เป็นอีกหนึ่งพระเอกขวัญใจสาวๆ ที่ดีกรีความฮอตไม่มีตก สำหรับ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข เพราะนอกจากผลงานละคร ถ่ายแบบ และงานพรีเซ็นเตอร์ในเมืองไทยจะจ่อคิวแน่นแล้ว เจ้าตัวยังมีโปรเจคท์ระดับอินเตอร์ให้บินไปกลับเมืองนอกเป็นเวลาเล่น คอลัมน์ "หนุ่มฮิต คนฮอต" วันนี้ เลยต้องรีบคว้าหนุ่มคิวทอง มาอัพเดทเรื่องราวต่างๆ รวมไปถึงเรื่องหัวใจของเจมส์ ที่หลายคนคงอยากรู้ งานรุมทั้งไทยและต่างประเทศ
อัพเดทผลงานหน่อย?
“ตอนนี้มีละครเรื่อง “บ่วงหงส์” และ “ใยเสน่หา” ครับ เรื่องบ่วงหงส์ก็เป็นละครรีเมค ผมรับบทเป็น รเมศ เจ้าของรีสอร์ทที่เชียงราย ส่วนนางเอกเป็น คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ เขาต้องรับบทเป็นนางแบบที่เคยรวยแล้วตกอับ ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ จนวันหนึ่งต้องมาทำงานกับผม ส่วนอีกเรื่องนึงคือ “ใยเสน่หา” ก็กำลังรอบทอยู่ครับ ส่วนงานอื่น ๆ ในไทยก็จะมีเดินแบบ ถ่ายแบบ ปกติครับ”
ไม่ค่อยเห็นเจมส์อยู่เมืองไทยเลย เดินทางตลอด?
“ใช่ครับ ช่วงนี้ไปญี่ปุ่นค่อนข้างบ่อย เพราะเราทำรายการ “Tabi Japan With James Jirayu” สัมผัสประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นสไตล์ใหม่ กับทางช่อง 3 แล้วก็ต้องไปทำงานเพลงที่ญี่ปุ่นด้วยครับ ตอนนี้ก็ซ้อมร้องเพลง เรียนภาษา เพราะเราต้องร้องเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่น ตอนนี้เราก็ร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ แต่ต้องฝึกสำเนียงให้ชัดเจนกว่านี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องยากมาก ๆ แต่ก็ต้องพยายาม ทางทีมงานที่ญี่ปุ่นเขาก็จะจัดครูมาสอนให้ แต่เราก็พยายามทำให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
งานอินเตอร์เยอะเหมือนกันนะ เห็นได้ไปเดินแบบที่ปารีส แฟชั่นวีคด้วย ?
“ผมมีโอกาสได้ไปโน่นไปนี่ตามความบังเอิญในชีวิต ที่ได้ไปเดินแบบที่ปารีสแฟชั่นวีค ให้แบรนด์ “โยจิ ยามาโมโตะ” ซึ่งเป็นแบรนด์ของญี่ปุ่น ก็เพราะผมบังเอิญได้ไปเจอเจ้าของร้านที่ญี่ปุ่นเลยได้รู้จักกัน ตอนที่ไปเราก็รู้สึกแปลกตาดี เพราะเราได้ไปเจอคนอื่นที่ทำอาชีพนางแบบ นายแบบ จริง ๆ ก็ไปเจอประสบการณ์แปลก ๆ ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน”
ถึงวันนี้ เจมส์ มองว่าตัวเองฮอตไหม?
