สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เป็นเกือบทุกบ้านครับ จะว่ารักไม่เท่าก็ไม่เชิงครับ
อาจจะแสดงออก/คาดหวังกับลูกแตกต่างกัน
แต่พื้นฐานผมเชื่อครับว่ายังไงท่านก็รักเรา
เรื่องของ จขกท. ผมได้แต่ส่งกำลังใจให้นะครับ
ลองเก็บมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง คล้ายผมครับ
เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้ครอบครัวผมเลย
โดยเฉพาะ พ่อและแม่ที่สปอยลูกคนโตจนเกือบเสียคน
"ผมเป็นลูกชายคนเล็ก มีพี่สาว 1 คน อายุห่างกัน 2 ปี
ด้วยความที่พี่สาวผมสอบได้ที่ 1-2 มาตลอดตอนประถม
แม่กับพ่อจึงฝากฝังค.ไว้วางใจทุกอย่างกับพี่สาว
แต่พี่สาวชอบด่า ชอบแกล้ง เวลาที่ผมขออะไรจากแม่
แล้วแม่ให้ โดยพี่สาวไม่ได้ พี่สาวก็จะพูดกระแทก
บ้างก็พูดประชดพ่อแม่ แม่ก็มีดุว่า ตักเตือนไป แต่พี่สาวก็หาโอกาสทำบ่อย ชอบดูถูกว่าผมไม่ฉลาด
ต้องพึ่งให้พี่สาวคอยสอนการบ้าน
ผลการเรียนผมก็ระดับกลางครับ ไม่ได้เรียนพิเศษใดๆ
จบม.ต้น พี่สาวเลือกเรียนสายอาชีพ ปวช.-ปวส.
ให้เหตุผลกับพ่อแม่ว่า หางานระหว่างเรียนได้ จะได้แบ่งเบาพ่อแม่ได้ ท่านปลื้มมากครับ เพราะลูกสาวคิดช่วยเหลือตัวเองไม่รบกวนครอบครัว ส่วนผมเลือกสายสามัญ โดนพี่สาวต่อว่า ว่าเป็นภาระพ่อแม่สารพัด ผมจบม.ต้นหลังพี่สาว 2 ปี พ่อแม่ก็สนับสนุนให้สอบนายร้อย ก็ต้องเข้าคอร์สติว
ไปติว ตจว.ครับ ใช่จ่ายหลายหมื่น ทั้งค่าคอร์สค่าจิปะถะ
แต่พ่อแม่มีกำลังและส่งเสริมครับ มีเพียงพี่สาวที่คอย
พูดไม่ดีใส่ เช่น สายสามัญเรียนไปก็ไม่ได้แบ่งเบาเลย
ต้องพึ่งพ่อแม่ไปจนแก่แน่ๆ ไม่น่าเกิดมาเป็นภาระเลย ฯลฯ
ทั้งๆที่พี่สาวเรียนจะจบ ปวช.กำลังต่อ ปวส. แล้ว
ก็ไม่เคยทำงานเสริมอะไร ยังคงขอเงินพ่อแม่ปกติ
ซื้อคอมตั้งโต๊ะ ซื้อกล้อง ซื้อโทรศัพท์ ซื้อโน้ตบุ๊ค
ซื้อรถ เรียนใกล้บ้านยังขออยู่หอ ค่าหอ ค่ากินเที่ยวอีก
ส่วนผมเองก็สอบนายร้อยไม่ได้ครับ ผมเสียใจมาก
แต่พ่อแม่บอกว่าท่านเชื่อ ว่าผมทำดีสุดแล้ว
ก็พี่สาวผมอีกละครับ โทรมาเยาะเย้ย ว่า โง่ไม่เจียม!
คือเจ็บมากครับ ไม่เข้าใจไปทำอะไรให้พี่สาวไม่พอใจ
ผมก็กลับมาเรียนม.4 ต่อในโรงเรียนเดิมครับ
และเรียน นศท. (5ชั้นปี) อยากถือกระบี่วันรับปริญญา
ให้พ่อแม่ได้ภูมิใจสักครั้งครับ จบม.6 ผมก็ต่อ ป.ตรี
มหาวิทยาลัยชื่อดังในภาคใต้ (ลูกพระบิดา)
และควบมหาวิทยาลัยเปิด ใน กทม. (เน้นอ่านไปสอบ)
พี่สาวจบ ปวส.เห็นผมต่อ ป.ตรี ก็รบเร้าจะต่อ ป.ตรีด้วย
พ่อแม่ก็ได้หมดครับ มีกำลังส่งเสีย ท่านก็เต็มที่
แต่พ่อแม่ขอพี่สาวให้อยู่ใกล้บ้าน สุดท้ายไปเรียนเอกชน
ไกลบ้าน ภาคตะวันตก พ่อแม่ก็ห่วงครับ แต่ห้ามไม่ได้ พี่สาวอารมณ์ร้อน ถ้าพ่อแม่ขัดใจ
ก็ขู่จะหนีไปไกลๆ ไม่กลับบ้านอีก ฯลฯ
พ่อแม่จัดสรรเงินรายเดือน พี่สาว 25,000-30,000/ด.
