หลายวันผ่านมาพาครอบครัวไปใช้ชีวิตในป่าห่างและหลบหลีกจากwi-fi โดยสิ้นเชิง อยากให้ลูกๆ เรียนรู้ชีวิตชาวเขา ตำข้าว ขุดดิน ตักน้ำ ก่อไฟทำอาหาร/ต้มน้ำ ลงเขามาก็ทุลักทุเลพอสมควรทั้งผมและครอบครัว ท้องเสียคือปัญหาใหญ่ ตอนนี้ก็ฟื้นตัวกันแล้ว....
อยู่บนเขาหลายคืนก็พบปะพูดคุยกันทั่วไป สุดท้ายก็เข้าการเมืองจนได้เมื่อ “ป้อหลวง” (ผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านลีซู)ถามว่าจะมีเลือกตั้งอีกเมื่อไหร่? ผมไม่ได้ตอบอะไรมากมายนักเพราะยังไม่รู้ว่าตัวผู้ใหญ่บ้านเองใส่เสื้อสีเดียวกันกับผมไหม ได้แต่ตอบแบบลอยตัวไปว่า “คงจะอีกไม่นาน”
ถึงตรงนี้แล้ว....อดนึกถึง “วันวาร” ที่เคยเป็นครูดอยอาสาขึ้นมาไม่ได้ เป็นช่วงที่เขามีสิทธิ์ไปเลือกตั้งได้เท่าเทียมกันกับคนเมือง บรรยากาศ “การเลือกตั้ง” ในเมือง ในเขตเทศบาลและโดยเฉพาะเขตต่างๆ ในกรุงเทพฯ นั้นแตกต่างจาก “บรรยากาศ” บนดอยทีเดียว สำหรับบางหมู่บ้าน “ศูนย์เลือกตั้ง” อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านมากมาย ต้องเดินข้ามเขาเป็นลูกๆ เพื่อมาหย่อนบัตร บางหมู่บ้านต้องเดินทางล่วงหน้าไปพักในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เขตเลือกตั้งเป็นคืน ผมในฐานะครูดอยถูกอุปโลกน์ให้เป็นคนจัดแจงลูกบ้านที่มีสิทธิ์มีเสียงเพื่อไปเลือกตั้งโดยปริยาย วางแผนว่าต้องเดินทางไปบอกและกระจายเสียงตามบ้าน หมู่บ้านให้คนที่มีสิทธิ์มีเสียงว่า “อย่านอนหลับทับสิทธิ์” ซึ่งก็ได้ผลดีพอสมควร พวกเขากระตือรือร้นใน “สิทธิ์” และ “หน้าที่” ของพลเมืองไทยเป็นอย่างมากมาก แม้จะเดินข้ามเขาเป็นวัน เพื่อไปหย่อนบัตรไม่กี่นาทีก็ตาม ผิดจาก “บางคน” ที่เจ้าหน้าที่เขตอำนวยความสะดวกตั้งหน่วยเลือกตั้งใกล้บ้านที่สุด แค่โฉบรถเก๋งออกมาแปร๊บเดียวก็ได้หย่อนบัตรแล้ว.......และ”บางคน” เป็นถึงระดับอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยระดับรองศาสตราจารย์กลับขับรถไปหน่วยเลือกตั้งเพื่อ “ฉีกบัตรเลือกตั้ง” ออกทีวีโชว์!!! บอกว่านี่คืออารยะขัดขืน(ทั้งๆ ที่ในบัตรเลือกตั้งเขามีให้กางดออกเสียง) งามหน้าจริงๆ?
