** เคล็ดลับคำโคลง **
ตอน..คำคม
ตอนที่ผ่านมาดูเหมือนเป็นการแนะนำแนะแนวแต่เหมือนยังไม่ได้สอนลงลึกมากนัก


ตอนนี้จะลองเจาะลึกในรายละเอียด ประดุจเหมือนเราสองนั่งแต่งโคลงสี่ไปด้วยกัน
เพื่อนๆคงไม่ปฏิเสธว่าหากเราจะแต่งโคลงสี่ขึ้นมาซักเรื่องนึง อย่างน้อยเราต้องมีข้อมูลในสมอง หากยังไม่มี..ย่อมแต่งไม่ได้เป็นธรรมดา
ดังนั้นสิ่งใดที่ยังไม่รู้เราต้องทำให้มันรู้ก่อน โดยการค้นคว้าเพิ่มเติม จากหลากหลายแหล่ง
วันนี้ผมจะลองแนะนำเกี่ยวกับการแต่งในเชิงสำนวนคำคม เพื่อนๆพร้อมจะเรียนรึยังครับ ?
ยกตัวอย่าง... สมมุติเราอ่านเจอคำคมบางบทแล้วประทับใจจึงอยากถ่ายทอดออกมาเป็นบทโคลง
ปัญหาคือ ทำอย่างไรให้สื่อได้ตรงหรือใกล้เคียงที่สุด ?
เช่น.. “มนุษย์สามารถปีนขึ้นสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดได้แต่จะไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้นาน”
๐ โอ้มนุษย์ป่ายขึ้น ยอดเขา สูงเอย
ในบาทแรก พยายามนำทางให้ตรงทาง และลงท้ายวรรคส่งให้เป็นรูปสระง่ายๆที่หาสัมผัสระหว่างบาทได้ไม่ยาก
( หากเราวางแผนคิดในใจก่อนว่าจะหาคำใดมาสัมผัสแล้วเป็นไปในทิศทางเดียวกันจะดีมาก )
มิอาจอยู่นานเนา -----
บาทที่สองนี้ เหมือนต่อเติมความให้เต็มต่อเนื่อง ใช้คำว่า “เนา” เสียงสามัญ
มารองรับ “เขา” ซึ่งเป็นเสียงจัตวา ถือว่าไม่เลวในเชิงรสคำ
ส่วนคำวรรคหลังคู่เอก-โท หากท่านยังนึกลีลาคำไม่ออกก็ละไว้ชั่วคราวก่อนยังไม่ต้องรีบวางคำเพราะอาจเป็นกับดักให้ตนเองแบบไม่ได้เจตนา
สานชีวิตสู่เสลา สูงสุด
บาทสาม เป็นการอุปมาว่าเหมือนกับนำชีวิตสู่จุดสุดยอดของชีวิตตามเป้าหมายของตนแล้ว แล้วยังไงต่อ ?
โดดเดี่ยวเดียวดักแด้ ดั่งไร้เพื่อนฝูง ฯ
บาทสุดท้ายเป็นการสรุปความว่า หากทำอย่างนั้นก็จริง ท่านอาจเจอความโดดเดี่ยวเดียวดายเหมือนดักแด้ที่อยู่ในรังไหมแค่ตัวเดียว
( หนึ่งรังต่อหนึ่งตัว)ไม่มีเพื่อนฝูงเคียงข้าง
กลับไปที่บาทสอง…
มิอาจอยู่นานเนา “นั่นแล้”
อาจใช้ “เนิ่นแท้” “เปลี่ยวแล้” ฯลฯ ก็ได้ แต่พยายามเลือกคำที่ความหมายและสัมผัสเสียงดีที่สุด
ในที่นี้ ใช้พยัญชนะ “น” มาสัมผัสกันระหว่างวรรคเพื่อความไพเราะทางอักษร
...ลองตัวอย่างต่อไปดูครับ...
“ความยิ่งใหญ่ของชาติไม่ได้ขึ้นกับอาณาเขต หากขึ้นอยู่กับคุณภาพของประชากรและผู้นำ”
ลงมือแต่งเลยครับ !!