เพราะคิดว่าลูกอยู่ไกล ให้เผื่อๆไปก่อน
ส่วนผมเรียนที่จังหวัดบ้านเกิด ได้กลับบ้านทุกสัปดาห์
พ่อแม่จัดสรรเงินรายเดือนให้ 15,000/ด. รวมค่าหอพัก
แรกๆ อะไรก็ราบรื่นครับ พี่สาวโทรหาพ่อแม่แทบทุกวัน
เริ่มเทอม 2 ไม่ค่อยโทร แม่ก็ปรึกษาผม
บอกว่าสองเดือนก่อน โอนเงินเข้าบช.พี่สาวราว 26x,xxx
เพราะแม่ขายยางแผ่นได้เยอะ เลยอยากให้ลูกสาวเก็บไว้
ผมแอบเสียใจครับ แม่ให้ผมเท่าเดิม แล้วแอบโอนให้พี่สาว
แต่ก็บอกไปแค่กว่า จะช่วยติดต่อพี่สาวให้ ผมโทรไม่รับ
ทักเฟสไป แรกๆอ่าน แต่ไม่ตอบ ผมตื๊อทักไปทุกวัน
บอกพ่อแม่เป็นห่วง แม่ร้องไห้ แม่ล้มแขนหักอยู่รพ. ฯลฯ
ก็อ่านตอบมาว่า อย่ามาวุ่นวาย ไอเด็กชิง...เกิด
คือ ด่าผมยังรับได้ แต่แม่ล้มแขนหัก กลับไม่ถามถึงเลย
โชคดีที่แฟนผม อยู่กทม.สอบเสร็จก่อน มาเฝ้าแม่ให้
แม่ผ่าตัดนอนรพ.เป็น 10 กว่าวัน ตรอมใจเรื่องพี่สาวอีก
แม่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มีผมกับแฟนที่คอยดูแล
เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว เปลี่ยนแพมเพิร์ส ไปจนอาบน้ำสระผมให้
พี่สาวก็ยังไม่ติดต่อกลับ พ่อก็เริ่มเครียด แม่ก็ซึม
ช่วงนั้นผมยังสอบไฟนอล คือ หนักมากครับ เครียดมาก
สอบเสร็จ ไม่กี่วันแม่ออกจากร.พ. ก็ยังนึกห่วงพี่สาว
ไม่ติดต่อมาไม่เป็นไร แม่อยากโอนเงินให้เผื่อลำบาก
แม่จึงให้ผมช่วยโอนเงินให้พี่สาว ครั้งนั้น 6 หมื่นครับ
ผมก็เอาสมุดที่แม่ไปอัพ คือ ยอดหายครับ
จากเดิมหลายๆครั้งที่แม่แอบโอนให้ แม่ไม่เคยอัพสมุดเลย
ผมอัพเหลือยอด 6 หมื่นที่เพิ่งโอนไปกับของเดิม 4 พันกว่า
แม่ว่าแม่แอบโอนให้เกิน 3 แสน ไม่รวมรายเดือน
และไม่รวม 6 หมื่นล่าสุด ทำไมเหลือเท่านี้
แม่ช็อคนิ่งไปเลยครับ ไม่กล้าบอกพ่อ กลัวพ่อโวย
ผมคุยกับแฟนว่าจะใช้เวลาปิดเทอม ไปตามพี่สาวกลับ
ก็ไม่ยังทันได้ไปครับ พี่สาวทักเฟสผมว่า ขอยืมเงิน 3 พัน
อยากกลับบ้าน ผมก็ลืมทุกค.โกรธ รีบโอนให้ ก็ไม่กลับ
หลอกให้แม่ดีใจเล่น ทั้งที่แม่ฝากให้ผมบอกพี่สาวแล้ว
ว่าแม่อภัยให้หมด กลับมาบ้านก็พอ ไม่เรียนแล้วก็ไม่ว่า
พ่อยังคงไม่รู้เรื่องเงินนะครับ แต่เครียดเรื่องพี่หายไป
ในเฟสพี่สาวยังอัพเดทตลอด เที่ยว สังสรรค์ กับเพื่อนๆ
จนผมทนไม่ไหว ด่าพี่สาวไป ว่าเกิดอะไรขึ้น เงียบหาย?
