รัฐบาลอาสาหย่าศึก "แม่ประนอม -ลูกสาวคนโต" นัดมาเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ต้องให้ทั้งคู่ตกลงในชั้นต้นก่อน เหตุเป็นเรื่องระหว่างคนในครอบครัว จากนั้นค่อยมาพูดคุยตกลงกันที่ศูนย์บริการประชาชน โดยต้องเป็นความสมัครใจของทั้ง 2 ฝ่าย รมต.ปนัดดาสั่งการให้จนท.เร่งประสานงานแล้ว ขณะที่ลูกสาวยังมาทำงานที่บริษัทตามปกติ แต่ติดป้ายไม่ให้สัมภาษณ์ ด้านพนักงานบริษัทน้ำพริกเผาดังโพสต์ภาพแห่มอบดอกไม้ให้กำลังใจผู้บริหาร วอนสังคมฟังความอีกฝ่ายด้วย-ขอให้หยุดด่าทอ ระบุลูกสาวคนโต-ลูกเขย เป็นคนดี-มีเมตตากับลูกน้องที่เดือดร้อน รู้สึกเสียใจที่ถูกสังคมออนไลน์ประณาม ให้รอดูเรื่องจะจบลงแบบไหน-ต้องมีคนกลืนน้ำลายตัวเองแน่นอน โฆษกศาลยุติธรรมแจง 2 คดี
จากกรณีนางประนอม แดงสุภา หรือแม่ประนอม ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอมชื่อดัง เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับศูนย์บริการประชาชนของรัฐบาล เพื่อขอให้พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ช่วยเหลือ หลังกล่าวอ้างถูกฮุบกิจการ น้ำพริกเผามูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทไปเป็นของลูกสาวคนโตร่วมกับลูกเขย โดยมีคดีฟ้องร้องกันนัวเนีย พร้อมวอนให้คืนทรัพย์สินและกิจการ เหตุยังต้องดูแลคนในครอบครัวอีกมาก โดยพร้อมให้อภัยและถอนฟ้อง ขณะที่ทนายความลูกสาวขอให้รอผลพิจารณาของศาลที่ฟ้องร้องกันอยู่ โดยไม่ขอแสดงความคิดเห็นและตอบโต้ ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หลังจากนางประนอม เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์บริการประชาชนของรัฐบาล เพื่อขอความเป็นธรรมกับพล.อ.ประยุทธ์ เบื้องต้นตนได้รับทราบรายงานแล้ว และทางศูนย์บริการประชาชนมีความยินดีหากจะช่วยพูดคุย แต่สิ่งสำคัญคือเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องระหว่างสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน จึงต้องการให้แม่ประนอมกับลูกสาวได้ตกลงกันในชั้นต้นก่อน และมาพูดคุยกันที่ศูนย์บริการประชาชนก็เป็นความยินดี หากจะเกิดภาพดังกล่าวนั้นขึ้น แต่ทั้ง 2 คนจะต้องมาด้วยความสมัครใจ ซึ่งตอนนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานในส่วนดังกล่าวอยู่ หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
"เรื่องนี้นางประนอม ถือเป็นประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และตามธรรมเนียมไทยเรื่องของความกตัญญูต่อบุพการีถือเป็นเรื่องสำคัญ" ม.ล.ปนัดดากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นางศิริพร แดงสุภา ลูกสาวคนโตของนางประนอมและผู้บริหารบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทย แม่ประนอม จำกัด ได้เดินทางมาทำงานที่บริษัท ย่านทวีวัฒนา กทม. ตามปกติเหมือนทุกวัน ส่วนบริเวณด้านหน้าบริษัทและโรงงานห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านเข้ามา โดยมี เจ้าหน้าที่รปภ.คอยดูแลความเรียบร้อย พร้อมทำป้ายติดประกาศด้วยว่าไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ
ผู้สื่อ ข่าวรายงานอีกว่า ในสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพจากสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โดยเป็นภาพที่ระบุเป็นโรงงานน้ำพริกเผาแม่ประนอม และมีพนักงานนำดอกไม้มาให้กำลังใจผู้บริหารจำนวนมาก ทั้งนี้ผู้โพสต์ภาพดังกล่าวยังระบุด้วยว่า "ขอให้ใจเย็นๆ ผมก็คือหนึ่งคนที่อยู่บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม ณ ตอนนี้บริษัทโดนสังคมโจมตีทางด้านลบต่างๆ นานา ด่าว่าในสิ่งที่เสียหายทั้งนั้น เพราะบุคคลเหล่านั้นที่เข้ามาด่าว่าบริษัท พวกคุณไม่รู้จักไม่ได้สัมผัสไม่ได้มาอยู่เลยไม่รู้ว่าคุณศิริพร แดงสุภา และคุณสุชาติ ภาษาประเทศ เป็นคนอย่างไร"
