[ที่สุดแห่งอังกฤษ] เร็กซ์แฮม-เชสเตอร์ : ‘สงครามระหว่างเชื้อชาติ’
โดย : มาสเตอร์ ริท
**************************
ในอดีตเราเคยชมการห้ำหั่นระหว่าง “นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้” ฤา “แดงเดือด” อาจเป็นสมรภูมิรบสำหรับใครหลายคน
ทว่าโปรดลืมเรื่องเหล่านี้ไปได้เลย ที่กล่าวมานั้นช่างจิ๊บจ้อย.. อะไรจะเกิดขึ้นเมิ่อฟุตบอลเป็นมากกว่าการแข่งขัน มันจะหายนะแค่ไหนเมื่อโลกลูกหนังต้องชุ่มโชกไปด้วยเลือด ความบาดหมางระหว่าง เร็กซ์แฮม และ เชสเตอร์ สองทีมจากบลูสแควร์ พรีเมียร์ จะทำให้ทุกท่านต้องดื่มด่ำไปกับแรงเคียดแค้นที่ทั้งคู่ต่างมีให้กัน
ว่ากันว่านี่คือหนึ่งใน “ที่สุดแห่งความอาฆาต” เท่าที่วงการฟุตบอลอังกฤษเคยมีมา
เพราะ นี่ไม่ใช่เรื่องระหว่างความสำเร็จ ทั้งสองต่างไม่ใช่แค่อริเพียงเพราะเป็นเพื่อนบ้าน ..
หากแต่เป็นสมรภูมิรบ ‘ระหว่างเชื้อชาติ’ !!
*********************
เร็กซ์แฮม – เชสเตอร์ : ‘ศึกตัวแทนระหว่างชาติ’
“ เร็กซ์แฮมไม่ใช่ชาวอังกฤษ พวกมันก็แค่ไอบ้านนอกเวลส์” คำประกาศกร้าวของสาวกเชสเตอร์รายหนึ่งที่ไม่ต้องสาธยายถึงความเป็นอริระหว่างทั้งสองให้มากความ แม้ทั้งคู่จะเป็นแค่สโมสรเล็กๆที่ไม่ได้เพียบพร้อมไปด้วยความสำเร็จ ทว่ายามที่ต้องโคจรมาพบกัน ..
เสียงปะทัดยักษ์พร้อมตูมตาม ‘ไม่ต่างกับสงคราม’
ก็เหมือนดาร์บี้ทั่วๆไป ทั้งสองต่างอยู่ห่างกันแค่ 12 ไมล์จนใกล้พอที่จะเรียกกันและกันว่า ‘เพื่อนบ้าน’ ทว่าที่ทำให้แปลกประหลาดจนมากเกินไป และ ไม่มีใครเหมือนก็คือ ..
ทั้งสองเมืองดันทะลึ่งอยู่ระหว่าง ‘คาบเกี่ยวเส้นพรหมแดน’ พอดี !
ลองจินตนาการภาพตามดูครับว่า หากคุณอยู่ที่เชียงราย ฉับพลันที่กำลังเพลิดเพลินกับการเดินช็อปปิ้งที่เซเว่นจู่ๆสัญญาณจีพีเอสดันขึ้นที่ประเทศพม่าพอดีจะทำให้เรารู้สึกงงงวยขนาดไหน
เรื่องพิศดารเหล่านี้มันเกิดขึ้นแล้วที่ เร็กซ์แฮม และ เชสเตอร์
ด้วยการที่ไม่มีช่องว่างระหว่างพรหมแดนเหมือนดั่งหลายทวีปในเอเชีย ทำให้แผ่นดินของทั้งสองกลมเกลียวราวกับเป็นหนึ่งอันเดียวกัน สนามฟุตบอล ราเซคอร์ส กราวนด์ ของเร็กซ์แฮมถูกบันทึกไว้ว่า ตั้งอยู่ที่ประเทศเวลส์ ..
ช่างเปรียบดั่งเรื่องตลก แม้สเตเดี้ยมจะอยู่ที่ประเทศตนเอง ทว่าออฟฟิศของสโมสร, ลานจอดรถ กระทั่งประตูหน้าสนาม ..
กลับไปตั้งอยู่ในแดนผู้ดี !