เงินหมดทำไมยังไม่กลับ ทำแบบนี้เพื่อ แม่พ่อตรอมใจนะ
เขาตอบมาว่า 'เพราะมึ_ไง เพราะมึ_ยังอยู่ kuเกลียดมึ_
มึ_เกิดมาทำไม ถ้าไม่มีมึ_ ทุกอย่างพ่อแม่คงให้kuหมด
kuกลับบ้านก็ตอนที่มึ_สัญญาว่าจะไปจากครอบครัวku'
ผมตอบไปว่า 'ยังดูไม่ออก?ว่าพ่อแม่ให้ใครมากกว่ากัน
ผมเองโดนพี่สาวแท้ๆเกลียดไม่พอ พ่อแม่มีไรก็ให้แต่พี่สาว
แต่ผมเองไม่ถือสา ไม่เรียกร้องอะไร กลับมาบ้านนะ
ผมไม่กลับบ้านก็ได้ พี่กลับมาได้แล้ว สงสารพ่อแม่'
สุดท้ายผมโอนค่ารถค่าเดินทางไปให้อีก 4 พัน
พี่สาวก็กลับบ้านครับ น้าสาวเล่าว่า พ่อด่าพี่สาวทั้งน้ำตา แม่ทั้งตีทั้งด่าพี่สาว แม่ร้องไห้ บอกว่า 'เจ็บที่ไว้ใจ ขายยางได้เท่าไหร่ก็โอนเงินให้เก็บไว้ นี้บัญชีทุกบัญชี บ้าน สวนก็จะให้มันดูแล เพราะไว้ใจ แต่นี่เอาผลาญหมด ใช้เงินกับเรื่อง กินเที่ยว เลี้ยงเพื่อนใจใหญ่ เรียนไม่จบอีก
หลายครั้งที่แม่คิดว่าฝากชีวิตไว้กับลูกคนโตได้ แต่ไม่ใช่
แม่แขนหักต้องผ่าตัดนอนพักฟื้นอยู่ รพ.เกือบ20วัน กลับเป็นลูกชายที่ป้อนข้าวป้อนยาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว จากนี้ไปไม่ให้อะไรแล้ว มีแต่ข้าวสามมื้อเท่านั้น
และไม่ต้องไปไหนแล้ว เรียนไม่จบก็อยู่บ้าน'
คือวันนั้นแม่ร้องจนเป็นลมครับ น้าสาวต้องโทรหาผม
แต่ผมสัญญากับพี่ว่าจะไม่กลับบ้าน (พ่อแม่ไม่รู้)
แต่สุดท้ายแฟนผมทนไม่ไหว บอกว่ารับรู้มาเยอะแล้ว
คราวนี้เกินไปไหม ถึงกับไม่ให้น้องชายแท้ๆ
กลับบ้านไปพบพ่อแม่ เขาโทรไปเล่าแม่ผม
บอกว่าคนที่ตัดสินเรื่องนี้ได้ไม่ใช่พี่สาว/ผม แต่คือพ่อแม่
สุดท้ายแม่ก็ดุด่าตีพี่สาว(ปกติแม่ไม่เคยตีลูกนะครับ)
แล้วให้น้าชายขับรถพาแม่มาหาผมที่มหา'ลัย
ให้ผมสัญญาว่า หากว่างวันไหนต้องกลับบ้านเหมือนเดิม ผมก็กลับครับ แรกๆพี่สาวยังตึงใส่ ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน
ญาติก็ช่วยพูด แต่เข้าใจครับ พี่สาวคงเครียดหลายเรื่อง
ผมก็อยู่ส่วนผม จนปี 4 เทอม 1 ผมเรียนจบ ว่าง 1 เทอม
เทอมที่ว่าง ก็ยังจ่ายค่าเทอมเท่าเดิม(จ่ายเหมา)
ผมคิดว่า ผมว่าง อยากหารายได้จ่ายค่าเทอมเอง
ก็เลยทำเบเกอรี่ขายเพื่อนๆ น้องๆ และอาจารย์ที่มหา'ลัย
พี่สาวเห็นโพสรับออเดอร์ในเฟสผม ก็ทักมาว่า
'คิดถึงหน้าพ่อแม่บ้าง ขายของงกๆเหมือนพ่อแม่ไม่ส่ง'
ผมก็บอกว่าอยากหาเงินเอง แบ่งเบาพ่อแม่
พี่สาวสวนกลับทันทีว่า 'งั้นเทอมนี้อย่าขอแม่สักบาทนะ'
ผมก็โอเคไม่ขอ ถ้าพี่สาวสบายใจพ่อแม่ก็ไม่มีเรื่องวุ่นวาย
ผมซื้อเตาเล็กๆขายเบเกอรี่เรื่อยๆ จนมีเงินพอค่าเทอม
แต่ยังขายต่อ ขยายไปจนรับทำอาหารว่างเวลาอบรม/ประชุมในมหา'ลัย โดยมี อ. คอยติดต่อมาอุดหนุน
ผมเก็บเงินได้มากพอสำหรับใช้วันรับปริญญา
และซื้อของขวัญเล็กๆให้พ่อแม่คนละชิ้น
โดยที่พี่สาวยังอยู่บ้านไม่ทำอะไรเหมือนเดิม
แต่เห็นผมให้ของขวัญพ่อแม่ ก็มีมาขอด้วย
บอกที่เคยสอนการบ้านตอนประถม ไม่คิดทดแทนคุณ?