"ข่าวที่ออกมานั้น แตกต่างจากนิสัยใจคอของท่านโดยสิ้นเชิง ท่านเป็นคนดี มีเมตตา และช่วยเหลือพนักงานทุกคนที่เดือดร้อน ตัวผมเองและครอบครัวก็ได้รับการช่วยเหลือและดูแลเช่นกัน ส่วนเรื่องที่ท่านโดนกล่าวหาในสังคมว่าเป็นลูกทรพีและเนรคุณนั้น ส่วนตัวยังเสียใจแทนท่าน จึงขอให้หยุด เพราะพวกคุณไม่รู้จักเขาจริง อย่ามาด่าว่าเขาเลย เรื่องราวเป็นยังไงจะจบลงแบบไหนให้รอดูต่อไป จะต้องกลืนน้ำลายตัวเองอย่างแน่นอน ขอเป็นกำลังใจให้บริษัทอีกคน สู้ๆ คุณศิริพร แดงสุภา"
ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า หากนางประนอมเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมของศาล สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนมาที่สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) ซึ่งศาลยินดีจะตรวจสอบให้ทุกกรณี ส่วนที่นางประนอมได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ตามขั้นตอนสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ จะส่งเรื่องมาที่กต. โดยตามขั้นตอนแล้วจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากตรวจสอบแล้วข้อเท็จจริงมีมูลก็จะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม กต. เพื่อพิจารณาทางวินัย
เมื่อถามว่าแนวทางการดำเนินคดีเกี่ยว กับทรัพย์สินของครอบครัว สามารถนำเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยเหมือนคดีดังในอดีตของตระกูลธรรมวัฒนะได้หรือ ไม่ นายอธิคมกล่าวว่า ตามกระบวนการเป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาว่าจะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการ ไกล่เกลี่ยหรือไม่ ซึ่งโดยหลักแล้วการไกล่เกลี่ยคู่ความทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจเข้าสู่กระบวน การด้วย
ด้านนายสืบพงศ์ ศรีพงศ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงการนัดพิจารณาคดีของแม่ประนอมและครอบครัวว่า มีคดี 2 ส่วน คือคดีอาญาที่ฟ้องกันต่อศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งนางประนอม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางศิริพร แดงสุภา นายสุชาติ ภาษาประเทศ และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในคดีหมายเลขดำ 861/2558 ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ฉ้อโกงและความผิดต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งคดีนี้ศาลมีคำสั่งวันที่ 16 ก.ย.2558 ให้รับฟ้องในส่วนของนางศิริพร จำเลยที่ 1 และนายกำธร จำเลยที่ 3 ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 2 ศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แต่ภายหลังโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดี เบื้องต้นศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่ามีการมอบอำนาจจากโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จึงอนุญาตให้ถอนฟ้องคดี ต่อมาภายหลังโจทก์ได้ยื่นคำร้องใหม่กล่าวอ้างว่าได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องโดย ไม่สมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์ในวันที่ 4 เม.ย.