“ หากคุณเปิดประตูเดินเข้าหน้าสนามเร็กซ์แฮม นั่นล่ะคือการเข้าสู่ประเทศเวลส์แล้ว” คำให้การของ โทนี่ หนึ่งในกองเชียร์เร็กซ์แฮม สำหรับพวกเขาแล้วแม้จะอยู่คาบเส้นระหว่างสองประเทศ แต่สายเลือดของตนเองแล้ว เป็น “มังกรไฟ” เต็มตัว
แม้จะมีประชากรเพียงแค่ 43,000 รายซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีผู้คนน้อยที่สุดในลีกอังกฤษ แต่กองเชียร์ “เร้ด ดาร์กอนส์” ของเร็กซ์แฮมก็ได้ชื่อว่า เป็นสโมสรที่มีกลุ่มก้อนเหนียวแน่น ในทุกนัดพวกเขามักเข้าชมเกมเต็มความจุ ตรงกันข้ามกับเชสเตอร์ที่แม้จะมีประชากรกว่าแสนราย แต่กีฬาฟุตบอลกลับมิใช่การละเล่นยอดฮิตของคนทั้งเมืองแต่อย่างใด
เรื่องนี้กระทั่ง จอห์น สมิธ หนึ่งในกองเชียร์เชสเตอร์ก็ยอมรับครับว่า ‘เป็นความจริง’
“ พวกเร็กซ์แฮมมักกล่าวหาเราว่า ไม่ใช่เมืองแห่งฟุตบอล แม้ผมจะไม่ค่อยพอใจแต่ก็ยอมรับนะว่า มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเราแม้จะมีประชากรมากกว่าแต่กลับไม่มีจิตวิญญาณแห่งโลกลูกหนังเลย ผู้คนในเมืองมักใส่ใจกับแฟชั่นมากกว่ากีฬา”
ในอดีตทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนบ้านที่ทักทายไป-มาระหว่างกัน ผู้คนทั้งสองเมืองต่างสามัคคีไม่ต่างกับฉันท์มิตรแต่ทุกความบาดหมางย่อมมีจุดเปลี่ยน เรื่องราวมาถึงจุดพีคเอาตอนที่สมัย “สตรีเหล็ก” มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ณ เวลานั้น อดีตผู้นำหญิงแห่งอังกฤษมีแนวคิดชาตินิยมสุดโต่งที่จะให้แดนผู้ดีเป็นใหญ่ ในช่วงระหว่างครองอำนาจเจ้าตัวประกาศตัดความสัมพันธ์กับทุกพรหมแดน ก็แน่นอนว่า กับ เร็กซ์แฮม และ เชสเตอร์ ก็เช่นเดียวกัน
เชสเตอร์ที่ ณ เวลานั้น เปรียบดั่งเมืองเจ้าพ่ออุตสาหกรรมของประเทศประกาศไม่ค้าขายกับเร็กซ์แฮม รวมถึงไล่ชาวเวลส์กลับประเทศ
นั่นทำให้ผู้คนในเมืองทางตอนเหนือของเวลส์ต้องพบกับ ‘ความเลวร้าย’ ที่ไม่มีวันลืมเลือน ..
ทุกครั้งที่ต้อนรับผู้มาเยือนต้องมีเจ้าหน้าที่คอยรายล้อม
“ พ่อของผมต้องกลายเป็นคนตกงาน เมืองเร็กซ์แฮมกลายเป็นเมืองแห่งความล่มจม ผู้คนกลายเป็นขอทานกันมาก แต่ถึงกระนั้นพ่อผมก็ยังอุตส่าห์หาเงินพาลูกๆเข้าชมเกมฟุตบอลแต่ละนัด” คำสารภาพจาก บาสตี้ โคลแมน สาวกเร็กซ์แฮมรายหนึ่งที่แฝงไปด้วยน้ำตา
จากเพื่อนบ้านแปรเปลี่ยนเป็นศัตรู จากคนเคยรักแปรเปลี่ยนเป็นแรงริษยา ทั้งเร็กซ์แฮม และ เชสเตอร์ กลายเป็นมิตรสหายที่ไม่เผาผีกันตั้งแต่นั้นมา ไม่เว้นแม้แต่โลกฟุตบอลทุกครั้งที่เจอกันมักจะจบลงด้วยสุ่มเสียงแห่งการตะลุมบอน ครั้งหนึ่งในปี 1995 ราวกับพระเจ้าจัดให้ ทั้งคู่ต่างโคจรมาดวลกันในวัน ‘วาเลนไทน์’
สำหรับคู่รักทั่วไปแล้วนี่คือ ‘เทศกาลแห่งความรัก’ แต่สำหรับเพื่อนบ้านซี้ปึกคู่นี้ นี่ไม่ต่างกับ “ขุมนรก” !!