๐ ยิ่งใหญ่ชาติใช่ห้วง เขตแดน
เกริ่นนำตามทางที่วางไว้ อย่าหักหลบไปข้างทาง
คุณภาพพลเมืองแสน ------
หาคำให้ตรงเอกในคำที่สองอาจใช้คำตายหรือคำลหุแทนก็ได้
ในที่นี้ใช้ “แสน” มารับสัมผัสกับ “แดน” ให้เป็นคนละเสียงกันทั้งนี้เพื่อความไพเราะในขณะเดียวกันกับไม่เพี้ยนความหมาย
ผู้ตามกะผู้แทน ทวยราษฎร์ ก็ดี
บาทสามนี้พูดถึงผู้นำและผู้ตาม เราอาจใช้กรณีเลือกตั้งมาเป็นตัวแทนความคิดที่จะสื่อ
ซื่อสัตย์รักเกียรติกล้า กู่ก้องปถวี ฯ
คุณภาพที่ว่าต้องมาด้วยความซื่อสัตย์ รักศักดิ์ศรี รักเกียรติ แล้วสิ่งเหล่านั้นที่ท่านมีมันก็จะเป็นชื่อเสียงที่กู่ก้องไปทั้งแผ่นดิน
( ปฐพี , ปถวี ,ปัถวี , ปัถพี )
จากนั้นก็ย้อนไปแต่งบาทสองต่อให้ครบความ ( สำหรับกรณีที่นึกหาคำท้ายบาทสองยังไม่ได้ในตอนต้น )
คุณภาพพลเมืองแสน สบหล้า
ใช้คำ “หล้า” เพื่อความหมายที่ดีและสัมผัสกับ “กล้า”ในบาทสุดท้าย
อาจใช้เป็นคำอื่นๆก็ได้สุดแล้วแต่ท่านจะนึกออก เช่น “สวัสดิ์หล้า”,“สุดฟ้า” ฯลฯ เป็นต้น
**กรณีแต่งแบบเล่นคำ กับสำนวนสุภาษิต 
เช่น “ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก”
๐ ต่อหน้ามะพลับคล้อย ลับหลัง
กลับตะโกโอหัง กลอกกลิ้ง
ต่อปากต่อคำรัง- แกเปล่า
ต่อว่าต่อแต้มทิ้ง ต่อต้านต่อตี ฯ
๐ ต่อตาต่อกิ่งก้าน สาขา
ต่อศักดิ์ต่อศรีมา ต่อสู้
ต่อล้อต่อเถียงหา สมเหตุ
ต่อกรต่อการกู้ ต่อยื้อต่อยาว ฯ
--เป็นการเล่นคำ “ต่อ” อันนี้ต้องฝึกฝนครับ ผมเพียงทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
--- สุดท้ายของคอลัมน์นี้ จะลองยกตัวอย่างโคลงคำคมที่เคยแต่งไว้ตามนี้ครับ
๐ ไยตามกระต่ายทั้ง สองหรือ
เลยพลาดหมดสิทธิ์ถือ ต่ายต้อง
จับปลาจับสองมือ หลุดหมด
ประมาทเพราะโลภพ้อง พลาดแล้วควรไฉน ฯ
๐ ไม่พูดคือดอกไม้ สมศรี
ภาษณ์เหตุทะเลาะมี มลากแล้
หัวโขนถอดวางลี- ลากล่าว ( บาทนี้ใช้เทคนิคการแยกคำ ลี-.....ลา เรียกว่า "ยัติภังค์" )
วิวาทก็คลายแม้ มากด้วยคนพาล ฯ
๐ มะม่วงปลิดขั้วก่อน กำหนด
พายุฝนบริบท ระห่ำห้วน
ลงโทษพลาดทำสลด นราหนึ่ง บารนี
ห่อนไตร่ถามความถ้วน แพะเที้ยรอุทาหรณ์ ฯ
--- การจะแต่งได้ตามนี้ต้องมีข้อมูลก่อน เปรียบเหมือนคอมพิวเตอร์หากไม่มีข้อมูลมันก็ไม่สามารถสื่อสารถ่ายทอดออกมาได้
หรือหาเนื้อหาไม่เจอนั่นเอง...
--- ท้ายนี้ขอขอบพระคุณเนื้อที่เวปพันทิป ภาพประกอบจากน้องเน็ต และผองเพื่อนพี่น้องผู้ชมทุกท่านครับ



--- แล้วพบกันในตอนต่อไป เพื่อนๆอยากให้เขียนเรื่องอะไรแนะนำมาได้ครับ หากพอช่วยเหลือได้จักยินดีมาก ดีกว่าให้ศาสตร์ศิลป์แขนงนี้
สูญเสียไปตามกาลเวลาของ"ธรรมชาติ"...