ก้อ...คงไม่ปฏิเสธว่าคนที่อยู่ห่างไกลความเจริญอาจจะไม่มีความรู้เท่าเทียมคนในเมือง “ความรู้” ที่ว่านี้หมายถึงความรู้เรื่องประชาธิปไตยในเชิงแยบคายที่ซุกซ่อนไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและกลลวง โดยทั่วไป ผมในฐานะอดีตครูดอยสอนให้พวกเขารับรู้ประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานว่า ถ้าพวกเขาเลือกคนและพรรคที่เขาคิดว่าดีแล้วหรือดีที่สุด สิ่งที่พวกเขาจะได้คืนมาก็คือความดีที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ส่วนประชาธิปไตยในมุมมองของเพลโต ของอริสโตเติล ของดร. มีชัย หรือแม้แต่ของดร. วรเจตน์เป็นอย่างไรนั้น เขาไม่จำเป็นต้องรู้ลึกซึ้งมากมายปานนั้นหรอก บางทีเพียงแค่พวกเขาตระหนักใน “สิทธิ์” และ “หน้าที่” ของเขาในระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานแค่นี้ก็อาจจะ “ฉลาด” กว่าหลายๆ คนที่ได้แต่พร่ำอ้างหรือโคว๊ตคำคมต่างๆ ของนักปราชญ์ชาวตะวันตกซะอีก
ส่วนตัวผมไม่ได้คาดหวัดว่าจะมีเลือกตั้งเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้หรอก ถึงจะมีการเลือกตั้งอีกไม่กี่วันข้างหน้า เส้นทางการเมืองในประเทศไทยก็จะยังคงอนธกาลอยู่เช่นนี้ คงต้องรอวันที่ฟ้าสีทองนู่นแหละครับ
เห็นสีทอง ส่องทาบ อาบอัมพร
ทิวากร โผล่พ้น บรรพตใหญ่
อรุณรุ่ง สาดส่อง ผ่องอำไพ
ประชาธิปไตย จะเป็นใหญ่ ในแผ่นดิน
การณ์ เวลา และวารี มีแปรเปลี่ยน
มีหมุนเวียน เปลี่ยนปรับ แล้วดับสิ้น
แม้นอำนาจ วาสนา จรดฟ้าดิน
ยังพังภินท์ สิ้นได้ เมื่อวายชนม์
-----------------------วัชรานนท์
ปล. นอนอ่านหนังสือหนังสือ "คิดอย่างยิ่งลักษณ์" ที่น้องอ้อมให้มาพร้อมลายเซ็นต์ของคุณยิ่งลักษณ์อยู่บนดอยจนจบ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ เคยอ่านในห้องอาหารระหว่างรออาหาร รู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมองเราอยู่ 55555 และเมื่อได้อ่านส่วนที่เหลือจนจบอยู่บนดอยได้ยินแต่เสียงนกเสียงจั่กจั่นป่าร่ำแข่งกันว่า "ยิ่งลักษณ์สู้ๆๆๆๆๆๆๆ" ปิดหน้าสุดท้ายของหนังสือที่กำกับว่า
"ยิ่งลักษณ์ไม่เคยลืม ว่าการตัดสินใจเดินเข้าสู่ถนนการเมือง เป็นเพราะต้องการทดแทนบุญุคุณประชาชน และในฐานะผู้นำรัฐบาล คงไม่มีอะไรที่จะทดแทนบุญคุณประชาชนได้ดีเท่ากับการทุ่มเททำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน" จบบรรทัดสุดท้ายก็ยิ้มพลางและรำพึงพลาง "ยิ่งลักษณ์ คุณทำได้ดีมากๆ ผู้ชายอกสามศอกอย่างผมถ้าอยู่ในสภาพอย่างคุณ ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีเท่าคุณหรือไม่" พระย่อมคุ้มครองคนดีอย่างคุณเสมอ
ยิ่ง นานวันยิ่งรักล้น.............หมดใจ
ลักษณ์ ดั่งนางเทพนิยาย......วาดไว้
ชิน ชาต่อเหล่าร้าย...........หมายมุ่ง ทำลายแฮ
วัตร ขัดผองภัยพ่าย...........แน่แท้สัจจธรรมฯ
-----------------------------------------
วัชรานนท์
.......
อยู่บนเขาหลายคืนก็พบปะพูดคุยกันทั่วไป สุดท้ายก็เข้าการเมืองจนได้เมื่อ “ป้อหลวง” (ผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านลีซู)ถามว่าจะมีเลือกตั้งอีกเมื่อไหร่? ผมไม่ได้ตอบอะไรมากมายนักเพราะยังไม่รู้ว่าตัวผู้ใหญ่บ้านเองใส่เสื้อสีเดียวกันกับผมไหม ได้แต่ตอบแบบลอยตัวไปว่า “คงจะอีกไม่นาน”
ถึงตรงนี้แล้ว....อดนึกถึง “วันวาร” ที่เคยเป็นครูดอยอาสาขึ้นมาไม่ได้ เป็นช่วงที่เขามีสิทธิ์ไปเลือกตั้งได้เท่าเทียมกันกับคนเมือง บรรยากาศ “การเลือกตั้ง” ในเมือง ในเขตเทศบาลและโดยเฉพาะเขตต่างๆ ในกรุงเทพฯ นั้นแตกต่างจาก “บรรยากาศ” บนดอยทีเดียว สำหรับบางหมู่บ้าน “ศูนย์เลือกตั้ง” อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านมากมาย ต้องเดินข้ามเขาเป็นลูกๆ เพื่อมาหย่อนบัตร บางหมู่บ้านต้องเดินทางล่วงหน้าไปพักในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เขตเลือกตั้งเป็นคืน ผมในฐานะครูดอยถูกอุปโลกน์ให้เป็นคนจัดแจงลูกบ้านที่มีสิทธิ์มีเสียงเพื่อไปเลือกตั้งโดยปริยาย วางแผนว่าต้องเดินทางไปบอกและกระจายเสียงตามบ้าน หมู่บ้านให้คนที่มีสิทธิ์มีเสียงว่า “อย่านอนหลับทับสิทธิ์” ซึ่งก็ได้ผลดีพอสมควร พวกเขากระตือรือร้นใน “สิทธิ์” และ “หน้าที่” ของพลเมืองไทยเป็นอย่างมากมาก แม้จะเดินข้ามเขาเป็นวัน เพื่อไปหย่อนบัตรไม่กี่นาทีก็ตาม ผิดจาก “บางคน” ที่เจ้าหน้าที่เขตอำนวยความสะดวกตั้งหน่วยเลือกตั้งใกล้บ้านที่สุด แค่โฉบรถเก๋งออกมาแปร๊บเดียวก็ได้หย่อนบัตรแล้ว.......และ”บางคน” เป็นถึงระดับอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยระดับรองศาสตราจารย์กลับขับรถไปหน่วยเลือกตั้งเพื่อ “ฉีกบัตรเลือกตั้ง” ออกทีวีโชว์!!! บอกว่านี่คืออารยะขัดขืน(ทั้งๆ ที่ในบัตรเลือกตั้งเขามีให้กางดออกเสียง) งามหน้าจริงๆ?
