เรามาเรียนต่อที่อเมริกา และได้เช่าอพาตเม้นอยู่ใกล้มหาลัย ตึกที่เราอยู่เป็นตึกเก่า เพดานกับผนังตึกก็บาง ใครทำอะไรจะได้ยินกันหมด ตั้งแต่เราอยู่ตึกนี้มา5ปี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนเลย เพราะผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นนักเรียนไม่ก็คนทำงาน ทุกอย่างเงียบสงบมาตลอด จนกระทั่งหายนะมาเยือน เมื่อมีครอบครัวหนึ่งย้ายเข้ามาอยู่ชั้นบน
วันแรกที่ครอบครัวนี้ย้ายเข้ามา เราได้ยินเสียงกระทืบเท้าดังมาก มีทั้งเสียงของตก เสียงคนวิ่ง ตามด้วยเสียงแปลกๆอีกมากมายมาจากชั้นบน ด้วยความที่เพดานเตี้ย ห้องเป็นพื้นไม้ เสียงมันก็ก้องไปทั่ว
เป็นแบบนี้ติดกันหลายวัน เรากับน้องเลยตัดสินใจเดินไปบอกข้างบนให้ช่วยเกรงใจหน่อย
สิ่งที่พบคือ ครอบครัวนี้มีลูกเป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ3ขวบ ป่วยเป็นโรคไฮเปอร์แอคทีฟ (Hyperactive) และมีแม่เป็นคนไทย!!!
เสียงกระทืบและเสียงวิ่งจะเริ่มดังตั้งแต่6โมงเช้า ถ้าเด็กไปโรงเรียนเสียงจะหยุดตอนประมาณ8โมงเช้า เริ่มอีกทีตอนกลับมาบ้าน ตั้งแต่บ่าย3จนถึง3ทุ่ม
ถ้าวันเสาร์อาทิตย์ เสียงกระทืบจะดังทั้งวัน
อยากจะตื่นซัก9โมงก็ทำไม่ได้ เพราะจุดที่เด็กกระโดดบ่อยๆคือห้องนอนเราเอง เรากะน้องตื่นเพราะเสียงเด็กวิ่งทุกวัน บางวันตอนเย็นๆก็จะได้ยินเสียงแม่เด็กโวยวายบ้าง เด็กอาละวาดเอาตัวทุ่มลงพื้นไม่หยุด เพดานก็สั่นได้ยินไปถึงโครงเหล็ก เสียงลากโต๊ะ เทลูกแก้ว ดังติดกันหลายรอบ
โอกาสก็มาถึงเมื่อเราเจอแม่เด็กที่ตรงบันได เราเลยเดินเข้าไปคุยแบบสุภาพสุดๆ เราบอกว่าเราเครียด เพราะเสียงมันดังมาก เราอยู่กับมันมาหลายเดือนแล้ว สงสารเราเหอะ นี่ลูกเค้าก็เพิ่งทำเสียงไม่หยุดเลย แต่สิ่งที่แม่เค้าตอบมาถึงกับอึ้ง
นางหันมาจ้องเราตาเขม็งแบบเอาเรื่อง และนางก็เริ่มเหวี่ยงใส่เรา และนี่คือตรรกกะของมนุษย์แม่ที่เรารับไม่ได้
“ป้าก็เข้าใจอ่ะนะ ว่าเสียงดังนิดๆหน่อยๆ บางคนก็ทนไม่ค่อยได้” (เสียงเด็กกระทืบคือดังนิดหน่อย???)
“ก็น้องเค้ายังเป็นเด็ก ก็ห้ามเท่าที่ห้ามได้ นี่ก็เครียดเหมือนกัน”
“น้องเค้าป่วยช่วยไม่ได้ ทนเอาหน่อยนะ”
“แจ้งตำรวจก็เอาซี่ ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยนะ เค้ารักเด็กกันจะตาย พอเห็นว่าเด็กป่วยตำรวจก็ไม่สนใจแล้ว”
“ตึกนี้เค้าไม่ได้ห้ามเด็กอยู่อ่ะนะ เด็กอยู่ได้ไม่ผิด”
“ป้าเคยมีเรื่องกะคนอินเดียตึกเก่ามาแล้ว มันมาโวยเหมือนหนูเนี่ยแหละ ก็ด่ามันกลับเลย บอกเลยนะ ถ้าทนไม่ได้ก็ออกไปซะ”
ระหว่างที่คุยกันอยู่ เด็กก็วิ่งหายไปไหนไม่รู้ ป้าเค้าก็วิ่งตามไป เราเห็นประตูห้องเราเปิดอยู่ สิ่งที่พบคือ
เด็กมันวิ่งเล่นในห้องตรู!!!!
