คราวที่แล้วพาเที่ยวหาของกิน คราวนี้ไปไหนต่อดี จะว่าไป แถวบ้านผมนี่ ล้วนแต่เป็นเรื่องราวได้แทบจะทุกจุดเลยนะครับ ทั้งศาลาเฉลิมกรุง ร้านสมใจ โรงเรียนเพาะช่าง ไกลมาหน่อย ก็ตลาดปีระกา เวิ้งนครเกษม วันนี้พาไปเที่ยวสะพานเหล็กดีกว่า สะพานเหล็กที่ผมเห็นตั้งแต่จำความได้ มันก็ไม่ต่างจากสะพานเหล็กก่อนที่จะโดนรื้อสักเท่าไหร่ เพราะมองไม่เห็นคลองเลย มองจากบนสะพานก็จะเห็นแต่หลังคาสังกะสีของร้านค้าต่างๆ ต่างกันก็คงจะเป็น ประเภทของสินค้าที่ขาย สมัยผมเด็กๆ ร้านค้าที่สะพานเหล็กส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายปลา ตู้ปลา อุปกรณ์ตกแต่งตู้ปลา ลูกน้ำ ไรแดง ฯลฯ เป็นที่รู้กันว่าใครจะมาหาซื้อปลาสวยงาม ต้องมาที่นี่ จนมาระยะหลัง พวกเกมส์แผ่น เกมส์คอมฯ เริ่มเข้ามา พวกร้านขายปลาก็เริ่มน้อยลง ๆ จนแทบไม่เหลือเลย เดี๋ยวนี้จะหาซื้อปลาสวยงามต้องไปจตุจักร อย่างเดียว
พูดถึงตลาดนัดสวนจตุจักร ทำให้คิดถึง สนามหลวงไม่ได้ ตอนผมยังเด็กมากๆ แต่พอจำความได้ จำได้ว่า อากง(คุณตา) เคยพาไปเดินสนามหลวงในวันอาทิตย์ ครั้งหรือสองครั้งนี่แหล่ะ เหมือนว่าสนามหลวงที่เปิดให้ขายของนั้น เป็นสนามหลวงฝั่งที่อยู่หน้า พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ส่วนสนามหลวงฝั่งที่อยู่หน้าศาลหลักเมืองน่าจะไม่มีการขายของ หรือเปล่าไม่แน่ใจ ด้วยสภาพพื้นที่เป็นดิน เป็นสนามหญ้า เลยทำให้การเดินตลาดนัดสนามหลวงเฉอะแฉะมาก เป็นหลุม มีน้ำขัง บรรยากาศไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย มีโฆษณาขายยาต่างๆ แบบที่พวกตลกเอามาเล่นกันสมัยนี้แหล่ะ อับดุล ๆ อะไรพวกนี้ มีโชว์กับงู สะกดจิตงู ฯลฯ เยอะ ที่อากงไปสนามหลวง แกไปหาซื้อนกหงส์หยก นกรักสวยรักงาม ในกรงต้องมีกระจกให้ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าเพราะอะไร ส่วนที่ข้างๆ พระแม่ธรณีบีมมวยผม สมัยก่อน จะเป็นแผงหนังสือ ไม่มีชื่อแผงหรอก แต่จะใช้เรียกหมายเลขของแผงหนังสือเป็นการแทนร้านนั้นๆ ว่าแผงอะไร ขายหนังสืออะไร ร้านหนังสือน่าจะย้ายไปจตุจักร หลังจากที่ตลาดนัดสนามหลวงย้ายไปหลายปีอยู่ ผมเองยังได้มีโอกาสซื้อหนังสือเพื่อสอบเข้า โรงเรียนรัฐบาลที่แผงหนังสือสนามหลวงอยู่เลย แต่ไม่แน่ใจว่าช่วง ม.1 หรือ ป.6 สมัยนั้น มีเหมือนกันนะครับพวกหนังสือโป๊ ขายกันอยู่ตามแผงหนังสือนี่แหล่ะ เพียงแต่ไม่ได้วางขาย แต่จะใช้คนเดินมากระซิบ ถามว่า “โป๊ไม๊พี่(น้อง)” ผมไม่ทันหนังสือปกขาวน่ะ ไม่เคยเห็นด้วยว่าเป็นยังไง มาเห็นหนังสือโป๊ครั้งแรกน่าจะช่วง ม.ต้นแล้ว เป็นหนังสือเหมือนนิตยสารเล่มไม่หนามาก ข้าในก็จะมีเรื่องราวประเภทปลุกใจเสือป่า บวกรูปภาพที่แสดงถึงการร่วมเพศ เป็นภาพขาวดำนะครับ ไม่มีภาพสี 555 ออกติดเรทไปแระน่ะ
