Descendants of the Sun (กึ่งรีวิวตอนที่ 11) : Giving up is just not our thing

เริ่มแรกคงไม่มีใครคิดว่าการเดินทางมาในอุรุคจะเกิดจุดเปลี่ยนอะไรมากมาย สำหรับทีมอัลฟ่าเขามันว่าการพักผ่อน ระยะเวลา 8 เดือนที่ไม่ต้องร่อนเร่พเนจรแต่เป็นการประจำการในที่ไหนที่หนึ่งก็ถือว่าดีงามตามท้องเรื่อง สำหรับทีมแพทย์ของคุณหมอคนดังคงเป็นกึ่ง ๆ การเนรเทศเล็ก ๆ หากก็เป็นเวลาที่คุณหมอคนสวยจะได้หลีกลี้หนีปัญหาส่วนตัวไปซักพัก ก็เพียง 1 เดือนในต่างประเทศ คงคล้าย ๆ กับการพักผ่อนกระมัง หากสุดท้ายที่เขาว่า "หนึ่งร้อยตำราไม่เท่าเดินทางเพียงครั้ง" ทุกคนทุกชีวิตที่ก้าวเข้ามาในดินแดนอุรุคแห่งนี้ ไม่ใช่เพียงการพักผ่อน ไม่ใช่เพียงการหลบลี้หนีปัญหาชั่วคราว มันคือการบ่มเพาะประสบการณ์เพื่อเผยตัวตนธาตุแท้แห่งศักยภาพของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "มนุษย์" ผ่านคำสองคำ  "ศรัทธา" และ "หน้าที่"


ทหาร กับ แพทย์ สองอาชีพที่ไม่น่าจะไปกันได้ อุดมการณ์ และ ความคิด ปลิดชีวิตกับรักษาชีวิต เหมือนกับจะไปกันไม่ได้ ความขัดแย้งประปรายความกระทบกระทั่งระหว่างทีมหมอและทีมกองทัพปรากฎอยู่เนือง ๆ ในหลายเหตุการณ์ แต่แล้วเมื่อวันเวลาในอุรุคผ่านไป ทั้งทีมหมอและทีมกองทัพต่างประจักษ์แก่ใจว่าทั้งสองฝ่ายต่างยืนอยู่ข้างเดียวกันบนคำสองคำที่ความหมายยิ่งใหญ่ "ศรัทธา" และ "หน้าที่" บทบาทของเราต่างกัน แต่การต่อสู้นั้นไม่แตกต่าง ด้วย "ศรัทธา" ที่มีต่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นยึดถือ และ "หน้าที่" ที่มีต่อทุกหน่วยชีวิตในมือ ด้วยศักดิ์และศรีแห่งแพทย์ใต้ Hippocratic oath และ ศักดิ์และศรีของทหารซึ่งทำเพื่อสันติของมวลมนุษยชาติ

ในเวลานี้บททดสอบใหญ่หลวงได้มาถึง


หลังจากประสบกับภัยธรรมชาติ สิ่งที่มักตามมาคือโรคระบาด ณ ดินแดนชื่ออุรุคนี้ก็เช่นกัน ร้อยโทยุนเป็นหนึ่งในผู้โชคร้ายที่รับผลจากพิบัติภัยที่ตามมานั้น มรสุมลูกแรกที่จะสั่นคลอน "ศรัทธา" และ ทดสอบ "หน้าที่" แห่งแพทย์จึงเริ่มขึ้น "ไวรัส" สำหรับเรามันคือ "สงคราม" เราเห็นแพทย์พยาบาลที่ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เห็นความทุ่มเทคิดค้นหาวิธีทางต่อสู้ทั้งที่สายน้ำเกลือยังคาแขน และ การช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง แม้กระทั่งกัปตันยูชีจินยังเอ่ยว่า "เบาใจที่เพื่อนทหารใจสู้เช่นนี้" เอาเป็นว่าเวลานี้ไม่มีความแตกต่างระหว่างอาชีพให้ขัดแย้งกันอีกต่อไป

หากเมื่อบททดสอบของทีมแพทย์ผ่านไป บททดสอบของอาชีพ "ทหาร" ก็วิ่งสวนติดสปีดมาโดยทันควัน เหมือนหัวใจถูกควักออกไปจากอกแบบสด ๆ สำหรับ "ยูชีจิน" เธอคนนั้น "คังโมยอน" ได้ก้าวขาไปสู่สิ่งที่เขากลัวจับจิตอย่างที่สุด เขาไม่เคยกลัวหากว่าตัวเองต้องตาย สิ่งที่กลัวคือถ้าหากจะต้องทิ้งเธอไว้ข้างหลังโดยที่เขาไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้ แต่ก็เบาใจเมื่อได้รับได้รู้ว่าผู้หญิงของเขาเข้มแข็งขนาดไหน

หากเขาไม่เคยคิดถึงก็คือว่าหากคนที่จากไปเป็น "เธอ" ล่ะ และถ้าเหตุมันเป็นเพราะการที่เธอใกล้ชิดกับเขาล่ะ ถ้ามันออกมาในเบอร์นี้เขาจะทำอย่างไรกับมันได้ สภาพของยูชีจินที่มีฟาติมาไว้ในอ้อมกอด ผู้หญิงของเขายังกล้าหาญเสมอ ถึงแม้จะรู้ว่าเธอทั้งหวั่นไหวและหวาดกลัว แต่เธอก็มีศรัทธามีหน้าที่ที่ยึดถือศรัทธาและหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ทำให้เธอลุกขึ้นยืนสู้กับฟาติมา ความแตกร้าวในจิตใจของยูชีจินแสดงออกมาทางดวงตาที่แดงเรื่อ น้ำตาของลูกผู้ชายชาติทหารที่คลอคลอง ชั่วแต่มันไม่ไหลออกมาก็เพียงเท่านั้น ผู้ชายน่ารักอารมณ์ดีคนนั้นลอยหายไปกับใบหน้าซีดเผือด ดวงตาไหวระริก และ หยาดน้ำตาของ "คนสวย" คำที่เขาใช้เรียกเธอเล่น ๆ อย่างเอ็นดูตลอดมา