** เคล็ดลับคำโคลง ** ตอน..คำคม
ตอนที่ผ่านมาดูเหมือนเป็นการแนะนำแนะแนวแต่เหมือนยังไม่ได้สอนลงลึกมากนัก
ตอนนี้จะลองเจาะลึกในรายละเอียด ประดุจเหมือนเราสองนั่งแต่งโคลงสี่ไปด้วยกัน
เพื่อนๆคงไม่ปฏิเสธว่าหากเราจะแต่งโคลงสี่ขึ้นมาซักเรื่องนึง อย่างน้อยเราต้องมีข้อมูลในสมอง หากยังไม่มี..ย่อมแต่งไม่ได้เป็นธรรมดา
ดังนั้นสิ่งใดที่ยังไม่รู้เราต้องทำให้มันรู้ก่อน โดยการค้นคว้าเพิ่มเติม จากหลากหลายแหล่ง
วันนี้ผมจะลองแนะนำเกี่ยวกับการแต่งในเชิงสำนวนคำคม เพื่อนๆพร้อมจะเรียนรึยังครับ ?
ยกตัวอย่าง... สมมุติเราอ่านเจอคำคมบางบทแล้วประทับใจจึงอยากถ่ายทอดออกมาเป็นบทโคลง
ปัญหาคือ ทำอย่างไรให้สื่อได้ตรงหรือใกล้เคียงที่สุด ?
เช่น.. “มนุษย์สามารถปีนขึ้นสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดได้แต่จะไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้นาน”
๐ โอ้มนุษย์ป่ายขึ้น ยอดเขา สูงเอย
ในบาทแรก พยายามนำทางให้ตรงทาง และลงท้ายวรรคส่งให้เป็นรูปสระง่ายๆที่หาสัมผัสระหว่างบาทได้ไม่ยาก
( หากเราวางแผนคิดในใจก่อนว่าจะหาคำใดมาสัมผัสแล้วเป็นไปในทิศทางเดียวกันจะดีมาก )
มิอาจอยู่นานเนา -----
บาทที่สองนี้ เหมือนต่อเติมความให้เต็มต่อเนื่อง ใช้คำว่า “เนา” เสียงสามัญ
มารองรับ “เขา” ซึ่งเป็นเสียงจัตวา ถือว่าไม่เลวในเชิงรสคำ
ส่วนคำวรรคหลังคู่เอก-โท หากท่านยังนึกลีลาคำไม่ออกก็ละไว้ชั่วคราวก่อนยังไม่ต้องรีบวางคำเพราะอาจเป็นกับดักให้ตนเองแบบไม่ได้เจตนา
สานชีวิตสู่เสลา สูงสุด
บาทสาม เป็นการอุปมาว่าเหมือนกับนำชีวิตสู่จุดสุดยอดของชีวิตตามเป้าหมายของตนแล้ว แล้วยังไงต่อ ?
โดดเดี่ยวเดียวดักแด้ ดั่งไร้เพื่อนฝูง ฯ
บาทสุดท้ายเป็นการสรุปความว่า หากทำอย่างนั้นก็จริง ท่านอาจเจอความโดดเดี่ยวเดียวดายเหมือนดักแด้ที่อยู่ในรังไหมแค่ตัวเดียว
( หนึ่งรังต่อหนึ่งตัว)ไม่มีเพื่อนฝูงเคียงข้าง
กลับไปที่บาทสอง…
มิอาจอยู่นานเนา “นั่นแล้”
อาจใช้ “เนิ่นแท้” “เปลี่ยวแล้” ฯลฯ ก็ได้ แต่พยายามเลือกคำที่ความหมายและสัมผัสเสียงดีที่สุด
ในที่นี้ ใช้พยัญชนะ “น” มาสัมผัสกันระหว่างวรรคเพื่อความไพเราะทางอักษร
...ลองตัวอย่างต่อไปดูครับ...
“ความยิ่งใหญ่ของชาติไม่ได้ขึ้นกับอาณาเขต หากขึ้นอยู่กับคุณภาพของประชากรและผู้นำ”
ลงมือแต่งเลยครับ !!