“ มันจะเป็นวันวาเลนไทน์ที่ผมจะไม่มีวันลืมเลือน ! ผมไม่เคยเห็นเรื่องราวสุดเดือดเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต” แกรี่ เบนเน็ตต์ ดาวเตะเร็กซ์แฮม ณ เวลานั้นยืนยันเหตุการณ์ ในวันนั้นเร็กซ์แฮมออกนำถึง 2-0 พร้อมๆกับที่สงคราม น่าจะจบไปแล้วหลัง เชสเตอร์ต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 9 คน
ทว่าเรื่องราวกับตาลปัตรในขณะที่กองเชียร์เจ้าถิ่นต่างเริงร่า เข้าสู่ครึ่งหลังทีมจากอาคันตุกะกลับสร้างเรื่องช็อกด้วยการยิงคืน 2 ลูกรวดใน 10 นาทีสุดท้าย ผลสกอร์ในครั้งนั้นแม้จะจบลงด้วยประตู 2-2 แต่เรื่องราวกลับไม่น่าจดจำเท่าสถานการณ์ในสนาม
วาเลนไทน์แห่งความรักกลายเป็นกุหลาบที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด กองเชียร์ทั้งสองเอาขวดแก้ววิ่งไล่ตีกันอย่างเมามันส์ ผับข้างทางกลายเป็นทะเลเพลิงผลพวงจากการปะทะในครั้งนั้นทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 100 ราย !
กระทั่ง เอียน รัช ตำนานหนวดหินลิเวอร์พูลที่ครั้งหนึ่งเคยลงเล่นระหว่างสองสโมสรยังยอมรับครับว่า เท่าที่เคยผ่านเกมดาร์บี้แมตช์มา สงคราม “ Cross-Border Derby” คือที่สุดแห่งชีวิต
“ผมเชื่อว่าถ้า พวกเขาฆ่ากันได้คงฆ่ากันไปแล้ว กองเชียร์ของทั้งคู่ต่างเฝ้ารอคอยให้ดาร์บี้ แมตช์ นี้มาถึง นี่ไม่ใช่สงครามระหว่างนักเตะ หากแต่เป็นสรภูมิรบระหว่างแฟนๆ”
“ แม้ทุกครั้งจะมีแฟนบอลในสนามแค่ 7,000 รายแต่เชื่อไหมว่า ผมรู้สึกราวกับอยู่ท่ามกลางในสนามกว่า 20,000 คน ! เสียงเชียร์ในสนามช่างบ้าคลั่งมาก ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ร่วมบนในหน้าของพวกเขา”
กับยุคปัจจุบัน ด้วยการที่สถานการณ์กำลังระส่ำด้วยกันทั้งคู่ทำให้ความดุเดือดของทั้งสองเริ่มเบาบางลง แต่ครั้งหนึ่งแฟนบอลเร็กซ์แฮมก็เคยถูกยิงมาแล้วฐานบังอาจทะลึ่งใส่เสื้อทีมรักมาเดินเที่ยวเล่น ณ เมืองคู่ปรับแบบหน้าตาเฉยโดยมิได้รับอนุญาต
ไม่เว้นแม้แต่เหตุการณ์เศร้าสลดที่แฟนบอลเร็กซ์แฮมตายไป 2 คนทว่าในระหว่างการเจอกันกลับถูกแฟนบอลเชสเตอร์นำไปล้อเลียน ..
ผืนผ้า “Welcome to Hell” จะถูกนำมาแขวนไว้หน้าเมืองในทุกครั้งที่ฟาดแข้งกัน เสียงเชียร์ “Ing-land, Ing-land’ ก่อนจะถูกสวนกลับมาด้วย ‘North-Wales, North-Wales’ หาพบได้ในเกมดาร์บี้ แมตช์ ที่ลงบู๊กันทั่วไป ..
แม้เมืองจะติดกันราวกับเป็นหนึ่งเดียว หรือ มากาเร็ต แธตเชอร์ จะสิ้นชีวิตลาจากโลกไปแล้ว แต่ตราบจนกระทั่งวันนี้ทั้ง เร็กซ์แฮม และ เชสเตอร์ ก็ยังมิเคยกลับมาฉันท์มิตรกันอีกเลย
รอยร้าวที่อดีตนายกฯอังกฤษทิ้งบอมบ์ไว้ให้แตกเป็นเสี่ยงจนยากที่จะกลับมาประสาน กระทั่งทุกวันนี้
หากคุณเป็นชาวเร็กซ์แฮมแล้วเผลอใจล่องลอยไปเดินเล่นที่เมืองเชสเตอร์ อย่าได้ทำตัวแปลกประหลาด หรือ ว่าวสำเนียงสไตล์เวลส์ทีเดียวเชียว ..
มิฉะนั้นอาจได้รอยฟกช้ำ..