เขารีบนำเรื่องราวกลับไปรายงานผู้บังคับบัญชา หากคำตอบที่ได้คือมันกระทบกับความมั่นคง และ ขอให้เรื่องราวเหล่านี้เป็น "ความลับ" มันเป็นคำสั่ง และ เธอกำลังจะถูกทิ้งทุ่น คำถามคือ นี่ใช่สิ่งที่ทหารอย่างเขาให้ความศรัทธาและเชื่อถือหรือไม่ ? ในสายตาของผู้บังคับบัญชายูชีจินกำลังเป็นบ้าที่จะแลกผู้หญิงคนหนึ่งกับความมั่นคงระดับชาติ ถูกล่ะ .... คังโมยอนมีคุณค่าต่อหัวใจของยูชีจิน นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่หน่วยเล็กที่สุดของประเทศชาติมิใช่ประชาชนพลเมืองหรอกหรือ ? ยามอาร์กุสถูกยิงเขาบอกเธอ อย่าทำอะไรที่จะต้องทำให้เสียใจทีหลัง หน้าที่ของคุณใต้คำสาบาน คือ คนไม่ว่าจะยากดีมีจน ไม่ว่าจะเลวชั่วช้าหรือดีดังนักบุญ เมื่อป่วยเจ็บทุกคนมีสิทธิเข้าถึงการรักษา สิ่งที่เขายึดถือศรัทธาในหน้าที่ทหารชื่อพลเมือง ชาติ และ สันติภาพ ซึ่งบัดนี้เวลานี้สิ่งเหล่านั้นรวมอยู่ที่ชีวิตของ "คังโมยอน"

Whoever destroys a soul, it is considered as if he destroyed an entire world. And whoever saves a life, it is considered as if he saved an entire world. Mishnah Sanhedrin 4:9; Yerushalmi Talmud, Tractate Sanhedrin 37a.


ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหรือ ? ไม่รู้เคยได้ยินประโยคนี้กันไหม "ผู้ใดทำลายหนึ่งดวงวิญญาณ ก็ราวกับผู้นั้นทำลายโลกทั้งใบ ผู้ใดช่วยเพียงหนึ่งชีวิต ก็ราวกับผู้นั้นรักษ์ไว้ซึ่งโลกทั้งใบเช่นกัน" เพราะชีวิตหนึ่งชีวิตมีคุณค่าเหลือประมาณเทียบเทียมโลกทั้งใบ หากทำลายหนึ่งชีวิตโดยปราศจากเหตุอันควรก็เท่ากับกำลังทำลายโลกนี้อยู่นั่นเอง หากคุณค่าของหนึ่งชีวิตยังมองมิเห็นแล้วจะมองเห็นซึ่งคุณค่าของสิ่งใดได้เล่า ศรัทธาและความเชื่อของยูชีจินอยู่ที่ตรงนี้

ในกองทัพต้องปฏิบัติตามกฎ นั่นคือระเบียบขององค์กรที่วางไว้เป็นสิ่งที่ปฏิบัติร่วมกัน แต่เกียรติยศ ศรัทธา และ ความเชื่อ นั้นมีอยู่ได้แม้จะไร้เครื่องแบบแลเครื่องหมายบอกยศ สามชั่วโมงถัดจากนี้ ไม่มีกัปตันยูชีจิน หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ ไม่มีคำว่าตำแหน่ง ไม่มีอาวุธ ไม่มีคำสั่งหรือกฎจากกองทัพ มีแต่หัวใจของชายคนหนึ่งกับอุดมการณ์ที่ว่า whoever saves one life, saves the world entire. เขาสัญญาและยืนยันกับเธอหนักแน่นแล้วว่าจะก้าวไปพร้อมกัน เธอเชื่อมั่นในตัวเขาจึงยอมก้าวกระโดดลงมาแม้จะรู้ว่าชีวิตของเขาคือความไม่แน่นอน คือความลึกลับ และ อันตราย เธอเข้าใจงานของเขาโอบรับโลกของเขาไว้ทั้งใบด้วยการสมัครใจที่จะอยู่ตรงนี้ด้วยกันมากกว่ากลับไปที่เกาหลี

หัวใจของเธอคือบ้านของเขา และ ชีวิตของเธอก็คือ "โลกทั้งใบ" ของเขา
คือความรัก อุดมการณ์ ความเชื่อ และ ศรัทธา


ยูชีจินจะไม่ยอมทิ้งมันไปไม่ว่าจะต้องแลกกับสิ่งใด
เพราะการไม่มีเธออยู่นั้นก็เท่ากับโลกนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไป


คนเป็น "ทหาร" จะมีเครื่องแบบ หรือ เครื่องหมายบอกยศหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ
เพราะมันอยู่ที่จิตใจ และ จิตวิญญาณจะเป็น "ทหาร" หรือไม่
และเขาจะไม่ยินยอมผ่อนปรนกับใครที่มาละเมิดในอุดมการณ์อันนั้น


Giving up is just not our thing
เรามาเพื่อ "ชนะ" เท่านั้น


ป.ล. [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่