบากซ้ำ กระทำกรรมเป็นคราครบ ตามที่เคยจำหลักหลบหลีกหลบมาจากแดนจิ๋น ชาวเราต้องเอาความเจริญเข้าผูกข้องเข้าด้วยสำคัญ และเคลื่อนย้ายทางสังคมไปฝากตาย ณ แดนใหม่ ที่ นิวกีนี หรือเปล่า! ซึ่งก็คงต้องมีเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดให้พุทธศาสตร์ไปอยู่ที่โน่น เพราะ ๕,๐๐๐ วรรษาศาสน์ ตามเกณฑ์นั้น จบสิ้นระยะลงแล้ว จึงควรต้องเป็นอย่างใหม่เป็นแน่ ไม่เป็นอย่างอื่น
*รูปภาพแสดงให้เห็นถิ่นทุรกันดารทั่วไป ซึ่งอาจไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่ปรากฏอยู่ในข้อเขียน