พร้อม 'ชุ่มฉ่ำด้วยเลือด' กลับมาโดยไม่รู้ตัว
- มาสเตอร์ ริท -
************************
[ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ]
นอกจากเรื่องราวความอลม่านของทั้งสองจะเปรียบดั่ง ‘สงครามข้ามชาติ’ แล้ว นี่ยังไม่ต่างกับ ‘สมรภูมิรบระหว่างชนชั้น’ ด้วย
ถ้าเชสเตอร์คือตัวแทนระหว่างสังคม ‘ไฮโซ’ เร็กซ์แฮมก็คงเป็นตัวแทนของ “ชนชั้นรากหญ้า”
การที่มีพลเมืองสุดกระจิดริดย่อมไม่แปลกครับที่ชาวเมืองเร็กซ์แฮมจะสุดจนแสนเข็ญ ทว่าผลพวงจากการถูกมากาเร็ธ แธตเชอร์ คว่ำบาตรก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่มีอันจะกินเช่นนี้
ในปัจจุบันนี้ท่ามกลางความหรูหราของเชสเตอร์ ซิตี้ หารู้ไม่ว่าเงินจำนวนหนึ่งที่เมืองนั้นได้รับส่วนหนึ่งก็มาจากพลเมืองของเร็กซ์แฮมเช่นกัน
ไอริช หนึ่งในชาวเร็กซ์แฮมแต่กำเนิดยืนยันครับว่า ในบ้านเกิดของตนนั้นแทบไร้ความทันสมัย กระทั่งถ้าใครซักคนไปยืนอยู่จุดกึ่งกลางระหว่างสองประเทศ มิต้องลืมตาก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสองเมือง
นั่นทำให้ชุมชนในเมืองเร็กซ์แฮมมักแฝงตัวเข้าไปซื้อของในเชสเตอร์เป็นประจำ .
“ ในขณะที่เราสวมเสื้อยืดเก่าๆ พวกเขากลับใส่ชุดที่ดูโอ่อ่าหรูหราพร้อมทรงผมที่ชุ่มไปด้วยเจล เพียงแค่มองการแต่งตัวคุณก็รับรู้ได้ทันทีว่า ใครกันที่คือชาวเชสเตรี่ยน (เชสเตอร์) ใครกันที่คือพวกเรา(เร็กซ์แฮม)”
“ ทุกวันนี้ชาวเร็กซ์แฮมส่วนใหญ่มักแฝงตัวเข้าไปซื้อชุดในเมืองเชสเตอร์ เช่นเดียวกับผู้หญิงในเมืองของเราที่มักออกไปหาแฟนต่างถิ่นเนื่องก็เพราะความทันสมัยกว่า”
ทว่ารัศมีแห่งความเป็นอรินั้นช่างรุนแรง ใช่ว่าชาวเร็กซ์แฮมจะผ่านเข้าไปในเมืองของเชสเตรี่ยนได้ง่ายๆ เพราะ ทุกวันนี้ทุกครั้งที่เจอเพื่อนต่างถิ่น ชุมชนเมืองเชสเตอร์มักจะคอยสอดส่อง และ ถามหาชาวเร็กซ์แฮม นั่นทำให้พวกเขาต้องหลบๆซ่อนๆ และ แอบดอดเข้าไปแบบเนียนๆ ..
นี่เป็นสงครามที่มากกว่าแค่ฟุตบอล ความเป็นดาร์บี้แมตช์ระหว่างทั้งสองกลับไม่จบลงที่สนามหากแต่ลามปามมาถึงชีวิตประจำวัน
อาจจะใช่ที่หากปราศจากทั้งสอง หรือ เมืองใดเมืองหนึ่ง อรรถรสในการรับชมฟุตบอลก็แทบไร้สีสัน แต่ถึงตรงนี้อย่าได้ถามถึงการปรองดอง หรือ มิตรภาพระหว่างทั้งคู่ เพราะ คุณอาจโดนตอกกลับมาแบบไม่ใยดี ..
“ ผมยอมดื่มด่ำพร้อมฉลองไปกับการที่เชสเตอร์ไม่มีทีมฟุตบอล ดีกว่าที่จะได้มารับชมดาร์บี้แมตช์บ้าๆนี้!”
ครับ .. จากวาทะเด็ดที่ออกมาจากปากของ พอล เบเกอร์ สาวกเร็กซ์แฮมยืนยันทุกสิ่งแล้ว ..
