[CR] [รีวิว] กิน/เที่ยว 1 วัน ปั่นมันกำลังดี ใกล้กรุงเทพแค่นี้ที่ บางกะเจ้า

อากาศในช่วงธรรมดาว่าร้อนแล้ว เจอช่วงซัมเมอร์เข้าไป อื้อหือ ร้อนเว่อร์แบบคูณสิบ  ยิ่งในกทม. ไม่ต้องพูดถึง ทั้งควันรถ อากาศร้อน สารพัดสิ่ง ขนาดช่วงเย็นเลิกงาน นึกว่าอากาศจะเย็นตามชื่อ ไม่ค่ะ อบอาวสุดๆ จขกท. จึงโหยหาอากาศธรรมชาติที่เคยอยู่ ก่อนเข้ามาทำงานเมืองกรุงมากก (ของกินก็ถูก แถมได้เยอะอีกอะ U_U)

เราและเพื่อนเลยคุยกันเพื่อหาสถานที่ท่องเที่ยว ที่ตอบกับวัตถุประสงค์นี้ แล้วเราก็ได้เจอที่แห่งนั้นค่ะ! (ตึงตึงตึงง) 'บางกะเจ้า' ปอดของคนกรุงเทพ ที่จะพาเพื่อนๆ พันทิปไปทัวร์วันนี้นั่นเอง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเริ่มทริปว่า กระทู้นี้เหมาะสำหรับคนที่อยากเที่ยวธรรมชาติบรรยากาศชิลๆ ลุยๆ นิดหน่อย ชอบกิน (ดอกจันร้อยอัน) ที่สำคัญคืออยากมีกิจกรรมทำนอกจากสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ เบื่อการไปห้างเสาร์-อาทิตย์ เพราะนอกจากจะหาที่จอดรถยากพอๆ กับรักแท้ คนยังแย่งกันเดินแย่งกันซื้อไปอีก (ดราม่าอะไรขนาดนั้นเนอะ)



ทริคก่อนเที่ยว
ชุดตัวเก่ง ที่คิดว่าใส่แล้วทะมัดทะแมงที่สุด รองเท้าผ้าใบ กระเป๋าเป้ไว้จุของ(กิน) หมวก แว่นตากันแดด ฯลฯ

ค่าเสียหายตลอดทั้งทริป : ประมาณ 500 บาท / คน

ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลุยกันเล้ย!
การเดินทางไปบางกะเจ้านั้นแสนจะง่าย นั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีบางนา > ต่อ TAXI บอกคนขับว่าไป’วัดบางนานอก’ ค่ารถประมาณ 50 บาท (ถ้ามาหลายคนจะคุ้มกว่านั่งรถประจำทาง) เดินเข้าไปในวัดแล้วเดินลัดมายังท่าเรือข้ามฝาก



วันนี้น้ำขึ้นเยอะมากเป็นจังหวะที่น้ำทะเลหนุนพอดี ทำให้เราได้เห็นนกนางนวลบินมาเล่นน้ำและหาอาหารเป็นจำนวนมาก แต่ที่หน้าวัดมองไม่เห็นปลาสวายเลย เห็นเป็นปลาเข็มทะเลและปลากระบอกแทน ขนาดยังไม่ถึงที่หมาย ฟีลธรรมชาติยังมาขนาดนี้  ถึงที่จริงจะขนาดไหนเนอะ ยืนเม้าท์กับเพื่อนเพลินๆ เรือก็มาเทียบท่า ค่าเรือถูกมากค่ะ คนละ 4 บาทเท่านั้น!