วกกลับมาที่สะพานเหล็ก จะมีตลาดสดใกล้ ๆ สะพานเหล็ก นั่นคือ ตลาดปีระกา ตลาดนี้ก็อยู่ในบริเวณ เวิ้งนครเกษมนั่นแหล่ะครับ โดยภาพรวม เวิ้งนครเกษม ก็เหมือนพื้นที่สี่เหลี่ยม พื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านค้า รวมถึงร้านของอากงผมด้วย ตลาดปีระกา เป็นตลาดสด แบบตลาดสดในปัจจุบันนี่แหล่ะ เป็นแหล่งซื้ออาหารการกิน ของชาวบ้านละแวกนั้นซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว้างมาก สมัยก่อน ตลาดไม่ได้มีทุกซอกทุกมุมเหมือนสมัยนี้ ตลาดแถวๆบ้านผมนี่มีประมาณ 2-3 ตลาดได้ ไล่มาตั้งแต่ตลาดบ้านหม้อ ตลาดตรอกหม้อ ตลาดปีระกา แล้วก็ตลาดวรจักร แต่ละตลาดก็จะมีของขึ้นชื่อต่างๆกันไป ไม่เหมือนกัน ของบางอย่างต้องไปตลาดนั้นๆ โดยเฉพาะ ไม่ได้มีขายทุกตลาด ร้านอากงก็ตั้งอยู่ในบริเวณเวิ้งนครเกษมนี่แหล่ะครับ ขายพวกอุปกรณ์ช่างต่างๆ พวกใบเลื่อยตัดเหล็ก ปากกาจับเหล็ก ฯลฯ ขายตั้งแต่ผมเด็กๆ จนหลังจากที่อากงสุขภาพไม่ดี ก็ได้ น้าชาย กับ พี่ชาย(ลูกป้า) มารับช่วงต่อ ผมชอบมาร้านอากงนะครับ แต่อากงจะให้มาเฉพาะช่วงเช้า ถึงเที่ยงๆ เท่านั้น แน่หล่ะ ต้องมีสิ่งดึงดูดมากพอที่จะทำให้เด็กๆอย่างผมในสมัยนั้น อยากมาที่ร้าน แน่นอนครับ ของเล่น 555 ซื้อแทบจะทุกวัน ร้านประจำก็อยู่แถวๆคลองถมปัจจุบันนี่แหล่ะครับ จะอธิบายว่าร้านอยู่ตรงไหน เดินทางโดยใช้ถนนเจริญกรุง พอข้ามสะพานเหล็กมา ตรงไป ก็จะเป็นสี่แยก เอสเอบี เลยไปอีกหน่อย ก่อนถึงโรงหนังแคปปิตอล จะมีสี่แยกเล็กๆ เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกนี้ เดินไปจนสุดถนน เลี้ยวซ้ายไปสัก 3-4 ห้อง ก็จะเห็นร้านขายของเล่น ร้านนึง ร้านนี้ยังอยู่นะครับ ผมเคยเห็น สมัยก่อน จะมีของเล่นขายหลายอย่างมาก รถไฟที่วิ่งในราง หุ่นยนต์ เครื่องบินที่ติดเอ็นไว้ที่หลังเครื่องบินแล้วเอาไปยึดกับเพดาน ใส่ถ่านแล้วมันจะบินได้ 555 จริงๆ มันก็บินได้เท่าที่ความยาวของเอ็นจะไปถึงนั่นแหล่ะ ผมจะมีเรื่องต่อรองอากงทุกครั้งที่จะเอาของเล่น อากงตามใจผมมาก อาจจะเป็นเพราะผมเป็นหลานที่อายุน้อยที่สุดในตอนนั้น ส่วนน้องชายก็ยังเล็กเกิน ยังเล่นของเล่นไม่ได้ แต่พอน้องชายคนรองเริ่มรู้เรื่อง ทีนี้แหล่ะ เป็นเรื่อง จากที่เคยซื้อของเล่นอย่างเดียวชิ้นเดียว กลับต้องซื้อเป็นอย่างเดียว 2 ชิ้น 555 เด็กหนอเด็ก