ผมก็โอเค ซื้อนาฬิกาหลักพันกับสร้อยเส้นเล็กๆให้
เขาไม่ใช้ครับ บอก แหวะ!ใช้ไม่ลง ผมก็เฉยๆครับ
สุดท้ายแล้ว ผมจบป.ตรี 2 ใบ ในปีเดียวกัน
ถัดมาก็ป.โท 1 ใบ (ส่งตัวเองเรียนครับไม่ขอพ่อแม่)
ทำงานเกือบ 3 ปีแล้ว แต่งงานมาอยู่บ้านแฟนที่ ตจว. แม้พ่อแม่ยังหาได้ ผมก็ส่งเงินให้พ่อแม่ทุกเดือนตามกำลัง
ของใช้ในบ้านทุกอย่างของพ่อแม่ และแมว 11 ชีวิต
ผมขอรับผิดชอบหมด ส่วนพี่สาวก็สงบลงครับ
เพราะแม่ตัดสินใจเปิดใจคุยกันเมื่อวันผมรับปริญญา
ว่า แม่ดูแลพี่สาวได้ แต่ต้องหาเองดูแลตัวเองได้ด้วย
แม่จะมอบให้ผมจัดการทุกเรื่องของพี่สาวแทนแม่
แม่บอกว่า 'แม่คิดตลอดตั้งแต่ลูกเล็กๆว่าคนที่จะดูแลครอบครัว
คือพี่สาวคนโตเพราะตอนประถมเรียนเก่ง แม่ยอมรับว่าแอบลำเอียง คืออยากเต็มที่กับลูกสาวที่สุด
ส่วนลูกชายแม่จะส่งแค่ม.6 ไม่คาดหวังอะไร
เพราะคิดว่าเด็กชายคงเกเร ฝากอะไรไม่ได้แน่ๆ
แต่ไม่ใช่ พอแม่ตามใจพี่ พี่กลับดื้อดึง ต่อต้านเงียบๆ
เข้าหน้ายาก เหยียดและดูถูกน้องชายแท้ๆ แม่เห็นแต่เฉย
เพราะคิดว่าโตขึ้นพี่คงปรับนิสัยดีขึ้น จากนี้ไป
ขอให้ผมอย่าเคืองแม่กับพี่สาว และให้ช่วยดูแลพี่สาวด้วย'
ผมตอบไปทั้งน้ำตาว่า 'ที่ผมสำเร็จในชีวิต แม้ไม่ใหญ่โตอะไร ก็เพราะความเสียใจน้อยใจพ่อแม่
และอยากชนะใจพ่อแม่บ้าง อยากให้พ่อแม่ชื่นชมบ้าง
ผมต้องขอบคุณพ่อแม่ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าพ่อแม่ลำเอียง
ขอบคุณพี่สาวที่ด่าว่าผม จนเป็นแรงผลักดันให้ผมมีวันนี้'
ด้วยคุณวุฒิและการงานที่ผมทำ พี่สาวเริ่มเกรงใจครับ
ผมให้เงินรายเดือนพี่สาวด้วย ไม่อยากให้กวนเงินแม่แล้ว
แฟนผมจบจิตวิทยาครับ เขาพอมีวิธีการเข้าถึงพี่สาวผม
เขาเสนอให้พี่สาวมาอยู่ด้วย และเขาก็พูดจนพี่ยอมมาอยู่
เขาอาสาจะคอยดูแลพี่สาวผมเอง แนะให้ดูแลตัวเองได้
คอยหางานตามวุฒิให้พี่สาวทำ จะได้ไม่ว่างมานั่งเครียด
และคอยแนะนำปรับมุมมองหลายๆเรื่องแกพี่สาวผม
ปัจจุบัน อาจไม่เต็มร้อย แต่พี่สาวดูแลตัวเองได้ดีขึ้น
เรียบร้อยมีวินัย รับผิดชอบ อารมณ์ฉุนเฉียวหายไป
สดใสร่าเริง การคิดการพูดจาก็มีเหตุผลขึ้น
ยอมคุยกับผมดีๆไม่ฉุนเฉียวใส่ มีอะไรก็ปรึกษามากขึ้น
เข้าสังคมได้โดยไม่ต้องใช้เงินแลกกับค่ามิตรภาพ
(ตอนไปเรียนป.ตรี ใช้จ่ายเงินใจใหญ่กับเพื่อน)
เข้าใจชีวิตมากขึ้น กลายเป็นว่าพี่ไว้ใจแฟนผมมาก
เชื่อฟังรับฟังคำแนะนำทุกอย่าง พ่อแม่ท่านสบายใจมาก
แม้จะผ่านเรื่องราวแย่ๆมากมาย แต่ตอนนี้แฮปปี้ครับ...
