คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
ผมแนะนำ จขกท ควรเด็ดขาดครับ คืนเงินทั้งหมด และให้เค้าหางานใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องครับ เค้าไม่มีสิทธิ์บังคับคุณได้ 100%
และสาเหตุที่แฟนคุณมาทำเพราะเบื่องานประจำ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไร้ค่าต่อธุรกิจของคุณมากครับ
นอกจากเค้าจะออกมาช่วยคุณเพราะเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจคุณ และคุณต้องใช้ความชำนาญของเค้าในการพัฒนาธุรกิจเท่านั้น
แต่ถ้าคุณต้องการให้เค้าร่วมเฉยๆ แนะนำว่า คุณควรแบ่งหุ้น คุณควรถือหุ้นมากกว่าเค้า ห้ามน้อยกว่าเด็ดขาด 51%+ ส่วนเค้าให้น้อยหน่อย และคุณควรมีเงินเดือนตัวเองด้วย. ซึ่งเงินเดือน มันแยกกับหุ้นนะครับ สมมติ เวลาจ่ายเงินสิ้นเดือน ก็จะแยกว่าจ่ายเงินเดือน + % กำไรตาม % หุ้นที่เค้าถือและคุณถือ
ขึ้นกับตำแหน่ง ถ้าเป็นธุรกิจตัวเองก็ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเลย คุณมีหน้าที่อะไรบ้าง เขียนมาให้ชัด หน้าที่แต่ละวัน ทำอะไรบ้าง และอย่าลืม ตำแหน่งคุณควรสูงสุด การตัดสินใจใหญ่ๆอยู่ที่คุณเท่านั้น เพราะธุรกิจนี้คุณเป็นเจ้าของ สร้างมากับมือ มีตัวอย่างมาเยอะครับ ออกมาเพราะเบื่อ ไม่มีความรู้ด้านการบริหาร พาธุรกิจเจ๊งมานักต่อนักแล้วครับ เพราะงั้น ธุรกิจนี้คุณรู้ดีที่สุด คุณควรคุม เค้าให้ idea พัฒนาได้ แล้วคุณค่อยตัดสินใจว่าใช้ได้ไหม จนกว่าวันนึงที่เค้ามีความเชี่ยวชาญ ไว้ใจได้ ค่อยเพิ่มงาน + เงินเดือนให้เค้าตามความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นครับ
ส่วนแฟน คุณให้เค้าทำตำแหน่งอะไร หน้าที่แต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง ให้อำนาจตัดสินใจแค่ในขอบข่ายงานที่เค้ารับผิดชอบเท่านั้น กำหนดเงินเดือนเท่าไหร่ แต่ถ้ากะลงแค่เงิน รอกินกำไร ก็ได้ครับ แต่ไม่ต้องให้เงินเดือน ให้แค่เงินปันผลจาก % หุ้นที่เค้าลง และห้ามเค้ายุ่งเรื่องการบริหารธุรกิจ แนะนำให้คำปรึกษาได้
และที่สำคัญ วันทำงาน กำหนดวันลาหยุด ลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อน. ทุกคนก็มีธุรจำเป็นส่วนตัวครับ ถ้ากำหนดไว้แบบนี้ก็สบายขึ้นเพราะจะหยุดก็ไม่ต้องมานั่งเกรงใจกดดันกัน ตราบใดที่ไม่เกินโควต้าที่กำหนด กำหนดไปเลยครับ ลาเกินกี่วัน ตัดเงินรายวัน ไม่ได้นับค่าแรงในวันนั้น เป็นต้น
ส่วนที่เหลือก็ค่อยๆเพิ่มกฏเข้ามาครับ แต่แฟนคุณอาจไปตั้งแต่ข้อแรกๆละครับ 555
และสาเหตุที่แฟนคุณมาทำเพราะเบื่องานประจำ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไร้ค่าต่อธุรกิจของคุณมากครับ