'เพื่อนรักผู้นี้คงไร้วัน 'เผาผี' ตลอดไป'
- มาสเตอร์ ริท
*******************
เรื่องราวดีๆเกี่ยวกับฟุตบอลเขียนไปก็ได้รับอรรถรสในการรับชมไป ถ้าชอบสามารถเข้าไปติดตาม หรือ กดถูกใจกันได้นะครับที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/MasterReed.1992/ จะพยายามเอามาลงให้รับชมเรื่อยๆจ้า ติ-ชมกันได้ครับ
[ที่สุดแห่งอังกฤษ] เร็กซ์แฮม-เชสเตอร์ : ‘สงครามระหว่างเชื้อชาติ’
โดย : มาสเตอร์ ริท
**************************
ในอดีตเราเคยชมการห้ำหั่นระหว่าง “นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้” ฤา “แดงเดือด” อาจเป็นสมรภูมิรบสำหรับใครหลายคน
ทว่าโปรดลืมเรื่องเหล่านี้ไปได้เลย ที่กล่าวมานั้นช่างจิ๊บจ้อย.. อะไรจะเกิดขึ้นเมิ่อฟุตบอลเป็นมากกว่าการแข่งขัน มันจะหายนะแค่ไหนเมื่อโลกลูกหนังต้องชุ่มโชกไปด้วยเลือด ความบาดหมางระหว่าง เร็กซ์แฮม และ เชสเตอร์ สองทีมจากบลูสแควร์ พรีเมียร์ จะทำให้ทุกท่านต้องดื่มด่ำไปกับแรงเคียดแค้นที่ทั้งคู่ต่างมีให้กัน
ว่ากันว่านี่คือหนึ่งใน “ที่สุดแห่งความอาฆาต” เท่าที่วงการฟุตบอลอังกฤษเคยมีมา
เพราะ นี่ไม่ใช่เรื่องระหว่างความสำเร็จ ทั้งสองต่างไม่ใช่แค่อริเพียงเพราะเป็นเพื่อนบ้าน ..
หากแต่เป็นสมรภูมิรบ ‘ระหว่างเชื้อชาติ’ !!
*********************
เร็กซ์แฮม – เชสเตอร์ : ‘ศึกตัวแทนระหว่างชาติ’
“ เร็กซ์แฮมไม่ใช่ชาวอังกฤษ พวกมันก็แค่ไอบ้านนอกเวลส์” คำประกาศกร้าวของสาวกเชสเตอร์รายหนึ่งที่ไม่ต้องสาธยายถึงความเป็นอริระหว่างทั้งสองให้มากความ แม้ทั้งคู่จะเป็นแค่สโมสรเล็กๆที่ไม่ได้เพียบพร้อมไปด้วยความสำเร็จ ทว่ายามที่ต้องโคจรมาพบกัน ..
เสียงปะทัดยักษ์พร้อมตูมตาม ‘ไม่ต่างกับสงคราม’
ก็เหมือนดาร์บี้ทั่วๆไป ทั้งสองต่างอยู่ห่างกันแค่ 12 ไมล์จนใกล้พอที่จะเรียกกันและกันว่า ‘เพื่อนบ้าน’ ทว่าที่ทำให้แปลกประหลาดจนมากเกินไป และ ไม่มีใครเหมือนก็คือ ..
ทั้งสองเมืองดันทะลึ่งอยู่ระหว่าง ‘คาบเกี่ยวเส้นพรหมแดน’ พอดี !
ลองจินตนาการภาพตามดูครับว่า หากคุณอยู่ที่เชียงราย ฉับพลันที่กำลังเพลิดเพลินกับการเดินช็อปปิ้งที่เซเว่นจู่ๆสัญญาณจีพีเอสดันขึ้นที่ประเทศพม่าพอดีจะทำให้เรารู้สึกงงงวยขนาดไหน
เรื่องพิศดารเหล่านี้มันเกิดขึ้นแล้วที่ เร็กซ์แฮม และ เชสเตอร์
ด้วยการที่ไม่มีช่องว่างระหว่างพรหมแดนเหมือนดั่งหลายทวีปในเอเชีย ทำให้แผ่นดินของทั้งสองกลมเกลียวราวกับเป็นหนึ่งอันเดียวกัน สนามฟุตบอล ราเซคอร์ส กราวนด์ ของเร็กซ์แฮมถูกบันทึกไว้ว่า ตั้งอยู่ที่ประเทศเวลส์ ..
ช่างเปรียบดั่งเรื่องตลก แม้สเตเดี้ยมจะอยู่ที่ประเทศตนเอง ทว่าออฟฟิศของสโมสร, ลานจอดรถ กระทั่งประตูหน้าสนาม ..
กลับไปตั้งอยู่ในแดนผู้ดี !