อาจจะแสดงออก/คาดหวังกับลูกแตกต่างกัน
แต่พื้นฐานผมเชื่อครับว่ายังไงท่านก็รักเรา
เรื่องของ จขกท. ผมได้แต่ส่งกำลังใจให้นะครับ
ลองเก็บมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง คล้ายผมครับ
เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้ครอบครัวผมเลย
โดยเฉพาะ พ่อและแม่ที่สปอยลูกคนโตจนเกือบเสียคน
"ผมเป็นลูกชายคนเล็ก มีพี่สาว 1 คน อายุห่างกัน 2 ปี
ด้วยความที่พี่สาวผมสอบได้ที่ 1-2 มาตลอดตอนประถม
แม่กับพ่อจึงฝากฝังค.ไว้วางใจทุกอย่างกับพี่สาว
แต่พี่สาวชอบด่า ชอบแกล้ง เวลาที่ผมขออะไรจากแม่
แล้วแม่ให้ โดยพี่สาวไม่ได้ พี่สาวก็จะพูดกระแทก
บ้างก็พูดประชดพ่อแม่ แม่ก็มีดุว่า ตักเตือนไป แต่พี่สาวก็หาโอกาสทำบ่อย ชอบดูถูกว่าผมไม่ฉลาด
ต้องพึ่งให้พี่สาวคอยสอนการบ้าน
ผลการเรียนผมก็ระดับกลางครับ ไม่ได้เรียนพิเศษใดๆ
จบม.ต้น พี่สาวเลือกเรียนสายอาชีพ ปวช.-ปวส.
ให้เหตุผลกับพ่อแม่ว่า หางานระหว่างเรียนได้ จะได้แบ่งเบาพ่อแม่ได้ ท่านปลื้มมากครับ เพราะลูกสาวคิดช่วยเหลือตัวเองไม่รบกวนครอบครัว ส่วนผมเลือกสายสามัญ โดนพี่สาวต่อว่า ว่าเป็นภาระพ่อแม่สารพัด ผมจบม.ต้นหลังพี่สาว 2 ปี พ่อแม่ก็สนับสนุนให้สอบนายร้อย ก็ต้องเข้าคอร์สติว
ไปติว ตจว.ครับ ใช่จ่ายหลายหมื่น ทั้งค่าคอร์สค่าจิปะถะ
แต่พ่อแม่มีกำลังและส่งเสริมครับ มีเพียงพี่สาวที่คอย
พูดไม่ดีใส่ เช่น สายสามัญเรียนไปก็ไม่ได้แบ่งเบาเลย
ต้องพึ่งพ่อแม่ไปจนแก่แน่ๆ ไม่น่าเกิดมาเป็นภาระเลย ฯลฯ
ทั้งๆที่พี่สาวเรียนจะจบ ปวช.กำลังต่อ ปวส. แล้ว
ก็ไม่เคยทำงานเสริมอะไร ยังคงขอเงินพ่อแม่ปกติ
ซื้อคอมตั้งโต๊ะ ซื้อกล้อง ซื้อโทรศัพท์ ซื้อโน้ตบุ๊ค
ซื้อรถ เรียนใกล้บ้านยังขออยู่หอ ค่าหอ ค่ากินเที่ยวอีก
ส่วนผมเองก็สอบนายร้อยไม่ได้ครับ ผมเสียใจมาก
แต่พ่อแม่บอกว่าท่านเชื่อ ว่าผมทำดีสุดแล้ว
ก็พี่สาวผมอีกละครับ โทรมาเยาะเย้ย ว่า โง่ไม่เจียม!
คือเจ็บมากครับ ไม่เข้าใจไปทำอะไรให้พี่สาวไม่พอใจ
ผมก็กลับมาเรียนม.4 ต่อในโรงเรียนเดิมครับ
และเรียน นศท. (5ชั้นปี) อยากถือกระบี่วันรับปริญญา
ให้พ่อแม่ได้ภูมิใจสักครั้งครับ จบม.6 ผมก็ต่อ ป.ตรี
มหาวิทยาลัยชื่อดังในภาคใต้ (ลูกพระบิดา)
และควบมหาวิทยาลัยเปิด ใน กทม. (เน้นอ่านไปสอบ)
พี่สาวจบ ปวส.เห็นผมต่อ ป.ตรี ก็รบเร้าจะต่อ ป.ตรีด้วย
พ่อแม่ก็ได้หมดครับ มีกำลังส่งเสีย ท่านก็เต็มที่
แต่พ่อแม่ขอพี่สาวให้อยู่ใกล้บ้าน สุดท้ายไปเรียนเอกชน
ไกลบ้าน ภาคตะวันตก พ่อแม่ก็ห่วงครับ แต่ห้ามไม่ได้ พี่สาวอารมณ์ร้อน ถ้าพ่อแม่ขัดใจ
ก็ขู่จะหนีไปไกลๆ ไม่กลับบ้านอีก ฯลฯ
พ่อแม่จัดสรรเงินรายเดือน พี่สาว 25,000-30,000/ด.