นาย สืบพงศ์กล่าวอีกว่า ส่วนคดีแพ่งเป็นเรื่องที่นางประนอมและบุตรสาวคนรองยื่นฟ้องนางศิริพร และนายสุชาติ เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ในคดีหมายเลขดำ 558/2558 เรื่องเพิกถอนนิติกรรม ถือกรรมสิทธิ์แทนโอนคืนทรัพย์สินต่างๆ รวมมูลค่าความเสียหาย 561,950,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งคดีดังกล่าวศาลเคยนัดให้คู่ความ 2 ฝ่ายเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจึงกำหนดนัดพิจารณาคดี โดยระหว่างนั้นนางประนอม โจทก์ที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเช่นกัน และภายหลังยื่นคำร้องว่าถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวเช่นกันในวันที่ 11 เม.ย. ซึ่งทั้งสองศาลต้องไต่สวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าโจทก์ถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจตามที่กล่าวอ้างหรือไม่
ข่าวจาก : ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1459220446
"รมต.ปนัดดา"อาสา หย่าศึก! แม่ประนอม-ลูกสาว สั่งจนท.นัดไกล่เกลี่ย รง.น้ำพริกเผาขึ้นป้าย
รัฐบาลอาสาหย่าศึก "แม่ประนอม -ลูกสาวคนโต" นัดมาเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ต้องให้ทั้งคู่ตกลงในชั้นต้นก่อน เหตุเป็นเรื่องระหว่างคนในครอบครัว จากนั้นค่อยมาพูดคุยตกลงกันที่ศูนย์บริการประชาชน โดยต้องเป็นความสมัครใจของทั้ง 2 ฝ่าย รมต.ปนัดดาสั่งการให้จนท.เร่งประสานงานแล้ว ขณะที่ลูกสาวยังมาทำงานที่บริษัทตามปกติ แต่ติดป้ายไม่ให้สัมภาษณ์ ด้านพนักงานบริษัทน้ำพริกเผาดังโพสต์ภาพแห่มอบดอกไม้ให้กำลังใจผู้บริหาร วอนสังคมฟังความอีกฝ่ายด้วย-ขอให้หยุดด่าทอ ระบุลูกสาวคนโต-ลูกเขย เป็นคนดี-มีเมตตากับลูกน้องที่เดือดร้อน รู้สึกเสียใจที่ถูกสังคมออนไลน์ประณาม ให้รอดูเรื่องจะจบลงแบบไหน-ต้องมีคนกลืนน้ำลายตัวเองแน่นอน โฆษกศาลยุติธรรมแจง 2 คดี
จากกรณีนางประนอม แดงสุภา หรือแม่ประนอม ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอมชื่อดัง เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับศูนย์บริการประชาชนของรัฐบาล เพื่อขอให้พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ช่วยเหลือ หลังกล่าวอ้างถูกฮุบกิจการ น้ำพริกเผามูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทไปเป็นของลูกสาวคนโตร่วมกับลูกเขย โดยมีคดีฟ้องร้องกันนัวเนีย พร้อมวอนให้คืนทรัพย์สินและกิจการ เหตุยังต้องดูแลคนในครอบครัวอีกมาก โดยพร้อมให้อภัยและถอนฟ้อง ขณะที่ทนายความลูกสาวขอให้รอผลพิจารณาของศาลที่ฟ้องร้องกันอยู่ โดยไม่ขอแสดงความคิดเห็นและตอบโต้ ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หลังจากนางประนอม เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์บริการประชาชนของรัฐบาล เพื่อขอความเป็นธรรมกับพล.อ.ประยุทธ์ เบื้องต้นตนได้รับทราบรายงานแล้ว และทางศูนย์บริการประชาชนมีความยินดีหากจะช่วยพูดคุย แต่สิ่งสำคัญคือเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องระหว่างสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน จึงต้องการให้แม่ประนอมกับลูกสาวได้ตกลงกันในชั้นต้นก่อน และมาพูดคุยกันที่ศูนย์บริการประชาชนก็เป็นความยินดี หากจะเกิดภาพดังกล่าวนั้นขึ้น แต่ทั้ง 2 คนจะต้องมาด้วยความสมัครใจ ซึ่งตอนนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานในส่วนดังกล่าวอยู่ หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
"เรื่องนี้นางประนอม ถือเป็นประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และตามธรรมเนียมไทยเรื่องของความกตัญญูต่อบุพการีถือเป็นเรื่องสำคัญ" ม.ล.ปนัดดากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นางศิริพร แดงสุภา ลูกสาวคนโตของนางประนอมและผู้บริหารบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทย แม่ประนอม จำกัด ได้เดินทางมาทำงานที่บริษัท ย่านทวีวัฒนา กทม. ตามปกติเหมือนทุกวัน ส่วนบริเวณด้านหน้าบริษัทและโรงงานห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านเข้ามา โดยมี เจ้าหน้าที่รปภ.คอยดูแลความเรียบร้อย พร้อมทำป้ายติดประกาศด้วยว่าไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ