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ต้องถามคนอื่น เพราะผมเองก็ทำงานตลอด ไถนาไปเรื่อย ๆ (หัวเราะ) เลยไม่รู้ว่าคนอื่นมองว่าผมฮอตหรือว่าดังแค่ไหน แต่แค่เรามีคนรักก็ดีใจแล้ว จริง ๆ มาถึงวันนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองดังนะ เพราะผมมองดาราคนอื่นก็รู้สึกว่าเขาก็ดังกว่าเราอีก แฟนคลับเขาเยอะมากเลย แล้วเขาก็หล่อมากด้วย (ยิ้ม) แล้วเราจะไปเทียบอะไร ผมก็ยังคิดในมุมนั้นอยู่เสมอ ๆ”
งานหนัก แต่ไม่ทิ้งเรื่องเรียน เรื่องการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง?
“ตอนนี้เรียนอยู่คณะบริหาร ที่มหาวิทยาลัยรังสิตครับ ตอนแรกเรียนนิเทศศาสตร์ แต่หลังจากนั้นมาเราชิ่งมาเรียนด้านบริหาร เพราะว่าผมชอบเรื่องธุรกิจด้วย ตอนนี้ก็อยู่ปี 3 แล้ว เหลืออีก 2 เทอม ก็จบแล้วครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปีหน้าก็จะรับปริญญาแล้วครับ ก็จบตามเกณฑ์ เราก็ไม่ทิ้งเรื่องเรียน คิดว่าต้องทำสองอย่างไปด้วยกันให้ได้”
มีมุมเหนื่อยมุมท้อบ้างหรือเปล่า?
“มีแต่มุมง่วงมากกว่าครับ (หัวเราะ) ช่วงที่ผ่านมา ผมได้นอนแค่วันละ 3-4 ชั่วโมงติดกัน ก็รู้สึกแย่มาก เริ่มร่วง ๆ เหมือนกัน จริง ๆ ผมก็ขอแค่อาทิตย์ละวันก็พอครับ ที่ได้นอนเต็มอิ่ม ผมก็ดีใจมากแล้ว แต่เราไม่ได้คิดว่าเราต้องรับผิดชอบอะไรมากกว่าคนวัยเดียวกันนะ เพราะเราทำงานมาสักพักแล้ว ความคิดต่าง ๆ ก็เริ่มเปลี่ยน เราดีใจที่เรามีโอกาสได้ทำงานมากกว่า”
มีเวลาได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ บ้างไหม?
“ส่วนใหญ่เพื่อนผมก็จะเป็นพี่ ๆ ที่มาทำงานด้วยกัน แต่ถ้าจะเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน เพื่อนสมัยเรียนที่นัดกันไปแฮงค์เอาต์ก็มีบ้าง แต่ว่าค่อนข้างน้อยครับ”
ครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่ง ทุกวันนี้เจมส์ดูแล คุณพ่อคุณแม่ และรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ในครอบครัวหมดเลยไหม?
“ผมดูแลมาระยะหนึ่งแล้วครับ ประมาณ 2 ปี เกือบ 3 ปีแล้ว ที่ให้คุณพ่อคุณแม่มาอยู่กรุงเทพฯ ไม่ต้องให้ทำงาน เราก็ดีใจมากที่สามารถดูแลท่านได้ คือเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ เราจะไม่รู้สึกว่าคุณแม่ทำงานหนักเพื่อเรา จะมีแต่คนบอกว่าพ่อแม่ทำงานหนักนะกว่าจะจ่ายค่าเทอมได้ แต่ตอนเป็นเด็กเราก็ไม่รู้สึก พอวันหนึ่งเราทำงานเอง ก็รู้เลยว่าแม่ทำงานเหนื่อยนะ กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทแต่ละสตางค์ไม่ใช่เรื่องง่าย พอเราหาเงินเองแล้วก็รากเลือดอยู่เหมือนกัน แล้วตอนนี้ก็กำลังจะซื้อบ้าน กำลังเล็ง ๆ อยู่ เพราะอนาคตเดี๋ยวพี่สาวผมที่เป็นคุณหมอ อยู่ที่พิจิตร จะเข้ามาเรียนต่อด้านแพทย์เฉพาะทางที่นี่ด้วย”
แล้วคุณพ่อคุณแม่ให้กำลังใจเรายังไงบ้าง?