นั่งเรือไม่กี่อึดใจก็มาถึงที่หมาย บริเวณหน้าวัดบางน้ำผึ้งนอก เสียงหนุ่มๆ ละแวกนั้นตะโกนเรียกพวกเรา “เช่าจักรยานไหมจ๊ะสาวๆ” พร้อมบรรยายดีเทลต่อว่า “คันละ 80 บาท ปั่นได้ทั้งวันเลยนะ ชอบคันไหนเลือกได้เลย ลองปั่นลองถีบกันก่อนได้เลยจ้า” สรรพคุณแรงขนาดนี้ พวกเราเลยเดินไปเลือกจักรยานคันที่ถูกใจ หนุ่มๆ ร้านเช่าจักรยานก็จะมาจดเลขหน้ารถ ขอรับบัตรประชาชนเพื่อยืนยันว่าเราจะนำเราของเขามาคืนพร้อมจ่ายค่าเช่า และแจกแผนที่กันเวลาปั่นจะได้ไม่หลง
ใครที่กลัวยางแตกระหว่างทาง เขามีเบอร์ติดต่อให้โทร. มาแจ้งพิกัดแล้วจะมีคนนำจักรยานไปเปลี่ยนให้ใหม่ทันทีค่ะ




ขณะตั้งท่าพร้อมปั่นไป ท้องก็ดันร้องจ๊อกๆ ซะอย่างงั้น เลยคิดแผนโน้มน้าวเพื่อนร่วมทริปให้ไปหาอะไรอร่อยๆ กินก่อน เดี๋ยวไม่มีแรง ทุกคนเห็นว่าดูสมเหตุสมผล เลยเป็นอันว่าตกลงปั่นไป “ตลาดบางน้ำผึ้ง” เพื่อเพิ่มพลัง (*ที่สอบถามมาตลาดมีแค่เสาร์-อาทิตย์ค่ะ)



ปั่นมาไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงที่หมาย ไม่ต้องกลัวหลงค่ะ ปั่นตามป้ายที่เขาติดบอกตลอดทางก็จะเจอที่จอดจักรยานอยู่หน้าทางเข้าตลาดเลย  วันนี้คนเยอะมาก ของกินก็เยอะมากเช่นกัน ทั้งวางขายบนบก และพายเรือขายในน้ำ มีหมดทั้งพืชผักปลไม้ ก๋วยเตี๋ยว ข้าว ขนม เสื้อผ้า ยันต้นไม้ พวกเราเลือกกินแบบจุบจิบเพราะอยากกินหลายๆ ร้าน







เอาละ พักเรื่องธรรมชาติไว้ก่อน ต่อจากนี้จะเป็นรีวิวของกินนะคะ 5555
เริ่มต้นที่ปอเปี๊ยะ ทอดในน้ำมันซู่ซ่าแล้วมันน่ากินมาก มีไส้เผือก ไส้ผัก ไส้หมู ห่อสดทอดสดจัดไปคนละชิ้นสองชิ้นรองท้อง



ต่อมาก็ลุยกันต่อที่ก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่กลิ่นมันหอมฉุยเตะจมูกซะเหลือเกิน เลยสั่งกันคนละชามเบาๆ ระหว่างที่คีบเส้นอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นคนมุง ไม่รู้มุงอะไร รู้แต่ว่าต้องเด็ดมากแน่ๆ พอกินอิ่มเลยแวบไปดู ถึงได้บางอ้อว่ามันคือหมูย่างตะไคร้ ที่น่ากินสุดๆ เลยสั่งมา 3 ขีด แบ่งกันกิน คำแรกที่กัด คือฟินมากกกกค่ะ มันอร่อยจริง หอมตะไคร้ รสชาติที่เข้ากั๊นเข้ากัน ใครชอบสมุนไพร ไม่ควรพลาดร้านนี้เลยนะ (เมนูนี้ไม่มีรูป ความตะกละครอบงำเลยลืมถ่ายค่ะ >_<')



หลังจากที่กินนั่นกินนี่อีกหลายอย่างก็เริ่มอิ่มๆ กันแล้ว เลยขอปิดท้ายตลาดบางน้ำผึ้งด้วยของหวานเย็นๆ สักหน่อย ไอศกรีมมะพร้าวน้ำหอม ที่ใส่เครื่องได้ไม่อั้น อื้อหือ เจอคำว่าไม่อั้น สายบุฟเฟ่ต์อย่างเราก็ฟินเลยสิคะ 55555



กว่าจะออกจากตลาดบางน้ำผึ้งก็เกือบบ่ายโมง ปกติเราจะกินกาแฟช่วงนี้ประจำ หนังท้องตึงหนังตามันหย่อนทุกที เลยมาพักดื่มกาแฟร้านแถวตลาด  @ Coffee Toys ร้านกาแฟร่มรื่น ตกแต่งเก๋ไก๋ มีตุ๊กตุ่นตุ๊กตาซูปเปอร์ฮีโร่จัดโชว์อยู่แน่นร้าน เจ้าของร้านบอกว่าที่บ้านมีอีกเพียบ เพราะเป็นคนชอบสะสม นี่ถ้าร้านเขาไม่มีกล้องวงจรปิด คงมีคนหยิบกลับบ้านเป็นแน่...