เพราะคิดว่าลูกอยู่ไกล ให้เผื่อๆไปก่อน
ส่วนผมเรียนที่จังหวัดบ้านเกิด ได้กลับบ้านทุกสัปดาห์
พ่อแม่จัดสรรเงินรายเดือนให้ 15,000/ด. รวมค่าหอพัก
แรกๆ อะไรก็ราบรื่นครับ พี่สาวโทรหาพ่อแม่แทบทุกวัน
เริ่มเทอม 2 ไม่ค่อยโทร แม่ก็ปรึกษาผม
บอกว่าสองเดือนก่อน โอนเงินเข้าบช.พี่สาวราว 26x,xxx
เพราะแม่ขายยางแผ่นได้เยอะ เลยอยากให้ลูกสาวเก็บไว้
ผมแอบเสียใจครับ แม่ให้ผมเท่าเดิม แล้วแอบโอนให้พี่สาว
แต่ก็บอกไปแค่กว่า จะช่วยติดต่อพี่สาวให้ ผมโทรไม่รับ
ทักเฟสไป แรกๆอ่าน แต่ไม่ตอบ ผมตื๊อทักไปทุกวัน
บอกพ่อแม่เป็นห่วง แม่ร้องไห้ แม่ล้มแขนหักอยู่รพ. ฯลฯ
ก็อ่านตอบมาว่า อย่ามาวุ่นวาย ไอเด็กชิง...เกิด
คือ ด่าผมยังรับได้ แต่แม่ล้มแขนหัก กลับไม่ถามถึงเลย
โชคดีที่แฟนผม อยู่กทม.สอบเสร็จก่อน มาเฝ้าแม่ให้
แม่ผ่าตัดนอนรพ.เป็น 10 กว่าวัน ตรอมใจเรื่องพี่สาวอีก
แม่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มีผมกับแฟนที่คอยดูแล
เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว เปลี่ยนแพมเพิร์ส ไปจนอาบน้ำสระผมให้
พี่สาวก็ยังไม่ติดต่อกลับ พ่อก็เริ่มเครียด แม่ก็ซึม
ช่วงนั้นผมยังสอบไฟนอล คือ หนักมากครับ เครียดมาก
สอบเสร็จ ไม่กี่วันแม่ออกจากร.พ. ก็ยังนึกห่วงพี่สาว
ไม่ติดต่อมาไม่เป็นไร แม่อยากโอนเงินให้เผื่อลำบาก
แม่จึงให้ผมช่วยโอนเงินให้พี่สาว ครั้งนั้น 6 หมื่นครับ
ผมก็เอาสมุดที่แม่ไปอัพ คือ ยอดหายครับ
จากเดิมหลายๆครั้งที่แม่แอบโอนให้ แม่ไม่เคยอัพสมุดเลย
ผมอัพเหลือยอด 6 หมื่นที่เพิ่งโอนไปกับของเดิม 4 พันกว่า
แม่ว่าแม่แอบโอนให้เกิน 3 แสน ไม่รวมรายเดือน
และไม่รวม 6 หมื่นล่าสุด ทำไมเหลือเท่านี้
แม่ช็อคนิ่งไปเลยครับ ไม่กล้าบอกพ่อ กลัวพ่อโวย
ผมคุยกับแฟนว่าจะใช้เวลาปิดเทอม ไปตามพี่สาวกลับ
ก็ไม่ยังทันได้ไปครับ พี่สาวทักเฟสผมว่า ขอยืมเงิน 3 พัน
อยากกลับบ้าน ผมก็ลืมทุกค.โกรธ รีบโอนให้ ก็ไม่กลับ
หลอกให้แม่ดีใจเล่น ทั้งที่แม่ฝากให้ผมบอกพี่สาวแล้ว
ว่าแม่อภัยให้หมด กลับมาบ้านก็พอ ไม่เรียนแล้วก็ไม่ว่า
พ่อยังคงไม่รู้เรื่องเงินนะครับ แต่เครียดเรื่องพี่หายไป
ในเฟสพี่สาวยังอัพเดทตลอด เที่ยว สังสรรค์ กับเพื่อนๆ
จนผมทนไม่ไหว ด่าพี่สาวไป ว่าเกิดอะไรขึ้น เงียบหาย?