“เขาก็จะช่วยดูแลเราเวลาอยู่บ้านครับ ช่วยดูแลในเรื่องของกำลังใจต่าง ๆ เวลากลับบ้านก็จะถามว่าเป็นไงบ้างลูก ก็จะคอยจัดบ้านให้ลูก เวลาลูกไปต่างจังหวัดก็คอยจัดกระเป๋าให้ ผมว่าครอบครัวก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับชีวิตผมมากเป็นอันดับหนึ่งเลย เรื่องเวลาที่ให้เขาก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน เพราะเราไม่รู้ว่าจะอยู่ด้วยกันไปได้นานแค่ไหน เราเลยพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ณ เวลาที่เรามี ถ้าเวลาว่าง ๆ ก็จะพาไปทานข้าว ถ้าไม่มีเวลาจริง ๆ กลับมาบ้านตอนเย็น หรือก่อนไปทำงาน ก็มานั่งทำกับข้าวด้วยกัน พอแม่ทำกับข้าว ผมก็จะไปช่วยทำ ไปแซวแม่เล่นบ้าง จริง ๆ แค่ได้พูดคุยกันบนโต๊ะอาหาร ก็มีความสุขแล้ว”
ไม่มีเวลาให้เรื่องหัวใจ แล้วเรื่องความรักของเจมส์ล่ะ?
“ไม่มีเวลาเลยครับ เลยค่อนข้างลำบาก เวลาจะนอนยังลำบากเลย (ยิ้ม) แล้วผมเดินทางบ่อยด้วยครับ เลยไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทยเท่าไหร่”
มีถูกใจใครบ้างไหม?
“ก็มีบ้างที่เรามอง ๆ ว่าคนนี้สวยจังเลย ทำไมน่ารักขนาดนี้ แต่ตื่นเช้ามาอีกวันหนึ่ง ก็กลับแล้วครับ ไม่ทันจะได้คุยกับเขาเลย ต้องกลับแล้ว (หัวเราะ)”
แล้วสเปกเราเป็นยังไง?
“ผมชอบผู้หญิงตัวเล็กครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมว่าผู้หญิงตัวเล็กน่ารักดีนะ”
เจมส์ เคยอกหักไหม?
“เคยอกหักครับ เขาทิ้งเราก็เลยอกหัก ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ตอนมัธยมปลาย ยังไม่ได้เข้ามากรุงเทพฯ เลย แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้เศร้ามาก เพราะว่าเรายังเป็นเด็กอยู่ ก็เฮฮาไปเรื่อย ๆ ตอนนั้นผมเล่นดนตรี เป็นมือเบสในวงดนตรีที่เล่นกับเพื่อน ๆ เลยมีคนรู้จักค่อนข้างเยอะ มีเด็ก ๆ มาตามบ้าง (ยิ้ม)”
แล้วข่าวกับคู่จิ้น เบลล่า-ราณี ล่ะ?