“ หากคุณเปิดประตูเดินเข้าหน้าสนามเร็กซ์แฮม นั่นล่ะคือการเข้าสู่ประเทศเวลส์แล้ว” คำให้การของ โทนี่ หนึ่งในกองเชียร์เร็กซ์แฮม สำหรับพวกเขาแล้วแม้จะอยู่คาบเส้นระหว่างสองประเทศ แต่สายเลือดของตนเองแล้ว เป็น “มังกรไฟ” เต็มตัว
แม้จะมีประชากรเพียงแค่ 43,000 รายซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีผู้คนน้อยที่สุดในลีกอังกฤษ แต่กองเชียร์ “เร้ด ดาร์กอนส์” ของเร็กซ์แฮมก็ได้ชื่อว่า เป็นสโมสรที่มีกลุ่มก้อนเหนียวแน่น ในทุกนัดพวกเขามักเข้าชมเกมเต็มความจุ ตรงกันข้ามกับเชสเตอร์ที่แม้จะมีประชากรกว่าแสนราย แต่กีฬาฟุตบอลกลับมิใช่การละเล่นยอดฮิตของคนทั้งเมืองแต่อย่างใด
เรื่องนี้กระทั่ง จอห์น สมิธ หนึ่งในกองเชียร์เชสเตอร์ก็ยอมรับครับว่า ‘เป็นความจริง’
“ พวกเร็กซ์แฮมมักกล่าวหาเราว่า ไม่ใช่เมืองแห่งฟุตบอล แม้ผมจะไม่ค่อยพอใจแต่ก็ยอมรับนะว่า มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเราแม้จะมีประชากรมากกว่าแต่กลับไม่มีจิตวิญญาณแห่งโลกลูกหนังเลย ผู้คนในเมืองมักใส่ใจกับแฟชั่นมากกว่ากีฬา”
ในอดีตทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนบ้านที่ทักทายไป-มาระหว่างกัน ผู้คนทั้งสองเมืองต่างสามัคคีไม่ต่างกับฉันท์มิตรแต่ทุกความบาดหมางย่อมมีจุดเปลี่ยน เรื่องราวมาถึงจุดพีคเอาตอนที่สมัย “สตรีเหล็ก” มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ณ เวลานั้น อดีตผู้นำหญิงแห่งอังกฤษมีแนวคิดชาตินิยมสุดโต่งที่จะให้แดนผู้ดีเป็นใหญ่ ในช่วงระหว่างครองอำนาจเจ้าตัวประกาศตัดความสัมพันธ์กับทุกพรหมแดน ก็แน่นอนว่า กับ เร็กซ์แฮม และ เชสเตอร์ ก็เช่นเดียวกัน
เชสเตอร์ที่ ณ เวลานั้น เปรียบดั่งเมืองเจ้าพ่ออุตสาหกรรมของประเทศประกาศไม่ค้าขายกับเร็กซ์แฮม รวมถึงไล่ชาวเวลส์กลับประเทศ
นั่นทำให้ผู้คนในเมืองทางตอนเหนือของเวลส์ต้องพบกับ ‘ความเลวร้าย’ ที่ไม่มีวันลืมเลือน ..
ทุกครั้งที่ต้อนรับผู้มาเยือนต้องมีเจ้าหน้าที่คอยรายล้อม
“ พ่อของผมต้องกลายเป็นคนตกงาน เมืองเร็กซ์แฮมกลายเป็นเมืองแห่งความล่มจม ผู้คนกลายเป็นขอทานกันมาก แต่ถึงกระนั้นพ่อผมก็ยังอุตส่าห์หาเงินพาลูกๆเข้าชมเกมฟุตบอลแต่ละนัด” คำสารภาพจาก บาสตี้ โคลแมน สาวกเร็กซ์แฮมรายหนึ่งที่แฝงไปด้วยน้ำตา
จากเพื่อนบ้านแปรเปลี่ยนเป็นศัตรู จากคนเคยรักแปรเปลี่ยนเป็นแรงริษยา ทั้งเร็กซ์แฮม และ เชสเตอร์ กลายเป็นมิตรสหายที่ไม่เผาผีกันตั้งแต่นั้นมา ไม่เว้นแม้แต่โลกฟุตบอลทุกครั้งที่เจอกันมักจะจบลงด้วยสุ่มเสียงแห่งการตะลุมบอน ครั้งหนึ่งในปี 1995 ราวกับพระเจ้าจัดให้ ทั้งคู่ต่างโคจรมาดวลกันในวัน ‘วาเลนไทน์’
สำหรับคู่รักทั่วไปแล้วนี่คือ ‘เทศกาลแห่งความรัก’ แต่สำหรับเพื่อนบ้านซี้ปึกคู่นี้ นี่ไม่ต่างกับ “ขุมนรก” !!