ย้อนกลับมาตรงร้านมนต์นมสด เดินริมทางไปเรื่อยๆ มุ่งหน้า อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนถึง จะเห็นตึกสีเหลืองๆ หม่นๆ มีภาพวาดของเมืองโบราณปิดไว้ ตึกนี้คือโรงหนังพาราไดซ์ เป็นโรงหนังอีกโรงหนึ่ง โรงนี้ออกแนววัยรุ่นหน่อย ไม่เหมือนเฉลิมกรุง อันนั้นออกแนวครอบครัว ดูจากอะไรเหรอ ฝั่งตรงข้ามพาราไดซ์ มีร้านไอสครีมนะสิ คนอายุ 40 น่าจะเคยได้ยิน ร้านไอศครีมชื่อ “ศาลาโฟร์โมสต์” ร้านนี้เป็นร้านของพ่อเพื่อนผมเอง ตอนเปิดร้าน ยังมีบัตรกินไอติมฟรีมาแจกให้เพื่อนๆ ในห้องเลย พูถึงโรงหนัง ผมจำไม่ได้ว่า ไอ้โลโก้รูปเป็ดนะ มันขายอะไร เคยเห็นตามโรงหนังใหญ่ๆ แต่จำไม่ได้ว่าขายอะไร กลับมาหน้าโรงหนังอีกที เดินต่อไป ก็จะเจอ ถนนราชดำเนิน มองข้ามไปฝั่งโน่น ก็จะเห็น ร้านศีกษาภันฑ์ กับโรงเรียนสตรีวิทยา เป็นไงหล่ะ แถวบ้านผม มีแต่โรงเรียนในตำนานทั้งนั้น สวนกุหลาบงี้ เบญจมราชาลัยงี้ นี่มีสตรีวิทยาอีกแล้ว ขอบอกว่า ทั้ง 3 โรงเรียนนี้ เดินไปเรียนได้สบายมากๆ เดินมาหยุดตรงมุมถนนราชดำเนิน มองไปทางขวา สิ่งที่จะเห็นเนชัดเลยคือ ภูเขาทอง มองต่ำลงมาหน่อย ก็จะเห็นโลหะปราสาท ก่อนหน้าที่จะเห็นโลหะปราสาทชัดเจนเหมือนตอนนี้ เมื่อก่อนมีโรงหนังเฉลิมไทย ตั้งอยู่ ซึ่งโดนทุบทิ้งไปนานหลายปีแล้ว เสียดายเหมือนกัน
พาทัวร์รอบทิศแล้ว ตอนหน้า จะพาย้อนเวลากลับไปสมัยเรียนประถม จนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น มีหลายรสชาติครับ หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่คิดก็จะไม่รู้สึกอะไร แต่บางอย่างพอพูดแล้วคิดถึง อย่างน้อยความทรงจำ ที่ดี มันยังตราตรึงอยู่ในใจเสมอ
เที่ยวรอบบ้าน#3
พูดถึงตลาดนัดสวนจตุจักร ทำให้คิดถึง สนามหลวงไม่ได้ ตอนผมยังเด็กมากๆ แต่พอจำความได้ จำได้ว่า อากง(คุณตา) เคยพาไปเดินสนามหลวงในวันอาทิตย์ ครั้งหรือสองครั้งนี่แหล่ะ เหมือนว่าสนามหลวงที่เปิดให้ขายของนั้น เป็นสนามหลวงฝั่งที่อยู่หน้า พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ส่วนสนามหลวงฝั่งที่อยู่หน้าศาลหลักเมืองน่าจะไม่มีการขายของ หรือเปล่าไม่แน่ใจ ด้วยสภาพพื้นที่เป็นดิน เป็นสนามหญ้า เลยทำให้การเดินตลาดนัดสนามหลวงเฉอะแฉะมาก เป็นหลุม มีน้ำขัง บรรยากาศไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย มีโฆษณาขายยาต่างๆ แบบที่พวกตลกเอามาเล่นกันสมัยนี้แหล่ะ อับดุล ๆ อะไรพวกนี้ มีโชว์กับงู สะกดจิตงู ฯลฯ เยอะ ที่อากงไปสนามหลวง