“เราก็ดีใจที่คนจิ้น ก็จะมีแฟนคลับเชียร์เยอะ เขาก็อินจากละครบ้าง แล้วก็มีคู่จิ้นจิ-ราณีด้วย เขาก็จะมโนกันแบบน่ารัก ๆ จะคอยสังเกตว่า ลงภาพเหมือนกันเลย แคปชั่นภาพเหมือนกันเลย ใส่ของเหมือนกันเลย เขาก็จะฟินครับ แต่เอาจริง ๆ คงไม่มีโอกาสพัฒนาหรอกครับ เราก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน”
หลังจากได้คุยกับเจมส์แบบใกล้ชิด เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเป็นหนุ่มในฝันของใครหลาย ๆ คน. นฤมล แซ่แต้ รายงาน“
อ่านต่อที่ :
https://t.co/izvUq16MRu
'เจมส์จิ’ ผู้ชายในฝัน เต็มที่กับงาน รักครอบครัว | เดลินิวส์
เป็นอีกหนึ่งพระเอกขวัญใจสาวๆ ที่ดีกรีความฮอตไม่มีตก สำหรับ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข เพราะนอกจากผลงานละคร ถ่ายแบบ และงานพรีเซ็นเตอร์ในเมืองไทยจะจ่อคิวแน่นแล้ว เจ้าตัวยังมีโปรเจคท์ระดับอินเตอร์ให้บินไปกลับเมืองนอกเป็นเวลาเล่น คอลัมน์ "หนุ่มฮิต คนฮอต" วันนี้ เลยต้องรีบคว้าหนุ่มคิวทอง มาอัพเดทเรื่องราวต่างๆ รวมไปถึงเรื่องหัวใจของเจมส์ ที่หลายคนคงอยากรู้ งานรุมทั้งไทยและต่างประเทศ
อัพเดทผลงานหน่อย?
“ตอนนี้มีละครเรื่อง “บ่วงหงส์” และ “ใยเสน่หา” ครับ เรื่องบ่วงหงส์ก็เป็นละครรีเมค ผมรับบทเป็น รเมศ เจ้าของรีสอร์ทที่เชียงราย ส่วนนางเอกเป็น คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ เขาต้องรับบทเป็นนางแบบที่เคยรวยแล้วตกอับ ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ จนวันหนึ่งต้องมาทำงานกับผม ส่วนอีกเรื่องนึงคือ “ใยเสน่หา” ก็กำลังรอบทอยู่ครับ ส่วนงานอื่น ๆ ในไทยก็จะมีเดินแบบ ถ่ายแบบ ปกติครับ”
ไม่ค่อยเห็นเจมส์อยู่เมืองไทยเลย เดินทางตลอด?
“ใช่ครับ ช่วงนี้ไปญี่ปุ่นค่อนข้างบ่อย เพราะเราทำรายการ “Tabi Japan With James Jirayu” สัมผัสประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นสไตล์ใหม่ กับทางช่อง 3 แล้วก็ต้องไปทำงานเพลงที่ญี่ปุ่นด้วยครับ ตอนนี้ก็ซ้อมร้องเพลง เรียนภาษา เพราะเราต้องร้องเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่น ตอนนี้เราก็ร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ แต่ต้องฝึกสำเนียงให้ชัดเจนกว่านี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องยากมาก ๆ แต่ก็ต้องพยายาม ทางทีมงานที่ญี่ปุ่นเขาก็จะจัดครูมาสอนให้ แต่เราก็พยายามทำให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
งานอินเตอร์เยอะเหมือนกันนะ เห็นได้ไปเดินแบบที่ปารีส แฟชั่นวีคด้วย ?
“ผมมีโอกาสได้ไปโน่นไปนี่ตามความบังเอิญในชีวิต ที่ได้ไปเดินแบบที่ปารีสแฟชั่นวีค ให้แบรนด์ “โยจิ ยามาโมโตะ” ซึ่งเป็นแบรนด์ของญี่ปุ่น ก็เพราะผมบังเอิญได้ไปเจอเจ้าของร้านที่ญี่ปุ่นเลยได้รู้จักกัน ตอนที่ไปเราก็รู้สึกแปลกตาดี เพราะเราได้ไปเจอคนอื่นที่ทำอาชีพนางแบบ นายแบบ จริง ๆ ก็ไปเจอประสบการณ์แปลก ๆ ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน”
ถึงวันนี้ เจมส์ มองว่าตัวเองฮอตไหม?