นอกจากเค้าจะออกมาช่วยคุณเพราะเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจคุณ และคุณต้องใช้ความชำนาญของเค้าในการพัฒนาธุรกิจเท่านั้น
แต่ถ้าคุณต้องการให้เค้าร่วมเฉยๆ แนะนำว่า คุณควรแบ่งหุ้น คุณควรถือหุ้นมากกว่าเค้า ห้ามน้อยกว่าเด็ดขาด 51%+ ส่วนเค้าให้น้อยหน่อย และคุณควรมีเงินเดือนตัวเองด้วย. ซึ่งเงินเดือน มันแยกกับหุ้นนะครับ สมมติ เวลาจ่ายเงินสิ้นเดือน ก็จะแยกว่าจ่ายเงินเดือน + % กำไรตาม % หุ้นที่เค้าถือและคุณถือ
ขึ้นกับตำแหน่ง ถ้าเป็นธุรกิจตัวเองก็ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเลย คุณมีหน้าที่อะไรบ้าง เขียนมาให้ชัด หน้าที่แต่ละวัน ทำอะไรบ้าง และอย่าลืม ตำแหน่งคุณควรสูงสุด การตัดสินใจใหญ่ๆอยู่ที่คุณเท่านั้น เพราะธุรกิจนี้คุณเป็นเจ้าของ สร้างมากับมือ มีตัวอย่างมาเยอะครับ ออกมาเพราะเบื่อ ไม่มีความรู้ด้านการบริหาร พาธุรกิจเจ๊งมานักต่อนักแล้วครับ เพราะงั้น ธุรกิจนี้คุณรู้ดีที่สุด คุณควรคุม เค้าให้ idea พัฒนาได้ แล้วคุณค่อยตัดสินใจว่าใช้ได้ไหม จนกว่าวันนึงที่เค้ามีความเชี่ยวชาญ ไว้ใจได้ ค่อยเพิ่มงาน + เงินเดือนให้เค้าตามความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นครับ
ส่วนแฟน คุณให้เค้าทำตำแหน่งอะไร หน้าที่แต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง ให้อำนาจตัดสินใจแค่ในขอบข่ายงานที่เค้ารับผิดชอบเท่านั้น กำหนดเงินเดือนเท่าไหร่ แต่ถ้ากะลงแค่เงิน รอกินกำไร ก็ได้ครับ แต่ไม่ต้องให้เงินเดือน ให้แค่เงินปันผลจาก % หุ้นที่เค้าลง และห้ามเค้ายุ่งเรื่องการบริหารธุรกิจ แนะนำให้คำปรึกษาได้
และที่สำคัญ วันทำงาน กำหนดวันลาหยุด ลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อน. ทุกคนก็มีธุรจำเป็นส่วนตัวครับ ถ้ากำหนดไว้แบบนี้ก็สบายขึ้นเพราะจะหยุดก็ไม่ต้องมานั่งเกรงใจกดดันกัน ตราบใดที่ไม่เกินโควต้าที่กำหนด กำหนดไปเลยครับ ลาเกินกี่วัน ตัดเงินรายวัน ไม่ได้นับค่าแรงในวันนั้น เป็นต้น
ส่วนที่เหลือก็ค่อยๆเพิ่มกฏเข้ามาครับ แต่แฟนคุณอาจไปตั้งแต่ข้อแรกๆละครับ 555
แสดงความคิดเห็น
ผู้เริ่มก่อตั้งกิจการ ควรแบ่งสัดส่วนหุ้นให้คนที่มาร่วมทุนยังไงดี
โดยใช้ความรู้ ความสามารถของตัวเอง ดำเนินงานจนได้กำไรพอสมควรแล้ว
เมื่อถึงจุดนึง มีเพื่อนมาร่วมทุนโดยลงเงินเท่ากับเรา แต่ลงแรงน้อยกว่าเรา และใช้ความรู้จากเราคนเดียว
เราควรจะแบ่งหุ้นให้เขายังไงดี ถึงจะยุติธรรมคะ
เพราะกิจการนี้ถ้าไม่มีเรา เพื่อนยังไม่สามารถดำเนินงานแทนได้เลย
เพราะต้องใช้ภาษา ความรู้ทางเทคนิค และคอนเนคชั่นที่เรามีมาแต่ต้น
ในขณะที่เพื่อนมองว่า เขาลงเงินเท่ากับเรา เขาควรมีสิทธิตัดสินใจเท่ากับเรา
เราสงสัยว่า การลงความรู้ ควรจะเทียบเท่ากับการลงแรงได้มั๊ยคะ
ขอบคุณค่ะ