“ มันจะเป็นวันวาเลนไทน์ที่ผมจะไม่มีวันลืมเลือน ! ผมไม่เคยเห็นเรื่องราวสุดเดือดเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต” แกรี่ เบนเน็ตต์ ดาวเตะเร็กซ์แฮม ณ เวลานั้นยืนยันเหตุการณ์ ในวันนั้นเร็กซ์แฮมออกนำถึง 2-0 พร้อมๆกับที่สงคราม น่าจะจบไปแล้วหลัง เชสเตอร์ต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 9 คน
ทว่าเรื่องราวกับตาลปัตรในขณะที่กองเชียร์เจ้าถิ่นต่างเริงร่า เข้าสู่ครึ่งหลังทีมจากอาคันตุกะกลับสร้างเรื่องช็อกด้วยการยิงคืน 2 ลูกรวดใน 10 นาทีสุดท้าย ผลสกอร์ในครั้งนั้นแม้จะจบลงด้วยประตู 2-2 แต่เรื่องราวกลับไม่น่าจดจำเท่าสถานการณ์ในสนาม
วาเลนไทน์แห่งความรักกลายเป็นกุหลาบที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด กองเชียร์ทั้งสองเอาขวดแก้ววิ่งไล่ตีกันอย่างเมามันส์ ผับข้างทางกลายเป็นทะเลเพลิงผลพวงจากการปะทะในครั้งนั้นทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 100 ราย !
กระทั่ง เอียน รัช ตำนานหนวดหินลิเวอร์พูลที่ครั้งหนึ่งเคยลงเล่นระหว่างสองสโมสรยังยอมรับครับว่า เท่าที่เคยผ่านเกมดาร์บี้แมตช์มา สงคราม “ Cross-Border Derby” คือที่สุดแห่งชีวิต
“ผมเชื่อว่าถ้า พวกเขาฆ่ากันได้คงฆ่ากันไปแล้ว กองเชียร์ของทั้งคู่ต่างเฝ้ารอคอยให้ดาร์บี้ แมตช์ นี้มาถึง นี่ไม่ใช่สงครามระหว่างนักเตะ หากแต่เป็นสรภูมิรบระหว่างแฟนๆ”
“ แม้ทุกครั้งจะมีแฟนบอลในสนามแค่ 7,000 รายแต่เชื่อไหมว่า ผมรู้สึกราวกับอยู่ท่ามกลางในสนามกว่า 20,000 คน ! เสียงเชียร์ในสนามช่างบ้าคลั่งมาก ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ร่วมบนในหน้าของพวกเขา”
กับยุคปัจจุบัน ด้วยการที่สถานการณ์กำลังระส่ำด้วยกันทั้งคู่ทำให้ความดุเดือดของทั้งสองเริ่มเบาบางลง แต่ครั้งหนึ่งแฟนบอลเร็กซ์แฮมก็เคยถูกยิงมาแล้วฐานบังอาจทะลึ่งใส่เสื้อทีมรักมาเดินเที่ยวเล่น ณ เมืองคู่ปรับแบบหน้าตาเฉยโดยมิได้รับอนุญาต
ไม่เว้นแม้แต่เหตุการณ์เศร้าสลดที่แฟนบอลเร็กซ์แฮมตายไป 2 คนทว่าในระหว่างการเจอกันกลับถูกแฟนบอลเชสเตอร์นำไปล้อเลียน ..
ผืนผ้า “Welcome to Hell” จะถูกนำมาแขวนไว้หน้าเมืองในทุกครั้งที่ฟาดแข้งกัน เสียงเชียร์ “Ing-land, Ing-land’ ก่อนจะถูกสวนกลับมาด้วย ‘North-Wales, North-Wales’ หาพบได้ในเกมดาร์บี้ แมตช์ ที่ลงบู๊กันทั่วไป ..
แม้เมืองจะติดกันราวกับเป็นหนึ่งเดียว หรือ มากาเร็ต แธตเชอร์ จะสิ้นชีวิตลาจากโลกไปแล้ว แต่ตราบจนกระทั่งวันนี้ทั้ง เร็กซ์แฮม และ เชสเตอร์ ก็ยังมิเคยกลับมาฉันท์มิตรกันอีกเลย
รอยร้าวที่อดีตนายกฯอังกฤษทิ้งบอมบ์ไว้ให้แตกเป็นเสี่ยงจนยากที่จะกลับมาประสาน กระทั่งทุกวันนี้
หากคุณเป็นชาวเร็กซ์แฮมแล้วเผลอใจล่องลอยไปเดินเล่นที่เมืองเชสเตอร์ อย่าได้ทำตัวแปลกประหลาด หรือ ว่าวสำเนียงสไตล์เวลส์ทีเดียวเชียว ..
มิฉะนั้นอาจได้รอยฟกช้ำ..