แกไปหาซื้อนกหงส์หยก นกรักสวยรักงาม ในกรงต้องมีกระจกให้ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าเพราะอะไร ส่วนที่ข้างๆ พระแม่ธรณีบีมมวยผม สมัยก่อน จะเป็นแผงหนังสือ ไม่มีชื่อแผงหรอก แต่จะใช้เรียกหมายเลขของแผงหนังสือเป็นการแทนร้านนั้นๆ ว่าแผงอะไร ขายหนังสืออะไร ร้านหนังสือน่าจะย้ายไปจตุจักร หลังจากที่ตลาดนัดสนามหลวงย้ายไปหลายปีอยู่ ผมเองยังได้มีโอกาสซื้อหนังสือเพื่อสอบเข้า โรงเรียนรัฐบาลที่แผงหนังสือสนามหลวงอยู่เลย แต่ไม่แน่ใจว่าช่วง ม.1 หรือ ป.6 สมัยนั้น มีเหมือนกันนะครับพวกหนังสือโป๊ ขายกันอยู่ตามแผงหนังสือนี่แหล่ะ เพียงแต่ไม่ได้วางขาย แต่จะใช้คนเดินมากระซิบ ถามว่า “โป๊ไม๊พี่(น้อง)” ผมไม่ทันหนังสือปกขาวน่ะ ไม่เคยเห็นด้วยว่าเป็นยังไง มาเห็นหนังสือโป๊ครั้งแรกน่าจะช่วง ม.ต้นแล้ว เป็นหนังสือเหมือนนิตยสารเล่มไม่หนามาก ข้าในก็จะมีเรื่องราวประเภทปลุกใจเสือป่า บวกรูปภาพที่แสดงถึงการร่วมเพศ เป็นภาพขาวดำนะครับ ไม่มีภาพสี 555 ออกติดเรทไปแระน่ะ
วกกลับมาที่สะพานเหล็ก จะมีตลาดสดใกล้ ๆ สะพานเหล็ก นั่นคือ ตลาดปีระกา ตลาดนี้ก็อยู่ในบริเวณ เวิ้งนครเกษมนั่นแหล่ะครับ โดยภาพรวม เวิ้งนครเกษม ก็เหมือนพื้นที่สี่เหลี่ยม พื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านค้า รวมถึงร้านของอากงผมด้วย ตลาดปีระกา เป็นตลาดสด แบบตลาดสดในปัจจุบันนี่แหล่ะ เป็นแหล่งซื้ออาหารการกิน ของชาวบ้านละแวกนั้นซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว้างมาก สมัยก่อน ตลาดไม่ได้มีทุกซอกทุกมุมเหมือนสมัยนี้ ตลาดแถวๆบ้านผมนี่มีประมาณ 2-3 ตลาดได้ ไล่มาตั้งแต่ตลาดบ้านหม้อ ตลาดตรอกหม้อ ตลาดปีระกา แล้วก็ตลาดวรจักร แต่ละตลาดก็จะมีของขึ้นชื่อต่างๆกันไป ไม่เหมือนกัน ของบางอย่างต้องไปตลาดนั้นๆ โดยเฉพาะ ไม่ได้มีขายทุกตลาด ร้านอากงก็ตั้งอยู่ในบริเวณเวิ้งนครเกษมนี่แหล่ะครับ ขายพวกอุปกรณ์ช่างต่างๆ พวกใบเลื่อยตัดเหล็ก ปากกาจับเหล็ก ฯลฯ ขายตั้งแต่ผมเด็กๆ จนหลังจากที่อากงสุขภาพไม่ดี ก็ได้ น้าชาย กับ พี่ชาย(ลูกป้า) มารับช่วงต่อ ผมชอบมาร้านอากงนะครับ แต่อากงจะให้มาเฉพาะช่วงเช้า ถึงเที่ยงๆ เท่านั้น แน่หล่ะ ต้องมีสิ่งดึงดูดมากพอที่จะทำให้เด็กๆอย่างผมในสมัยนั้น อยากมาที่ร้าน แน่นอนครับ ของเล่น 555 ซื้อแทบจะทุกวัน ร้านประจำก็อยู่แถวๆคลองถมปัจจุบันนี่แหล่ะครับ จะอธิบายว่าร้านอยู่ตรงไหน เดินทางโดยใช้ถนนเจริญกรุง พอข้ามสะพานเหล็กมา ตรงไป ก็จะเป็นสี่แยก เอสเอบี เลยไปอีกหน่อย