ผู้สื่อ ข่าวรายงานอีกว่า ในสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพจากสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โดยเป็นภาพที่ระบุเป็นโรงงานน้ำพริกเผาแม่ประนอม และมีพนักงานนำดอกไม้มาให้กำลังใจผู้บริหารจำนวนมาก ทั้งนี้ผู้โพสต์ภาพดังกล่าวยังระบุด้วยว่า "ขอให้ใจเย็นๆ ผมก็คือหนึ่งคนที่อยู่บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม ณ ตอนนี้บริษัทโดนสังคมโจมตีทางด้านลบต่างๆ นานา ด่าว่าในสิ่งที่เสียหายทั้งนั้น เพราะบุคคลเหล่านั้นที่เข้ามาด่าว่าบริษัท พวกคุณไม่รู้จักไม่ได้สัมผัสไม่ได้มาอยู่เลยไม่รู้ว่าคุณศิริพร แดงสุภา และคุณสุชาติ ภาษาประเทศ เป็นคนอย่างไร"
"ข่าวที่ออกมานั้น แตกต่างจากนิสัยใจคอของท่านโดยสิ้นเชิง ท่านเป็นคนดี มีเมตตา และช่วยเหลือพนักงานทุกคนที่เดือดร้อน ตัวผมเองและครอบครัวก็ได้รับการช่วยเหลือและดูแลเช่นกัน ส่วนเรื่องที่ท่านโดนกล่าวหาในสังคมว่าเป็นลูกทรพีและเนรคุณนั้น ส่วนตัวยังเสียใจแทนท่าน จึงขอให้หยุด เพราะพวกคุณไม่รู้จักเขาจริง อย่ามาด่าว่าเขาเลย เรื่องราวเป็นยังไงจะจบลงแบบไหนให้รอดูต่อไป จะต้องกลืนน้ำลายตัวเองอย่างแน่นอน ขอเป็นกำลังใจให้บริษัทอีกคน สู้ๆ คุณศิริพร แดงสุภา"
ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า หากนางประนอมเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมของศาล สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนมาที่สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) ซึ่งศาลยินดีจะตรวจสอบให้ทุกกรณี ส่วนที่นางประนอมได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ตามขั้นตอนสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ จะส่งเรื่องมาที่กต. โดยตามขั้นตอนแล้วจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากตรวจสอบแล้วข้อเท็จจริงมีมูลก็จะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม กต. เพื่อพิจารณาทางวินัย
เมื่อถามว่าแนวทางการดำเนินคดีเกี่ยว กับทรัพย์สินของครอบครัว สามารถนำเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยเหมือนคดีดังในอดีตของตระกูลธรรมวัฒนะได้หรือ ไม่ นายอธิคมกล่าวว่า ตามกระบวนการเป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาว่าจะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการ ไกล่เกลี่ยหรือไม่ ซึ่งโดยหลักแล้วการไกล่เกลี่ยคู่ความทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจเข้าสู่กระบวน การด้วย
ด้านนายสืบพงศ์ ศรีพงศ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงการนัดพิจารณาคดีของแม่ประนอมและครอบครัวว่า มีคดี 2 ส่วน คือคดีอาญาที่ฟ้องกันต่อศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งนางประนอม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางศิริพร แดงสุภา นายสุชาติ ภาษาประเทศ และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในคดีหมายเลขดำ 861/2558 ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ฉ้อโกงและความผิดต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งคดีนี้ศาลมีคำสั่งวันที่ 16 ก.ย.2558 ให้รับฟ้องในส่วนของนางศิริพร จำเลยที่ 1 และนายกำธร จำเลยที่ 3 ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 2 ศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แต่ภายหลังโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดี เบื้องต้นศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่ามีการมอบอำนาจจากโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จึงอนุญาตให้ถอนฟ้องคดี ต่อมาภายหลังโจทก์ได้ยื่นคำร้องใหม่กล่าวอ้างว่าได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องโดย ไม่สมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์ในวันที่ 4 เม.ย.
นาย สืบพงศ์กล่าวอีกว่า ส่วนคดีแพ่งเป็นเรื่องที่นางประนอมและบุตรสาวคนรองยื่นฟ้องนางศิริพร และนายสุชาติ เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ในคดีหมายเลขดำ 558/2558 เรื่องเพิกถอนนิติกรรม ถือกรรมสิทธิ์แทนโอนคืนทรัพย์สินต่างๆ รวมมูลค่าความเสียหาย 561,950,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งคดีดังกล่าวศาลเคยนัดให้คู่ความ 2 ฝ่ายเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจึงกำหนดนัดพิจารณาคดี โดยระหว่างนั้นนางประนอม โจทก์ที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเช่นกัน และภายหลังยื่นคำร้องว่าถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวเช่นกันในวันที่ 11 เม.ย. ซึ่งทั้งสองศาลต้องไต่สวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าโจทก์ถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจตามที่กล่าวอ้างหรือไม่
ข่าวจาก : ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1459220446