เงินหมดทำไมยังไม่กลับ ทำแบบนี้เพื่อ แม่พ่อตรอมใจนะ
เขาตอบมาว่า 'เพราะมึ_ไง เพราะมึ_ยังอยู่ kuเกลียดมึ_
มึ_เกิดมาทำไม ถ้าไม่มีมึ_ ทุกอย่างพ่อแม่คงให้kuหมด
kuกลับบ้านก็ตอนที่มึ_สัญญาว่าจะไปจากครอบครัวku'
ผมตอบไปว่า 'ยังดูไม่ออก?ว่าพ่อแม่ให้ใครมากกว่ากัน
ผมเองโดนพี่สาวแท้ๆเกลียดไม่พอ พ่อแม่มีไรก็ให้แต่พี่สาว
แต่ผมเองไม่ถือสา ไม่เรียกร้องอะไร กลับมาบ้านนะ
ผมไม่กลับบ้านก็ได้ พี่กลับมาได้แล้ว สงสารพ่อแม่'
สุดท้ายผมโอนค่ารถค่าเดินทางไปให้อีก 4 พัน
พี่สาวก็กลับบ้านครับ น้าสาวเล่าว่า พ่อด่าพี่สาวทั้งน้ำตา แม่ทั้งตีทั้งด่าพี่สาว แม่ร้องไห้ บอกว่า 'เจ็บที่ไว้ใจ ขายยางได้เท่าไหร่ก็โอนเงินให้เก็บไว้ นี้บัญชีทุกบัญชี บ้าน สวนก็จะให้มันดูแล เพราะไว้ใจ แต่นี่เอาผลาญหมด ใช้เงินกับเรื่อง กินเที่ยว เลี้ยงเพื่อนใจใหญ่ เรียนไม่จบอีก
หลายครั้งที่แม่คิดว่าฝากชีวิตไว้กับลูกคนโตได้ แต่ไม่ใช่
แม่แขนหักต้องผ่าตัดนอนพักฟื้นอยู่ รพ.เกือบ20วัน กลับเป็นลูกชายที่ป้อนข้าวป้อนยาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว จากนี้ไปไม่ให้อะไรแล้ว มีแต่ข้าวสามมื้อเท่านั้น
และไม่ต้องไปไหนแล้ว เรียนไม่จบก็อยู่บ้าน'
คือวันนั้นแม่ร้องจนเป็นลมครับ น้าสาวต้องโทรหาผม
แต่ผมสัญญากับพี่ว่าจะไม่กลับบ้าน (พ่อแม่ไม่รู้)
แต่สุดท้ายแฟนผมทนไม่ไหว บอกว่ารับรู้มาเยอะแล้ว
คราวนี้เกินไปไหม ถึงกับไม่ให้น้องชายแท้ๆ
กลับบ้านไปพบพ่อแม่ เขาโทรไปเล่าแม่ผม
บอกว่าคนที่ตัดสินเรื่องนี้ได้ไม่ใช่พี่สาว/ผม แต่คือพ่อแม่
สุดท้ายแม่ก็ดุด่าตีพี่สาว(ปกติแม่ไม่เคยตีลูกนะครับ)
แล้วให้น้าชายขับรถพาแม่มาหาผมที่มหา'ลัย
ให้ผมสัญญาว่า หากว่างวันไหนต้องกลับบ้านเหมือนเดิม ผมก็กลับครับ แรกๆพี่สาวยังตึงใส่ ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน
ญาติก็ช่วยพูด แต่เข้าใจครับ พี่สาวคงเครียดหลายเรื่อง
ผมก็อยู่ส่วนผม จนปี 4 เทอม 1 ผมเรียนจบ ว่าง 1 เทอม
เทอมที่ว่าง ก็ยังจ่ายค่าเทอมเท่าเดิม(จ่ายเหมา)
ผมคิดว่า ผมว่าง อยากหารายได้จ่ายค่าเทอมเอง
ก็เลยทำเบเกอรี่ขายเพื่อนๆ น้องๆ และอาจารย์ที่มหา'ลัย
พี่สาวเห็นโพสรับออเดอร์ในเฟสผม ก็ทักมาว่า
'คิดถึงหน้าพ่อแม่บ้าง ขายของงกๆเหมือนพ่อแม่ไม่ส่ง'
ผมก็บอกว่าอยากหาเงินเอง แบ่งเบาพ่อแม่
พี่สาวสวนกลับทันทีว่า 'งั้นเทอมนี้อย่าขอแม่สักบาทนะ'
ผมก็โอเคไม่ขอ ถ้าพี่สาวสบายใจพ่อแม่ก็ไม่มีเรื่องวุ่นวาย
ผมซื้อเตาเล็กๆขายเบเกอรี่เรื่อยๆ จนมีเงินพอค่าเทอม
แต่ยังขายต่อ ขยายไปจนรับทำอาหารว่างเวลาอบรม/ประชุมในมหา'ลัย โดยมี อ. คอยติดต่อมาอุดหนุน
ผมเก็บเงินได้มากพอสำหรับใช้วันรับปริญญา
และซื้อของขวัญเล็กๆให้พ่อแม่คนละชิ้น
โดยที่พี่สาวยังอยู่บ้านไม่ทำอะไรเหมือนเดิม
แต่เห็นผมให้ของขวัญพ่อแม่ ก็มีมาขอด้วย
บอกที่เคยสอนการบ้านตอนประถม ไม่คิดทดแทนคุณ?