พร้อม 'ชุ่มฉ่ำด้วยเลือด' กลับมาโดยไม่รู้ตัว
- มาสเตอร์ ริท -
************************
[ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ]
นอกจากเรื่องราวความอลม่านของทั้งสองจะเปรียบดั่ง ‘สงครามข้ามชาติ’ แล้ว นี่ยังไม่ต่างกับ ‘สมรภูมิรบระหว่างชนชั้น’ ด้วย
ถ้าเชสเตอร์คือตัวแทนระหว่างสังคม ‘ไฮโซ’ เร็กซ์แฮมก็คงเป็นตัวแทนของ “ชนชั้นรากหญ้า”
การที่มีพลเมืองสุดกระจิดริดย่อมไม่แปลกครับที่ชาวเมืองเร็กซ์แฮมจะสุดจนแสนเข็ญ ทว่าผลพวงจากการถูกมากาเร็ธ แธตเชอร์ คว่ำบาตรก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่มีอันจะกินเช่นนี้
ในปัจจุบันนี้ท่ามกลางความหรูหราของเชสเตอร์ ซิตี้ หารู้ไม่ว่าเงินจำนวนหนึ่งที่เมืองนั้นได้รับส่วนหนึ่งก็มาจากพลเมืองของเร็กซ์แฮมเช่นกัน
ไอริช หนึ่งในชาวเร็กซ์แฮมแต่กำเนิดยืนยันครับว่า ในบ้านเกิดของตนนั้นแทบไร้ความทันสมัย กระทั่งถ้าใครซักคนไปยืนอยู่จุดกึ่งกลางระหว่างสองประเทศ มิต้องลืมตาก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสองเมือง
นั่นทำให้ชุมชนในเมืองเร็กซ์แฮมมักแฝงตัวเข้าไปซื้อของในเชสเตอร์เป็นประจำ .
“ ในขณะที่เราสวมเสื้อยืดเก่าๆ พวกเขากลับใส่ชุดที่ดูโอ่อ่าหรูหราพร้อมทรงผมที่ชุ่มไปด้วยเจล เพียงแค่มองการแต่งตัวคุณก็รับรู้ได้ทันทีว่า ใครกันที่คือชาวเชสเตรี่ยน (เชสเตอร์) ใครกันที่คือพวกเรา(เร็กซ์แฮม)”
“ ทุกวันนี้ชาวเร็กซ์แฮมส่วนใหญ่มักแฝงตัวเข้าไปซื้อชุดในเมืองเชสเตอร์ เช่นเดียวกับผู้หญิงในเมืองของเราที่มักออกไปหาแฟนต่างถิ่นเนื่องก็เพราะความทันสมัยกว่า”
ทว่ารัศมีแห่งความเป็นอรินั้นช่างรุนแรง ใช่ว่าชาวเร็กซ์แฮมจะผ่านเข้าไปในเมืองของเชสเตรี่ยนได้ง่ายๆ เพราะ ทุกวันนี้ทุกครั้งที่เจอเพื่อนต่างถิ่น ชุมชนเมืองเชสเตอร์มักจะคอยสอดส่อง และ ถามหาชาวเร็กซ์แฮม นั่นทำให้พวกเขาต้องหลบๆซ่อนๆ และ แอบดอดเข้าไปแบบเนียนๆ ..
นี่เป็นสงครามที่มากกว่าแค่ฟุตบอล ความเป็นดาร์บี้แมตช์ระหว่างทั้งสองกลับไม่จบลงที่สนามหากแต่ลามปามมาถึงชีวิตประจำวัน
อาจจะใช่ที่หากปราศจากทั้งสอง หรือ เมืองใดเมืองหนึ่ง อรรถรสในการรับชมฟุตบอลก็แทบไร้สีสัน แต่ถึงตรงนี้อย่าได้ถามถึงการปรองดอง หรือ มิตรภาพระหว่างทั้งคู่ เพราะ คุณอาจโดนตอกกลับมาแบบไม่ใยดี ..
“ ผมยอมดื่มด่ำพร้อมฉลองไปกับการที่เชสเตอร์ไม่มีทีมฟุตบอล ดีกว่าที่จะได้มารับชมดาร์บี้แมตช์บ้าๆนี้!”
ครับ .. จากวาทะเด็ดที่ออกมาจากปากของ พอล เบเกอร์ สาวกเร็กซ์แฮมยืนยันทุกสิ่งแล้ว ..
'เพื่อนรักผู้นี้คงไร้วัน 'เผาผี' ตลอดไป'
- มาสเตอร์ ริท
*******************
เรื่องราวดีๆเกี่ยวกับฟุตบอลเขียนไปก็ได้รับอรรถรสในการรับชมไป ถ้าชอบสามารถเข้าไปติดตาม หรือ กดถูกใจกันได้นะครับที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ จะพยายามเอามาลงให้รับชมเรื่อยๆจ้า ติ-ชมกันได้ครับ