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ต้องถามคนอื่น เพราะผมเองก็ทำงานตลอด ไถนาไปเรื่อย ๆ (หัวเราะ) เลยไม่รู้ว่าคนอื่นมองว่าผมฮอตหรือว่าดังแค่ไหน แต่แค่เรามีคนรักก็ดีใจแล้ว จริง ๆ มาถึงวันนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองดังนะ เพราะผมมองดาราคนอื่นก็รู้สึกว่าเขาก็ดังกว่าเราอีก แฟนคลับเขาเยอะมากเลย แล้วเขาก็หล่อมากด้วย (ยิ้ม) แล้วเราจะไปเทียบอะไร ผมก็ยังคิดในมุมนั้นอยู่เสมอ ๆ”
งานหนัก แต่ไม่ทิ้งเรื่องเรียน เรื่องการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง?
“ตอนนี้เรียนอยู่คณะบริหาร ที่มหาวิทยาลัยรังสิตครับ ตอนแรกเรียนนิเทศศาสตร์ แต่หลังจากนั้นมาเราชิ่งมาเรียนด้านบริหาร เพราะว่าผมชอบเรื่องธุรกิจด้วย ตอนนี้ก็อยู่ปี 3 แล้ว เหลืออีก 2 เทอม ก็จบแล้วครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปีหน้าก็จะรับปริญญาแล้วครับ ก็จบตามเกณฑ์ เราก็ไม่ทิ้งเรื่องเรียน คิดว่าต้องทำสองอย่างไปด้วยกันให้ได้”
มีมุมเหนื่อยมุมท้อบ้างหรือเปล่า?
“มีแต่มุมง่วงมากกว่าครับ (หัวเราะ) ช่วงที่ผ่านมา ผมได้นอนแค่วันละ 3-4 ชั่วโมงติดกัน ก็รู้สึกแย่มาก เริ่มร่วง ๆ เหมือนกัน จริง ๆ ผมก็ขอแค่อาทิตย์ละวันก็พอครับ ที่ได้นอนเต็มอิ่ม ผมก็ดีใจมากแล้ว แต่เราไม่ได้คิดว่าเราต้องรับผิดชอบอะไรมากกว่าคนวัยเดียวกันนะ เพราะเราทำงานมาสักพักแล้ว ความคิดต่าง ๆ ก็เริ่มเปลี่ยน เราดีใจที่เรามีโอกาสได้ทำงานมากกว่า”
มีเวลาได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ บ้างไหม?
“ส่วนใหญ่เพื่อนผมก็จะเป็นพี่ ๆ ที่มาทำงานด้วยกัน แต่ถ้าจะเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน เพื่อนสมัยเรียนที่นัดกันไปแฮงค์เอาต์ก็มีบ้าง แต่ว่าค่อนข้างน้อยครับ”
ครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่ง ทุกวันนี้เจมส์ดูแล คุณพ่อคุณแม่ และรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ในครอบครัวหมดเลยไหม?
“ผมดูแลมาระยะหนึ่งแล้วครับ ประมาณ 2 ปี เกือบ 3 ปีแล้ว ที่ให้คุณพ่อคุณแม่มาอยู่กรุงเทพฯ ไม่ต้องให้ทำงาน เราก็ดีใจมากที่สามารถดูแลท่านได้ คือเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ เราจะไม่รู้สึกว่าคุณแม่ทำงานหนักเพื่อเรา จะมีแต่คนบอกว่าพ่อแม่ทำงานหนักนะกว่าจะจ่ายค่าเทอมได้ แต่ตอนเป็นเด็กเราก็ไม่รู้สึก พอวันหนึ่งเราทำงานเอง ก็รู้เลยว่าแม่ทำงานเหนื่อยนะ กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทแต่ละสตางค์ไม่ใช่เรื่องง่าย พอเราหาเงินเองแล้วก็รากเลือดอยู่เหมือนกัน แล้วตอนนี้ก็กำลังจะซื้อบ้าน กำลังเล็ง ๆ อยู่ เพราะอนาคตเดี๋ยวพี่สาวผมที่เป็นคุณหมอ อยู่ที่พิจิตร จะเข้ามาเรียนต่อด้านแพทย์เฉพาะทางที่นี่ด้วย”
แล้วคุณพ่อคุณแม่ให้กำลังใจเรายังไงบ้าง?