ผมก็โอเค ซื้อนาฬิกาหลักพันกับสร้อยเส้นเล็กๆให้
เขาไม่ใช้ครับ บอก แหวะ!ใช้ไม่ลง ผมก็เฉยๆครับ
สุดท้ายแล้ว ผมจบป.ตรี 2 ใบ ในปีเดียวกัน
ถัดมาก็ป.โท 1 ใบ (ส่งตัวเองเรียนครับไม่ขอพ่อแม่)
ทำงานเกือบ 3 ปีแล้ว แต่งงานมาอยู่บ้านแฟนที่ ตจว. แม้พ่อแม่ยังหาได้ ผมก็ส่งเงินให้พ่อแม่ทุกเดือนตามกำลัง
ของใช้ในบ้านทุกอย่างของพ่อแม่ และแมว 11 ชีวิต
ผมขอรับผิดชอบหมด ส่วนพี่สาวก็สงบลงครับ
เพราะแม่ตัดสินใจเปิดใจคุยกันเมื่อวันผมรับปริญญา
ว่า แม่ดูแลพี่สาวได้ แต่ต้องหาเองดูแลตัวเองได้ด้วย
แม่จะมอบให้ผมจัดการทุกเรื่องของพี่สาวแทนแม่
แม่บอกว่า 'แม่คิดตลอดตั้งแต่ลูกเล็กๆว่าคนที่จะดูแลครอบครัว
คือพี่สาวคนโตเพราะตอนประถมเรียนเก่ง แม่ยอมรับว่าแอบลำเอียง คืออยากเต็มที่กับลูกสาวที่สุด
ส่วนลูกชายแม่จะส่งแค่ม.6 ไม่คาดหวังอะไร
เพราะคิดว่าเด็กชายคงเกเร ฝากอะไรไม่ได้แน่ๆ
แต่ไม่ใช่ พอแม่ตามใจพี่ พี่กลับดื้อดึง ต่อต้านเงียบๆ
เข้าหน้ายาก เหยียดและดูถูกน้องชายแท้ๆ แม่เห็นแต่เฉย
เพราะคิดว่าโตขึ้นพี่คงปรับนิสัยดีขึ้น จากนี้ไป
ขอให้ผมอย่าเคืองแม่กับพี่สาว และให้ช่วยดูแลพี่สาวด้วย'
ผมตอบไปทั้งน้ำตาว่า 'ที่ผมสำเร็จในชีวิต แม้ไม่ใหญ่โตอะไร ก็เพราะความเสียใจน้อยใจพ่อแม่
และอยากชนะใจพ่อแม่บ้าง อยากให้พ่อแม่ชื่นชมบ้าง
ผมต้องขอบคุณพ่อแม่ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าพ่อแม่ลำเอียง
ขอบคุณพี่สาวที่ด่าว่าผม จนเป็นแรงผลักดันให้ผมมีวันนี้'
ด้วยคุณวุฒิและการงานที่ผมทำ พี่สาวเริ่มเกรงใจครับ
ผมให้เงินรายเดือนพี่สาวด้วย ไม่อยากให้กวนเงินแม่แล้ว
แฟนผมจบจิตวิทยาครับ เขาพอมีวิธีการเข้าถึงพี่สาวผม
เขาเสนอให้พี่สาวมาอยู่ด้วย และเขาก็พูดจนพี่ยอมมาอยู่
เขาอาสาจะคอยดูแลพี่สาวผมเอง แนะให้ดูแลตัวเองได้
คอยหางานตามวุฒิให้พี่สาวทำ จะได้ไม่ว่างมานั่งเครียด
และคอยแนะนำปรับมุมมองหลายๆเรื่องแกพี่สาวผม
ปัจจุบัน อาจไม่เต็มร้อย แต่พี่สาวดูแลตัวเองได้ดีขึ้น
เรียบร้อยมีวินัย รับผิดชอบ อารมณ์ฉุนเฉียวหายไป
สดใสร่าเริง การคิดการพูดจาก็มีเหตุผลขึ้น
ยอมคุยกับผมดีๆไม่ฉุนเฉียวใส่ มีอะไรก็ปรึกษามากขึ้น
เข้าสังคมได้โดยไม่ต้องใช้เงินแลกกับค่ามิตรภาพ
(ตอนไปเรียนป.ตรี ใช้จ่ายเงินใจใหญ่กับเพื่อน)
เข้าใจชีวิตมากขึ้น กลายเป็นว่าพี่ไว้ใจแฟนผมมาก
เชื่อฟังรับฟังคำแนะนำทุกอย่าง พ่อแม่ท่านสบายใจมาก
แม้จะผ่านเรื่องราวแย่ๆมากมาย แต่ตอนนี้แฮปปี้ครับ...
แสดงความคิดเห็น
เคยรู้สึกว่าพ่อแมรักลูกไม่เท่ากันมั้ยคะ?