สถานีต่อไปของทริปคือ “บ้านธูปหอมสมุนไพร” อยู่ไม่ไกลจากตลาดเท่าไหร่ เขาจะสอนเราทำธูปหอมและทำผ้ามัดย้อม คุยกับเพื่อนแล้วตัดสินใจเลือกว่าจะทำผ้ามัดย้อม ราคาของค่าเรียนขึ้นอยู่กับขนาดผ้าที่เราเลือก อย่างขนาดที่เราเลือกจะสามารถโพกศีรษะได้ (ไว้ใส่ไปทะเลลล~) ราคาจะอยู่ที่ 80 บาทค่ะ



ระหว่างการเรียนผู้สอนจะอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียดเพื่อให้เรานำกลับไปต่อยอดทำอาชีพได้ เมื่อทำเสร็จก็นำผ้าผืนนั้นกลับได้เลย




พอพักจากการทำผ้ามัดย้อมสวยๆ แล้ว ก็เริ่มปั่นกันต่อที่ “พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย” เป็นสถานที่ของเอกชน ไม่มีค่าเสียหายในการเข้าชม แต่ขอร่วมมือบริจาคเป็นค่าอาหารปลาแทน พื้นที่ด้านในกว้างใหญ่แบ่งโซนเข้าชมอย่างชัดเจน มีข้อมูลติดต่อไว้ให้ผู้ที่สนใจได้อ่านถึงขั้นตอนการเลี้ยงปลากัดด้วย




“สวนศรีนครเขื่อนขันธ์”  สถานีปลายทางของทริปที่เป็นกิมมิคของที่นี่เลยค่ะ กว่าจะถึงได้ก็เล่นเหนื่อยไม่ใช่เล่น ต้องปั่นไปพักไป เพราะไกลพอสมควร ทางเข้าสวนจะมีสะพานสูงก่อนเข้า ทำให้ต้องจูงจักรยานข้ามสะพาน แต่เมื่อข้ามสะพานมาได้ รู้สึกหายเหนื่อยเลยค่ะ ภาพตรงหน้าเป็นอะไรที่ไม่มีเลยในเมือง ต้นไม้สีเขียวร่มรื่นขนาดใหญ่จำนวนมาก ปั่นไปรอบๆ ก็จะเจอกับสะพานไม้ทอดยาวเพื่อเดินลัดบ่อน้ำขนาดใหญ่ หลายคนที่เคยมาจะเตรียมอาหารปลาติดมือไปด้วย ภาพปลาตอนที่รุมกินอาหารแล้วน้ำกระเด็นเต็มไปหมด เป็นภาพที่สวยมากๆ



One Day Trip ในวันหยุดนี้ก็ได้จบลงกับบรรยากาศธรรมชาติที่ได้มาแบบเต็มๆ
ตรงตามวัตถุประสงค์ทุกอย่าง ใครอยู่กทม. อยากมาสูดอากาศบริสุทธิ์ก็แวะมานะ ชวนกันมาเยอะๆ (แต่อย่าลืมรักษาความสะอาดด้วยน้า)
คอนเฟิร์มว่าเป็นทริปที่อิ่มท้องและอิ่มใจจริงๆ ค่ะ
ปล. เป็นกระทู้แรกที่เคยตั้งรีวิว ผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยค่ะ
ปกติเราเขียนรีวิวทริปลงคอลัมน์ของ JUZZ Magazine (นิตยสารและเฟสบุ้ค)
ถ้าชอบยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ ยิ้ม เจอกันใหม่ทริปหน้าจ้า
ชื่อสินค้า:   บางกะเจ้า ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง สวนศรีนครเขื่อนขันธ์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่