๐ ยิ่งใหญ่ชาติใช่ห้วง เขตแดน
เกริ่นนำตามทางที่วางไว้ อย่าหักหลบไปข้างทาง
คุณภาพพลเมืองแสน ------
หาคำให้ตรงเอกในคำที่สองอาจใช้คำตายหรือคำลหุแทนก็ได้
ในที่นี้ใช้ “แสน” มารับสัมผัสกับ “แดน” ให้เป็นคนละเสียงกันทั้งนี้เพื่อความไพเราะในขณะเดียวกันกับไม่เพี้ยนความหมาย
ผู้ตามกะผู้แทน ทวยราษฎร์ ก็ดี
บาทสามนี้พูดถึงผู้นำและผู้ตาม เราอาจใช้กรณีเลือกตั้งมาเป็นตัวแทนความคิดที่จะสื่อ
ซื่อสัตย์รักเกียรติกล้า กู่ก้องปถวี ฯ
คุณภาพที่ว่าต้องมาด้วยความซื่อสัตย์ รักศักดิ์ศรี รักเกียรติ แล้วสิ่งเหล่านั้นที่ท่านมีมันก็จะเป็นชื่อเสียงที่กู่ก้องไปทั้งแผ่นดิน
( ปฐพี , ปถวี ,ปัถวี , ปัถพี )
จากนั้นก็ย้อนไปแต่งบาทสองต่อให้ครบความ ( สำหรับกรณีที่นึกหาคำท้ายบาทสองยังไม่ได้ในตอนต้น )
คุณภาพพลเมืองแสน สบหล้า
ใช้คำ “หล้า” เพื่อความหมายที่ดีและสัมผัสกับ “กล้า”ในบาทสุดท้าย
อาจใช้เป็นคำอื่นๆก็ได้สุดแล้วแต่ท่านจะนึกออก เช่น “สวัสดิ์หล้า”,“สุดฟ้า” ฯลฯ เป็นต้น
**กรณีแต่งแบบเล่นคำ กับสำนวนสุภาษิต
เช่น “ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก”
๐ ต่อหน้ามะพลับคล้อย ลับหลัง
กลับตะโกโอหัง กลอกกลิ้ง
ต่อปากต่อคำรัง- แกเปล่า
ต่อว่าต่อแต้มทิ้ง ต่อต้านต่อตี ฯ
๐ ต่อตาต่อกิ่งก้าน สาขา
ต่อศักดิ์ต่อศรีมา ต่อสู้
ต่อล้อต่อเถียงหา สมเหตุ
ต่อกรต่อการกู้ ต่อยื้อต่อยาว ฯ
--เป็นการเล่นคำ “ต่อ” อันนี้ต้องฝึกฝนครับ ผมเพียงทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
--- สุดท้ายของคอลัมน์นี้ จะลองยกตัวอย่างโคลงคำคมที่เคยแต่งไว้ตามนี้ครับ
๐ ไยตามกระต่ายทั้ง สองหรือ
เลยพลาดหมดสิทธิ์ถือ ต่ายต้อง
จับปลาจับสองมือ หลุดหมด
ประมาทเพราะโลภพ้อง พลาดแล้วควรไฉน ฯ
๐ ไม่พูดคือดอกไม้ สมศรี
ภาษณ์เหตุทะเลาะมี มลากแล้
หัวโขนถอดวางลี- ลากล่าว ( บาทนี้ใช้เทคนิคการแยกคำ ลี-.....ลา เรียกว่า "ยัติภังค์" )
วิวาทก็คลายแม้ มากด้วยคนพาล ฯ
๐ มะม่วงปลิดขั้วก่อน กำหนด
พายุฝนบริบท ระห่ำห้วน
ลงโทษพลาดทำสลด นราหนึ่ง บารนี
ห่อนไตร่ถามความถ้วน แพะเที้ยรอุทาหรณ์ ฯ
--- การจะแต่งได้ตามนี้ต้องมีข้อมูลก่อน เปรียบเหมือนคอมพิวเตอร์หากไม่มีข้อมูลมันก็ไม่สามารถสื่อสารถ่ายทอดออกมาได้
หรือหาเนื้อหาไม่เจอนั่นเอง...
--- ท้ายนี้ขอขอบพระคุณเนื้อที่เวปพันทิป ภาพประกอบจากน้องเน็ต และผองเพื่อนพี่น้องผู้ชมทุกท่านครับ
--- แล้วพบกันในตอนต่อไป เพื่อนๆอยากให้เขียนเรื่องอะไรแนะนำมาได้ครับ หากพอช่วยเหลือได้จักยินดีมาก ดีกว่าให้ศาสตร์ศิลป์แขนงนี้
สูญเสียไปตามกาลเวลาของ"ธรรมชาติ"...