ก้อ...คงไม่ปฏิเสธว่าคนที่อยู่ห่างไกลความเจริญอาจจะไม่มีความรู้เท่าเทียมคนในเมือง “ความรู้” ที่ว่านี้หมายถึงความรู้เรื่องประชาธิปไตยในเชิงแยบคายที่ซุกซ่อนไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและกลลวง โดยทั่วไป ผมในฐานะอดีตครูดอยสอนให้พวกเขารับรู้ประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานว่า ถ้าพวกเขาเลือกคนและพรรคที่เขาคิดว่าดีแล้วหรือดีที่สุด สิ่งที่พวกเขาจะได้คืนมาก็คือความดีที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ส่วนประชาธิปไตยในมุมมองของเพลโต ของอริสโตเติล ของดร. มีชัย หรือแม้แต่ของดร. วรเจตน์เป็นอย่างไรนั้น เขาไม่จำเป็นต้องรู้ลึกซึ้งมากมายปานนั้นหรอก บางทีเพียงแค่พวกเขาตระหนักใน “สิทธิ์” และ “หน้าที่” ของเขาในระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานแค่นี้ก็อาจจะ “ฉลาด” กว่าหลายๆ คนที่ได้แต่พร่ำอ้างหรือโคว๊ตคำคมต่างๆ ของนักปราชญ์ชาวตะวันตกซะอีก
ส่วนตัวผมไม่ได้คาดหวัดว่าจะมีเลือกตั้งเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้หรอก ถึงจะมีการเลือกตั้งอีกไม่กี่วันข้างหน้า เส้นทางการเมืองในประเทศไทยก็จะยังคงอนธกาลอยู่เช่นนี้ คงต้องรอวันที่ฟ้าสีทองนู่นแหละครับ
ทิวากร โผล่พ้น บรรพตใหญ่
อรุณรุ่ง สาดส่อง ผ่องอำไพ
ประชาธิปไตย จะเป็นใหญ่ ในแผ่นดิน
การณ์ เวลา และวารี มีแปรเปลี่ยน
มีหมุนเวียน เปลี่ยนปรับ แล้วดับสิ้น
แม้นอำนาจ วาสนา จรดฟ้าดิน
ยังพังภินท์ สิ้นได้ เมื่อวายชนม์
-----------------------วัชรานนท์
ปล. นอนอ่านหนังสือหนังสือ "คิดอย่างยิ่งลักษณ์" ที่น้องอ้อมให้มาพร้อมลายเซ็นต์ของคุณยิ่งลักษณ์อยู่บนดอยจนจบ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ เคยอ่านในห้องอาหารระหว่างรออาหาร รู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมองเราอยู่ 55555 และเมื่อได้อ่านส่วนที่เหลือจนจบอยู่บนดอยได้ยินแต่เสียงนกเสียงจั่กจั่นป่าร่ำแข่งกันว่า "ยิ่งลักษณ์สู้ๆๆๆๆๆๆๆ" ปิดหน้าสุดท้ายของหนังสือที่กำกับว่า
"ยิ่งลักษณ์ไม่เคยลืม ว่าการตัดสินใจเดินเข้าสู่ถนนการเมือง เป็นเพราะต้องการทดแทนบุญุคุณประชาชน และในฐานะผู้นำรัฐบาล คงไม่มีอะไรที่จะทดแทนบุญคุณประชาชนได้ดีเท่ากับการทุ่มเททำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน" จบบรรทัดสุดท้ายก็ยิ้มพลางและรำพึงพลาง "ยิ่งลักษณ์ คุณทำได้ดีมากๆ ผู้ชายอกสามศอกอย่างผมถ้าอยู่ในสภาพอย่างคุณ ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีเท่าคุณหรือไม่" พระย่อมคุ้มครองคนดีอย่างคุณเสมอ
ยิ่ง นานวันยิ่งรักล้น.............หมดใจ
ลักษณ์ ดั่งนางเทพนิยาย......วาดไว้
ชิน ชาต่อเหล่าร้าย...........หมายมุ่ง ทำลายแฮ
วัตร ขัดผองภัยพ่าย...........แน่แท้สัจจธรรมฯ
-----------------------------------------วัชรานนท์