ก่อนถึงโรงหนังแคปปิตอล จะมีสี่แยกเล็กๆ เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกนี้ เดินไปจนสุดถนน เลี้ยวซ้ายไปสัก 3-4 ห้อง ก็จะเห็นร้านขายของเล่น ร้านนึง ร้านนี้ยังอยู่นะครับ ผมเคยเห็น สมัยก่อน จะมีของเล่นขายหลายอย่างมาก รถไฟที่วิ่งในราง หุ่นยนต์ เครื่องบินที่ติดเอ็นไว้ที่หลังเครื่องบินแล้วเอาไปยึดกับเพดาน ใส่ถ่านแล้วมันจะบินได้ 555 จริงๆ มันก็บินได้เท่าที่ความยาวของเอ็นจะไปถึงนั่นแหล่ะ ผมจะมีเรื่องต่อรองอากงทุกครั้งที่จะเอาของเล่น อากงตามใจผมมาก อาจจะเป็นเพราะผมเป็นหลานที่อายุน้อยที่สุดในตอนนั้น ส่วนน้องชายก็ยังเล็กเกิน ยังเล่นของเล่นไม่ได้ แต่พอน้องชายคนรองเริ่มรู้เรื่อง ทีนี้แหล่ะ เป็นเรื่อง จากที่เคยซื้อของเล่นอย่างเดียวชิ้นเดียว กลับต้องซื้อเป็นอย่างเดียว 2 ชิ้น 555 เด็กหนอเด็ก
ย้อนกลับมาตรงร้านมนต์นมสด เดินริมทางไปเรื่อยๆ มุ่งหน้า อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนถึง จะเห็นตึกสีเหลืองๆ หม่นๆ มีภาพวาดของเมืองโบราณปิดไว้ ตึกนี้คือโรงหนังพาราไดซ์ เป็นโรงหนังอีกโรงหนึ่ง โรงนี้ออกแนววัยรุ่นหน่อย ไม่เหมือนเฉลิมกรุง อันนั้นออกแนวครอบครัว ดูจากอะไรเหรอ ฝั่งตรงข้ามพาราไดซ์ มีร้านไอสครีมนะสิ คนอายุ 40 น่าจะเคยได้ยิน ร้านไอศครีมชื่อ “ศาลาโฟร์โมสต์” ร้านนี้เป็นร้านของพ่อเพื่อนผมเอง ตอนเปิดร้าน ยังมีบัตรกินไอติมฟรีมาแจกให้เพื่อนๆ ในห้องเลย พูถึงโรงหนัง ผมจำไม่ได้ว่า ไอ้โลโก้รูปเป็ดนะ มันขายอะไร เคยเห็นตามโรงหนังใหญ่ๆ แต่จำไม่ได้ว่าขายอะไร กลับมาหน้าโรงหนังอีกที เดินต่อไป ก็จะเจอ ถนนราชดำเนิน มองข้ามไปฝั่งโน่น ก็จะเห็น ร้านศีกษาภันฑ์ กับโรงเรียนสตรีวิทยา เป็นไงหล่ะ แถวบ้านผม มีแต่โรงเรียนในตำนานทั้งนั้น สวนกุหลาบงี้ เบญจมราชาลัยงี้ นี่มีสตรีวิทยาอีกแล้ว ขอบอกว่า ทั้ง 3 โรงเรียนนี้ เดินไปเรียนได้สบายมากๆ เดินมาหยุดตรงมุมถนนราชดำเนิน มองไปทางขวา สิ่งที่จะเห็นเนชัดเลยคือ ภูเขาทอง มองต่ำลงมาหน่อย ก็จะเห็นโลหะปราสาท ก่อนหน้าที่จะเห็นโลหะปราสาทชัดเจนเหมือนตอนนี้ เมื่อก่อนมีโรงหนังเฉลิมไทย ตั้งอยู่ ซึ่งโดนทุบทิ้งไปนานหลายปีแล้ว เสียดายเหมือนกัน
พาทัวร์รอบทิศแล้ว ตอนหน้า จะพาย้อนเวลากลับไปสมัยเรียนประถม จนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น มีหลายรสชาติครับ หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่คิดก็จะไม่รู้สึกอะไร แต่บางอย่างพอพูดแล้วคิดถึง อย่างน้อยความทรงจำ ที่ดี มันยังตราตรึงอยู่ในใจเสมอ