ลูกชั้นป่วยเค้าจะทำอะไรก็ได้...#ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน
วันแรกที่ครอบครัวนี้ย้ายเข้ามา เราได้ยินเสียงกระทืบเท้าดังมาก มีทั้งเสียงของตก เสียงคนวิ่ง ตามด้วยเสียงแปลกๆอีกมากมายมาจากชั้นบน ด้วยความที่เพดานเตี้ย ห้องเป็นพื้นไม้ เสียงมันก็ก้องไปทั่ว
เป็นแบบนี้ติดกันหลายวัน เรากับน้องเลยตัดสินใจเดินไปบอกข้างบนให้ช่วยเกรงใจหน่อย
สิ่งที่พบคือ ครอบครัวนี้มีลูกเป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ3ขวบ ป่วยเป็นโรคไฮเปอร์แอคทีฟ (Hyperactive) และมีแม่เป็นคนไทย!!!
เสียงกระทืบและเสียงวิ่งจะเริ่มดังตั้งแต่6โมงเช้า ถ้าเด็กไปโรงเรียนเสียงจะหยุดตอนประมาณ8โมงเช้า เริ่มอีกทีตอนกลับมาบ้าน ตั้งแต่บ่าย3จนถึง3ทุ่ม
ถ้าวันเสาร์อาทิตย์ เสียงกระทืบจะดังทั้งวัน
อยากจะตื่นซัก9โมงก็ทำไม่ได้ เพราะจุดที่เด็กกระโดดบ่อยๆคือห้องนอนเราเอง เรากะน้องตื่นเพราะเสียงเด็กวิ่งทุกวัน บางวันตอนเย็นๆก็จะได้ยินเสียงแม่เด็กโวยวายบ้าง เด็กอาละวาดเอาตัวทุ่มลงพื้นไม่หยุด เพดานก็สั่นได้ยินไปถึงโครงเหล็ก เสียงลากโต๊ะ เทลูกแก้ว ดังติดกันหลายรอบ
โอกาสก็มาถึงเมื่อเราเจอแม่เด็กที่ตรงบันได เราเลยเดินเข้าไปคุยแบบสุภาพสุดๆ เราบอกว่าเราเครียด เพราะเสียงมันดังมาก เราอยู่กับมันมาหลายเดือนแล้ว สงสารเราเหอะ นี่ลูกเค้าก็เพิ่งทำเสียงไม่หยุดเลย แต่สิ่งที่แม่เค้าตอบมาถึงกับอึ้ง
นางหันมาจ้องเราตาเขม็งแบบเอาเรื่อง และนางก็เริ่มเหวี่ยงใส่เรา และนี่คือตรรกกะของมนุษย์แม่ที่เรารับไม่ได้
“ป้าก็เข้าใจอ่ะนะ ว่าเสียงดังนิดๆหน่อยๆ บางคนก็ทนไม่ค่อยได้” (เสียงเด็กกระทืบคือดังนิดหน่อย???)
“ก็น้องเค้ายังเป็นเด็ก ก็ห้ามเท่าที่ห้ามได้ นี่ก็เครียดเหมือนกัน”
“น้องเค้าป่วยช่วยไม่ได้ ทนเอาหน่อยนะ”
“แจ้งตำรวจก็เอาซี่ ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยนะ เค้ารักเด็กกันจะตาย พอเห็นว่าเด็กป่วยตำรวจก็ไม่สนใจแล้ว”
“ตึกนี้เค้าไม่ได้ห้ามเด็กอยู่อ่ะนะ เด็กอยู่ได้ไม่ผิด”
“ป้าเคยมีเรื่องกะคนอินเดียตึกเก่ามาแล้ว มันมาโวยเหมือนหนูเนี่ยแหละ ก็ด่ามันกลับเลย บอกเลยนะ ถ้าทนไม่ได้ก็ออกไปซะ”
ระหว่างที่คุยกันอยู่ เด็กก็วิ่งหายไปไหนไม่รู้ ป้าเค้าก็วิ่งตามไป เราเห็นประตูห้องเราเปิดอยู่ สิ่งที่พบคือ
เด็กมันวิ่งเล่นในห้องตรู!!!!