“เขาก็จะช่วยดูแลเราเวลาอยู่บ้านครับ ช่วยดูแลในเรื่องของกำลังใจต่าง ๆ เวลากลับบ้านก็จะถามว่าเป็นไงบ้างลูก ก็จะคอยจัดบ้านให้ลูก เวลาลูกไปต่างจังหวัดก็คอยจัดกระเป๋าให้ ผมว่าครอบครัวก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับชีวิตผมมากเป็นอันดับหนึ่งเลย เรื่องเวลาที่ให้เขาก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน เพราะเราไม่รู้ว่าจะอยู่ด้วยกันไปได้นานแค่ไหน เราเลยพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ณ เวลาที่เรามี ถ้าเวลาว่าง ๆ ก็จะพาไปทานข้าว ถ้าไม่มีเวลาจริง ๆ กลับมาบ้านตอนเย็น หรือก่อนไปทำงาน ก็มานั่งทำกับข้าวด้วยกัน พอแม่ทำกับข้าว ผมก็จะไปช่วยทำ ไปแซวแม่เล่นบ้าง จริง ๆ แค่ได้พูดคุยกันบนโต๊ะอาหาร ก็มีความสุขแล้ว”
ไม่มีเวลาให้เรื่องหัวใจ แล้วเรื่องความรักของเจมส์ล่ะ?
“ไม่มีเวลาเลยครับ เลยค่อนข้างลำบาก เวลาจะนอนยังลำบากเลย (ยิ้ม) แล้วผมเดินทางบ่อยด้วยครับ เลยไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทยเท่าไหร่”
มีถูกใจใครบ้างไหม?
“ก็มีบ้างที่เรามอง ๆ ว่าคนนี้สวยจังเลย ทำไมน่ารักขนาดนี้ แต่ตื่นเช้ามาอีกวันหนึ่ง ก็กลับแล้วครับ ไม่ทันจะได้คุยกับเขาเลย ต้องกลับแล้ว (หัวเราะ)”
แล้วสเปกเราเป็นยังไง?
“ผมชอบผู้หญิงตัวเล็กครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมว่าผู้หญิงตัวเล็กน่ารักดีนะ”
เจมส์ เคยอกหักไหม?
“เคยอกหักครับ เขาทิ้งเราก็เลยอกหัก ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ตอนมัธยมปลาย ยังไม่ได้เข้ามากรุงเทพฯ เลย แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้เศร้ามาก เพราะว่าเรายังเป็นเด็กอยู่ ก็เฮฮาไปเรื่อย ๆ ตอนนั้นผมเล่นดนตรี เป็นมือเบสในวงดนตรีที่เล่นกับเพื่อน ๆ เลยมีคนรู้จักค่อนข้างเยอะ มีเด็ก ๆ มาตามบ้าง (ยิ้ม)”
แล้วข่าวกับคู่จิ้น เบลล่า-ราณี ล่ะ?
“เราก็ดีใจที่คนจิ้น ก็จะมีแฟนคลับเชียร์เยอะ เขาก็อินจากละครบ้าง แล้วก็มีคู่จิ้นจิ-ราณีด้วย เขาก็จะมโนกันแบบน่ารัก ๆ จะคอยสังเกตว่า ลงภาพเหมือนกันเลย แคปชั่นภาพเหมือนกันเลย ใส่ของเหมือนกันเลย เขาก็จะฟินครับ แต่เอาจริง ๆ คงไม่มีโอกาสพัฒนาหรอกครับ เราก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน”
หลังจากได้คุยกับเจมส์แบบใกล้ชิด เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเป็นหนุ่มในฝันของใครหลาย ๆ คน. นฤมล แซ่แต้ รายงาน“
อ่านต่อที่ : https://t.co/izvUq16MRu